คำพูดของศิษย์พี่หมิงตงฟางทำให้เขาหันไปมองอาจารย์อย่างตกใจ จะไปไหน? เหตุใดถึงต้องไป ไปแล้วจะกลับมาหรือไม่
“ตงฟางข้าอยู่มานานกว่าที่เจ้าคิด และหมดหน้าที่ของข้าแล้วอีกอย่างข้าเคยบอกแก่เจ้าแล้วว่าห้ามมีความรักและความผูกพันกับผู้ใดแม้แต่ตัวข้าเอง ทุกอย่างที่ข้ารู้ได้สอนเจ้าหมดแล้วหรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว” “ศิษย์ไม่ได้ลืมขอรับ” หมิงตงฟางสะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ดวงตาแม้จะยังแดงก่ำทว่ามันกลับดูว่างเปล่ารอยยิ้มที่มู่เหรินมองว่าอ่อนโยนเสมอมานั้นบัดนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว มู่เหรินมองศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์ด้วยความรู้สึกใจหาย รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูว่างเปล่าอย่างที่หลิงหวางเคยได้พูดไว้ เขามองไปยังหลิงหวางที่ไม่มีสีหน้าใดๆ บนใบหน้าแล้วอยากรู้สึกหัวเราะออกมา พวกเขาไม่มีควและการเปิดตัวของมู่เหรินในครั้งนี้ทำให้ผู้คนภายในเมืองซานตงต่างตื่นตระหนก เพราะคนในพรรคดาวตะวันตกได้มาปิดล้อมในเมืองอย่างอุกอาจ ทว่ากลับไร้วี่แววคนที่ลงมือกระทำ! จากสองปีครึ่งที่ผ่านมู่เหรินไปมาอย่างไร้ร่องรอยทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา นี่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายวรยุทธลึกล้ำมากแค่ไหน ด้วยความเกรี้ยวโกรธของประมุขพรรคดาวตะวันจึงได้กระทำการชั่วช้าสังหารชาวบ้านไม่รู้อีโหน่อีแหน่เพื่อเรียกให้มู่เหรินปรากฏตัว! ทหารภายในเมืองต่างตายตกเพราะพรรคไร้คุณธรรม แม้แต่เจ้าเมืองยังโดนจับตัวเป็นประกัน ภายในเมืองซานตงที่เคยครึกครื้นไปด้วยผู้คนบัดนี้กลับเงียบวังเวงลงในพริบตา ส่วนพรรคอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้แต่จับจ้องมองอย่างเงียบๆ ไม่คิดลงมือช่วยเหลือ ขึ้นชื่อว่ามีคุณธรรมแต่กลับเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น พวกมันล้วนฉวยโอกาสที่พรรคดาวตะวันตกก่อเรื่องอุกอาจเพื่อรอคอยยลโฉมมู่เหริน
มู่เหรินกางแขนออกให้หลิงหวางปลดชุดให้เขาอย่างคุ้นเคย แต่เมื่อถูกเรียกจึงหันไปมองอย่างแปลกใจน้ำเสียงที่เรียกมีความกังวล ใบหน้าที่แสนธรรมดาไม่ได้มีสีหน้าใดแต่ดวงตาคู่คมนั้นกลับทอดมองอ่อนลงหลายส่วนกว่าเวลาปกติ “มีอะไร” “หากข้ามิใช่หลิงหวางที่ท่านรู้จัก ท่านจะผลักไสข้าหรือไม่” คำถามของหลิงหวางทำให้เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจ แต่เมื่อสบสายตาที่เป็นกังวลของอีกฝ่ายก็พลันเข้าใจวาหมายถึงสิ่งใด เขาหมุนกายเดินจากมาปลดเสื้อขาวตัวสุดท้ายออกจากตัวก่อนจะก้าวลงอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังอุ่นๆ หลิงหวางรู้สึกหายใจติดขัดไปหมด ร่างงามสมส่วนผิวขาวจัดราวกับเปล่งประกายทำให้เรื่องที่อยากพูดกลืนลงท้องไปทันที ดวงตาค
มู่เหรินยืนนิ่งๆ อยู่บนกระบี่บินเล่มใหญ่ของหลิงหวางซึ่งก็เป็นกระบี่ที่สร้างจากลมปราณของอีกฝ่ายนั่นแหละ เขามองใบหน้าที่แสนธรรมดาที่ไม่มีเหงื่อออกมาสักหยดอย่างอิจฉา แม้จะมีวรยุทธเหมือนกันแต่ก็ไม่อาจตามความล้ำลึกของหลิงหวางได้อาจเพราะอีกฝ่ายฝึกแบบนักฆ่า จิตสังหารก็ยังรุนแรงกว่าเขาอย่างเทียบไม่ติด ผ่านไปครึ่งชั่วยามพวกเขาก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยม่านหมอก จนมองภายในแทบไม่เห็นแค่เห็นก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ธรรมดา สำนักอารามเมฆขาวอยู่ระหว่างแคว้นฉินและแคว้นฉู่ แยกตัวเป็นหมู่เกาะที่ปกคลุมด้วยม่านหมอกหนาตา หลิงหวางควบกระบี่บินไปทิศทางเดียวกับศิษย์พี่หมิงเพียงไม่นานก็เข้ามาภายใน เขามองภาพเบื้องหน้าอย่างตื่นตะลึงค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมรอบสำนักเอาไว้ ศิษย์พี่ใหญ่สมกับเป็นศิษย์เอกของอาจารย์จริงๆ มู่เหรินหรี่ตามองมือหนาที่ลงมายังพื้นดินแล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของเขา เมื่อเงยหน้ามองเจ้าของได้แต่อึ้งๆ เขาขยับตัวออกห่างจากดวงตาคู่คมที่มอ
ศิษย์คนโตการโจมตีอาจไม่รุนแรงเท่าหลิงหวาง ทว่าความเร็วนั้นกลับเหนือกว่าทุกคน มู่เหรินนั้นอายุยังน้อยกว่าศิษย์ทั้งสองทว่านับว่าความก้าวหน้านั้นสามารถต่อยอดไปได้ไกลกว่าคนทั้งคู่ กุ้ยกู๋ยกยิ้มอย่างพอใจ “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อนาคตพวกเจ้าอาจเจอคนที่เก่งกว่าข้า แม้จะต่อสู้เพียงคนเดียวไม่ได้แต่จงจำไว้ว่าพวกเจ้ายังมีกันและกัน” คำพูดของอาจารย์ทำให้ทั้งสามคนคุกเข่าลงตรงหน้าอย่างขอบคุณ “ตงฟางเจ้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ต้องดูแลศิษย์น้องทั้งสองของเจ้าให้ดี” “ขอรับอาจารย์” กุ้ยกู๋พยักหน้ารับอย่างพอใจมองศิษย์คนโตที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กอย่างกังกล ก่อนจะทอดถอนใจชะตาฟ้ามนุษย์สามัญชนไยจะขัดต่อองค์การณ์สวรรค์ได้
คำพูดของศิษย์พี่หมิงตงฟางทำให้เขาหันไปมองอาจารย์อย่างตกใจ จะไปไหน? เหตุใดถึงต้องไป ไปแล้วจะกลับมาหรือไม่ “ตงฟางข้าอยู่มานานกว่าที่เจ้าคิด และหมดหน้าที่ของข้าแล้วอีกอย่างข้าเคยบอกแก่เจ้าแล้วว่าห้ามมีความรักและความผูกพันกับผู้ใดแม้แต่ตัวข้าเอง ทุกอย่างที่ข้ารู้ได้สอนเจ้าหมดแล้วหรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว” “ศิษย์ไม่ได้ลืมขอรับ” หมิงตงฟางสะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ดวงตาแม้จะยังแดงก่ำทว่ามันกลับดูว่างเปล่ารอยยิ้มที่มู่เหรินมองว่าอ่อนโยนเสมอมานั้นบัดนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว มู่เหรินมองศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์ด้วยความรู้สึกใจหาย รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูว่างเปล่าอย่างที่หลิงหวางเคยได้พูดไว้ เขามองไปยังหลิงหวางที่ไม่มีสีหน้าใดๆ บนใบหน้าแล้วอยากรู้สึกหัวเราะออกมา พวกเขาไม่มีคว
มู่เหรินรู้สึกสติจะบินหายไปอีกครั้ง หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล สายตาและคำพูดจริงจังของหลิงหวางเวลานี้ทำให้รู้สึกแปลกๆ “พวกท่านมิรู้หรือว่าคุณชายห่านลู่เป็นบุตรคนเล็กของพรรคดาวตะวันตก พรรคนี้ขึ้นชื่อว่าไร้คุณธรรมอีกไม่นานพวกมันจะตามล่าท่าน” มู่เหรินหันไปมองบุรุษฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเดินเข้ามาบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาที่มีแววกังวลทำให้เขายกยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณพี่ชายที่บอกกล่าวพวกข้าจักระวังตัว วันนี้พบกันมีวาสนา หากโอกาสหน้าได้พบพวกท่านอีกพวกข้าสองคนจะเลี้ยงสุราแทนคำขอบคุณ” มู่เหรินบอกกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจก่อนจะขอตัวจากไป เขาเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของห่านลู่เป็นครั้งสุดท้าย พวกมันไม่ได้มีกลิ่นอายความตายเพราะไม่ใช่มันหมดอายุไขทว่ามันตายเพราะปากหาเรื่อง เรื่องนี้เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน ต่อไปนี้คงต้องไปเตรียมตัวให้มากขึ้นเพื่อรับมือกับพรรคดาวตะวันตก “เสี่ยวมู่ข้าขอโทษที่ก่อเรื่อง” เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงหุบเขาปีศาจหลิงหวางจึงได้พูดขึ้น ทว่าเขากลับไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยที่สังหารคนไร้ค่าพวกนั้