Home / วาย / มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ / ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขาปีศาจ 1

Share

ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขาปีศาจ 1

last update Last Updated: 2025-08-09 08:00:51

หลังจากทั้งคู่ทานอาหารกลางวันอิ่มแล้วจึงได้ออกเดินทางอีกครั้ง มู่เหรินไม่ได้ใช้ลมปราณลงไปที่เท้าในการเดินทาง เขาอยากเก็บแรงไว้เพราะไม่รู้ข้างหน้าจะเจออันตรายอันใดบ้าง แม้จะไม่เคยออกจากเมืองหลวงแคว้นฉีแต่เขาไม่อยากประมาท ยุทธภพนั้นอันตราย หากพลาดท่าเสียทีได้ไปปรโลกเร็วกว่าอายุขัยแน่

          อีกทั้งตนมิใช่คนเก่งกาจ อายุเพียงสิบหกในโลกนี้ยังเรียนรู้ไม่ได้มากนัก แม้ความจริงอายุวิญญาณเขาตอนนี้ย่างห้าสิบเอ็ดปีแล้วก็ตาม และกว่าจะถึงที่หมายก็เข้ายามเว่ย(13.00น.-15.00น.)แล้ว

          ที่นี่ดูครึกครื้นไม่ต่างจากเมืองที่ผ่านมา มู่เหรินหาห้องพักในโรงเตี๊ยมขนาดกลางเพื่อนอนพักหนึ่งคืนสองห้องสำหรับสองคน แม้จะรู้ว่าหลิงหวางชอบมาอารักขาเขาก็ตามแต่อย่างไรก็คงต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างเช่นอาบน้ำ

          จากนั้นจึงได้ออกมาเดินเล่นสำรวจเมือง มีบ้างที่ผู้คนหันมามองเขาด้วยความสนใจเพราะยังมีหมวกปีกสานใบใหญ่ปิดใบหน้า

          หลังจากเดินทั่วเมืองจึงกลับมาทานอาหารเย็นในโรงเตี๊ยม ระหว่างเดินเล่นได้หน้ากากครึ่งหน้าสีดำสนิทมาหนึ่งอันและเขาก็สวมใส่แทนหมวกปีกสานเพื่อสะดวกในการทานข้าวมากขึ้น ส่วนหลิงหวางเขาซื้อสีขาวให้อันหนึ่งแต่เจ้าตัวไม่ได้สวมใส่เหมือนกับเขาเพราะสามารถแปลงโฉมได้

          อาหารเลิศรสวางอยู่ตรงหน้าโดยมีหลิงหวางนั่งกินเป็นเพื่อน แต่เขากลับกลืนไม่ลง ข่าวลือที่น่าอายมันโด่งดังมาถึงที่นี่ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องจำต้องจำใจกลืนลงท้องไปพร้อมฟังการนินทาตัวเองไปด้วยทำให้รู้สึกแปลก ๆ ชอบกล

          “ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายสี่ตระกูลมู่จะเป็นคนเช่นนั้น แต่ก็มิแปลกหรอกเพราะข้าได้ข่าวว่าคุณชายนั้นงดงามจนสตรียังต้องอาย”

          ชายร่างท้วมพูดอย่างสนุก ในกลุ่มพวกเขาสวมใส่อาภรณ์สีน้ำตาลและมีเชือกผูกเอวสีเหลืองเหมือนจะมาจากสำนักใดสำนักหนึ่ง

          “เจ้าเคยเห็นหน้าหรือไม่ ข้าอยากรู้จริงผู้ชายที่หนีตามไปหน้าตาเช่นไร”

          ชายร่างผอมบางกล่าวต่อด้วยความสงสัยใคร่รู้

          มู่เหรินฟังอย่างสงบแม้อาหารมื้อนี้จะฝืดคอไปบ้าง หลิงหวางรินน้ำชาไป๋เหาหยินเจินใส่จอกใบเล็กให้ด้วยท่าทางสงบ เขาดื่มชาอย่างไม่ค่อยรู้รสมากนัก

          “กินอีกหน่อยนะขอรับ”

          หลิงหวางคีบฝอเที่ยวเฉียงหรือพระกระโดดกำแพงใส่ถ้วยเขาอย่างเอาใจ ฉับพลันผู้คนหันมามองเขาเป็นตาเดียว บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมเงียบกริบได้ยินเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น มู่เหรินยังนั่งนิ่งรั้งสายตากลับไปมองหลิงหวางแล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ

          “พี่ชายข้าอิ่มแล้ว ท่านแม่บอกว่าพรุ่งนี้กลับบ้านให้ซื้อชาหลงจิ่งไปให้ด้วยนะขอรับ หากลืมท่านพี่โดนท่านแม่ดุมากล่าวโทษข้าไม่ได้นะขอรับ”

          มู่เหรินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีติดขัด หลิงหวางชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ

          “จริงสิน้องรอง เจ้าทานข้าวไปก่อนนะข้าไปหาซื้อชาหลงจิ่งให้ท่านแม่ก่อน ไม่เช่นนั้นคงโดนงดข้าวเย็นแน่ ๆ”

          มู่เหรินมองคนหัวไวฉลาดพูดตอบก่อนจะรีบเผ่นออกไปจากโรงเตี๊ยมและบรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมก็กลับมาครึกครื้นเฉกเช่นเดิม เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เกือบไปแล้วเชียว หากเขามีคนรักเป็นบุรุษจริง ๆ จะไม่เถียงสักคำเลย แต่นี่ เฮ้อ ช่างเถอะ...

หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้มู่เหรินก็ได้ซื้อม้าและออกเดินทางแต่เช้าตรู่โดยซื้อผลไม้และหมั่นโถวไว้รับประทานอาหารระหว่างทาง ทั้งคู่ควบม้าเดินทางมาไกลหลายสิบลี้ตามเส้นทางในแผนที่ที่มีโดยไม่ได้หยุดพัก ผ่านป่าไผ่ทึบและหุบเขาที่ร้างไร้ผู้คน

          มู่เหรินชะลอม้าให้ช้าลงมองดูรอบกายที่ให้บรรยากาศผิดปกติจากที่ผ่านมา เสียงใบไม้ไหวเสียดสีไปมาและการเคลื่อนไหวของผู้คนเพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงกระบี่ฟาดฟันกันอยู่ไม่ห่างจากเบื้องหน้า

          กรี๊ดดดด

          เสียงกรีดร้องของอิสตรีดังลั่นป่าไผ่ จากที่คิดจะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายจึงควบม้าเข้าไปใกล้เสียงเหล่านั้นมากขึ้นโดยหลิงหวางควบม้าตามมาติด ๆ สิ่งที่เห็นด้านหน้าคือชายฉกรรจ์โพกผ้าสีเหลืองกำลังเข่นฆ่าผู้คนในรถม้าอย่างไม่มีคำว่าปรานี มู่เหรินชักกระบี่ด้านหลังพุ่งตัวลงจากหลังม้าเข้าไปช่วยเหลืออย่างไม่เสียเวลาคิด

          เคร้ง!

         มู่เหรินต้านกระบี่ของชายร่างยักษ์ได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่คมดาบจะแทงทะลุหาร่างของเด็กวัยสิบขวบซึ่งยืนตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดของอิสตรีนางหนึ่งเลือดอาบโชกไปทั้งร่าง เขาใช้วิชากระบี่ที่ร่ำเรียนมาถึงห้ากระบวนท่ากลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองก็พากันหนีไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความเสียหายและร่างผู้เสียชีวิตเท่านั้น

          “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์ทั้งสองที่ช่วยเหลือตระกูลหลี่ บุญคุณนี้พวกข้าน้อยจะไม่ลืม หากมีสิ่งใดตอบแทนได้เมื่อถึงเมืองช่างไค่ข้าน้อยจะเรียนนายใหญ่ให้ตอบแทนคุณในครั้งนี้”

          ชายฉกรรจ์ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาหาผู้ที่ช่วยเหลือตนและยกมือคารวะขอบคุณอย่างจริงใจ แม้คนตรงหน้าจะสวมใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าไว้ก็ตาม ทว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ

         “ท่านเกรงใจไปแล้ว ข้าบังเอิญผ่านมาเห็นผู้เดือดร้อนจะปล่อยผ่านไปได้เช่นไร”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขาปีศาจ 1

    หลังจากทั้งคู่ทานอาหารกลางวันอิ่มแล้วจึงได้ออกเดินทางอีกครั้ง มู่เหรินไม่ได้ใช้ลมปราณลงไปที่เท้าในการเดินทาง เขาอยากเก็บแรงไว้เพราะไม่รู้ข้างหน้าจะเจออันตรายอันใดบ้าง แม้จะไม่เคยออกจากเมืองหลวงแคว้นฉีแต่เขาไม่อยากประมาท ยุทธภพนั้นอันตราย หากพลาดท่าเสียทีได้ไปปรโลกเร็วกว่าอายุขัยแน่ อีกทั้งตนมิใช่คนเก่งกาจ อายุเพียงสิบหกในโลกนี้ยังเรียนรู้ไม่ได้มากนัก แม้ความจริงอายุวิญญาณเขาตอนนี้ย่างห้าสิบเอ็ดปีแล้วก็ตาม และกว่าจะถึงที่หมายก็เข้ายามเว่ย(13.00น.-15.00น.)แล้ว ที่นี่ดูครึกครื้นไม่ต่างจากเมืองที่ผ่านมา มู่เหรินหาห้องพักในโรงเตี๊ยมขนาดกลางเพื่อนอนพักหนึ่งคืนสองห้องสำหรับสองคน แม้จะรู้ว่าหลิงหวางชอบมาอารักขาเขาก็ตามแต่อย่างไรก็คงต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างเช่นอาบน้ำ จากนั้นจึงได้ออกมาเดินเล่นสำรวจเมือง มีบ้างที่ผู้คนหันมามองเขาด้วยความสนใจเพราะยังมีหมวกปีกสานใบใหญ่ปิดใบหน้า

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   ตระกูลมู่ 4

    หลังจากบังคับขู่เข็ญหลิงหวางออกจากเงาตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มไม่ต่างจากตน บนหัวมีหมวกปีกสานใบใหญ่ปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดทั้ง ๆ ที่หน้าตาออกจะธรรมดา ท่าทางจะไม่ชอบให้ใครมองหน้าจริง ๆ ไม่สิ นี่แค่เป็นหน้าหลอก ๆ ของเจ้าตัวมากกว่า แต่เรื่องนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเพราะอย่างไรเขาก็จดจำคนผู้นี้จากกลิ่นอายรอบตัว มู่เหรินมองแผนที่ในมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังหุบเขาปีศาจตามคำแนะนำของบิดา แต่ต้องนิ่วหน้าเพราะแผนที่มิได้บ่งบอกว่าหุบเขาปีศาจอยู่ที่ใดเพราะในประวัติศาสตร์สมัยจั้นกั๋วก็ไม่ได้เล่าเกี่ยวกับหุบเขาปีศาจอีกด้วย เมื่อเงยหน้ามองเพื่อนร่วมเดินทางก็ต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ การที่ให้ออกมาจากเงาทำให้ชีวิตมืดมนขนาดนั้นเชียวหรือ “อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชินเอง” เอ่ยบอกเสียงเรียบก่อนจะก้มมองหาจุดสำคัญ หากเดาไม่ผิดไม่อยู่แคว้นฉีก็ต้องอยู่แคว้นฉิน แต่ว่ามันอยู่ระหว่างเหนือกับใต้ที่ห่างกันไกลมาก เพราะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ในจีนแคว้นฉินถึงไม่มาโจมตีแคว้นฉี “เจ้ารู้จักหุบเขาปีศาจหรือไม่” ในเมื่อไม่รู้จึงเอ่ยถามคนข้างกายที่ยืนนิ่ง ๆ หลิงหวางเงยหน้ามามองเล็กน้อยก่อนจะต

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   ตระกูลมู่ 3

    มู่เหรินมองบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้ายเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมาอีก ท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืนในเวลานี้บดบังร่างโปร่งบางที่ยืนใต้ร่มไม้ห่างไกลจากจวนพอประมาณ ส่วนผู้ติดตามขึ้นชื่อว่าเงาก็ยังคงเป็นเงาเหมือนที่ผ่านมา เหลือบตามองเงาร่างที่อยู่ไม่ห่างอย่างกังวล การที่ไม่ได้พูดคุยกับใครเลย คอยแต่หลบซ่อนตัวและแสดงฝีมือเท่านั้นจะเบื่อหน่ายกับโลกใบนี้และเหงามากแค่ไหน “หลิงหวางข้ามีข้อตกลงกับเจ้า หากเจ้าคิดจะติดตามข้าจงแสดงตนออกมาในฐานะสหายข้า หากทำไม่ได้แล้วจงเป็นเงาอย่าให้ข้ารับรู้ตัวตนของเจ้า” มู่เหรินเอ่ยบอกเสียงเรียบ เงาร่างนั้นนิ่งเงียบเพียงครู่ก่อนจะเลือนหายไปกับความมืด เขาถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็ยังเลือกที่จะเป็นเงา “แต่เจ้ารู้ไหม ข้าอยากเป็นสหายเจ้ามากกว่าสิ่งที่เจ้าเป็น” มู่เหรินเอ่ยเสียงแผ่วไปตามสายลม ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อย ๆ กว่าหลิงหวางจะยอมออกจากเงาคงต้องใช้เวลาหรือไม่ก็ตัวเขาเกิดภัย คนเช่นนี้บิดาไปหามาจากที่ใดกัน เก่งกาจเรื่องวรยุทธ์และยังเก่งเรื่องปลอมตัวอีก ทว่าแม้โฉมหน้าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนแต่กลิ่นอายเดิมย

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   ตระกูลมู่ 2

    “เอาเถิดข้ามิได้คาดหวังให้ใครมาแทนคุณ แค่เจ้ามีชีวิตก็ดีก็พอแล้ว อีกอย่างเรื่องการรบอย่าได้แพร่งพรายไปที่ใดเพราะชีวิตเจ้าจะลำบากยิ่งกว่าเดิม” แม้จะดุดันแต่ก็ยังห่วงใยเพราะอย่างไรก็ยังเป็นบุตร มู่เหรินยิ้มรับ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ข้าจะต้องเอาตัวรอดในเรื่องนี้ได้ เพียงแต่สิ่งที่ข้ากังวลคือท่านพี่ทั้งสามจะไม่ยินยอม เป็นเช่นนั้นพวกท่านจะลำบาก ท่านพ่อโปรดบอกเล่าแก่ท่านพี่เองได้หรือไม่ขอรับ” “เรื่องนั้นข้าจะจัดการเอง แต่การไปครั้งนี้จงนำพาหลิงหวางไปด้วย” มู่เหรินนิ่วหน้ากับคำขอ นึกไปถึงเจ้าของชื่อที่เป็นดั่งเงาของเขา ชอบแอบอยู่มุมห้องมืด ๆ และคานไม้ ไม่มีปากเสียง ปิดหน้าสวมชุดดำจนแทบจำหน้าไม่ได้ “หากเป็นความต้องการของท่านพ่อข้าคงมิอาจขัด คืนนี้ข้าจักเริ่มออกเดินทาง หากเจอกันในภายภาคหน้าลูกอาจไปล่วงเกินท่านโปรดอภัยให้ข้าเพราะข้าทำสิ่งใดย่อมมีเหตุผล” มู่ซู่เหลียนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเพราะมู่เหรินทำสิ่งใดมิเคยไม่มีเหตุผลมาก่อน แม้จะยังเยาว์วัยทว่ากลับไม่เหมือนดังพี่น้องคนอื่น ๆ แววตาล้ำลึกมิอาจหยั่งรู้หรือคาดเดาได้จนบางครั้งอดคิดมิได้ว่ามู่เหรินเ

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   ตระกูลมู่ 1

    สองเท้าก้าวเดินไปโรงเก็บหญ้าข้าง ๆ กันพร้อมหยิบหญ้ามากำหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก มาวางไว้ให้ม้าทั้งสองตัวกิน เพียงไม่นานผลก็ออกมา เมื่อม้าสีน้ำตาลเข้มทางซ้ายมือใช้เท้าเขี่ยหญ้าไปให้ม้าที่อยู่ทางขวามือ สัญชาตญาณของความเป็นแม่ย่อมให้ผู้เป็นลูกได้กินอิ่มก่อนเสมอ “ม้าตัวสีน้ำตาลเข้มทางซ้ายมือเป็นแม่ สีอ่อนหน่อยทางขวามือเป็นลูก หากหมดธุระของเจ้าแล้วข้าขอตัว” มู่เหรินบอกเสียงเรียบพร้อมสะบัดชายผ้าจากไป คุณชายเหวินฉินอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับความเย็นชาของคุณชายมู่เหริน ดวงตาคมมองตามร่างโปร่งบางคล้ายคนหัวใจสลาย เขาใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะได้บัตรคิว หวังจะได้พบหน้าสนทนาแต่กลับอยู่ด้วยไม่ถึงหนึ่งเค่อ สนทนาไม่กี่ประโยคก็หมดเวลาเพราะคำตอบนั้นถูกต้องตามกฎที่มู่เหรินให้ไว้กับทุกคน กลับกันหากมู่เหรินตอบผิดจะได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยเป็นเวลาหนึ่งมื้อ แม้คนอื่นอาจไม่เห็นค่าแต่สำหรับเหวินฉินแล้วมันเหมือนรางวัลที่คุ้มค่ากับการรอคอย ทว่าบัดนี้หัวใจดวงน้อยกลับถูกตัดเยื่อใยอย่างไม่ไยดี “จิ่นกวาง ทำไมคุณชายเจ้าถึงได้เย็นชาต่อข้านักเล่า ไม่เห็นใจข้าบ้างหรือ เฝ้ารอมาเนิ่นนา

  • มู่เหรินจอมคนอัจฉริยะ   คุณชายมู่เหริน

    “นายน้อยคุณชายเหวินฉินมาขอพบขอรับ” คำรายงานของบ่าวรับใช้ทำให้ร่างโปร่งบางชะงักงันไปชั่วครู่ ใบหน้างดงามที่ยังคงเยาว์วัยนิ่งเรียบทว่าในใจกำลังหวนนึกไปถึงเจ้าของนามเหวินฉินบุตรชายคนรองของตระกูลเหวินซึ่งเรืองชื่อในเรื่องการค้าขาย “พาเขาไปรอข้าที่เดิม” น้ำเสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมาโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือในมือ บ่าวรับใช้ก้มหัวให้พร้อมถอยหลังกลับออกไปจากห้องหนังสือทำหน้าที่ของตนต่อไป มู่เหรินเหลือบตามองบ่าวรับใช้ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับคนที่มาขอพบ เขาเป็นบุตรสุดท้องของตระกูลมู่ที่รับใช้ราชวงศ์มาหลายชั่วอายุคน ทว่าแท้จริงแล้วเคยมีอีกนามที่เริ่มจะลืมเลือนไปคือนายศิลา เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงฤดูฝน เขายังจำช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดีเนื่องจากยืนเฝ้ามองร่างของตัวเองซึ่งตกลงไปในหุบเหวจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลาสามวันโดยที่ไม่อาจไปไหนได้ก่อนจะถูกนำตัวมาเกิดในที่แห่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมความทรงจำเดิมยังคงอยู่ ผ่านไปหนึ่งชั่วยามมู่เหรินจึงวางหนังสือลงพร้อมลุกขึ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status