ซินเยว่สะดุ้งสุดตัวรีบสูดอากาศเข้าปอดเพราะก่อนหน้านี้คล้ายนางจะขาดอากาศหายใจ
"คุณหนูท่านยังไม่ตายคุณหนูของบ่าวข้าดีใจเหลือเกิน"
ซินเยว่มองดวงตาบวมปูดจากการร้องไห้อย่างหนักของฮุ่ย หลิงนางทั้งสงสารทั้งขบขัน
"คุณหนูเจ็บตรงไหนหรือไม่ ท่านอย่าพึ่งขยับให้บ่าวไปตามท่านหมอมารักษานะเจ้าคะ"
พูดจบฮุ่ยหลิงก็กำลังจะผละจากไปแต่ซินเยว่ดึงแขนนางเอาไว้ก่อน
"ไม่เป็นไรข้าไม่เจ็บที่ใดเลย"
"แต่บ่าวเห็นคุณหนูกระอักเลือดออกมาเยอะมากเลยนะเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงยังคงรู้สึกไม่สบายใจเรื่องอาการของนาง ซินเยว่ขยับตัวให้ฮุ่ยหลิงดูเพื่อให้นางสบายใจ
"คุณหนูฮูหยินไปที่เรือนหลักนะเจ้าคะฮูหยินจะต้องไปเเก้แค้นให้คุณหนูอย่างแน่นอน"
ซินเยว่พยักหน้า
"เกิดเรื่องกับข้าขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครมาดูสักคนใจดำกันจริงๆ คนตระกูลนี้"
นางพูดเสียงเย็นชา
"ฮุ่ยหลิงข้าคิดว่าคงถึงเวลาที่เราจะต้องออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ"
ฮุ่ยหลิงมองนายสาวตาเป็นประกาย
"ไปเรือนหลักกันเถอะ"
ซินเยว่ลุกขึ้นเดินนำหน้าฮุ่ยหลิงไป
"คุณหนูท่านไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือเจ้าคะตัวท่านมีแต่เลือด"
ซินเยว่ก้มลงมองร่างของตนที่ชุ่มไปด้วยเลือด
"ไม่เป็นไรแบบนี้เเหละดีจะได้มีข้ออ้างตัดขาดจากตระกูลหยางพวกเขาจะได้ปฏิเสธไม่ได้"
เซวี่ยฟังเฟยยืนดวงตาแดงก่ำอยู่กลางโถงรับรองเรือนหลักนางชี้หน้าหยางจิ่งเทียนด้วยนิ้วอันสั่นเทา
"เจ้าคนใจดำหยางจิ่งเทียนบุตรสาวของเจ้านอนตายอยู่กลางลานแต่เจ้าไม่คิดจะไปดูดำดูดีนางสักนิด จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไรเจ้าไม่เคยไยดีเราแม่ลูกข้าไม่เคยต่อว่าเจ้าเลยสักครั้ง แต่นี่พวกเจ้าถึงกับคิดฆ่านางพวกเจ้ามันอำมหิตเดรัจฉานมาเกิด "
"เจ้า"
หยางจิ่งเทียนลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเขา ไม่เคยเห็นเซวี่ยฟังเฟยเอ่ยคำหยาบด่าทอเช่นนี้มาก่อน แต่ก่อนนางเป็นคนอ่อนหวานไม่เคยพูดจาหยาบคายแม้จะถูกต่อว่าก็ไม่เคยเถียงสักครั้งทำเพียงก้มหน้ารับไม่เคยมีปากเสียงกับผู้ใด
ก่อนแต่งงานหยางจิ่งเทียนเป็นแค่เพียงรองแม่ทัพเล็กๆ เท่านั้น ส่วนเซวี่ยฟังเฟยเป็นถึงบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกของอัครเสนาบดี ทั้งที่นางสามารถแต่งเข้าวังหลังได้ เเต่นางกลับเลือกเขาเพียงเพราะนางตกหลุมรักรองแม่ทัพหนุ่มแรกพบ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมเข้าคัดเลือกสนมในวังทำให้อัครเสนาบดีเซวี่ยไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่นั้นมานางจึงเลิกติดต่อบ้านเดิมไม่ไปมาหาสู่อีกต่อไป นายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าหยางนั้นรักและเมตตาเซวี่ยฟังเฟยมากเพราะนางเอาใจใส่ดูแลทั้งสองคนเป็นอย่างดีเรื่องเรือนหลังไม่เคยมีปัญหานางล้วนมีเมตตากับบ่าวไพร่
หลังจากหยางจิ่งเทียนแต่งเซวี่ยฟังเฟยได้เพียงหนึ่งเดือนเขาก็ต้องออกเดินทางไปจัดการสัตว์อสูรที่เข้ามาอาละวาดที่ชายแดนตามราชโองการของฮ่องเต้ ผ่านไปสามเดือนเมื่อหยางจิ่งเทียนกลับมาก็ได้พา มู่เซี่ยอี่กลับมาด้วยและแต่งให้นางเข้ามาเป็นภรรยารอง เซวี่ยฟังเฟยไม่เคยห้ามหรือโกรธเคืองเมื่อหยางจิ่งเทียนแต่งอนุเข้าจวนเพราะนางเข้าใจดีของการมีสามภรรยาสี่อนุ
นางได้เเต่ยิ้มรับอย่างขมขื่นอยู่ในใจเพราะนางรักเขามาก จนกระทั่งหยางซินเยว่เจ็ดขวบ นางเข้ารับการทดสอบแล้วพบว่าไร้พลังปราณนั่นยิ่งทำให้เขาหมางเมินต่อนางมากกว่าเดิม
ก่อนวันที่นายท่านผู้เฒ่าหยางจะจากไปได้มอบแหวนหยกที่สลักตัวอักษรหยางไว้ด้านในให้กับเซวี่ยฟังเฟย นายท่านผู้เฒ่าบอกว่าแหวนวงนี้ตกทอดมาในตระกูลหยางให้นางเก็บไว้ให้ซินเยว่
"ท่านแม่!!!!”
เซวี่ยฟังเฟยหันมองตามเสียงเรียกของบุตรสาว ราวกับสวรรค์บันดาลน้ำทิพย์มาชโลมหัวใจของนาง
"เยว่เอ๋อของแม่เจ้ายังไม่ตายขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณจริงๆ"
นางร้องไห้ด้วยความดีใจ ฮุ่ยหลิงพยุงร่างซินเยว่ที่อาบไปด้วยเลือดเดินเข้ามาในห้องโถง ซินเยว่มองไปรอบๆ นางค่อยๆ มองพวกเขาทีละคนเริ่มจากมู่เซี่ยอี่ฮูหยินรอง บุตรสาวของนางหยางหลันฮวา และบุตรชายหยางซีซวน อนุสามเหยียนเหมยฟาง อนุสี่หลิวอี้หลิน แล้วสายตาซินเยว่ก็มาหยุดที่หยางหลันฮวา
"น้องรองคงเสียใจที่ข้ายังไม่ตาย"
ซินเยว่มองนางด้วยสาวตาเย็นเยียบจนยากจะอ่านออก หยาง หลันฮวาถลึงตาใส่นาง "สวะอย่างเจ้ากล้าจ้องหน้าข้าตั้งแต่เมื่อใด ก่อนหน้านี้ข้าคงตีเจ้าเบาเกินไปสินะ"
ก่อนที่หยางหลันฮวาจะพูดอะไรออกไปอีกมู่เซี่ยอี่ก็รีบดึงมือนางเอาไว้และส่งสายตาเตือนให้นางเงียบ
"ข้าบาดเจ็บสาหัสสองครั้งในรอบหนึ่งเดือนโดยฝีมือหยางหลัน ฮวา แต่นางไม่เคยถูกลงโทษเลยสักครั้ง บ่าวไพร่ในเรื่องไม่เคยเคารพ หรือมองว่าท่านแม่เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลหยาง ข้าวต้มที่ใสจนเห็นก้นถ้วยถ้าหากไม่ทำงานก็อย่าหวังว่าพวกข้าจะได้กิน หลายปีมานี้ช่างลำบากเหลือเกินก่อนมาที่นี่หยางหลันฮวาทำร้ายข้าเกือบตายแต่พวกท่านกลับทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่านแม่ข้ากลัวเหลือเกินกลัวว่าครั้งหน้าลูกคนนี้มิอาจฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว"
พูดจบซินเยว่ก็ก้มหน้าแสร้งตัวสั่นร้องไห้เบาๆ เซวี่ยฟังเฟยเมื่อเห็นซินเยว่ร้องไห้นางก็รีบเข้าไปกอดปลอบบุตรสาว จากนั้นจึงหันมาหาหยางจิ่งเทียนดวงตาของนางวาวโรจน์ดั่งเช่นราชสีห์หวงถิ่น เซวี่ยฟังเฟยได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดตั้งแต่นางเห็นร่างโชกเลือดของ ซินเยว่นอนหายใจรวยริน ระหว่างนางกับหยางจิ่งเทียนได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
"ข้าต้องการหย่าแล้วออกไปจากที่นี่ข้าจะพาเยว่เอ๋อกับฮุ่ยหลิงไปด้วย ข้าอยากให้ท่านเขียนหนังสือตัดขาดเราสองแม่ลูกต่อไปภายหน้าไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก "
"เจ้า"
หยางจิ่งเทียนไม่คิดว่านางจะกล้าเอ่ยตัดขาดกับเขา
"ชักจะกำแหงเกินไปแล้ว"
หยางจิ่งเทียนใช้พลังปราณตบโต๊ะไม้เนื้อดีจนแตกกระจุย
"หยางจิ่งเที่ยนเจ้าไม่เขียนหนังสือหย่าให้ข้าไม่เป็นไรแต่ต่อจากนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะอยู่ในจวนตระกูลหยางได้อย่างสงบสุข สิ่งที่เจ้ากับบุตรสาวสุดที่รักของเจ้าทำกับข้าแม่ลูกมาตลอดหลายปีข้าจะเอาคืนให้หมด คนทั้งเมืองหลวงจะต้องได้รับรู้เรื่องเน่าเฟะของนางดูซิว่าถ้านางเสื่อมเสียชื่อเสียงยังจะมีคนอยากแต่งให้นางอีกหรือไม่"
หยางหลันฮวาลุกขึ้นทันทีเมื่อเซวี่ยฟังเฟยเอ่ยถึงนาง
"ท่านพ่อไม่ได้นะข้า..."
“หุบปาก”
ยังไม่ทันที่หยางหลันฮว่าจะพูดจบหยางจิ่งเทียนก็ตะคอกนางเสียงดัง
"เซวี่ยฟังเฟยเจ้าคิดจะขู่ข้าหรือ"
“หึ แล้วแต่เจ้าจะคิด”
ซินเยว่ยืนมองงิ้วโรงนี้อยู่เงียบๆ โดยไม่เอ่ยปากสักคำ
"ฟ่งหยวนเอากระดาษพู่กันมาข้าจะเขียนหนังสือตัดขาดให้พวกนาง"
หยางจิ่งเทียนตะโกนสั่งพ่อบ้านด้วยความโกรธ ฟ่งหยวนรีบนำกระดาษพู่กันและหมึกมาให้หยางจิ่งเทียนอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวในโทสะของเขา
หยางจิ่งเทียนเขียนหนังสือหย่าให้เซวี่ยฟังเฟยและหนังสือตัดขาดจากหยางซินเยว่ทั้งสองฝ่ายลงชื่อประทับลายนิ้วมือเป็นอันเสร็จสิ้น
"เจ้าอย่าหวังว่าจะได้อะไรไปจากข้า"
หยางจิ่งเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเซวี่ยฟังเฟยซินเยว่เเละฮุ่ยหลิงกำลังจะเดินออกไปจากโถงรับรอง นางเเค่นเสียงหึ!ออกมาทีหนึ่งแล้วเดินจากไป
ทั้งสามคนไม่เอาอะไรติดตัวมาเลยพวกนางเดินออกจากจวนไปแค่เสื้อผ้าติดตัว ซินเยว่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูด้านนอกจวนหันหน้าไปทางห้องโถงรับรองเรือนหลัก ก้มคำนับสามทีให้แก่ชายผู้ให้กำเนิดร่างนี้
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างซุบซิบนินทาพวกนางและตระกูล หยางแต่นางมิได้สนใจ เดินมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงทันที
"ซ่งเว่ยหลงข้าขอถาม ท่านจะรับเซวี่ยฟังเฟยเป็นฮูหยินไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือเซวี่ยฟังเฟยไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อนาง จะรักและดูแลนางตลอดไปจนชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"ซ่งเว่ยหลงเอ่ยเสียงทุ้มกังวานหนักแน่น เสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในใจของเซวี่ยฟังเฟยซ้ำๆ"เซวี่ยฟังเฟย ท่านจะรับซ่งเว่ยหลง เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจนท่านยังจะกุมมือซ่งเว่ยหลงไม่ทอดทิ้ง จะซื่อสัตย์ต่อกัน จะรักและดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่ ""ข้ายอมรับ"เซวี่ยฟังเฟยเอ่ยเสียงใสกังวาน เมื่อกล่าวจบทั้งสองก็กุมมือของกันและกันแน่น บนแท่นพิธีซินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบรับของคนทั้งสองบนใบหน้างามก็ผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ"ถ้าเช่นนั้นข้าขอประกาศให้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้"จบคำของซินเยว่ คนในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่"อะเเฮ่ม เอ่อ อันหลังสุดเอาไว้ทำกันสองคนก็ได้"ซินเยว่เอ่ยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงเเค่สามคนซ่งเว่ยหลง กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากก้มลงอุ้มเซวี่ยฟังเฟยทะยานหายออกจากงานไปทันทีซินเยว่ได้แต่ยิ้มให้คนสำคัญทั้งสองที่เล่นใหญ่กว่าที่นางวางแผนเอาไว
ช่างทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ยิ่งนักเสียงในใจของนางดังขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะที่นางมาเกิดใหม่ในแผ่นดินนี้ เเต่มันช่างเหมือนกับว่านางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยกี่แล้วเดือนที่เขามาอยู่ที่บ้านของนางและนางก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยบางทีเขาอาจแต่งงานแล้วเขาอาจจะมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แล้วเขามาอยู่กับนางทำไมเขาทำดีกับนางทำไมพูดทำไมว่านางเป็นของเขาคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากความคิดของซินเยว่พร้อมหยดน้ำตาเอ่อคลอไหลจากดวงตาสีรัตติกาลไม่ขาดสายก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอนางไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกแล้ว อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยากลืมภาพของเขากับสตรีนางนั้น อยากให้เขานั่งอยู่ตรงนี้คอยปลอบใจนางเหมือนที่ผ่านมาเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างขมขื่นใจโดยที่นางไม่เคยรู้ตัวเลยว่านางชอบเขาถึงเพียงนี้ แค่เพียงเห็นเขาตระกองกอดหญิงอื่นถึงได้รู้ตัวว่านางรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เกิดมาสองครั้งแต่ไม่เคยมีความรักนางจึงไม่รู้วิธีรับมือกับมันเสี่ยวเป่าเมื่อเห็นซินเยวนั่งกอดเข่าร้องไห้ใบหน้างามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดนางร้องไห้มันก็ไม่เข้าใจเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเท่านั้น และมันก็ไม่รู้ว่านี่คือค
ซินเยว่เอ่ยเย้ามารดาเล็กน้อยแล้ว หันมาสั่งเจ้าก้อนขนให้ไปกับนาง เซวี่ยฟังเฟยไม่รู้ว่าซินเยว่จะทำอะไรนางได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัยหลายวันแล้วที่ซินเยว่ไม่เห็นหน้าของไป๋เยี่ยนหลงเขาหายไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของมารดาจึงลืมนึกถึงเขาไป ตอนนี้นางคิดเพียงว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาจึงมิได้สนใจซินเยว่พาเสี่ยวเป่าทะยานออกจากเรือนริมเขาด้วยวิชาทะยานเมฆาที่นางชำนาญ วันนี้นางจะจัดการเรื่องของหม่าชิวหนิงให้เรียบร้อยแล้วไปรับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับที่ร้านขายผ้าในเมืองเยว่กว่างซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดสีขาวปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูใช้ผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าครึ่งล่างเอาไว้ นางแต่งตัวคล้ายคุณหนูในจวนสกุลใหญ่ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มานางมักแต่งตัวด้วยชุดคล่องตัวและจะรวบผมขึ้นเฉกเช่นบุรุษเมื่อถึงหน้าประตูเมืองเยว่กว่าง ซินเยว่ก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยวิ่งไปทางหอประมูลจันทราด้วยความสงสัยนางจึงตามไปดู ซินเยว่ยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับที่สั่งทำให้เซวี่ยฟังเฟย แต่อยู่ห่างจากหอประมูลจันทราไม่มาก รถม้าจอดลงด้านหน้าหอประมูลบุรุษที่นางคุ้นตาลงมาจากรถม้าด้
ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเขากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะโกรธ จึงโยนความผิดทั้งหมดให้หม่าชิวหนิง ซ่งเว่ยหลงปกติเเล้วเขาจิตใจดีมีคุณธรรมแต่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคน อื่นหากเขาออกหน้าให้สองแม่ลูกเช่นนี้แล้วหมายความว่าพวกนางย่อมสำคัญจริงๆ"ใช่ๆ"หญิงวัยกลางคนที่เคยนินทาเซวี่ยฟังเฟยกับหม่าชิวหนิงกล่าวเสริมเพื่อเอาตัวรอด"นางหลงรักท่านหัวหน้าหมู่บ้านเลยมายุยงพวกเราให้เกลียดชังสองแม่ลูก หวังว่าจะได้แต่งให้ท่านพวกข้าแค่หูเบาไปเท่านั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดอย่าถือโทษเราเลย"ชาวบ้านก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าซ่งเว่ยหลง หม่าชิวหนิงได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธที่นางถูกชาวบ้านหักหลัง"พวกเจ้าขอโทษผิดคนแล้วที่เจ้าต้องขอโทษคือพวกนางถึงจะถูก"ซ่งเว่ยหลงชี้ไปที่เซวี่ยฟังเฟยและซินเยว่ ชาวบ้านจึงหันไปกล่าวขออภัยทั้งสองคนเสียงอ่อย"ช่างเถอะข้าไม่โทษพวกเจ้า แค่ต่อไปนี้อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีก "พูดจบซินเยว่ก็โบกมือทำท่าไล่ให้พวกเขากลับไป เมื่อชาวบ้านเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบจากไปทันที ซ่งเว่ยหลงหันมาหาตัวการที่สร้างเรื่องขึ้นในวันนี้"หม่าชิวหนิงข้ามิเคยรักหรือมีใจให้เจ้าข้ามิเคยให้ความหวังอันใดแก่เจ้า อย่าได้คิดไปเ
หม่าชิวหนิงหน้าดำคร่ำเครียดกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน นางปลดปล่อยพลังสีเหลืองออกมากางเป็นม่านพลังแต่ใครจะรู้ พลังอันไร้ตัวตนฝ่าทะลวงม่านพลังของหม่าชิว หนิงเข้ามาแล้วลงมือตบอีกสองฉาดเพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!ร่างของหม่าชิวหนิงโงนเงนเสียหลักลงไปกองกับพื้นนางกระอักเลือดออกมาคำโต ในนั้นมีฟันสีขาวสองซี่หลุดปนออกมาด้วย นางกรีดร้องเสียงดังถูกตบไปหลายทีแต่ไม่สามารถมองเห็นว่าผู้ใดทำร้ายนาง"ใครมันกล้าทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว"ต้องเป็นเจ้าแน่นางเด็กปีศาจเจ้าต้องใช้วิชามารบางอย่างทำร้ายข้า"หม่าชิวหนิงชี้หน้าซินเยว่ชาวบ้านต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว"อ้าวๆ ท่านป้าเหตุใดใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นว่าข้ายืนอยู่กับที่ตลอดเวลามิได้ขยับไปที่ใด ข้าว่าอาจเป็นเพราะปากท่านเหม็นก็เป็นได้สวรรค์จึงได้ลงโทษ พวกเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยเล่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงระวังสวรรค์จะลงโทษเหมือนนาง"ซินเยว่หัวเราะออกมาท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางเกรี้ยวกราดของหม่าชิวหนิงและนางยังทำเหมือนเรื่องที่ชาวบ้านมาชุมนุมที่หน้าเรือนของนางไม่ใช่เรื่องของนาง"นี่แล้วพวกเจ้าทุกค
หยางจิ่งเทียนตะโกนถามออกไปอย่างยากเย็นเพราะในโพรงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าฉิงอิงหลางจะหาเสียงของตนเจอทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว"พลังสีน้ำเงินนั่น หรือว่าท่านคือ......"ซ่งเว่ยหลงหันมาทางฉิงอิงหลางประสานมือทำท่าคารวะ"ขออภัยที่กระหม่อมมิได้เปิดเผยตัวกระหม่อมคืออดีตหัวหน้าองครักษ์ของฝ่าบาท นามว่าซ่งเว่ยหลง"ฉิงอิงหลางตาโตเขาเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีองครักษ์ที่มีพรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง เขามีพลังปราณสีน้ำเงินตั้งแต่อายุยังน้อยฝีมือเก่งกาจมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ เเต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาได้ลาออกจากการเป็นองครักษ์ในวังหลวงและหายตัวไปไม่เคยทราบข่าวคราวจนกระทั่งตอนนี้ ฉิงอิงหลางรู้แล้วว่าองครักษ์คนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้"หามิได้ข้าเพียงแปลกใจที่ท่านลาออกจากการเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวงแต่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายเเดนเช่นนี้"ฉิงอิงหลางตอบซ่งเว่ยหลงด้วยความยำเกรงขึ้นหลายส่วน ซ่งเว่ยหลงมิได้ตอบอันใดเขาเดินไปประจันหน้ากับหยางจิ่งเทียนที่นอนกุมบาดแผลอยู่ที่พื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้"เจ้ายังคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ข้าไม