ซินเยว่กังวลใจเล็กน้อยกับขนาดของเสี่ยวเป่าเพราะตอนอยู่ที่แคว้นฉิน นางไม่เคยเห็นสัตว์อสูรออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอกมากนัก สิ่่งที่ซินเยว่คิดนั้นช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อนางเดินมาถึงประตูทางเข้าเมืองสีเทาอันใหญ่โตน่าเกรงขาม มันช่างตรงกันข้ามจากที่นางคิดยิ่งนักเมื่อซินเยว่เดินผ่านประตูเมืองเข้ามา
นางเห็นผู้คนส่วนใหญ่มีสัตว์อสูรเดินข้างกายคล้ายกับเป็นเรื่องธรรมดา แล้วนางก็ก้มลงมองเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขน นี่นางนึกกลัวไปเองเช่นนั้นหรือดูสิพวกเขาพาสัตว์อสูรในพันธสัญญาออกมาเดินเล่นข้างนอกเหมือนกำลังพาหมาชิวาว่าเดินเล่นตามสวนสาธารณะยังไงยังงั้นเลย ซินเยว่ชี้ชวนให้เสี่ยวเป่าและเจ้าอสรพิษดำดูอย่างสนอกสนใจ ช่างเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนางยิ่ง
"ข้าอยู่ที่แคว้นฉิงไม่เคยเห็นใครทำเช่นนี้มาก่อนเลยหรือว่าที่แคว้นฉิงไม่มีสัตว์อสูร "
ซินเยว่เดินไปพลางคุยไปกับเสี่ยวเป่าและอสรพิษดำ เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ซินเยว่เดินเข้าไปถามเสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ด้านหน้าทันที
"ข้าอยากจะพักที่นี่สักคืนเจ้ามีห้องพักว่างให้ข้าหรือไม่"
เสี่ยวเอ้อมองซินเยว่อย่างตกตะลึงจนลืมที่จะตอบคำถามของนาง
"นี่เจ้าจะตอบคำถามข้าได้หรือยังว่ามีห้องว่างหรือไม่มี ถ้าไม่มีข้าจะได้ไปที่อื่น "
ซินเยว่โบกมือไปมาตรงหน้าเสี่ยวเอ้อพลันเขาก็ได้สติกลับมา
"ต้องขออภัยแม่นางตอนนี้ที่เมืองจิ่งมีการชุมนุมประลองยุทธทำให้โรงเตี๊ยมในเมืองส่วนใหญ่มีชาวยุทธจากแคว้นอื่นมากมายเข้ามาจับจองจึงทำให้โรงเตี๊ยมเต็มแทบทุกที่ หาห้องว่างได้ยากยิ่งนัก"
ซินเยว่พยักหน้าอย่างรับรู้ หรือข้าจะต้องเข้าไปนอนใน มิติจิตดีนะซินเยว่ยืนคิดคนเดียว
"คุณหนูท่านนี้เจ้ากำลังมองหาที่พักอยู่ใช่หรือไม่ "
ซินเยว่หันไปตามเสียงเรียกที่รู้สึกคุ้นหู เมื่อนางเห็นเต็มตาว่าเป็นใครนางก็กลอกตาอย่างนึกรำคาญ
"เจ้าคนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน"
บุรุษหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวแต่งตัวคล้ายบัณฑิต ด้านหลังมีสตรีหน้าตาสะสวยใบหน้ารูปไข่ แต่งตัวด้วยชุดสีขาวเช่นเดียวกับบุรุษ
"อ้าวพบกันอีกแล้วเราสองคนช่างมีวาสนาที่ดีต่อกันยิ่งนัก เป็นคุณหนูที่ชอบห้อยโหนนั่นเอง"
บุรุษผู้นั้นยังคงพูดจาหยอกล้อซินเยว่โดยไม่นำพาสายตาขุ่นเคืองของนาง รู้อยู่แล้วสินะว่าเป็นข้าจึงได้เดินเข้ามาทักเช่นนี้ ช่างน่าตายนัก ซินเยว่คิดอย่างเดือดดาลในใจ
"ข้าหาได้ชอบห้อยโหนนั่นมันเป็นอุบัติเหตุ คุณชายเถอะยังคงชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่เช่นเคยนะ"
ซินเยว่สะบัดหน้าไปอีกด้านอย่างขุ่นเคือง
"โลกใบนี้ช่างกลมยิ่งนักไม่ว่าข้าจะไปที่ใดก็พบเจอแต่พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน"
ซินเยว่เอ่ยออกมาเรียบๆ บุรุษหนุ่มคลี่พัดออกโบกไปมาเบาๆ อย่างสบายอารมณ์
"ว่าอย่างไรเล่าเจ้ากำลังมองหาที่พักอยู่ใช่หรือไม่"
เขาหาได้ใส่ใจคำพูดเหน็บเเนมของซินเยว่สักนิด นางเงียบอยู่อึดใจ
"หาใช่เรื่องของเจ้า"
ซินเยว่เอ่ยสั้นๆ แล้วเดินจากไปทันที
"ถังซีไห่คนรู้จักของเจ้าหรือคุณหนูผู้นั้น"
สตรีที่ยืนเงียบฟังถังซีไห่ต่อปากกับซินเยว่มีนามว่า ยี่เมี่ยวจิน ถามบุรุษชุดขาวออกมาเรียบๆ
"เปล่าข้าเพียงเคยเห็นนางในป่ามืดสายหมอกใบหน้าที่งดงามไร้ที่ตินั่น ต่อให้เคยพบเพียงครั้งเดียวก็ยากที่จะลืมเลือนตอนนี้ไม่รู้จักวันหน้าย่อมต้องรู้จักแน่งดงามเกรี้ยวกราดเช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร"
พูดจบบุรุษหนุ่มก็โบกพัดในมือเบาๆ สายตายังคงเหม่อมองตามทางที่ซินเยว่เดินจากไป
"ข้ามั่นใจว่าข้าจะต้องได้พบเจ้าอีกครั้งเเน่นอน"
กล่าวจบเขาก็เดินเข้าโรงเตี๊ยมไปทันที ทิ้งไว้เพียงสตรีนามยี่เมี่ยวจินที่มองตามหลังอย่างสายตายากจะคาดเดา
ส่วนซินเยว่ยังคงเดินตามหาโรงเตี๊ยมที่มีห้องว่างเพื่อจะเข้าพักอย่างไม่ลดละ
"สงสัยข้าจะมาตอนช่วงใกล้งานชุมนุมประลองยุทธมากเกินไปโรงเตี๊ยมน้อยใหญ่ภายในเมืองไม่มีห้องว่างให้เข้าพักเลย ข้าหิวแล้วเราหาอะไรกินกันก่อนดีหรือไม่"
เสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของซินเยว่ที่เงียบมาตลอดทางเพราะยังรู้สึกขุ่นเคืองเรื่องเจ้านกเฟิ่งหวงพยักหน้าอย่างเร็ว
'ท่านแม่เนื้อย่างข้าอยากกินเนื้อย่าง'
เสี่ยวเป่าน้ำลายไหลย้อยออกมาทันทีเมื่อนึกถึงเนื้อย่างชิ้นโตๆ กลิ่นหอมหวน
“ตามใจเจ้าเลย"
ซินเยว่ส่ายหัวอย่างเอือมระอาในความตะกละของมัน นางเดินเข้าเหลาอาหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง นั่งลงตรงโต๊ะที่ว่างปากก็เรียกหาเสี่ยวเอ้อทันที
"เสี่ยวเอ้อข้าขอเมนูอาหารหน่อย"
ซินเยว่เอ่ยขอเมนูอาหารกับเสี่ยวเอ้อหนุ่มอย่างคล่องเเคล่ว เสี่ยวเอ้อหนุ่มเดินเกาหัวเข้ามาหาซินเยว่อย่างเอียงอาย
"เมนูคืออันใดหรือแม่นาง"
เขาถามนางเสียงเเผ่วเบา ซินเยว่พึ่งนึกขึ้นได้ว่านางใช้ภาษาของโลกเก่าคุยกับเขา
"ข้าหมายถึงรายการอาหารน่ะที่นี่มีอะไรขึ้นชื่อบ้างเอามาสักสองสามอย่างแล้วก็ขาแกะย่างชิ้นโตสองชิ้น"
ซินเยว่สั่งอาหารเสร็จแล้วก็เทชาลงในจอกกำลังจะยกขึ้นดื่มเพื่อดับกระหายแต่ก็ต้องชะงักไป
"คุณหนูท่านนี้เจ้าเป็นคนแคว้นจิ่งหรือมาร่วมงานชุมนุมประลองยุทธ ข้าเห็นเจ้านั่งอยู่คนเดียวเจ้าจะให้เกียรตินั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับข้าได้หรือไม่"
ซินเยว่เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่
"ต้องขออภัยข้าชอบกินคนเดียวและอีกอย่างข้ามีสัตว์อสูรของข้าร่วมโต๊ะอยู่ด้วยไม่ได้กินคนเดียว"
บุรุษหนุ่มมองเสี่ยวเป่าและเจ้าอสรพิษดำที่นอนหมอบอยู่บนโต๊ะ
"ไม่เป็นไรหรอกแม่นางข้าไม่ถือสา เจ้าให้สัตว์อสูรของเจ้าร่วมโต๊ะกับเราก็ได้ "
ซินเยว่ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ ไปที่ใดก็เจอแต่พวกชีกอแต่ว่ายังไม่ทันที่ซินเยว่จะได้เอ่ยอันใด เสียงจากทางด้านหลังทั้งสองก็ดังขึ้น
"นางหาได้มาผู้เดียวไม่นางมากับพวกข้า เรานัดกันทานอาหารที่นี่ต้องขออภัยคุณชายเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว"
จะเป็นเสียงใครไปไม่ได้นอกเสียจากบุรุษที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน บุรุษผู้มาใหม่ยักคิ้วให้ซินเยว่นางได้แต่ถลึงตาใส่เขาด้วยความรำคาญ นางสังหรณ์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องวุ่นวายกำลังจะวิ่งเข้าหานางในไม่ช้า บุรุษทั้งสองหนึ่งชุดขาวหนึ่งชุดดำยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ซินเยว่ที่นั่งอยู่ตรงกลางได้แต่ทอดถอนใจ นี่มันอันใดกันข้าแค่อยากจะมาทานอาหารของข้าเหตุใดถึงได้มีแต่เรื่องวุ่นวายเช่นนี้
ก่อนที่บุรุษทั้งสองจะเข้าห้ำหั่นกันซินเยว่ลุกขึ้นยืนเอ่ยห้ามทัพก่อนที่นางจะไม่ได้กินอะไร ตอนนี้นางหิวมากนะ
"เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าขอเชิญพวกท่านและผู้ติดตามทั้งหมดนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับข้า เสี่ยวเอ้อต่อโต๊ะ "
ซินเยว่ออกคำสั่งกับเสี่ยวเอ้อในทันที หากไม่ทำเช่นนี้นางเกรงว่าจะต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นเป็นแน่แล้วการทานอาหารอย่างสงบสุขของนางก็จะถูกรบกวนไปด้วย
"เช่นนั้นหมายความว่าที่น้ำตกนั่นข้าไม่ได้ฝันไปเจ้าไปที่นั่นใช่หรือไม่ บอกข้ามานะถ้าขืนกล้าโกหกกริชของข้าจะไม่ได้ปักที่อกของเจ้าจะเป็นที่หัวของเจ้าแทน"ซินเยว่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อเป็นลูกแมวแต่ไป๋เยี่ยนหลงหาได้กลัวการขู่ขวัญของลูกแมวน้อยตัวนี้ไม่ เขายังคงใช้สายตามองนางอย่างรักใคร่บุรุษผมสีเงินกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ทำให้ใบหน้าของซินเยว่ที่กำลังมองเขาอยู่นั้นแดงซ่านอย่างช่วยไม่ได้ ชิ เจ้ากล้าเอาใบหน้าอันหล่อเหลานั่นมาล่อลวงข้าเช่นนั้นหรือข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกไป๋เยี่ยนหลงพยักหน้าเป็นเชิงบอกนางว่านางไม่ได้ฝันไป สายตาที่ยังมองปากเล็กๆ ที่อวบแสนอิ่มของนางเคี้ยวขนมหมุบหมับอย่างเพลิดเพลิน มือข้างหนึ่งหยิบขนมเข้าปากมืออีกข้างก็ถือถ้วยชาที่ไป๋เยี่ยนหลงคอยบริการรินให้นางอยู่ตลอด ผู้ติดตามและเหล่าองครักษ์ของไป๋เยี่ยนหลงมองการกระทำของทั้งสองด้วยสายตาแปลกประหลาดนายท่านเหตุใดต้องคอยนั่งรินน้ำชาให้สตรีนางนี้ ถึงนางจะงดงามมากเพียงใดแต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมีสตรีที่งดงามเข้าหานายท่านเลย แล้วนางเป็นผู้ใดพวกเขาไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของนาง หรือว่านางจะเป็นองค์หญิงของแคว้นจิ่งพวกเขาได้เเต่คิดกันไปต่างๆ นานาเยี่ยจื่อมองกา
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยเรียบๆ ไม่ใส่ใจท่าทางฟาดงวงฟาดงาของซินเยว่ เขายกมือเรียวยาวขึ้นทัดผมของนางไว้ที่ใบหูเล็กอย่างเบามือท่าทางทะนุถนอม สร้างความริษยาแก่ลี่ผิงและสตรีที่มาร่วมงานชุมนุมโดยรอบ"แต่เจ้ากอดนาง""นั่นไม่ใช่กอดนางสะดุดล้มข้าเพียงรับนางไว้เท่านั้น สำหรับข้านั่นไม่เรียกว่ากอดหญิงเดียวที่ข้าจะกอดในโลกใบนี้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น เจ้าตัวโง่งม"ซินเยว่ที่ตอนเเรกกระเง้ากระงอดพอได้ฟังคำพูดอันน่าอายของไป๋เยี่ยนหลง ใบหน้าของนางตอนนี้แดงก่ำจนแทบจะคั้นเลือดออกมาได้แล้ว ใบหูเล็กๆ น่ารักของนางเมื่อยามที่นางเขินอายมันช่างน่ามองยิ่งนัก ไป๋เยี่ยนหลงหัวใจถึงกับกระตุกเมื่อมองใบหน้างามของนาง'เพียงแค่มองใบหน้าเขินอายของนางข้าถึงกับ.........นางช่างเป็นมนุษย์ที่น่ารักน่าใคร่ยิ่งนัก'ไป๋เยี่ยนหลงทนมองใบหน้างามของซินเยว่ที่กำลังเขินอายอย่างน่ารักไม่ไหวจึงก้มลงหอมแก้มเจ้าตัวโง่งมของเขาเสียฟอดใหญ่อย่างไม่สนใจสายตาผู้ใด เขาคือเจ้าผู้ครองแผ่นดินไป๋หลงหาต้องสนใจสายตามดปลวกไม่ ไป๋เยี่ยนหลงคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง" เจ้านี่มัน... ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก"ซินเยว่ยกมือขึ้นกุมแก้มของตนเอาไว้ถลึงตาใส่คนหน้าไม่อายท
ซินเยว่ที่ยังคงตกตะลึงอยู่นางจำได้กลิ่นอายของเขาเสียงของเขาบุรุษผู้นั้นที่นางคะนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซินเยว่ไม่ได้ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา นางเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอยผู้คนรอบด้านเองต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ที่เห็นเจ้าผู้ครองแผ่นดินไป๋หลงเดินเข้าไปสวมกอดสตรีที่มีใบหน้างดงามปานเซียนสาวผู้นั้นแต่ก็มิมีผู้ใดกล้าปริปากเพราะพวกเขายังคงรักชีวิตตนเอง เมื่อซินเยว่ได้สติกลับคืนมานางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขาแล้วตะโกนอย่างสุดเสียงอย่างลืมตัว"ไป๋เยี่ยนหลงเจ้าคนหน้าตายเจ้าหลอกลวงข้าเจ้าหักหลังข้า ข้าจะฆ่าเจ้า"ซินเยว่คว้ากริชออกมาจากมิติกำลังจะแทงไปที่ไป๋เยี่ยน หลง แต่ก่อนที่กริชนั้นจะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาพลังปราณสีม่วงจากด้านหลังของเขากระแทกเข้าที่หน้าอกของซินเยว่ที่ไม่ทันระวังตัวอย่างจัง นางกระเด็นออกไปหลายจั้งแล้วกระอักเลือดออกมา เสี่ยวเป่าที่นอนหมอบอยู่บนโต๊ะกระโดดออกมากลายร่างเป็นสัตว์อสูรสีดำคำรามเสียงดังกึกก้องทะลุฟ้าจนผู้เข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธต้องยกมือขึ้นปิดหูซินเยว่ใช้เเขนยันกายตัวเองลุกขึ้นมองผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋เยี่ยนหลงอย่างโหดเหี้ยม สตรีนางนั้นที่เขาเห็นไป๋เย
นางส่ายหัวให้ตัวเองที่ดันลืมตัวว่าได้หลุดพูดภาษาโลกเก่าของตัวเองออกมา ซินเยว่คล้องแขนจิ่งเม่ยและฮุ่ยหลิงเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน โดยมีสายตาของผู้คนรอบข้างมองพวกนางอย่างนึกเอ็นดูสตรีที่มีใบหน้างดงามทั้งสามโดยเฉพาะนางผู้นั้นที่เดินนำหน้าช่างงดงามยิ่งนักหาได้ยากยิ่งในแผ่นดินนี้ พวกเขามองพวกนางอย่างเพลิดเพลินโดยที่เจ้าตัวทั้งสามไม่ได้สนใจกับสายตาของพวกเขาที่มองมาเมื่อมีผู้ที่ชื่นชมย่อมมีผู้ที่อิจฉา สตรีที่เดินชมงานที่อยู่โดยรอบทั้งจากต่างแคว้นและจากจวนขุนนางต่างมองตามทั้งสามคนด้วยสายตาริษยา ถึงแม้พวกเขาจะยอมรับว่าพวกนางงดงามแต่ก็ยากจะยอมรับเรื่องที่ถูกบุรุษข้างกายหมางเมินเอาแต่หันมองสตรีอื่นที่ไม่ใช่พวกตนเมื่อไม่มีสิ่งใดให้น่าสนใจแล้วจิ่งเม่ยจึงชวนซินเยว่กับฮุ่ยหลิงเข้าไปดูการประลองในรอบคัดเลือก เมื่อเดินเข้าไปถึงทางเข้าลานประลองซินเยว่ตาโตร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง"โอ้โหคนมากมายถึงเพียงนี้เราจะเข้าไปได้อย่างไรงานยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีกนะเนี่ย"จิ่งเม่ยส่ายหัวให้กับอาการตกตะลึงจนเกินเหตุของซินเยว่ ความจริงในจินตนาการของนางคิดว่าการจัดงานประลองยุทธอาจจะเหมือนง
"เจ้าไม่คิดจะเเนะนำคุณหนูท่านนี้แก่พี่สามของเจ้าให้รู้จักบ้างหรือ"จิ่งเม่ยรู้จุดประสงค์ขององค์ชายสามผู้นี้ในทันที"นางคือสหายของข้าจากแคว้นฉิงนามหยางซินเยว่"จิ่งเม่ยเเนะนำซินเยว่แบบขอไปที ดูอย่างไรองค์ชายผู้นี้ก็ไม่ได้บังเอิญผ่านมาอย่างแน่นอน"ข้าคือองค์ชายสามนามว่าจิงซานเยี่ยยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูหยาง"จิ่งซานเยี่ยรีบแนะนำตัวเองแก่สาวงามที่เขาพึงใจตั้งแต่เเรกเห็น และด้วยอำนาจขององค์ชายสามเช่นเขาที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าองค์รัชทายาทอย่างจิ่งเหลยนางไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่ จิ่งซานเยี่ยคิดไปเองคนเดียวองค์ชายจิ่งซานเยี่ยยังคงยืนอยู่เพื่อรอที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหญิงงามที่เขาพึงใจ แต่ซินเยว่ที่มองลักษณะท่าทางของจิ่งเม่ยออกว่านางมิใคร่จะชอบใจบุรุษผู้นี้ดังนั้นซินเยว่จึงไม่แม้แต่จะปรายตามองเชื้อพระวงศ์หนุ่มคนนั้น นางรู้สึกรังเกียจสายตาที่เขามองมาที่นางอย่างเปิดเผยว่าต้องการอะไร สร้างความอึดอัดใจให้แก่ซินเยว่ยิ่งนัก ก่อนที่จะได้คุยกันไปมากกว่านี้ จิ่งเหลยและจิ่งเฟิงก็เดินเข้ามาช่วยนางอย่างรู้เวลา"ข้ารู้สึกแปลกใจยิ่งนักที่เห็นน้องสามอยู่ที่นี่ เจ้ามาทำอันใดหรือ"จิ่งเหลยถามออกไปเสียงเรียบป
ทุกสายตาเบิกกว้างปากอ้าตกตะลึงคล้ายมองสิ่งที่เป็นอัศจรรย์ที่สุดบนดินแดนนี้ ซินเยว่หาได้สนใจสายตาพวกนั้นนางเดินตามจิ่งเม่ยเข้าไปที่ประทับที่จัดเอาไว้ให้เชื้อพระวงศ์ สองบุรุษที่กำลังประลองกันบนลานประลองมองมาที่จิ่งเม่ยฮุ่ยหลิงและคนสุดท้ายที่เดินตามมา ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างดีใจ"ซินเยว่เจ้ามาถึงแล้วหรือ"จิ่งเฟิงรีบเข้ามาทักทายสตรีที่เขารอมาหลายวันหญิงสาวพยักหน้า"ข้านึกว่าเจ้าถูกเจ้าตัวโตเขมือบไปแล้ว "จิ่งเฟิงยังคงเอ่ยหยอกเย้าซินเยว่อย่างนึกสนุก"ก็เกือบไปแต่คนอย่างข้าหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ หรอกและข้ามีของมาฝากพวกเจ้าทั้งสองคน"ซินเยว่ยื่นแขนไปด้านหน้าเจ้าอสรพิษดำที่พันอยู่เลื้อยออกมาจากแขนของนาง ขยายตัวใหญ่โตเท่าตอนที่พวกเขาพบมันในครั้งแรก เจ้าอสรพิษดำกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้ามันบินวนไปรอบๆ ส่งเสียงคำรามดังก้องสะท้านไปทุกทิศ บุรุษหนุ่มทั้งสองเมื่อเห็นเจ้าอสรพิษดำที่มีปีกและขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก ดูท่าทางมันจะร้ายกว่าตอนที่พบในป่าพวกเขาชักกระบี่ออกมาเตรียมประจัญบานอีกรอบ ซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างรื่นเริงที่เห็นใบหน้าซีดเผือดของเชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสอง"เป็นอย่างไรพอใจกับของฝาก