ตอนที่28
หากต้องจากกันชั่วนิรันดร์
“ทำไมดาวถึงอนุญาตให้เจ้าของร้านเอารูปไปทำโปสเตอร์ติดหน้าร้านละครับ” เมธัชเอ่ยถาม ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน
ดุจดาวแหงนมองเขา ด้วยสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย
“ทำไมคะธัชไม่ชอบหรือ งั้นดาวโทรไปยกเลิกไม่ให้เขาเอารูปไปใช้นะ” พูดพลางล้วงหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อที่จะโทรหาเจ้าของร้าน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเมธัชจะไม่โอเค แต่ข้อมือบางก็ถูกคว้าไว้ด้วยฝ่ามือหนาเสียก่อน
“เปล่า ๆ ผมโอเค แต่อยากฟังความคิดของดาวแค่นั้นเอง ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ดาวทำจะต้องมีเหตุผล แค่อยากรู้เหตุผลนั้นเองครับ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและจริงใจ ดุจดาวจึงยิ้มหวานออกมา
“ธัชแน่ใจนะว่า จะฟังความคิดและเหตุผลของดาวได้ โดยที่ไม่ตกใจ”
ถามหยั่งเชิงดูก่อน เพราะความคิดบางอย่างของเธออาจทำให้คนฟังตื่นตกใจได้ ตัวอย่างเช่นญาดาแม่ของเธอเป็นต้น
เมธัชพยักหนา พร้อมกับบีบไปที่ปลายคางเรียวมนเบาๆ
“มีอะไรให้น่าตกใจ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งขนาดนี้แล้ว พูดมาเถอะผมอยากฟัง” พูดพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยนิ่ง
ดุจดาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะดันมือของเมธัชออกอย่างนุ่มนวล
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ดาวแค่อยากให้ธัชคิดถึงดาว คิดถึงเรื่องราวของเราสองคน ทุกครั้งที่ผ่านหน้าร้าน แค่นั้นเองค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหวาน แต่เมธัชกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับเบา ๆ
“ดาวอยู่ในหัวใจ ในทุกความรู้สึกของผมอยู่แล้ว ถึงไม่ผ่านร้านนั้น ผมก็คิดถึงดาวอยู่ดี นั่นก็หมายถึงว่าผมกับดาวต้องอยู่ห่างกัน แต่หลังจากแต่งงานเราก็จะไม่มีวันต้องห่างกันอีกแน่นอน” เมธัชพูดด้วยความมั่นใจ แต่แวบหนึ่งก็คิดไปข้อความในสมุดเล่มเล็กนั้นขึ้นมา
ดุจดาวส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงหวานตามปกติ
“ดาวหมายถึงช่วงเวลาหลังจากแต่งงานค่ะ หากวันหนึ่งเราจะต้องจากกันชั่วนิรันดร์แล้วธัชมีคนใหม่เข้ามาแทนที่ ถึงตอนนั้นธัชอาจลืมเลือนดาวไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ ดาวเข้าใจค่ะ เพียงแค่ว่าหากผ่านตรงนั้น แล้วเห็นรูปเราสองคน ก็ขอให้ธัชคิดถึงดาวก็พอค่ะ แล้วถ้า..อ๊ะ” ดุจดาวยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากสีหวานก็ถูกปลายนิ้วเรียวของอีกฝ่ายกดเอาไว้เสียก่อน
“ไม่เอา ห้ามพูดแบบนี้อีก ผมจะไม่ยอมให้ดาวจากไปไหน เราต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไป หรือว่าที่ดาวพูดแบบนี้เพราะ...ไปฟังอะไรมา”
เมธัชใจหาย และกลับคิดไปว่าดุจดาวอาจะรู้เรื่องที่วุ้นเย็นคิดกับเขาเกินพี่ชาย เพราะด้วยนิสัยของดุจดาวนั้น ชอบเสียสละและทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ แต่ดุจดาวกลับหัวเราะออกมาด้วยขบขัน ที่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของเมธัช
“คิก ๆ อะไรกันธัช ดูทำหน้าเข้าสิไหนบอกอยู่ด้วยกันมานาน ไม่มีอะไรที่ดาวพูดแล้วธัชจะไม่ตกใจอย่างไรล่ะคะ แล้วดูหน้าธัชตอนนี้ ทั้งซีดทั้งตื่นเลยนะ ฮ่า ๆ”
เมธัชหดมือกลับมา พร้อมกับลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะยิ้มแก้เขิน
“นี่ดาวแกล้งผมหรือ เดี๋ยวเถอะวันส่งตัวผมจะเอาคืนไม่ใช่น้อย” เขาแกล้งพูดลอดไรฟังด้วยความอาฆาต
คราวนี้กลับเป็นดุจดาวที่เขินอายจนหน้าแดงก่ำ เธอหยุดขำก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“เปล่าค่ะ ดาวไม่ได้แกล้งธัช แค่พูดตามสัจจะความจริง แค่นั้นเองค่ะ อย่าลืมสิคะธัชว่าความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน นั่นสัจจะความจริงของโลก วันนี้ธัชรักดาวอยากอยู่กับดาว แต่ถ้าวันหนึ่งดาวต้องจากไปก่อน ธัชก็ต้องอยู่ ต้องมีชีวิตต่อไปและใช้ชีวิตตามความเหมาะสมอยู่แล้ว นั่นคือความจริงไม่ใช่หรือ” คราวนี้ดุจดาวรีบยกมือขึ้นปิดปากของเมธัชบ้าง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะพูดอะไร
“อ๊ะ ๆ ธัชกำลังจะบอกดาวใช่ไหมว่า ถ้าไม่มีดาวธัชก็จะไม่รักใครอีก ดาวจะบอกธัชว่าธัชไม่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับดาว ถ้าหากดาวไม่อยู่แล้วธัชก็มีสิทธิ์ที่จะมีคนใหม่ ธัชอาจจะคิดว่าไม่รักใครแล้ว แต่ธัชรู้หรือเปล่าว่านอกจากดาวก็ยังมีคนที่รักธัชเท่าดาวหรือมากกว่าด้วยนะ”
ฟังดุจดาวที่พูดมาถึงตรงนี้ เมธัชก็ต้องตกใจอีกครั้ง
‘หรือว่าดาวจะรู้เรื่องที่วุ้นเย็น เขียนในสมุดเล่มนั้น’ คราวนี้ เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าดุจดาวจะต้องรู้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พูดแบบนี้ เขากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถามออกไปอย่างแผ่วเบา
“ดาวหมายถึง...ใครเหรอ”
ดุจดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบเบา ๆ ในขณะที่เมธัชรอคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เพราะหากดุจดาวรู้เรื่องวุ้นเย็น เขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรอาจจะเสียใจ แต่นิสัยอย่างดุจดาว ย่อมเอารอยยิ้มกลบความรู้สึกที่แท้จริงไว้อย่างมิดชิดเสมอ
“ดาวก็หมายถึง... ว้าย กรี๊ด” มีเสียงปัง!ดังขึ้น
“โอ้ะ ดาวระวัง!”
ดุจดาวยังไม่ทันได้บอก ทั้งสองก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกว่ารถเสียหลักและเป๋ไปมา จนเมธัช ต้องกอดดุจดาวไว้แน่น ในขณะที่ดุจดาวกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ตอนที่29 รอผลตรวจ “คุณธัช ยายดาวล่ะคะ ยายดาวเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า โถ่เอ๊ย! แม่บอกว่าไม่ให้พูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลก่อนแต่งงานก็ไม่ฟัง เกิดเรื่องจนได้ ฮือ..”ญาดาร้องถามทันทีที่เห็นเมธัชยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พร้อมทั้งโวยวายตีโพยตีพายด้วยความเป็นห่วงลูก สีหน้าก็ซีดขาวราวกระดาษ เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกคล้ายจะเป็นลม จนภากรต้องเข้ามาพยุงไว้เมธัชขยับจะพูดแต่ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมาเสียก่อน ดุจดาวเดินออกมา เมื่อเห็นว่าแม่กำลังร้องไห้และมีท่าทีคล้ายจะเป็นลมเธอก็ถลาเข้าไปหาทันที “คุณแม่” “ยายดาว ฮือ...เจ็บตรงไหนไหมลูก แม่แทบจะช็อคตายเมื่อรู้ว่าเกิดอุบติเหตุขึ้นกับลูก ฮือ..” ญาดาพูดพลางสังเกตุไปตามเนื้อตัวของลูกสาวไปด้วยดุจดาวจับมือของแม่ไว้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและอ่อนโยน&nb
ตอนที่28 หากต้องจากกันชั่วนิรันดร์ “ทำไมดาวถึงอนุญาตให้เจ้าของร้านเอารูปไปทำโปสเตอร์ติดหน้าร้านละครับ” เมธัชเอ่ยถาม ระหว่างการเดินทางกลับบ้านดุจดาวแหงนมองเขา ด้วยสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย “ทำไมคะธัชไม่ชอบหรือ งั้นดาวโทรไปยกเลิกไม่ให้เขาเอารูปไปใช้นะ” พูดพลางล้วงหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อที่จะโทรหาเจ้าของร้าน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเมธัชจะไม่โอเค แต่ข้อมือบางก็ถูกคว้าไว้ด้วยฝ่ามือหนาเสียก่อน “เปล่า ๆ ผมโอเค แต่อยากฟังความคิดของดาวแค่นั้นเอง ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ดาวทำจะต้องมีเหตุผล แค่อยากรู้เหตุผลนั้นเองครับ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและจริงใจ ดุจดาวจึงยิ้มหวานออกมา “ธัชแน่ใจนะว่า จะฟังความคิดและเหตุผลของดาวได้ โดยที่ไม่ตกใจ”ถามหยั่งเชิงดูก่อน เพราะความคิดบางอย่างของเธออาจทำให้คนฟังตื่นตกใจได้ ต
ตอนที่27เลือนรางราวหมอกควันเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาว ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากห้อง ผ่านผ้าม่านบาง ๆ ชายหนุ่มมองไล่ขึ้นไปจากเท้าเล็ก ๆ ที่อยู่ในรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดผ่านช่วงเอวที่คอดกิ่ว ไปจนถึงผิวเนื้อเหนือเนินอกที่ขาวนวลเนียน ลำคอที่บางระหง แต่พอถึงใบหน้าเรียวเล็ก เขาก็ต้องผงะ นิ่งงันไปชั่วคราวเพราะนั่นไม่ใช่ดุจดาว แต่เป็นใบหน้าของวุ้นเย็นน้องสาวของเขานั่นเอง “ธัชคะ ธัช” ดุจดาวเห็นเมธัชเอาแต่จ้องมอง ด้วยสีหน้าที่แปลก ๆ จึงร้องเรียกขึ้นเบา ๆเสียงหวานทำให้เขาได้สติ ที่แท้ก็แค่เกิดภาพหลอน มองเห็นดุจดาวเป็นวุ้นเย็นไปได้ “เจ้าสาวสวยมากจนเจ้าบ่าวตกตลึง พูดไม่ออกเลยเชียวค่ะ” เจ้าของร้านดีไซเนอร์ชื่อดัง เอ่ยแซวพร้อมกับขยิบตาให้ดุจดาวอย่างมีจริตดุจดาวก้มหน้าลงเล็กน้อย หลบตาคมด้วยความเอียงอาย ถึงแม้เธอกับเขาจะสนิทกันมาก และรู้จักกันมานานแต่เธอก็ไม่เคยกล้าสบตาคม
ตอนที่26 หนูก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นโสภากอดลูกสาว พยายามฝืนกลั้นน้ำตาไว้ภายในอย่างเข้มแข็ง เพราะรู้ว่าลูกกำลังอ่อนแอ เธอจะต้องเป็นหลักให้ลูก “มันก็อยู่ที่ว่าหนูจะรอให้ใครมาปลดปล่อยความรู้สึกนั้น หรือหนูจะปลดปล่อยด้วยตัวเอง มันก็อยู่ที่หนูจะเลือก หัวใจเป็นของหนู หนูจะยอมให้ใครหรืออะไรมากักขังมันไว้ทำไมล่ะ” “แต่หัวใจของหนูมันไม่ดีนี่คะ ทั้งอ่อนแอทั้งขี้เกียจ พร้อมที่จะหยุดทำงานได้ทุกเมื่อ หนูเกลียดหัวใจดวงนี้เหลือเกินค่ะ ทำไมละคะแม่ ในเมื่อให้หนูเกิดมาแล้ว ทำไมถึงไม่ให้หนูเอาหัวใจที่แข็งแรงเหมือนคนอื่นมาด้วย มันอ่อนแอกับทุกความรู้สึกของหนูเลยค่ะ”เธอรำพึงรำพันด้วยความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ในใจ พร้อมกับซุกใบหน้าเล็กเข้าหาความอบอุ่นจากอกของผู้เป็นแม่ “แม่ถึงบอกให้หนูอยู่กับความเป็นจริงอย่างไรล่ะลูก หากเลือกได้แม่ก็จะเลือกเอาหัวใจของแม่ ให้กับลูก
ตอนที่25ความรู้สึกผิดกักขังหัวใจคนวุ้นเย็นพยักหน้าอย่างดีใจ เพราะเธอเป็นคนที่ชอบกินน้ำส้มคั้นสดมาก ๆ โสภารีบเทน้ำส้มใส่แก้ว แล้วเอาไปส่งให้ลูกสาว วุ้นเย็นรับมาก่อนจะดื่มอึก ๆ ไปครึ่งแก้ว “ค่อย ๆ ดื่มซิลูก เดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก” โสภาพูดไม่ทันขาดคำ วุ้นเย็นก็สำลักจนน้ำตาไหล “เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าให้ค่อย ๆ ดื่ม สำลักจนหน้าแดงแล้ว แม่ออกไปเรียกหมอดีกว่า”โสภาพูดขึ้นด้วยความกังวล พลางหมุนตัวจะออกไปเรียกหมอ แต่วุ้นเย็นคว้าข้อมือของผู้เป็นแม่ไว้เสียก่อน “แค่ก ไม่ต้อง ๆ หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเหนื่อยก็รีบบอกนะลูก” โสภายังไม่คลายกังวล “หนูหายแล้วจริง ๆ ค่ะ นี่ไงไม่สำลักแล้ว เขาว่ากันว่า เวลาที่จู่ ๆ เราจามหรือว่าสำลักแสดงว่ามีคนคิดถึง นี่ก็แสดงว่ามีคนคิดถึงหนูแน่ ๆ เลยค่ะ” วุ้นเย็นพูดติดตลกเพียงเพื่อไม่ให้แม่กังวลมากเกินไปโสภาส่ายหน้าก่อนจะบีบที่ปลายจมูกโด่งรั้นของลูกสาวเบา ๆ “คิดถึงจนทำให้ เกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้แม่ว่าอย่าคิดถึงเลยดีกว่า” โสภาพูดกลั้วหัวเราะวุ้นเย็นยิ้มบาง ๆ ตากลมหรุบมองแก้วน้ำส้มในมือ
ตอนที่24 ซ้อมตาย “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วน่าคุณ หายตกใจได้แล้วมั้ง”ภากรปลอบภรรยา ที่ยังหน้าซีดตัวสั่นไม่หาย พร้อมทั้งส่งยาดมยาหอมให้อีกด้วย “โอ๊ย จะไม่ให้ตกใจได้ไงละคุณ นี่ถ้าหากฉันไม่ฟังลูก แล้วหลบงูตามรถคันนั้นไป จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ใจคอไม่ดีเลยค่ะ แถมวันนี้หลวงพ่อก็พูดแปลก ๆ ประมาณว่าไม่ให้ยึดติด ให้ปล่อยวางอะไรแบบนั้นด้วยนะคะ ฉันว่าท่านคงรู้อะไรล่วงหน้าแน่ ๆ เลยค่ะคุณ” ญาดาพูดให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือดุดาวส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ “คุณแม่คะ สิ่งที่หลวงตาพูด นั่นเป็นเรื่องของสัจจะความจริงที่คนเราต้องพึงระลึกไว้เสมอ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และหากถึงวาระสุดท้าย ก็จะได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบอย่างไรล่ะคะ หลวงตาท่านไม่ได้รู้เห็นอะไรล่วงหน้าหรอกค่ะ เป็นบุญของพวกเรามากกว่า ที่ได้ฟังธรรมจากหลวงตา”ดุจดาวพูดด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข ไม่ได้ตระหนกต่อสิ่งใดเพราะเชื่อว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต่างกับญาดาผู้เป็นแม่ ที่รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของลูกสาวเอาเสียเลย “วารงวาระสุดท้ายอะไร จะแต่งงานแล้วห้ามพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลนะลูก โบราณเขาถือรู้ห