ตอนที่63
ความตายมาถึงเราในวันหนึ่งแน่นอน
“บริจาคอวัยวะอย่างนั้นหรือ” เมธัชลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ใช่ครับ เราตรวจสอบกับศูนย์รับบริจาค พบว่าเธอระบุชัดว่า หากเข้าสู่ภาวะสมองตาย ขอบริจาคอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่ยังสมบูรณ์ดีให้กับผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ หมอได้ตรวจเช็คดูแล้วก็พบว่า มีตับกับไตหนึ่งข้างที่ยังสมบูรณ์แต่อีกข้างเสียหาย และหัวใจของเธอที่ยังแข็งแรงมากครับ”
ห้องเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ
“จุดประสงค์ของผู้บริจาคอวัยวะ คือการให้ที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย และนี่คือเอกสารที่คุณดุจดาวได้ทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อนครับ”
อาจารย์หมอพูดจบก็ยื่นเอกสารที่เป็นรายละเอียดในการบริจาคอวัยวะ และลายเซ็นของดุจดาว ส่วนเอกสารอีกใบเป็นการบริจาคหัวใจที่ระบุชื่อของผู้รับบริจาคอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลายเซ็นของภากรและญาดาเป็นพยานอีกด้วย รูม่านตาของเมธัชหดเล็กลงเมื่อเห็นชื่อของผู้รับบริจาค
“นางสาววีรยา สิริยศ อย่างนั้นหรือ” เขาพึมพำเสียงลอดไรฟันเพราะจำได้แม่นยำว่าเป็นชื่อกับนามสกุลของวุ้นเย็น!
ญาดาค่อย ๆ ตั้งสติก่อนจะอธิบายตามความจริงที่ได้คุยกับดุจดาว เธอคิดย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ในวันที่เธอได้บอกกับดุจดาวที่เพิ่งกลับจากอเมริกา
“อะไรนะคะ น้องวุ้นยังไม่ได้รับผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีกหรือคะ” ดุจดาวร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟานุ่ม ในตอนนั้นป้าณีแม่บ้านเก่าแก่ก็ถือขนมเผือกกวนมาส่งให้พร้อมกับชากุหลาบซึ่งเป็นเมนูขนมหวานที่ดุจดาวชอบมากที่สุด
“สวัสดีค่ะ ป้าณี ว้าว!รู้ใจดาวเหมือนเดิม ตอนอยู่อเมริกาดาวอยากกินมากเลยค่ะ ร้านขนมไทยก็มีนะคะ แต่ไม่อร่อยเท่าป้าณีทำ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะ ๆ นะคะ ป้าทำไว้เยอะเลย เผื่อคุณวุ้นด้วยค่ะ” ป้าณียิ้มหวานวางจานขนมให้ก่อนจะกลับเข้าไปในครัว ดุจดาวใช้ช้อนส้อมจิ้มขนมเคี้ยวตุ้ย ๆ พร้อมกับซดน้ำชากุหลาบตามอย่างเอร็ดอร่อย
“ยังไม่ได้รับบริจาคหัวใจเลย อาการก็ยิ่งแย่ลงทุกวัน สงสารหนูวุ้นจริง ๆ” ญาดาบ่นให้ดุจดาวฟัง พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ
“อาจจะเพราะความเชื่อบางอย่างด้วยค่ะ บ้านเราถึงไม่ค่อยมีคนบริจาคอวัยวะ แต่สำหรับต่างประเทศคนบริจาคเยอะมากเลยค่ะ หนูก็บริจาคแล้วเหมือนกัน”
“หือ ไปบริจาคตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่กลัวว่าเกิดชาติหน้าจะพิการหรือยังไง” ญาดาหน้าตื่น พร้อมกับร้องขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนดุจดาวกลับหัวเราะคิกพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
“ก็เพราะบ้านเราคิดกันแบบนี้อย่างไรล่ะคะ คนบริจาคถึงน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วการบริจาคร่างกายอวัยวะในชาตินี้ ไม่ได้เกี่ยวกับชาติหน้า ซึ่งเรายังไม่รู้แน่เลยว่าจะมีจริงหรือเปล่า แต่หากมีจริง ร่างกายของเราจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ได้เกี่ยวกับชาติก่อนเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นคนที่เกิดอุบัติเหตุ แขนขาขาด เกิดชาติหน้าไม่กลายเป็นคนพิการกันไปหมดหรือ แล้วคนพิการน่ะเกิดจากกรรมค่ะ อีกอย่างสำหรับหนูมันเป็นการทำบุญครั้งสุดท้าย เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หากชาติหน้ามีจริง บุญที่เราได้ทำครั้งสุดท้ายก็จะส่งผลให้ได้ไปเกิดกับคุณพ่อคุณแม่ที่น่ารักแบบชาตินี้อย่างไรล่ะคะ” ดุจดาวพูดจบก็สวมกอดผู้เป็นแม่พร้อมกับหอมแก้มฟอดหนึ่ง
“ถ้าหนูคิดแบบนี้แม่ก็ไม่ขัดทางบุญหนูหรอก แม่ก็เคยฟังพระท่านพูดอยู่เหมือนกัน เรื่องบริจาคร่างกายบริจาคอวัยวะเนี่ย พระท่านบอกว่าแค่ตั้งใจจะบริจาคก็ได้รับบุญใหญ่ไปแล้วครึ่งหนึ่งเลยนะ แต่แม่ใจไม่ถึงพอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวเป็นลูกของคุณแม่บุญที่ดาวทำก็เผื่อแผ่ไปถึงทั้งคุณพ่อและคุณแม่เหมือนกันค่ะ” ในตอนนั้นภากรก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยเช่นกัน
“คุยอะไรกันสองแม่ลูก”
“ยายดาวน่ะซิคะ ไปแอบบริจาคอวัยวะไม่บอกพ่อแม่สักคำ” ญาดาฟ้องทีเล่นทีจริง
“ลูกโตแล้ว ตัดสินใจเองได้แล้วน่าคุณ อีกอย่างในเมื่อลูกจะทำบุญใหญ่ก็อย่าไปขวางทางบุญลูกเลย”
“จริง ๆ ดาวก็ไม่ได้บริจาคเพื่อหวังผลบุญอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ แค่ดาวอยากใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์กับคนที่เขากำลังทุกข์ทรมาน อย่างน้องวุ้นเป็นต้น” ดุจดาวเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนจะขยับเข้าไปใกล้พ่อกับแม่ พร้อมกับจับมือทั้งสองเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ดาวขออนุญาติคุณพ่อคุณแม่ ช่วยเซ็นเอกสารยินยอมให้ดาวหน่อยนะคะ เพราะดาวตัดสินใจที่จะมอบหัวใจโดยระบุเป็นชื่อของน้องวุ้นค่ะ”
“ยายดาว!” ทั้งภากรและญาดาร้องขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ
“ไม่ได้นะยายดาว แม่ไม่อนุญาต มันฟังดูเป็นลางสังหรณ์ยังไงก็ไม่รู้”
“ลางสังหรณ์อะไรกันคะ ดาวแค่ระบุชื่อบริจาคให้น้องวุ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงว่าจู่ ๆ จะไปนอนให้หมอควักเอาหัวใจของตัวเองให้น้องเสียที่ไหนกันล่ะคะ การที่หมอจะเอาอวัยวะของเราไปให้คนอื่นได้ นั่นหมายถึงว่าเราต้องมีภาวะสมองตายแล้วเท่านั้น และก่อนที่หมอจะระบุว่าสมองของเราตายแล้วนั้น ต้องมีการทดสอบหลายขั้นตอน จากหมอหลายคนมากค่ะ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่ความตายมาถึงตัวเราในวันหนึ่งแน่ ๆ นะคะคุณแม่”
ตอนที่63ความตายมันสบายเกินไปญาดาเล่ามาถึงตอนนี้ก็ร้องไห้โฮออกมาอีก ในขณะที่ภากรและเมธัชปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ ต่างรู้สึกเทิดทูนบูชาในน้ำใจอันประเสริฐของดุจดาว ที่คิดดีทำดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าหาญกว่าใครอีกหลายคนญาดาพยายาม ตั้งสติก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ปนสะอื้น “ตอนนั้นยายดาวพูดจนฉันและคุณภากรเข้าใจและยอมเซ็นเอกสารฉบับนี้ให้ แต่ไม่คิดเลยสักนิดว่าสุดท้ายยายดาวจะได้บริจาคหัวหัวใจให้หนูวุ้นจริง ๆ ฮือ...” ญาดาสะอื้นฮักออกมาอีกจนภากรต้องดึงมากอดไว้ ทั้งที่หัวใจของเขาก็แหลกสลายแล้วเช่นกัน “ถึงแม้ว่าจะมีเอกสารที่ชัดเจน แต่ทางโรงพยาบาลก็ต้องได้รับความยินยอมจากญาติอีกครั้งนะครับ หมอจะให้เวลาได้ตัดสินใจ แต่ก็ไม่ควนจะนานเกินไปนะครับ เพราะเมื่อสมองหยุดทำงานร่างกายก็จะค่อย ๆ หยุดการทำงานไปด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถนำอวัยวะของคุณดุจดาวไปบริจาคเพื่อช่วยใครได้อีก ก็จะเป็นการขัดเจตจำนงค์ของเธอ”
ตอนที่63ความตายมาถึงเราในวันหนึ่งแน่นอน “บริจาคอวัยวะอย่างนั้นหรือ” เมธัชลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “ใช่ครับ เราตรวจสอบกับศูนย์รับบริจาค พบว่าเธอระบุชัดว่า หากเข้าสู่ภาวะสมองตาย ขอบริจาคอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่ยังสมบูรณ์ดีให้กับผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ หมอได้ตรวจเช็คดูแล้วก็พบว่า มีตับกับไตหนึ่งข้างที่ยังสมบูรณ์แต่อีกข้างเสียหาย และหัวใจของเธอที่ยังแข็งแรงมากครับ”ห้องเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ“จุดประสงค์ของผู้บริจาคอวัยวะ คือการให้ที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย และนี่คือเอกสารที่คุณดุจดาวได้ทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อนครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็ยื่นเอกสารที่เป็นรายละเอียดในการบริจาคอวัยวะ และลายเซ็นของดุจดาว ส่วนเอกสารอีกใบเป็นการบริจาคหัวใจที่ระบุชื่อของผู้รับบริจาคอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลายเซ็นของภากรและญาดาเป็นพยานอีกด้วย รูม่านตาข
ตอนที่62ภรรยาของผมยังไม่ตายในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็ญ ที่มีเด็กทารกฝาแฝดหญิงชายส่งเสียงร้องไห้จ้าทั้งสามคนดีดตัวลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปหาทันที ญาดาเห็นทารกแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาอีก “หนู ๆ แข็งแรงดีนะคะ แต่เนื่องจากผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด หมอจะพาหนู ๆ ไปเข้าตู้อบก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ” หมอแจ้งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดเมธัชยืนมองทารกน้อยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหมอ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากทารกน้อย “ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ผมจะเข้าไปหาเธอได้หรือยัง” “ตอนนี้อาจารย์หมอกำลังทำการประเมินเพื่อที่จะทำการรักษาค่ะ ญาติสามารถสอบถามได้จากอาจารย์ได้เลยนะคะ อีกไม่ช้าคงออกมา ส่วนหมอต้องขอตัวพาหนู ๆ ไปดูแลก่อนนะคะ” หมอสาวพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยและทารกแฝดภากรประคองญาดากลับไป
ตอนที่61อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดโสภาลืมตาขึ้นช้า ๆ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก ในท้องของเธอปวดแสบไปหมด หลังจากนั้นก็เหมือนมีอะไรสอดเข้าทางจมูก ในตอนนั้นมันคือความทรมานจนแทบจะขาดใจตายตาย? ใช่เธอเรียกร้องคำนี้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะบริจาคหัวใจให้วุ้นเย็น และตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และภาวนาว่าให้ตื่นมาภพภูมิของความตาย แต่ทว่า!เธอกลับผิดหวังอย่างรุนแรง “โสภาคุณฟื้นแล้ว โอ้!ผมดีใจเหลือเกิน อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ”วิชัยร้องขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของโสภาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายกลับผลักใบหน้าของเขาออกด้วยความไม่พอใจ “นี่ฉันยังอยู่เหรอ เพราะคุณใช่มั้ย ทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันอยากตายเข้าใจมั้ยว่าฉันอยากตาย ฮือ...ฉันอยากตาย...ฮือ..หมอได้โปรดทำให้ฉันตาย แล้วเอาหัวใจของฉันไปให้ลูกสาวฉันด้วยเถิด...ฮือ...ฉันใช้ชีวิตมาพอแล้ว แต่ลูกของฉันเพิ่งได้ใช้เพียงไม่กี่ปีเอง...
ตอนที่60 ต้องกลับมาดูแลลูกนะ “แต่อะไรคะคุณหมอ” โสภาเอ่ยถามอย่างร้อนรนอาจารย์หมอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “แต่เรายื้อไว้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะครับ เพราะต้องทำการปลูกถ่ายหัวใจภายในเจ็ดวัน หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ เราก็คง....เอาเป็นว่าหมอจะพยายามจนสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ” “คุณหมอหมายความว่า...หากไม่มีผู้บริจาคหัวใจภายในเจ็ดวันนี้ลูกสาวของฉันก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหมคะ” “ครับ ถ้ายังไงผมขอตัวเข้าไปดูแลคนไข้ก่อนนะครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็เดินจากไป โสภาเซไปข้างหลังก้าวหนึ่ง วิชัยรีบพยุงไว้แล้วบีบไหล่บางเบา ๆ ก่อนจะปลอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยน แม้จะรู้สึกใจหายไม่แพ้กันและยังนึกหาหนทางช่วยไม่เจอเลย &n
ตอนที่59 คิดว่าคงจะอาการหนักเมธัชล้วงหยิบมือถือออกมาจากระเป๋าสะพายของดุจดาว เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของโทนี่ เขาจึงกดรับสายทันที [เป็นอย่างไรบ้างครับพี่ดาว] น้ำเสียงของโทนี่ที่ดังมาตามสายมีความคล้ายคนเมาอยู่บ้าง “ดาวตกบันไดตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล” เมธัชกรอกเสียงบอกเบา ๆ แต่โทนี่ก็ได้ยินชัดเจน [ตกบันได? ตกได้อย่างไรแกกับวุ้นเย็นคู่ขาของแก รุมกันทำร้ายพี่ดาวแน่ ๆ ถ้าพี่ดาวไม่ไล่กูกลับมาก่อน ก็คงจะไม่ถูกทำร้ายแบบนี้] โทนี่โวยวายมาตามสาย เมธัชยืนนิ่งอยู่กับที่ สมองของเขามึนชาและงุนงง จนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว “นายพูดเรื่องอะไร ฉันทำร้ายอะไรดาวอย่ามากล่าวหากันมั่ว ๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับวุ้นเย็น” เมธัชเอ่ยถามเสียงต่ำ [แกนั่นแหละมั่ว ต่อหน