ตอนที่62
ภรรยาของผมยังไม่ตาย
ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็ญ ที่มีเด็กทารกฝาแฝดหญิงชายส่งเสียงร้องไห้จ้า
ทั้งสามคนดีดตัวลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปหาทันที ญาดาเห็นทารกแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาอีก
“หนู ๆ แข็งแรงดีนะคะ แต่เนื่องจากผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด หมอจะพาหนู ๆ ไปเข้าตู้อบก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ” หมอแจ้งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
เมธัชยืนมองทารกน้อยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหมอ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากทารกน้อย
“ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ผมจะเข้าไปหาเธอได้หรือยัง”
“ตอนนี้อาจารย์หมอกำลังทำการประเมินเพื่อที่จะทำการรักษาค่ะ ญาติสามารถสอบถามได้จากอาจารย์ได้เลยนะคะ อีกไม่ช้าคงออกมา ส่วนหมอต้องขอตัวพาหนู ๆ ไปดูแลก่อนนะคะ” หมอสาวพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยและทารกแฝด
ภากรประคองญาดากลับไปนั่งที่เดิม แต่เมธัชไม่ยอมขยับตัวไปไหนเขายังคงทอดสาตามองนิ่งไปที่ประตูห้องผ่าตัดที่ปิดลง
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่เขาก็ไม่รู้เลย รู้แค่ว่ามันนานราวกับข้ามปีข้ามชาติ กว่าประตูห้องผ่าตัดจะเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหมอและเจ้าหน้าที่พาร่างที่มีสายระโยงระยางของดุจดาวออกมาด้วย แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่ไม่หยุดรอให้เขาได้คุยกับดุจดาว เพราะต้องรีบพาคนไข้เข้าห้องไอซียูอย่างเร่งด่วน
อาจารย์หมอสวมชุดกาวน์สีขาว ก้าวเข้ามาช้า ๆ ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
“ ขอรบกวนเวลาสักครู่ พอดีผมมีเรื่องสำคัญที่อยากแจ้งให้ครอบครัวทราบเกี่ยวกับคุณดุจดาว ขอเชิญไปคุยกันในห้องเถอะนะครับ” พูดจบก็เดินนำไปที่ห้องทำงาน โดยมีภากร ญาดาและเมธัชเดินตามไปเงียบ ๆ
“เชิญนั่งครับ” อาจารย์หมอผายมือให้ทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชักแล้ววางลงบนโต๊ะทำงาน
ดวงตาของทั้งสามคู่มองนิ่งไปที่หมออย่างมีความหวัง
“ดาวปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับคุณหมอ” เมธัชเอ่ยถามขึ้นก่อน เพราะเขารอเวลานี้มานานมากเกินจนไม่อยากจะรออีกแล้ว
อาจารย์หมอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันและมองทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่หน้าผากเต็มไปด้วยริ้วรอยของความเหนื่อยล้า
“ตอนนี้ในส่วนของหัวใจคุณดุจดาวยังคงเต้นอยู่ครับ ด้วยการพยุงจากเครื่องช่วยหายใจและยา แต่...”อาจารย์หมอเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อสังเกตุท่าทีของญาติ เมื่อเห็นว่ายังคงอยู่ในความสงบจึงพูดต่อ
“แต่ในส่วนของสมองของคุณดุจดาวนั้น...ไร้การตอบสนองแล้วครับ”
“ฮื้อ...” ญาดาร้องไห้โฮออกมา แต่ครั้งนี้เธอพยายามตั้งสติเพราะได้ทำใจมาบ้าง เธอยกมือขึ้นปิดปาก พยายามบังคับเสียงร้องให้เบาที่สุด แม้จะเสียใจจนแทบสิ้นชีพแล้ว ภากรก็บีบไหล่ของภรรยาเบา ๆ แต่พูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาเงียบ ๆ ทั้งที่กำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน
ส่วนเมธัชนั้นนิ่งงันรู้สึกเหมือนโลกกำลังหยุดหมุน ความเจ็บปวดแล่นเข้ามากัดกินหัวใจและร่างกายของเขาทั่วทุกอณูเนื้อ
“เราได้ทำการทดสอบทางระบบประสาทอย่างละเอียดตามมาตรฐานทางแพทย์เป็นเวลาถึงสิบสองชั่วโมง โดยมีอาจารย์หมอถึงสี่ท่านที่มาร่วมทดสอบด้วยแต่ผลสรุปคือ..คุณดุจดาวเข้าสู่ภาวะสมองตายโดยสมบูรณ์แล้วครับ” อาจารย์หมออธิบายช้า ๆ และเว้นจังหวะให้ญาติได้สอบถาม แต่ทั้งญาดาและภากรเอาแต่ร้องไห้ ซักถามอะไรไม่ออกเลย
“เดี๋ยวนะครับ ในเมื่อหัวใจยังเต้นอยู่ ก็หมายความว่าภรรยาของผมยังไม่ตายนี่ครับหมอ เธอยังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาไม่ใช่เหรอครับ” เมธัชเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยังเต็มไปด้วยความหวังและไม่ยอมแพ้
อาจารย์หมอพยักหน้าช้า ๆ ด้วยความเข้าใจในความรู้สึกของคนที่เป็นสามี ก่อนจะเริ่มอธิบายอีกครั้ง
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ...แต่ภาวะสมองตาย นั่นหมายถึงสมองทั้งหมดหยุดการทำงานอย่างถาวร ไม่สามารถควบคุมการทำงานในร่างกายได้อีก แม้แต่การทำงานของหัวใจ ตอนนี้ที่หัวใจยังเต้นได้อยู่ ก็เพราะเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น แต่...ในทางการแพทย์ ถือว่าคุณดุดาวได้...จากไปแล้วครับ”
เสียงร้องไห้ของญาดาดังมากขึ้น ภากรหยิบยาดมจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ภรรยาด้วยมืออันสั่นเทา
เมธัชหลับตาแน่น เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ในอก มีเพียงน้ำตาที่ไหลเป็นทาง บ่งบอกว่าเขากำลังเจ็บปวดเสียใจเพียงใด
“ผมทราบว่าเรื่องนี้ยากมากที่จะทำใจยอมรับได้ แต่มันก็คือความจริงว่าคุณดุจดาวเธอจากไปแล้วจริง ๆ และผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากเรียนให้ทราบทุกท่าทราบ”
เงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา อาจารย์หมอจึงพอจะคาดคะเนสถาณการณ์ได้ว่า แม้พวกเขาจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ก็พอที่จะทำใจได้บ้างแล้ว เพราะไม่มีการโวยวายหรือพูดจาสับสนใด ๆ จะมีก็แต่เมธัช ที่
อาจารย์หมอรู้สึกว่าเขายังไม่พยายามทำความเข้าใจได้เท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องแจ้งให้เรื่องสำคัญมากให้เขาได้รับรู้
“คือว่า...คุณดุจดาวได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ที่จะบริจาคอวัยวะไว้ครับ”
ตอนที่63ความตายมันสบายเกินไปญาดาเล่ามาถึงตอนนี้ก็ร้องไห้โฮออกมาอีก ในขณะที่ภากรและเมธัชปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ ต่างรู้สึกเทิดทูนบูชาในน้ำใจอันประเสริฐของดุจดาว ที่คิดดีทำดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าหาญกว่าใครอีกหลายคนญาดาพยายาม ตั้งสติก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ปนสะอื้น “ตอนนั้นยายดาวพูดจนฉันและคุณภากรเข้าใจและยอมเซ็นเอกสารฉบับนี้ให้ แต่ไม่คิดเลยสักนิดว่าสุดท้ายยายดาวจะได้บริจาคหัวหัวใจให้หนูวุ้นจริง ๆ ฮือ...” ญาดาสะอื้นฮักออกมาอีกจนภากรต้องดึงมากอดไว้ ทั้งที่หัวใจของเขาก็แหลกสลายแล้วเช่นกัน “ถึงแม้ว่าจะมีเอกสารที่ชัดเจน แต่ทางโรงพยาบาลก็ต้องได้รับความยินยอมจากญาติอีกครั้งนะครับ หมอจะให้เวลาได้ตัดสินใจ แต่ก็ไม่ควนจะนานเกินไปนะครับ เพราะเมื่อสมองหยุดทำงานร่างกายก็จะค่อย ๆ หยุดการทำงานไปด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถนำอวัยวะของคุณดุจดาวไปบริจาคเพื่อช่วยใครได้อีก ก็จะเป็นการขัดเจตจำนงค์ของเธอ”
ตอนที่63ความตายมาถึงเราในวันหนึ่งแน่นอน “บริจาคอวัยวะอย่างนั้นหรือ” เมธัชลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “ใช่ครับ เราตรวจสอบกับศูนย์รับบริจาค พบว่าเธอระบุชัดว่า หากเข้าสู่ภาวะสมองตาย ขอบริจาคอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่ยังสมบูรณ์ดีให้กับผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ หมอได้ตรวจเช็คดูแล้วก็พบว่า มีตับกับไตหนึ่งข้างที่ยังสมบูรณ์แต่อีกข้างเสียหาย และหัวใจของเธอที่ยังแข็งแรงมากครับ”ห้องเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ“จุดประสงค์ของผู้บริจาคอวัยวะ คือการให้ที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย และนี่คือเอกสารที่คุณดุจดาวได้ทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อนครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็ยื่นเอกสารที่เป็นรายละเอียดในการบริจาคอวัยวะ และลายเซ็นของดุจดาว ส่วนเอกสารอีกใบเป็นการบริจาคหัวใจที่ระบุชื่อของผู้รับบริจาคอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลายเซ็นของภากรและญาดาเป็นพยานอีกด้วย รูม่านตาข
ตอนที่62ภรรยาของผมยังไม่ตายในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็ญ ที่มีเด็กทารกฝาแฝดหญิงชายส่งเสียงร้องไห้จ้าทั้งสามคนดีดตัวลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปหาทันที ญาดาเห็นทารกแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาอีก “หนู ๆ แข็งแรงดีนะคะ แต่เนื่องจากผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด หมอจะพาหนู ๆ ไปเข้าตู้อบก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ” หมอแจ้งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดเมธัชยืนมองทารกน้อยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหมอ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากทารกน้อย “ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ผมจะเข้าไปหาเธอได้หรือยัง” “ตอนนี้อาจารย์หมอกำลังทำการประเมินเพื่อที่จะทำการรักษาค่ะ ญาติสามารถสอบถามได้จากอาจารย์ได้เลยนะคะ อีกไม่ช้าคงออกมา ส่วนหมอต้องขอตัวพาหนู ๆ ไปดูแลก่อนนะคะ” หมอสาวพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยและทารกแฝดภากรประคองญาดากลับไป
ตอนที่61อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดโสภาลืมตาขึ้นช้า ๆ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก ในท้องของเธอปวดแสบไปหมด หลังจากนั้นก็เหมือนมีอะไรสอดเข้าทางจมูก ในตอนนั้นมันคือความทรมานจนแทบจะขาดใจตายตาย? ใช่เธอเรียกร้องคำนี้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะบริจาคหัวใจให้วุ้นเย็น และตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และภาวนาว่าให้ตื่นมาภพภูมิของความตาย แต่ทว่า!เธอกลับผิดหวังอย่างรุนแรง “โสภาคุณฟื้นแล้ว โอ้!ผมดีใจเหลือเกิน อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ”วิชัยร้องขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของโสภาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายกลับผลักใบหน้าของเขาออกด้วยความไม่พอใจ “นี่ฉันยังอยู่เหรอ เพราะคุณใช่มั้ย ทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันอยากตายเข้าใจมั้ยว่าฉันอยากตาย ฮือ...ฉันอยากตาย...ฮือ..หมอได้โปรดทำให้ฉันตาย แล้วเอาหัวใจของฉันไปให้ลูกสาวฉันด้วยเถิด...ฮือ...ฉันใช้ชีวิตมาพอแล้ว แต่ลูกของฉันเพิ่งได้ใช้เพียงไม่กี่ปีเอง...
ตอนที่60 ต้องกลับมาดูแลลูกนะ “แต่อะไรคะคุณหมอ” โสภาเอ่ยถามอย่างร้อนรนอาจารย์หมอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “แต่เรายื้อไว้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะครับ เพราะต้องทำการปลูกถ่ายหัวใจภายในเจ็ดวัน หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ เราก็คง....เอาเป็นว่าหมอจะพยายามจนสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ” “คุณหมอหมายความว่า...หากไม่มีผู้บริจาคหัวใจภายในเจ็ดวันนี้ลูกสาวของฉันก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหมคะ” “ครับ ถ้ายังไงผมขอตัวเข้าไปดูแลคนไข้ก่อนนะครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็เดินจากไป โสภาเซไปข้างหลังก้าวหนึ่ง วิชัยรีบพยุงไว้แล้วบีบไหล่บางเบา ๆ ก่อนจะปลอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยน แม้จะรู้สึกใจหายไม่แพ้กันและยังนึกหาหนทางช่วยไม่เจอเลย &n
ตอนที่59 คิดว่าคงจะอาการหนักเมธัชล้วงหยิบมือถือออกมาจากระเป๋าสะพายของดุจดาว เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของโทนี่ เขาจึงกดรับสายทันที [เป็นอย่างไรบ้างครับพี่ดาว] น้ำเสียงของโทนี่ที่ดังมาตามสายมีความคล้ายคนเมาอยู่บ้าง “ดาวตกบันไดตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล” เมธัชกรอกเสียงบอกเบา ๆ แต่โทนี่ก็ได้ยินชัดเจน [ตกบันได? ตกได้อย่างไรแกกับวุ้นเย็นคู่ขาของแก รุมกันทำร้ายพี่ดาวแน่ ๆ ถ้าพี่ดาวไม่ไล่กูกลับมาก่อน ก็คงจะไม่ถูกทำร้ายแบบนี้] โทนี่โวยวายมาตามสาย เมธัชยืนนิ่งอยู่กับที่ สมองของเขามึนชาและงุนงง จนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว “นายพูดเรื่องอะไร ฉันทำร้ายอะไรดาวอย่ามากล่าวหากันมั่ว ๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับวุ้นเย็น” เมธัชเอ่ยถามเสียงต่ำ [แกนั่นแหละมั่ว ต่อหน