ตอนที่23
ดูฤกษ์ดูยาม
บริเวณวัดป่ายังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงใบและกิ่งไม้แห้งในฤดูแล้ง ที่โดนลมพัดปลิดปลิวตกลงบนพื้นดังแกรกกราก สามเณรน้อยที่มาบวชในระหว่างปิดเทอมสององค์ กำลังช่วยกันถือบาตรจะไปล้างที่ลำธาร ด้านหลังกุฏิ แต่เสียงเจ้าอาวาสร้องห้ามด้วยน้ำเสียงดุ ๆ
“ห้ามเอาบาตรไปล้างในลำธารนะ มันจะทำให้น้ำสกปรก แต่ถ้าจะเอาข้าวที่เหลือไปให้ปลากินนั้นย่อมได้”
“ครับพระอาจารย์” สามเณรรับคำอย่างเคร่งครัด ก่อนจะรีบเดินไปที่โรงครัว ในตอนนั้นก็มีรถหรูที่คุ้นเคยเข้ามาจอดนิ่งอยู่หน้ากุฏิ
นายสนคนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้ญาดาเละดุจดาว ก่อนจะเดินนำไปที่กุฏิ ทั้งสามกราบนมัสการเจ้าวาสเรียบร้อย แล้วญาดาก็พูดตามความประสงค์ที่มาในทันที
“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะให้หลวงพ่อ ดูฤกษ์งานแต่งงานให้กับลูกสาวเจ้าค่ะ”
ท่านเจ้าอาวาสรู้จักกับทั้งสามคนที่มาเยือนดี ท่านเหลือบมองดุจดาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลงประมาณสองถึงสามนาที พอลืมตาขึ้นมาใหม่ ก็พูดเบาๆ
“โยมดุจดาว จงยึดมั่นในความตั้งใจดีที่มีอยู่ และหมั่นทำบุญตักบาตร คิดและทำแต่สิ่งดี ๆ ต่อไป ให้ธรรมะอยู่ในทุกช่วงของลมหายเข้าออกนะ ธรรมะจะนำพาเราไปในทางที่ดี”
“เจ้าค่ะหลวงตา” ดุจดาวแม้จะงง ที่จู่ ๆ ท่านเจ้าอาวาสก็มาพูดกับเธอ โดยไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นแม่ก่อน
ท่านเจ้าอาสบอกกับดุจดาวแล้วจึงหันไปทางญาดาอีกครั้ง
“เรื่องดูฤกษ์ดูยาม หรือดูดวงมันไม่ใชกิจของสงฆ์หรอกนะโยมญาดา แต่ไหน ๆ ก็มาหาเพื่อจุดประสงค์นี้ อาตมาก็ขอแนะนำว่า การแต่งงานไม่จำเป็นต้องดูฤกษ์ดูยามใด ๆ เพราะมันขึ้นอยู่กับคนสองคน ที่ถ้าหากมีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน วันไหน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถือว่าเป็นฤกษ์ดีทั้งนั้นแหละโยม”
ญาดาหน้าเสียไปนิดหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาสเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง
“ดูท่าโยมญาดาจะผิดหวัง เอาละเพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจ ถ้าอย่างนั้นก็แต่งวันที่เก้าเดือนหกก็แล้วกันนะ”
“วันที่เก้าเดือนหก ดีเหมือนกันนะเจ้าคะ กำลังเข้าสู่ฤดูฝน คู่บ่าวสาวจะได้อยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข”
ญาดาค่อยยิ้มออกมาได้ ดูพึงพอใจกับวันที่ท่านเจ้าอาวาสบอก โดยลืมไปด้วยซ้ำว่าท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ถามวันเดือนปีเกิดของดุจดาวกับเมธัสเลย
ท่านเจ้าอาวาส มองไปที่ดุจดาวอีกครั้ง ก่อนจะสอนธรรมไปในตัว
“ทุกชีวิตล้วนถูกกำหนดด้วยการกระทำ ทั้งในชาตินี้และชาติปางก่อน ในชาติก่อนนั้นเราไม่รู้ว่าเราเกิดเป็นใคร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร กระทำดีชั่วไว้เช่นไรบ้าง เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องขวนขวายเพื่อระลึกถึง แต่ให้ยึดเอาในชาตินี้ ไม่ว่าชีวิตของเราจะยืนยาวถึงเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องไปนึกถึง ขอให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทและไม่ยึดติดต่อสิ่งใด เพราะแม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่ของเรา ไม่เร็วก็ช้าก็ต้องคืนสู่ธรรมชาติ จงเพียรสะสมบุญให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาศจะอำนวย และตั้งจิตอยู่ในธรรม เหมือนที่อาตมาบอกนะโยมดุจดาว”
“เจ้าค่ะหลวงตา ดาวจะปฏิบัติตามคำสอนของหลวงตาอย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ” ดุจดาวรับคำด้วยน้ำ เสียงที่อ่อนโยน ครั้งนี้เธอเข้าใจในคำสอนของท่านเจ้าอาวาสได้ดี เพราะก่อนนอนเธอชอบเปิดธรรมะฟังแทบทุกคืน
เมื่อได้วันแต่งงานแล้ว ดุจดาวและญาดาก็กราบลาท่านเจ้าอาวาส ก่อนจะขึ้นรถกลับ ระหว่างเดินทางก็มีงูตัวใหญ่เลื้อยขวางอยู่ ทั้งญาดาและดุจดาวตกใจมาก
“อย่าเพิ่งไปนะลุงสน ให้เขาเลื้อยผ่านไปก่อน” ดุจดาวแม้จะกลัวมากแต่ก็พยายามตั้งสติ บอกลุงสนคนขับรถเสียงสั่น
“จะดีหรือลูก งูก็นอนนิ่งที่เลนซ้าย เราขับไปเลนขวา แซงไปเหมือนรถคันนั้นไม่ดีหรือลูก” ญาดาเห็นว่ามีรถแซง ก็อยากจะไปให้พ้น ๆ งูใหญ่นี้เพราะความกลัวเหมือนกัน แต่ดุจดาวส่ายหน้า พร้อมกับพูดอย่างหนักแน่น
“ไม่ค่ะ เราจะยังไม่ไปจนกว่างูจะเลื้อยข้ามพ้นไปหรือ ว่าเลื้อยกลับลงข้างทางค่ะ เราอยู่ในรถ ไม่ได้ทำร้ายเขา เขาก็ไม่มาทำร้ายเราหรอกค่ะ ลุงสนขยับชิดซ้ายแล้วเปิดไฟไว้นะคะ” เธอปลอบให้ผู้เป็นแม่หายตกใจ ก่อนจะสั่งลุงสน
สิบนาทีต่อมางูตัวนั้นก็ขยับ และเลื้อยกลับลงข้างทางอย่างที่ดุจดาวบอกจริง ๆ
“นั่นไงคะ งูเลื้อยลงข้างทางไปแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะคุณแม่ ไปกันเถอะค่ะลุงสน”ดุจดาวร้องขึ้นด้วยความดีใจ ลุงสนจึงค่อย ๆ เคลื่อนรถขับออกจากบริเวณนั้น
ขับมาได้ไม่นาน ก็พบว่าเบื้องหน้ามีเกิดอุบัติเหตุรถ แหกโค้งชนกับต้นไม้ข้างทางในสภาพที่ด้านหน้าพังยับ มีคนจอดดูเหตุการณ์อยู่หลายคน และบางคนก็กำลังโทรหาเจ้าหน้าที่กู้ภัย
เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้ ญาดาก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“เอ๊ะนั่น รถที่แซงมาเมื่อกี้นี่”
ตอนที่25ความรู้สึกผิดกักขังหัวใจคนวุ้นเย็นพยักหน้าอย่างดีใจ เพราะเธอเป็นคนที่ชอบกินน้ำส้มคั้นสดมาก ๆ โสภารีบเทน้ำส้มใส่แก้ว แล้วเอาไปส่งให้ลูกสาว วุ้นเย็นรับมาก่อนจะดื่มอึก ๆ ไปครึ่งแก้ว “ค่อย ๆ ดื่มซิลูก เดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก” โสภาพูดไม่ทันขาดคำ วุ้นเย็นก็สำลักจนน้ำตาไหล “เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าให้ค่อย ๆ ดื่ม สำลักจนหน้าแดงแล้ว แม่ออกไปเรียกหมอดีกว่า”โสภาพูดขึ้นด้วยความกังวล พลางหมุนตัวจะออกไปเรียกหมอ แต่วุ้นเย็นคว้าข้อมือของผู้เป็นแม่ไว้เสียก่อน “แค่ก ไม่ต้อง ๆ หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเหนื่อยก็รีบบอกนะลูก” โสภายังไม่คลายกังวล “หนูหายแล้วจริง ๆ ค่ะ นี่ไงไม่สำลักแล้ว เขาว่ากันว่า เวลาที่จู่ ๆ เราจามหรือว่าสำลักแสดงว่ามีคนคิดถึง นี่ก็แสดงว่ามีคนคิดถึงหนูแน่ ๆ เลยค่ะ” วุ้นเย็นพูดติดตลกเพียงเพื่อไม่ให้แม่กังวลมากเกินไปโสภาส่ายหน้าก่อนจะบีบที่ปลายจมูกโด่งรั้นของลูกสาวเบา ๆ “คิดถึงจนทำให้ เกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้แม่ว่าอย่าคิดถึงเลยดีกว่า” โสภาพูดกลั้วหัวเราะวุ้นเย็นยิ้มบาง ๆ ตากลมหรุบมองแก้วน้ำส้มในมือ
ตอนที่24 ซ้อมตาย “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วน่าคุณ หายตกใจได้แล้วมั้ง”ภากรปลอบภรรยา ที่ยังหน้าซีดตัวสั่นไม่หาย พร้อมทั้งส่งยาดมยาหอมให้อีกด้วย “โอ๊ย จะไม่ให้ตกใจได้ไงละคุณ นี่ถ้าหากฉันไม่ฟังลูก แล้วหลบงูตามรถคันนั้นไป จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ใจคอไม่ดีเลยค่ะ แถมวันนี้หลวงพ่อก็พูดแปลก ๆ ประมาณว่าไม่ให้ยึดติด ให้ปล่อยวางอะไรแบบนั้นด้วยนะคะ ฉันว่าท่านคงรู้อะไรล่วงหน้าแน่ ๆ เลยค่ะคุณ” ญาดาพูดให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือดุดาวส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ “คุณแม่คะ สิ่งที่หลวงตาพูด นั่นเป็นเรื่องของสัจจะความจริงที่คนเราต้องพึงระลึกไว้เสมอ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และหากถึงวาระสุดท้าย ก็จะได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบอย่างไรล่ะคะ หลวงตาท่านไม่ได้รู้เห็นอะไรล่วงหน้าหรอกค่ะ เป็นบุญของพวกเรามากกว่า ที่ได้ฟังธรรมจากหลวงตา”ดุจดาวพูดด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข ไม่ได้ตระหนกต่อสิ่งใดเพราะเชื่อว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต่างกับญาดาผู้เป็นแม่ ที่รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของลูกสาวเอาเสียเลย “วารงวาระสุดท้ายอะไร จะแต่งงานแล้วห้ามพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลนะลูก โบราณเขาถือรู้ห
ตอนที่23 ดูฤกษ์ดูยามบริเวณวัดป่ายังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงใบและกิ่งไม้แห้งในฤดูแล้ง ที่โดนลมพัดปลิดปลิวตกลงบนพื้นดังแกรกกราก สามเณรน้อยที่มาบวชในระหว่างปิดเทอมสององค์ กำลังช่วยกันถือบาตรจะไปล้างที่ลำธาร ด้านหลังกุฏิ แต่เสียงเจ้าอาวาสร้องห้ามด้วยน้ำเสียงดุ ๆ “ห้ามเอาบาตรไปล้างในลำธารนะ มันจะทำให้น้ำสกปรก แต่ถ้าจะเอาข้าวที่เหลือไปให้ปลากินนั้นย่อมได้” “ครับพระอาจารย์” สามเณรรับคำอย่างเคร่งครัด ก่อนจะรีบเดินไปที่โรงครัว ในตอนนั้นก็มีรถหรูที่คุ้นเคยเข้ามาจอดนิ่งอยู่หน้ากุฏินายสนคนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้ญาดาเละดุจดาว ก่อนจะเดินนำไปที่กุฏิ ทั้งสามกราบนมัสการเจ้าวาสเรียบร้อย แล้วญาดาก็พูดตามความประสงค์ที่มาในทันที “นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะให้หลวงพ่อ ดูฤกษ์งานแต่งงานให้กับลูกสาวเจ้าค่ะ”ท่านเจ้าอาวาสรู้จักกับทั้งสามคนที่มาเยือนดี ท่านเหลือบมองดุจดาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลงประมาณสองถึงสามนาที พอลืมตาขึ้นมาใหม่ ก็พูดเบาๆ “โยมดุจดาว จงยึดมั่นในความตั้งใจดีที่มีอยู่ และหมั่นทำบุญตักบาตร คิดและทำแต่สิ่งดี ๆ ต่อไป ให้ธรรมะอยู่ในทุกช่วงของล
ตอนที่22 ถ้าไม่ตื่นมา พี่จะไม่ให้อภัยตลอดไปญาดาพูดจบ ก็ดึงลูกสาวเข้ามากอดปลอบโยน แม้เธอเองจะเอ็นดูวุ้นเย็นไม่น้อย แต่ดุจดาวจะยึดติดจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุขก็ไม่ได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรความสุขของลูกก็ต้องมาก่อน และความสุขของลูกก็คือการได้แต่งงานกับเมธัช มีลูกหลานสืบไป..........................................................................ปลายนิ้วเรียว ไล้ไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ซีดขาวของวุ้นเย็นอย่าแผ่วเบา ไล่ไปถึงเปลือกตาบางที่ปิดสนิท ก่อนที่จะลูบขนตางอนหนา ที่เวลาที่เจ้าตัวพูด ขนตานี้ก็จะสั่นไหวราวปีกผีเสื้อดึงดูดสายตาของผู้คนได้เสมอเมธัชหดมือกลับมา ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบแผ่วเบาที่ริมใบหูบาง “ถ้าไม่ตื่นมา พี่ก็จะไม่ให้อภัยเธอตลอดไป”ในตอนนั้นหมอก็เปิดประตูเข้ามา เพื่อตรวจดูอาการของวุ้นเย็น เมธัชจึงออกมาจากห้อง ก่อนจะเข้าไปถอดชุดปลอดเชื้อของโรงพยาบาลออก แล้วกดลิฟต์เพื่อกลับไปที่บริษัท เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขามาหาวุ้นเย็น ซึ่งสวนทางกับดุจดาว ที่มาพร้อมกับญาดา วิชัยและโสภาพอดิบพอดีทั้งสี่คนตรงไปยังห้องพักฟื้นที่วุ้นเย็นพักรักษาตัวอยู่ แต่เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ห้องปลอดเ
ตอนที่21ความลับในกระเป๋าตุ๊กตาแมวนิ้วเรียวค่อย ๆ ดึงสมุดจิ๋วนั้นออกมา แล้วเปิดหน้าแรก เป็นรูปการ์ตูนเด็กผู้หญิงและผู้ชาย ที่วาดด้วยดินสอดูตลก และมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘สวัสดีค่ะพี่ชาย’ พร้อมระบุวันที่ เขาจำได้ดีว่าเป็นวันแรกที่ได้เจอกับวุ้นเย็นรูปนี้ไม่ได้สวยงามหรือมีศิลปะที่โดดเด่นใด ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแปลก ๆเขาเปิดผ่านไปที่กระดาษแผ่นที่สอง เป็นรูปการ์ตูนเหมือนเดิม แต่เป็นรูปที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงโอบเอว จับมือกันคล้ายกำลังเต้นรำ พร้อมข้อความเศร้า ๆ ว่า ‘อยากเต้นรำกับพี่ชายแทนพี่ดาวแต่เต้นไม่เป็น’มาถึงหน้านี้หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรง เขาไม่รอช้าที่จะเปิดดูหน้าต่อไป และหน้าต่อไป ส่วนใหญ่จะเป็นเหตุการณ์ที่เขากับวุ้นเย็นเคยทำด้วยกัน เช่นเล่นน้ำฝน สอนตีเทนนิส แต่รูปสุดท้ายนั้น ทำให้เขารู้สึกราวกับหัวใจกำลังบีบรัดจนรู้สึกเจ็บ เพราะเป็นภาพที่เด็กผู้หญิงนอนอยู่บนพื้นมองเด็กผู้ชายที่หันหลังให้ พร้อมกับข้อความ ‘หนูขอโทษค่ะพี่ชาย’เมธัชรู้สึกว่าข้อความ
ตอนที่20 เพราะอะไรกันแน่ดุจดาวตัดสินใจบอกเมธัช เรื่องที่วุ้นเย็นทักไอจีหาเธอตลอดมา เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกเขามาก่อน เมธัชยังคงนิ่งเงียบ วุ้นเย็นจึงยื่นมืออีกข้าง ไปวางลงบนมือทั้งของเธอและเขาที่จับกันอยู่ พร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยนและจริงใจ “น้องรักธัชมากนะ และดาวเชื่อว่าธัชก็รู้เรื่องนี้ดีกว่าดาวด้วยซ้ำ น้องยังเด็กและคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะร้ายแรงบานปลายถึงกับทำร้ายธัชขนาดนั้น ดาวเชื่อว่าน้องรู้สึกผิด เสียใจและเครียดมากจนทำให้โรคหัวใจกำเริบ แต่น้องจะยังมีชีวิตต่อไปได้ หากได้รับกำลังใจดี ๆ จากธัชนะ ถึงธัชกับน้องจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ แต่ก็เคยมาเติมเต็มให้กันไม่ใช่หรือ ดาวจำได้ว่าธัชอยากมีน้องสาว แล้ววุ้นเย็นก็เข้ามา แววตาของธัชที่มองน้องเต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน จนบางครั้งดาวยังแอบอิจฉาเลย แล้วทำไมเราถึงไม่สร้างความอบอุ่นเหล่านั้นให้กลับมาอีกครั้งละคะ และครั้งนี้ก็สำคัญกับชีวิตของน้องมากด้วย เพราะธัชจะเป็นกำลังใจสำคัญให้น้องกลับมาเข้มแข็ง ตั้งใจรักษาตัว ธัชรู้ไหมว่า