Share

บทที่ 5

Author: ธารน้ำแข็งใต้แสงจันทร์
ดังนั้น ภารกิจนี้ถ้ามอบให้โจวหยางทำ ก็จะต้องสำเร็จอย่างง่ายดายแน่นอน

ถ้าเป็นอย่างนั้น เซี่ยหงเทาก็ไม่ต้องลำบากลำบนทำงานอยู่ที่นี่อีก ผู้ใหญ่ทางเบื้องบนจะย้ายเขาไปที่สำนักงานใหญ่ทันที

เมื่อได้ไปสำนักงานใหญ่ และได้เป็นคนสนิทของผู้ใหญ่แล้ว อนาคตของเขาก็จะสดใสไร้ที่สิ้นสุด

ดังนั้น ในตอนนี้เซี่ยหงเทาจึงลดท่าทีความเป็นผู้จัดการลง แล้วกลับมาพูดคุยกับโจวหยางด้วยดีอีกครั้ง

“โจวหยาง เมื่อกี้ฉันอาจพูดแรงไปหน่อย แต่ก็เพื่อตัวนายทั้งนั้น ฉันรับรองได้เลยว่าถ้านายลงมือเอง ถังอวี้เหมยต้านทานไม่ไหวแน่ มีโอกาสดีขนาดนี้ นายต้องคว้าไว้ให้ได้สิ...”

เซี่ยหงเทาแอ่นพุงน้อย ๆ ดวงตาเล็กตี่ทอประกายเจ้าเล่ห์ ขณะคลี่ยิ้มประจบประแจงที่แฝงความลามกไว้หลายส่วน

“คุณคิดมากไปแล้วครับ พี่เหมยเป็นคนกว้างขวาง เธอก็แค่อัธยาศัยดีกับทุกคน” แววตาของโจวหยางสาดประกายรังเกียจ “ตอนบ่ายผมจะเอาของล็อตสุดท้ายนี้ไปส่งให้พี่เหมย แล้วก็จะลาออกครับ”

“แกนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

สีหน้าของเซี่ยหงเทาบูดบึ้งถึงขีดสุด หันหลังกลับเข้าห้องทำงานไปโดยไม่พูดอะไรอีก

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาตะโกนด่าดังมาจากในห้องทำงาน “หน้าโง่ ก็เป็นซะแบบนี้ ชาตินี้อย่าหวังจะได้ดีเลยมึง!”

ตอนบ่าย เมื่อของออกจากคลังแล้ว โจวหยางก็ขับรถส่งของของบริษัทมาที่บ้านพักของถังอวี้เหมย

เขาเริ่มจากกดกริ่งหน้าประตู

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากในบ้าน โจวหยางจึงใช้คีย์การ์ดเปิดประตูบ้านพักและเดินเข้าไปในห้องโถง

ทว่า เขากลับต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นถังอวี้เหมยนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางเย้ายวนใจ คล้ายว่าเธอกำลังนอนหลับ

โทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นเปิดทิ้งไว้ และเสียงก็ดังไม่ใช่น้อย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยินเสียงกริ่งที่โจวหยางกด

ในตอนนี้ ถังอวี้เหมยนอนตะแคงอยู่บนโซฟา ดุจดังเจ้าหญิงนิทรา

สายชุดนอนสีดำของเธอเลื่อนหลุดลงมาถึงข้อศอก เผยให้เห็นไหปลาร้าที่งดงามและแนวไหล่ที่เนียนราวหยกแกะสลัก ใต้กระโปรงสั้นสีดำ ขาเรียวยาวทั้งสองข้างไขว้กันอยู่ ปอยผมลอนคลื่นเส้นหนึ่งพาดอยู่บนสันจมูกโด่ง ทำให้ดูยุ่งเหยิงแต่ก็เย้ายวนใจ

โจวหยางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย จึงรีบหันหลังตั้งใจจะแอบย่องกลับออกไปในความเงียบ

แต่โชคไม่ดีนัก ในตอนนั้นเองก็มีลมพัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ประตูบ้านกระแทกปิดทันที

“ปัง!”

บานประตูที่หนักอึ้งกระแทกเข้าหากัน ในบ้านพักที่เก็บเสียงอย่างดี กลับเกิดเสียงดังสนั่นราวภูเขาถล่ม ซึ่งดังกว่าเสียงโทรทัศน์หลายเท่าตัว

“อ๊ะ!”

ถังอวี้เหมยสะดุ้งตื่น เมื่อเห็นโจวหยางยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้า ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อราวถูกไฟฟ้าช็อต

ชุดนอนของเธอค่อนข้างยับยู่ยี่...

ชั่วพริบตา บนใบหน้าของถังอวี้เหมย ก็ปรากฏความอับอายและกระดากใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เพิ่งมาถึงเดี๋ยวนี้เองครับ!” โจวหยางเกาท้ายทอยพลางอธิบาย “พี่เหมยครับ ผมมาส่งของ พอกดกริ่งแล้วไม่มีเสียงตอบ ก็เลยใช้คีย์การ์ดที่คุณให้ไว้เปิดประตูเข้ามา...”

“เธอเห็นหมดแล้วสินะ?” ใบหน้าของถังอวี้เหมยแดงระเรื่อราวกับแสงอาทิตย์ยามอัสดง

“อะไรเหรอครับ?”

“ที่ฉันนอนอยู่เมื่อกี้ เธอเห็นหมดแล้วใช่ไหม?”

โจวหยางไม่อยากโกหก จึงพยักหน้า “เห็นแล้วครับ!”

จากนั้นก็รีบอธิบาย “แต่ว่าไม่มีอะไรหรอกครับ...”

“เธอไปซะ!”

ถังอวี้เหมยยกสองมือปิดหน้า ก้มศีรษะลงต่ำ ปล่อยให้ผมลอนยาวสยายตกลงมาระหว่างขาทั้งสองข้างราวม่านน้ำตก ทั้งรู้สึกเจ็บใจและหดหู่ใจในเวลาเดียวกัน

“ถ้างั้น... ผมไปนะครับ! พี่เหมย คือว่า... ผมวางคีย์การ์ดไว้บนโต๊ะรับแขกแล้วนะ”

โจวหยางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เขาวางคีย์การ์ดลง ก่อนหันหลังย่องเท้าเดินไปที่ประตู

“เดี๋ยวก่อน!”

ถังอวี้เหมยเงยหน้าขึ้น สีหน้ากลับมาเยือกเย็นดังเดิม แววตาก็กลับมาเฉียบคมอีกครั้ง “ฉันขอถามอะไรเธออย่างหนึ่ง”

“พี่เหมยว่ามาเลยครับ” โจวหยางหยุดเท้า

“ในสายตาเธอ ฉันดูเป็นคนน่าไม่อายมากเลยใช่ไหม?” ถังอวี้เหมยถาม

ยากที่จะจินตนาการได้ว่า หญิงแกร่งผู้สง่างามและดูดีในวันธรรมดา จะถามคำถามเช่นนี้ออกมา

เพียงเท่านี้ก็บอกได้แล้วว่า ภายในใจเธอกำลังเปราะบางมากแค่ไหน

“พี่เหมยพูดอะไรครับ? นี่มันเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย โดยเฉพาะ...”

โจวหยางอยากจะบอกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องอยู่คนเดียวมาเป็นเวลานานอย่างคุณ ย่อมต้องมีการปลดปล่อยความต้องการทางร่างกายบ้างเป็นธรรมดา

แต่เมื่อคิดว่าพูดออกไปแบบนั้นคงไม่ดี จึงรีบห้ามตัวเอง

“ฉันก็มีเหตุผลที่พูดไม่ได้เหมือนกัน!” ถังอวี้เหมยปัดผมที่ปรกลงมาตรงหน้าผาก “ถ้าเธอไม่รังเกียจ ฉันจะเล่าให้ฟัง”

โจวหยางย่อมไม่รังเกียจอยู่แล้ว จึงตอบว่า “ได้สิครับ ผมมีเวลาถมเถ”

ถังอวี้เหมยแค่นยิ้ม ก่อนตบโซฟาข้างตัว “มานั่งตรงนี้สิ”

โจวหยางนั่งลงข้างถังอวี้เหมยด้วยความอึดอัด เมื่อได้กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ เขาก็ยิ่งเกร็ง นั่งตัวตรงแน่ว

ถังอวี้เหมยขยับเข้ามาใกล้ ก่อนกระซิบข้างหูโจวหยางว่า “ฉันเป็นโรคภายในของผู้หญิงน่ะ”

“หา?” โจวหยางชะงักกึก

ถังอวี้เหมยถอนหายใจด้วยความจนปัญญา “ฉันไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในเมืองเซินเฉิงมาหมดแล้ว ยาก็กินไปเยอะ แต่ก็กลับมาเป็นซ้ำตลอด”

“โรคภายในแบบไหนกันครับ ทำไมถึงได้รักษายากขนาดนี้?” โจวหยางถาม

ถังอวี้เหมยมีท่าทีลำบากใจไม่อยากพูด ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นอีกหลายส่วน “รายละเอียดฉันไม่อยากพูดถึง แต่ฉันเป็นคนรักนวลสงวนตัว ปกติก็ใส่ใจเรื่องความสะอาด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นได้”

“พี่เหมย ขอมือผมหน่อยครับ!” โจวหยางพูด

“หา?”

“ขอมือผมหน่อย!”

โจวหยางไม่สนใจท่าทีงุนงงของถังอวี้เหมย เขาเป็นฝ่ายจับมือของเธอขึ้นมาเอง

จากนั้น ก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของอีกมือหนึ่ง แตะลงบนข้อมือของถังอวี้เหมยแผ่วเบา

ครู่ต่อมา โจวหยางก็พูดขึ้น “นี่ไม่นับว่าเป็นโรคภายในหรอกครับ”

“เธอดูอาการป่วยเป็นด้วยเหรอ?”

ดวงตาคู่งามของถังอวี้เหมยฉายแววประหลาดใจ

“บ้านผมสืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนมาหลายชั่วอายุคน ผมตามคุณพ่อไปตรวจคนไข้ตั้งแต่เด็ก เลยซึมซับมาบ้างน่ะครับ!” โจวหยางกล่าว “จากชีพจรของคุณ บ่งบอกว่ามีความร้อนชื้นในเส้นลมปราณตับ โดยพื้นฐานร่างกายมีภาวะหยินพร่อง เลือดลมแห้ง ทำให้ผิวพรรณขาดการบำรุง มีไฟพร่องรบกวนบริเวณส่วนสงวน ทำให้ภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ของระบบสืบพันธุ์ไม่เพียงพอ จึงปรากฏอาการบางอย่างออกมา”

“แต่นี่ไม่ใช่โรค แล้วก็ไม่ส่งผลต่อสุขภาพหรือสุขอนามัยของคุณ เพียงแต่ว่า...”

“เพียงแต่อะไร?” แววตาของถังอวี้เหมยเต็มไปด้วยความร้อนรน

“ก็แค่...มักจะมีความต้องการสูงกว่าคนทั่วไปหน่อยน่ะครับ” โจวหยางพูดด้วยความเขินอาย

เมื่ออวัยวะเพศถูกรบกวน ประกอบกับเกิดความร้อนรุ่มในร่างกาย คนเราย่อมไม่อาจอดกลั้นความกระสับกระส่าย

“เธอนี่ตรวจแม่นดีจริง” ถังอวี้เหมยพึมพำ เสียงแผ่วเบาหงุงหงิงใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายราวลูกท้อสุกปลั่ง จนแทบจะมีหยดน้ำไหลซึมออกมา “เพราะอย่างนี้นี่เอง ฉันถึงได้ฝันแบบนั้นตอนหลับเป็นประจำ”

โจวหยางยิ้ม ใบหน้าของเขาปราศจากความสิ้นหวังและสับสนของเซลล์แมนตัวเล็กตัวน้อยอย่างที่เคยเป็น แต่กลับเต็มไปด้วยความสุขุมเยือกเย็น “แบบนี้ไม่นับว่าเป็นโรค รักษาหายง่ายมาก แค่ใช้ยาจีนไม่กี่ตัวก็จัดการได้แล้วครับ”

โจวหยางเกิดในตระกูลที่สืบทอดวิชาแพทย์แผนจีน บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดตำรับยาไว้กว่าร้อยชนิด แน่นอนว่าย่อมมีตำรับยาสำหรับรักษาอาการร้อนชื้นในเส้นลมปราณตับด้วย

“นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีความสามารถด้านนี้เหมือนกัน” ใบหน้าของถังอวี้เหมยแดงระเรื่อดุจดอกท้อ รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น ท่าทีเย็นชาในยามปกติลดน้อยลงไป ตอนนี้เธอมีแต่ความอ่อนโยนในแบบฉบับพี่สาวข้างบ้านคนสวย “เสี่ยวโจว ถ้าเธอช่วยรักษาให้ฉันหายได้ ต่อไปเรื่องยอดขายของเธอ เดี๋ยวฉันรับผิดชอบทั้งหมดเอง”

สีหน้าของโจวหยางหม่นหมองลง ก่อนถอนหายใจ “พี่เหมย ขอบคุณในความหวังดีของคุณมากเลยครับ แต่เรื่องยอดขายคงไม่ต้องรบกวนคุณแล้ว ผมถูกบริษัทไล่ออกแล้วน่ะครับ!”

“หา? ทำไมล่ะ?” ถังอวี้เหมยถามด้วยความประหลาดใจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 30

    เมื่อหมดหวัง เธอจึงทำได้เพียงกวักมือเรียกโจวหยางที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านข้างด้วยความเก้อกระดาก “เอ่อ... มานี่หน่อยสิ!”“ครับ!”“ช่วยสาธิตให้ดูที ว่าจุดฝังเข็มสองจุดนี้มันอยู่ตรงไหน?” ซูจิ้งพูดโจวหยางขมวดคิ้วพลางมองอย่างจริงจัง ก่อนใช้ปลายนิ้วสัมผัสซูจิ้งแผ่วเบา “ตรงนี้ กับตรงนี้ครับ!”ใบหน้าของซูจิ้งพลันแดงระเรื่อราวแสงอาทิตย์ยามอัสดง ดูงดงามน่าทะนุถนอม“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว!”เธอรีบนั่งตัวตรง ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “สรุปคุณมาห้องทำงานฉันมีธุระอะไร?”“คือผมอยากจะบอกว่า เกณฑ์การคัดคนออกนั่นมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย!” โจวหยางประท้วง “ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”“เดี๋ยวมีคนสอนงานให้ แป๊บเดียวก็ทำเป็นแล้วน่า!” ซูจิ้งยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาหลิวเยี่ยน “คุณมาที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”ครู่ต่อมา หลิวเยี่ยนก็มาถึงห้องทำงานของซูจิ้ง“โจวหยาง ทำความรู้จักกันไว้นะ นี่คือหลิวเยี่ยน ยอดนักขายอันดับหนึ่งของแผนกเรา!” ซูจิ้งแนะนำ“สวัสดีโจวหยาง!”หลิวเยี่ยนเดินเข้ามา ก่อนจับมือกับโจวหยางอย่างยิ้มแย้ม แถมยังโค้งตัวลงเล็กน้อย ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนดีเยี่ยมโจวหยางอยากจะซัดเบ้าหน้าสักหมัดจริงๆเสแส

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 29

    ซูจิ้งชะงักกึก ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มพนักงานขายคนใหม่จะใจกล้าขนาดนี้มือนี้น่ะ นอกจากเอาไว้จับมือกับลูกค้าเรื่องงานแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้สัมผัสมาก่อนแต่ตอนนี้เธอไม่มีแรง จึงได้แต่ปล่อยให้โจวหยางจับมือ แล้วใช้นิ้วนวดคลึงตรงง่ามนิ้วให้เธอพลันความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นปราดขึ้นมาตรงง่ามนิ้ว“โอ๊ย!”ซูจิ้งครางออกมาแผ่วเบา ก่อนรีบเม้มปาก ตีสีหน้าหยิ่งยโสเย็นชาโจวหยางนวดอยู่ประมาณสองสามนาที ก็พลันย่อตัวลงนั่ง สายตาจับจ้องไปที่เรียวขางามของซูจิ้ง“คุณจะทำอะไร?”ซูจิ้งรู้สึกว่าตัวเองถูกล่วงเกิน จึงจ้องมองโจวหยางด้วยสายตาเย็นเยียบ“ผู้อำนวยการซู คุณไม่รู้สึกเหรอครับว่า ตอนนี้คุณมีแรงพูดมากกว่าเมื่อกี้แล้ว!” โจวหยางเลิกคิ้วยิ้มเมื่อครู่ซูจิ้งกำลังเครียด เมื่อถูกทักเช่นนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้จริง ๆ“นี่แสดงว่าวิธีของผมได้ผลไงครับ!” โจวหยางกล่าว “ตอนนี้เรามากดจุดต่อไปกันเลย จุดนี้เรียกว่าซานอินเจียว อยู่ตรงข้อเท้าครับ!”เขานั่งยอง ๆ และดึงข้อเท้าของซูจิ้งเข้ามาหาตัวอย่างเชื่องช้าข้อเท้าของซูจิ้งขาวเนียนไร้ตำหนิ แถมข้อเท้าขวาด้านนอกยังมีรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดง ทำให้ดู

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 28

    ซูจิ้งมีใบหน้างดงามราวเทพธิดาและรูปร่างเย้ายวนใจดั่งนางมารร้าย ที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้นคือ เธอยังผสมผสานความสวยงามของหญิงสาววัยเยาว์และความเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีรัศมีของผู้กุมอำนาจที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมืออีกด้วยผู้หญิงเช่นนี้ ถือเป็นสุดยอดของสุดยอดในหมู่สตรี แทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตอนนี้ ซูจิ้งถือปากกาเลเซอร์พลางเปิดสไลด์นำเสนอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอดขายในไตรมาสที่สองย่ำแย่มาก ฉันไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่?”ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มเป็นเส้นตรง ขณะเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นดังก้องกังวาน ในรูหูของพวกเขา มันช่างน่ากลัว คล้ายเป็นเสียงระฆังมรณะในที่ทำงานไม่มีผิดพนักงานขายทุกคนต่างก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับซูจิ้งด้วยซ้ำ“ฉันว่า คงถึงเวลาต้องใช้อาวุธเด็ดของฝ่ายการตลาดและการขายแล้ว!” ซูจิ้งกดไปยังสไลด์หน้าถัดไป “ระบบคัดคนออก!”“หา?”บรรดาพนักงานในทีมขาย ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันทีระบบคัดคนออก มีความหมายตามชื่อ คือคนที่ทำผลงานรั้งท้ายสุด จะต้อ

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 27

    ชายคนนั้นดูอายุไม่น่าถึงสามสิบปี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสแล็คสีเทาเข้ม ทั้งยังสวมแว่นตากรอบดำ ทำให้ดูสุภาพเรียบร้อยแต่ดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แค่สบตาก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจแล้ว“ไป๋ลู่ บังเอิญจัง ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?”ชายคนนั้นพูดจบ ก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายไป๋ลู่หน้าตาเฉยนัยน์ตาของไป๋ลู่ฉายแววรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง เธอไม่สนใจชายคนนั้น แต่หันมายิ้มให้โจวหยาง “โจวหยาง ฉันอิ่มแล้ว ไว้เจอกันตอนเย็นนะ”“ไว้เจอกันตอนเย็นครับ!”โจวหยางร่ำลาไป๋ลู่ ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจชายคนนั้นเช่นกัน จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าต่อไป“โจวหยางใช่ไหมเรา?” ชายคนนั้นทำลายความเงียบขึ้น “นายกับไป๋ลู่รู้จักกันได้ไง? จริงสิ แล้วที่บอกว่าเจอกันตอนเย็นน่ะ พวกนายจะไปทำอะไรกันเหรอ?”โจวหยางขมวดคิ้วมุ่น สำหรับคนประเภทที่ไม่รู้จักเว้นระยะห่างแบบนี้ เขาค่อนข้างรู้สึกรังเกียจ“ขอโทษทีครับ พอดีนี่เป็นเรื่องของเรา ไม่สะดวกบอกคนอื่นน่ะ!” โจวหยางตอบ“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นเด็กเส้น คำพูดคำจาแข็งกร้าวเชียวนะ!” ชายคนนั้นกล่าวแดกดันโจวหยางเงยหน้าขึ้นถาม “เด็กเส้นอะไรครั

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 26

    โจวหยางจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “พี่เหมย ไม่เห็นมีอะไรเลย! ตรงนี้แห้งสนิทดีอยู่นะครับ!”“อ้อ! แล้วรอบนี้ล่ะ?”ถังอวี้เหมยรีบเปิดฝักบัวทันทีสายน้ำอุ่นจึงเทรดลงมาดั่งฝนห่าใหญ่ อาบทั้งร่างของโจวหยางและถังอวี้เหมยจนเปียกโชกไปพร้อมกัน“อ๊ะ! พี่เหมย พี่ทำอะไรเนี่ย?”“อาบน้ำไง! อิอิ!”“พี่เหมยใจร้ายจัง!”“ผู้หญิงไม่ร้าย ผู้ชายไม่รักหรอก! ฮ่า ๆ ๆ!”ถังอวี้เหมยพูดไปหัวเราะไป เอนตัวพิงกำแพงนั่งลงใต้ฝักบัว ก่อนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้สายน้ำราดรดลงมาในวินาทีนี้ เธอมีความงดงามดุจดั่งบัวพ้นน้ำเสื้อผ้าที่บางราวปีกจั๊กจั่นของเธอ ขณะนี้เมื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก็ยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบถึงไหนต่อไหนภาพนี้ ทำให้เลือดลมในกายโจวหยางพลันสูบฉีด แม้จะอยู่ใต้ฝักบัว แต่เขาก็ยังรู้สึกลำคอแห้งผากตอนนั้นเอง ถังอวี้เหมยก็หันมามองเขา ใบหน้าที่แดงเรื่อจากฤทธิ์สุรา เวลานี้ช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างร้ายกาจ“พี่เหมย มองผมแบบนี้ทำไมเหรอ?” โจวหยางชะงักกึกแต่ถังอวี้เหมยกลับโผเข้ามากอดโจวหยาง ก่อนประทับริมฝีปากสีชมพูเข้ามาโดยตรงครู่ต่อมา โจวหยางก็เดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกปอนเสียงของถังอวี้เห

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 25

    ตอนนี้ ภายใต้แสงไฟสลัว ถังอวี้เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าฉายแววเปี่ยมเสน่หา“ว่าแต่เธออยากขึ้นเตียงกับฉันจริง ๆ เหรอ?” เธอถามโจวหยางที่ขับเคลื่อนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เกือบโพล่งคำว่า “อยาก” ออกไปแล้ว!แต่พอดีเขายังมีสติ ถังอวี้เหมยเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แม้ชีวิตคู่ของเธอจะไม่มีความรัก แต่ถ้าเขาไปหลับนอนกับเธอจริง ๆ ก็เท่ากับเป็นการทำลายครอบครัวคนอื่น เรื่องแบบนี้ทำไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะ เซี่ยยงก็หวังให้พี่เหมยนอกใจอยู่แล้ว พี่เหมยคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นแน่นอนที่เธอถามแบบนี้ ก็คงแค่อยากลองใจดูว่าฉันบริสุทธิ์ใจจริงหรือเปล่าเท่านั้นเองแต่ว่า ถ้าให้โจวหยางตอบว่าไม่อยาก ก็เท่ากับพูดโกหกใจตัวเองแม้ถังอวี้เหมยจะเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ในเรื่องรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แพ้พวกเด็กสาวแต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยมีลูก เซี่ยเฟิงก็เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วบวกด้วยการอุ้มบุญ สาวสวยมีระดับเช่นนี้ ใครบ้างไม่อยากลิ้มลอง?ดังนั้น หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหยางจึงเลือกที่จะไม่ตอบ และเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“พี่เหมย พี่เล่าแผนของพี่มาเถอะ ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยครับ!” โจวหยางกล่าว“วัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status