Share

บทที่ 4

Author: ธารน้ำแข็งใต้แสงจันทร์
“นายต้องไปนอนกับถังอวี้เหมย ถ่ายคลิปเก็บไว้ทั้งหมด แล้วเอาคลิปมาให้ฉัน!” เซี่ยหงเทากล่าว “เรื่องนี้เบื้องบนทางสำนักงานใหญ่เป็นคนสั่งมาเอง”

“หา?”

โจวหยางตะลึงงัน

ทางเบื้องบนของสำนักงานใหญ่อยากให้เขาไปล่อลวงถังอวี้เหมยขึ้นเตียง และยังต้องถ่ายคลิปอีกด้วยเนี่ยนะ?

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

“เบื้องบนคนไหนครับ แล้วเขาสั่งให้ผมทำแบบนี้ทำไม?” โจวหยางถาม

“นี่เป็นเรื่องที่นายควรถามหรือไง?” เซี่ยหงเทาใช้อำนาจความเป็นผู้จัดการเข้าข่ม พูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ รับรองว่าเดี๋ยวนายจะได้เลื่อนตำแหน่งแถมยังมีเงินใช้ด้วย”

โจวหยางขมวดคิ้วมุ่น ในใจไม่เห็นด้วยอย่างแรง

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนี้มันผิดกฎหมายหรือไม่ เอาแค่เรื่องศีลธรรมในใจก็ยอมรับไม่ได้แล้ว

“ผู้จัดการเซี่ย เรื่องนี้เกรงว่าผมคงทำไม่ได้ครับ”

“โอกาสดีขนาดนี้เชียวนะ!” เซี่ยหงเทาหรี่ตา พูดด้วยน้ำเสียงเคี่ยวเข็ญ “ถังอวี้เหมยเป็นถึงคนใหญ่คนโต จะเอาเงินก็มีเงิน จะเอาเส้นสายก็มีเส้นสาย หน้าตารูปร่างก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กสาววัยรุ่นสักนิด ถ้านายทำให้หล่อนขึ้นเตียงได้สำเร็จ ชีวิตนี้ก็คุ้มแล้ว! นายจะหัวดื้อแบบนี้ไปทำไม?”

โจวหยางถอนหายใจ “นั่นมันคนละเรื่องกันครับ ผมจะไม่ยอมทรยศต่อมโนธรรมของตัวเอง เพื่อแลกกับการเลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือนเด็ดขาด!”

ปัง!

เซี่ยหงเทากระแทกแฟ้มในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนถลึงตาใส่โจวหยาง “มโนธรรมมันจะมีค่าเท่าไหร่กัน? โจวหยาง ฉันจะบอกให้นะ นายอย่าทำตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถ้านายไม่ยอมทำ วันนี้ก็เก็บข้าวของแล้วไสหัวไปซะ!”

โจวหยางกัดฟันกรอด “ผมยังอยู่ในช่วงฝึกงาน แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมผมต้องไปด้วย?”

เซี่ยหงเทาแค่นเสียงเย็นชา “นายฝึกงานอยู่ในพื้นที่ดูแลของฉัน ฉันจะทำอะไรกับนายก็ได้ ถ้าฉันบอกว่านายไม่ผ่านเกณฑ์ ก็คือไม่ผ่านเกณฑ์ อีกอย่าง ถ้าผู้ใหญ่ทางเบื้องบนคนนั้นรู้ว่านายไม่ยอมช่วย นายคิดว่าบริษัทในเครืออีพีเอส กรุ๊ป ยังจะมีที่ให้นายอยู่อีกเหรอ?”

โจวหยางสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เรียนจบ ที่เขาได้สัมผัสกับด้านมืดและความไร้ปรานีของสังคม

แต่ตระกูลโจวของเขามีคำสอนสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ว่าจะไม่มีวันขายมโนธรรมเพื่อผลประโยชน์เป็นอันขาด

ถึงเขาโจวหยางจะยากจน แต่ก็ไม่สิ้นไร้ความทะเยอทะยาน ย่อมไม่มีทางทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเพื่อแลกกับการการเลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือนแน่นอน

“ถ้างั้นผมขอลาออก” โจวหยางกล่าว

“โจวหยาง นายจะมาทำตัวสูงส่งทำไมวะ?” เซี่ยหงเทาพูดด้วยความหัวเสีย “สังคมมันก็เหมือนถังย้อมผ้าใบใหญ่ เมื่อเข้ามาคลุกคลีอยู่ในสังคมแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนแม่งก็ต้องแปดเปื้อนกันทั้งนั้น!”

“ผมไม่ได้ทำตัวสูงส่ง ผมแค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับแผนการสกปรกของพวกคุณ” โจวหยางกล่าว

“ไอ้โง่! นายนี่สมองฝ่อไปแล้วหรือไง!”

ท่าทีของโจวหยาง ทำให้เซี่ยหงเทาโกรธจนแทบคลั่ง

เมื่อพนักงานสาวคนหนึ่งได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็รีบเข้ามาในห้องทำงาน แสร้งทำเป็นลูบไล้หน้าอกของเซี่ยหงเทาเพื่อปลอบโยนอย่างมีจริตจะก้าน “ผู้จัดการ โมโหอะไรขนาดนี้คะ? ใจเย็น ๆ ก่อนน้า”

เซี่ยหงเทาชี้หน้าด่าโจวหยาง “โจวหยางแกจำไว้ สันดานอวดดีแบบแกน่ะ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีวันได้ดี คนอย่างแกถูกกำหนดมาแล้วว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ แกมันก็แค่เศษสวะชั้นต่ำของสังคม ไม่มีวันทำงานใหญ่สำเร็จหรอก”

โจวหยางหันหลังตั้งใจจะเดินจากไป แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้ จึงหยุดเท้าแล้วหันกลับมาพูดว่า “ถ้าเกิดวันหนึ่งผมประสบความสำเร็จขึ้นมาล่ะ?”

เซี่ยหงเทาแสยะยิ้มตะโกนลั่น “คนหน้าโง่อย่างแกถ้าประสบความสำเร็จได้นะ ฉันเซี่ยหงเทาคนนี้ จะคุกเข่าเรียกแกว่าพ่อ ให้ดู!”

“คุณจำคำพูดนี้ไว้ให้ดีแล้วกัน” โจวหยางกัดฟันกล่าว

ขณะนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเซี่ยหงเทาก็ดังขึ้น พนักงานสาวที่อยู่ด้านข้างเป็นคนช่วยรับสายให้

“ผู้จัดการคะ ลูกค้าของคุณโจวหยางที่อยู่โถงด้านหน้ามาแล้วค่ะ ระบุชื่อให้คุณโจวหยางไปพบด้วย”

“ลูกค้าคนไหน?”

“ถังอวี้เหมยค่ะ!”

เซี่ยหงเทาสูดหายใจเข้าลึก พูดด้วยเสียงที่อ่อนลง “โจวหยาง ถึงแกจะลาออก แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่ในกะสุดท้ายให้ดี”

“เรื่องนี้ไม่ต้องให้คุณมาบอก”

เมื่อโจวหยางปลีกตัวออกมา และเดินมาถึงโถงด้านหน้า ถังอวี้เหมยก็รออยู่ที่นั่นแล้ว

วันนี้ถังอวี้เหมยสวมชุดเดรสรัดรูปสีไวน์แดง ชายกระโปรงผ่าสูงเผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่อง ส่วนท่อนบนสวมทับด้วยเสื้อสูทสีขาวที่ตัดเย็บอย่างโดดเด่น ขับเน้นให้เห็นถึงราศีของความเป็นสาวแกร่ง

อีกทั้ง เธอยังแต่งหน้าอ่อน ๆ ด้วย

กรีดอายไลเนอร์บางเบา แพขนตาโค้งงอน

บนริมฝีปากสุดเซ็กซี่ ทาลิปสติกเนื้อแมตต์สีแดงย้อนยุค ตัดกับสีผิวที่ขาวเนียนตาได้เป็นอย่างดี

และต่างหูพู่ระย้าสีทองที่แกว่งไกวอยู่บนติ่งหู ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกเลอค่ามากขึ้น

ประกอบกับโครงหน้าที่คมชัด ดวงตารูปเม็ดถั่วที่สดใส ทุกการชำเลืองมองแฝงไปด้วยความลุ่มลึกและนวยนาด...

นี่คือตัวแม่สุดแกร่งในคราบพี่สาวคนสวยชัด ๆ !!

โจวหยางรีบเดินเข้าไปหา “พี่เหมย วันนี้พี่มาที่ร้านด้วยตัวเองเลยเหรอครับ?”

“บังเอิญผ่านมา เลยแวะมาดูเธอหน่อยน่ะ!”

ถังอวี้เหมยยิ้มเล็กน้อย บอกเป็นนัยว่าตั้งใจหยอกเย้า

เหล่าเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างได้ยินเข้า ก็ให้รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที พวกเขาจับกลุ่มยกมือปิดปากซุบซิบกัน

“ฮื่อ!”

โจวหยางกลับหน้าแดงเรื่อ

“ฮ่า ๆ ๆ ฉันล้อเล่นน่ะ เธอไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้!” ถังอวี้เหมยหัวเราะอย่างเปิดเผย “คราวก่อนเธอไม่ได้บอกเหรอว่าช่วงนี้มีสินค้าใหม่ อยากให้ฉันเข้ามาดูน่ะ?”

“จริงด้วยครับ!”

โจวหยางยกมือตบหน้าผากตัวเอง วันนี้มัวแต่ทะเลาะกับผู้จัดการจนลืมเรื่องอื่นไปเสียหมด

“สินค้าใหม่อยู่ทางนี้ครับพี่เหมย เชิญตามผมมาเลย!”

“ได้จ้ะ!”

ถังอวี้เหมยลุกขึ้น เดินตามโจวหยางไปทางโซนจัดแสดงสินค้า

ถังอวี้เหมยสูงประมาณ 168 เซนติเมตร สัดส่วนช่วงเอวและสะโพกนั้นน่าทึ่ง เรือนร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งกลมกลึงได้รูป ยามเดินท่วงท่าสง่างาม เรือนร่างอรชรพริ้วไหวราวเกลียวคลื่น ชวนให้เลือดลมในร่างกายสูบฉีด

โจวหยางพยายามตั้งสติให้มั่น เมื่อมาถึงโซนจัดแสดงสินค้า ก็ชี้ไปที่สินค้าใหม่เพื่อแนะนำให้ถังอวี้เหมยรับฟัง “พี่เหมยครับ สินค้ารุ่นนี้...”

หลังใช้เวลาอธิบายกว่าครึ่งชั่วโมง โจวหยางก็ร่ายยาวจนถังอวี้เหมยคล้อยตาม และปิดการขายได้สำเร็จ

“ตอนนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก ของที่ฉันสั่งไว้ทั้งหมดนี่ เดี๋ยวเธอค่อยเอาไปส่งให้ที่บ้านฉันแล้วกันนะ!” ถังอวี้เหมยบอก

“ไม่มีปัญหาครับ พี่เหมย!” โจวหยางตอบ

“ขอมือหน่อย!” ถังอวี้เหมยสั่ง

“หา?” โจวหยางชะงักกึก

ถังอวี้เหมยดึงมือของโจวหยางเข้าหาตัว ก่อนตบฝ่ามือของตนเองลงไปเสียงดัง "แปะ"

เมื่อได้สัมผัสผิวที่เนียนละเอียดราวหยกแกะสลักของถังอวี้เหมย หัวใจของโจวหยางก็สั่นไหว

วินาทีต่อมา ก็เห็นการ์ดสีดำใบหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา

“พี่เหมย นี่อะไรครับ?”

ถังอวี้เหมยยกยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วมองโจวหยาง “คีย์การ์ดเข้าบ้านฉัน เธอใช้มันเข้าออกบ้านฉันได้ตลอดเวลา”

“หา?” โจวหยางตื่นตกใจ “พี่เหมย ผมจะรับไว้ได้ยังไงครับ?”

“ใครบอกว่าให้เธอล่ะ?”

ถังอวี้เหมยมองค้อนโจวหยางวงหนึ่ง ราวกับเด็กสาวกำลังออดอ้อน

“ตอนนี้ฉันจะออกไปข้างนอก ไม่รู้กลับเมื่อไหร่ แม่บ้านก็กลับต่างจังหวัดไปแล้ว ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ตอนเธอไปส่งของที่บ้านฉัน ก็ให้ใช้คีย์การ์ดนี่เปิดเข้าไป พอส่งของเสร็จก็วางคีย์การ์ดทิ้งไว้ในบ้านได้เลย”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง!”

โจวหยางยกมือเกาท้ายทอย แต่ในใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก

“งั้นฉันขอตัวก่อน”

ถังอวี้เหมยยิ้ม ก่อนเดินส่ายสะโพกจากไป

และผู้จัดการเซี่ยหงเทาก็เดินเข้ามาทันที “โจวหยาง ฉันเห็นหมดแล้วนะ!”

“เห็นอะไรครับ?” โจวหยางถาม

“สายตาที่หล่อนมองนายน่ะสิ แทบจะกลืนกินนายเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว!” เซี่ยหงเทาพูดเสียงต่ำพลางแสยะยิ้มลามก

เมื่อครู่ เซี่ยหงเทาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ทางด้านข้าง

เขาเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างถังอวี้เหมยกับโจวหยาง ราวกับว่าทั้งสองอยู่ในโลกที่ลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดสิ้น

ในสายตาของถังอวี้เหมย มีเพียงโจวหยางเท่านั้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 30

    เมื่อหมดหวัง เธอจึงทำได้เพียงกวักมือเรียกโจวหยางที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านข้างด้วยความเก้อกระดาก “เอ่อ... มานี่หน่อยสิ!”“ครับ!”“ช่วยสาธิตให้ดูที ว่าจุดฝังเข็มสองจุดนี้มันอยู่ตรงไหน?” ซูจิ้งพูดโจวหยางขมวดคิ้วพลางมองอย่างจริงจัง ก่อนใช้ปลายนิ้วสัมผัสซูจิ้งแผ่วเบา “ตรงนี้ กับตรงนี้ครับ!”ใบหน้าของซูจิ้งพลันแดงระเรื่อราวแสงอาทิตย์ยามอัสดง ดูงดงามน่าทะนุถนอม“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว!”เธอรีบนั่งตัวตรง ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “สรุปคุณมาห้องทำงานฉันมีธุระอะไร?”“คือผมอยากจะบอกว่า เกณฑ์การคัดคนออกนั่นมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย!” โจวหยางประท้วง “ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”“เดี๋ยวมีคนสอนงานให้ แป๊บเดียวก็ทำเป็นแล้วน่า!” ซูจิ้งยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาหลิวเยี่ยน “คุณมาที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”ครู่ต่อมา หลิวเยี่ยนก็มาถึงห้องทำงานของซูจิ้ง“โจวหยาง ทำความรู้จักกันไว้นะ นี่คือหลิวเยี่ยน ยอดนักขายอันดับหนึ่งของแผนกเรา!” ซูจิ้งแนะนำ“สวัสดีโจวหยาง!”หลิวเยี่ยนเดินเข้ามา ก่อนจับมือกับโจวหยางอย่างยิ้มแย้ม แถมยังโค้งตัวลงเล็กน้อย ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนดีเยี่ยมโจวหยางอยากจะซัดเบ้าหน้าสักหมัดจริงๆเสแส

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 29

    ซูจิ้งชะงักกึก ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มพนักงานขายคนใหม่จะใจกล้าขนาดนี้มือนี้น่ะ นอกจากเอาไว้จับมือกับลูกค้าเรื่องงานแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้สัมผัสมาก่อนแต่ตอนนี้เธอไม่มีแรง จึงได้แต่ปล่อยให้โจวหยางจับมือ แล้วใช้นิ้วนวดคลึงตรงง่ามนิ้วให้เธอพลันความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นปราดขึ้นมาตรงง่ามนิ้ว“โอ๊ย!”ซูจิ้งครางออกมาแผ่วเบา ก่อนรีบเม้มปาก ตีสีหน้าหยิ่งยโสเย็นชาโจวหยางนวดอยู่ประมาณสองสามนาที ก็พลันย่อตัวลงนั่ง สายตาจับจ้องไปที่เรียวขางามของซูจิ้ง“คุณจะทำอะไร?”ซูจิ้งรู้สึกว่าตัวเองถูกล่วงเกิน จึงจ้องมองโจวหยางด้วยสายตาเย็นเยียบ“ผู้อำนวยการซู คุณไม่รู้สึกเหรอครับว่า ตอนนี้คุณมีแรงพูดมากกว่าเมื่อกี้แล้ว!” โจวหยางเลิกคิ้วยิ้มเมื่อครู่ซูจิ้งกำลังเครียด เมื่อถูกทักเช่นนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้จริง ๆ“นี่แสดงว่าวิธีของผมได้ผลไงครับ!” โจวหยางกล่าว “ตอนนี้เรามากดจุดต่อไปกันเลย จุดนี้เรียกว่าซานอินเจียว อยู่ตรงข้อเท้าครับ!”เขานั่งยอง ๆ และดึงข้อเท้าของซูจิ้งเข้ามาหาตัวอย่างเชื่องช้าข้อเท้าของซูจิ้งขาวเนียนไร้ตำหนิ แถมข้อเท้าขวาด้านนอกยังมีรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดง ทำให้ดู

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 28

    ซูจิ้งมีใบหน้างดงามราวเทพธิดาและรูปร่างเย้ายวนใจดั่งนางมารร้าย ที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้นคือ เธอยังผสมผสานความสวยงามของหญิงสาววัยเยาว์และความเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีรัศมีของผู้กุมอำนาจที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมืออีกด้วยผู้หญิงเช่นนี้ ถือเป็นสุดยอดของสุดยอดในหมู่สตรี แทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตอนนี้ ซูจิ้งถือปากกาเลเซอร์พลางเปิดสไลด์นำเสนอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอดขายในไตรมาสที่สองย่ำแย่มาก ฉันไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่?”ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มเป็นเส้นตรง ขณะเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นดังก้องกังวาน ในรูหูของพวกเขา มันช่างน่ากลัว คล้ายเป็นเสียงระฆังมรณะในที่ทำงานไม่มีผิดพนักงานขายทุกคนต่างก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับซูจิ้งด้วยซ้ำ“ฉันว่า คงถึงเวลาต้องใช้อาวุธเด็ดของฝ่ายการตลาดและการขายแล้ว!” ซูจิ้งกดไปยังสไลด์หน้าถัดไป “ระบบคัดคนออก!”“หา?”บรรดาพนักงานในทีมขาย ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันทีระบบคัดคนออก มีความหมายตามชื่อ คือคนที่ทำผลงานรั้งท้ายสุด จะต้อ

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 27

    ชายคนนั้นดูอายุไม่น่าถึงสามสิบปี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสแล็คสีเทาเข้ม ทั้งยังสวมแว่นตากรอบดำ ทำให้ดูสุภาพเรียบร้อยแต่ดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แค่สบตาก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจแล้ว“ไป๋ลู่ บังเอิญจัง ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?”ชายคนนั้นพูดจบ ก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายไป๋ลู่หน้าตาเฉยนัยน์ตาของไป๋ลู่ฉายแววรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง เธอไม่สนใจชายคนนั้น แต่หันมายิ้มให้โจวหยาง “โจวหยาง ฉันอิ่มแล้ว ไว้เจอกันตอนเย็นนะ”“ไว้เจอกันตอนเย็นครับ!”โจวหยางร่ำลาไป๋ลู่ ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจชายคนนั้นเช่นกัน จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าต่อไป“โจวหยางใช่ไหมเรา?” ชายคนนั้นทำลายความเงียบขึ้น “นายกับไป๋ลู่รู้จักกันได้ไง? จริงสิ แล้วที่บอกว่าเจอกันตอนเย็นน่ะ พวกนายจะไปทำอะไรกันเหรอ?”โจวหยางขมวดคิ้วมุ่น สำหรับคนประเภทที่ไม่รู้จักเว้นระยะห่างแบบนี้ เขาค่อนข้างรู้สึกรังเกียจ“ขอโทษทีครับ พอดีนี่เป็นเรื่องของเรา ไม่สะดวกบอกคนอื่นน่ะ!” โจวหยางตอบ“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นเด็กเส้น คำพูดคำจาแข็งกร้าวเชียวนะ!” ชายคนนั้นกล่าวแดกดันโจวหยางเงยหน้าขึ้นถาม “เด็กเส้นอะไรครั

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 26

    โจวหยางจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “พี่เหมย ไม่เห็นมีอะไรเลย! ตรงนี้แห้งสนิทดีอยู่นะครับ!”“อ้อ! แล้วรอบนี้ล่ะ?”ถังอวี้เหมยรีบเปิดฝักบัวทันทีสายน้ำอุ่นจึงเทรดลงมาดั่งฝนห่าใหญ่ อาบทั้งร่างของโจวหยางและถังอวี้เหมยจนเปียกโชกไปพร้อมกัน“อ๊ะ! พี่เหมย พี่ทำอะไรเนี่ย?”“อาบน้ำไง! อิอิ!”“พี่เหมยใจร้ายจัง!”“ผู้หญิงไม่ร้าย ผู้ชายไม่รักหรอก! ฮ่า ๆ ๆ!”ถังอวี้เหมยพูดไปหัวเราะไป เอนตัวพิงกำแพงนั่งลงใต้ฝักบัว ก่อนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้สายน้ำราดรดลงมาในวินาทีนี้ เธอมีความงดงามดุจดั่งบัวพ้นน้ำเสื้อผ้าที่บางราวปีกจั๊กจั่นของเธอ ขณะนี้เมื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก็ยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบถึงไหนต่อไหนภาพนี้ ทำให้เลือดลมในกายโจวหยางพลันสูบฉีด แม้จะอยู่ใต้ฝักบัว แต่เขาก็ยังรู้สึกลำคอแห้งผากตอนนั้นเอง ถังอวี้เหมยก็หันมามองเขา ใบหน้าที่แดงเรื่อจากฤทธิ์สุรา เวลานี้ช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างร้ายกาจ“พี่เหมย มองผมแบบนี้ทำไมเหรอ?” โจวหยางชะงักกึกแต่ถังอวี้เหมยกลับโผเข้ามากอดโจวหยาง ก่อนประทับริมฝีปากสีชมพูเข้ามาโดยตรงครู่ต่อมา โจวหยางก็เดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกปอนเสียงของถังอวี้เห

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 25

    ตอนนี้ ภายใต้แสงไฟสลัว ถังอวี้เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าฉายแววเปี่ยมเสน่หา“ว่าแต่เธออยากขึ้นเตียงกับฉันจริง ๆ เหรอ?” เธอถามโจวหยางที่ขับเคลื่อนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เกือบโพล่งคำว่า “อยาก” ออกไปแล้ว!แต่พอดีเขายังมีสติ ถังอวี้เหมยเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แม้ชีวิตคู่ของเธอจะไม่มีความรัก แต่ถ้าเขาไปหลับนอนกับเธอจริง ๆ ก็เท่ากับเป็นการทำลายครอบครัวคนอื่น เรื่องแบบนี้ทำไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะ เซี่ยยงก็หวังให้พี่เหมยนอกใจอยู่แล้ว พี่เหมยคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นแน่นอนที่เธอถามแบบนี้ ก็คงแค่อยากลองใจดูว่าฉันบริสุทธิ์ใจจริงหรือเปล่าเท่านั้นเองแต่ว่า ถ้าให้โจวหยางตอบว่าไม่อยาก ก็เท่ากับพูดโกหกใจตัวเองแม้ถังอวี้เหมยจะเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ในเรื่องรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แพ้พวกเด็กสาวแต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยมีลูก เซี่ยเฟิงก็เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วบวกด้วยการอุ้มบุญ สาวสวยมีระดับเช่นนี้ ใครบ้างไม่อยากลิ้มลอง?ดังนั้น หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหยางจึงเลือกที่จะไม่ตอบ และเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“พี่เหมย พี่เล่าแผนของพี่มาเถอะ ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยครับ!” โจวหยางกล่าว“วัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status