ยังคงอยู่ในท่าทางป้องกันเช่นเดียว ขวางอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานคอของพวกเขากระทั่งเลือดหยุดไหลไปแล้ว และถ้าหากมองอย่างละเอียดจะพบว่า แผลบนคอคุณชายฉินก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่เลือดหยุดไหล กระทั่งว่า!กระทั่งมันเริ่มรักษาแล้ว!หวงเจี้ยนถังเองก็มองสิ่งเหล่านี้ออก ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้ชีวิตมาแล้วตั้งหลายปี จะมายอมรับและเผชิญหน้ากับความไม่รู้และความล้มเหลวของตนเองง่ายๆ ได้อย่างไร?หวงเจี้ยนถังยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้นไปอีก"นี่ถ้าไม่ใช่วิชาชั่วร้าย แล้วจะเป็นอะไรไปได้?! ศิษย์สำนักข้าล้วนถูกเจ้าควบคุมไปหมด!" หวงเจี้ยนถังเอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น "เจ้ามัน...ปีศาจสาวชัดๆ! ได้ยินว่าเจ้าสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวงน่าดู น่าจะใช้วิชาชั่วร้ายแบบนี้สินะ! วันนี้ข้าจะจัดการแทนสวรรค์..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่ามุมปากหญิงสาวคนนี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่มีความอบอุ่น แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่าเสียงของนางเรียบใสเย็น "คิดให้ดีแล้วค่อยพูด แทนสวรรค์รึ? วิญญาณนับไม่ถ้วนที่มือเจ้า เต็มไปด้วยกรรมชั่ว แล้วยังคิดจะแทนสวรรค์? เจ้าทำได้หรือไงกัน?""อ๊ะ ใช่แล้ว" นางเห
แต่ตรงหน้าเหล่านี้ ล้วนยังมีชีวิตกันอยู่นางสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างสบาย ตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่!"นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน...เป็นไปได้อย่างไร..." หวงเจี้ยนถังราวกับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง รู้สึกเริ่มสับสนหมดหวังขึ้นมาแล้วเขาพูดงึมงำซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด "นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เป็นไปได้อย่างไร...นี่มันเป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด...""ถ้าหากแบบนี้ เช่นนั้นข้า...มันคืออะไรล่ะ? แล้วข้า...จะเป็นอะไรไปได้?" หวงเจี้ยนถังพูด ในสีหน้าก็เหมือนจะเสียสติคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วรางๆแต่ก็ยังไม่ถือว่ารุนแรงนัก และตอนนี้เอง ด้านนอกประตูก็มีคนในชุดสำนักเมฆาวารีคนหนึ่ง เข้ามาพูดอะไรข้างหูหวงเจี้ยนถังสีหน้าหวงเจี้ยนถังยิ่งปั้นยากขึ้นไปอีก ราวกับไม่มีลมหายใจเหลืออยู่อีกแล้วจั๋วซือหรานมองคนสำนักเมฆาวารีที่รีบเข้ามาจากด้านนอก เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเขา ก็พอจะเดาได้ว่าเขาพูดอะไรเพราะจั๋วซือหรานจำคนสำนักเมฆาวารีคนนี้ได้ ถ้าหากจำไม่ผิด เหมือนจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งที่โรงเตี๊ยมดังนั้นที่เขารีบเข้ามาตอนนี้ สีหน้ายังดูเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแบบนี้จั๋วซือหรานก็นึกไปถึงหนึ่งความเป็นไปได้...บาง
จ้องจั๋วซือหรานเขม็ง"มีสิทธิ์อะไร...มีสิทธิ์อะไร....หึ หึๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆ!"เขาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สายตาจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ "มีสิทธิ์อะไร...ข้าทุ่มเทมาหลายสิบปี! แต่หญิงสาวคนเดียวก็ยังสู้ไม่ได้เหรอ! มีสิทธิ์อะไร?! ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อ! สวรรค์ทอดทิ้งข้า!"หลังจากนั้น ในมือเขาก็มีเสียงวูม! มีตลับหุ่นเชิดโผล่มาอีกหลายตลับ!ยิ่งไปกว่านั้นอักขระคำสาปประหลาดบนนั้น จั๋วซือหรานใช้ความเข้าใจต่อการคัดลอกอักขระคำสาปของตลับหุ่นเชิดในช่วงหลายวันนี้มาทำการประเมินตลับหุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นเชิดความมืดทั้งหมด!ดังนั้น ตอนที่หวงเจี้ยนถังเอาตลับหุ่นเชิดออกมามากมายนั้นคนสำนักเมฆาวารีที่เข้ามารายงานนั่น กับคนที่มาดูมหรสพอีกมากมาย เดิมทียังคิดว่า จั๋วซือหรานน่าจะมีความหวาดกลัว...หรือไม่ก็สายตาที่ระแวดระวังขึ้นมาบ้าง?แต่ว่าไม่มีเลยไม่มีเลยสักนิดถ้าแค่ไม่มีก็ว่าไปอย่าง ถึงอย่างไรพวกเขาก็แทบจะไม่เคยเห็นสีหน้าหวาดกลัวใดๆ บนหน้าหญิงสาวที่เผชิญหน้ากับอันตรายคนนี้เลยแต่ ไม่ใช่แค่ไม่มีความหวาดกลัวพวกเขายังเห็นว่า...ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นด้วยซ้ำ!ตาของนาง...เปล่งประกายขึ้น
หวงเจี้ยนถังรู้สึกว่า ที่พึ่งตอนนี้ของจั๋วซือหรานคือคนสำนักเมฆาวารีและคุณชายฉินที่ถูกนางควบคุมอยู่เหล่านี้คนเหล่านี้จะทำอะไรได้ อย่าว่าแต่เจ็ดคนนี้เลย ต่อให้มาอีกสักสิบคน ก็ไม่ใช่คู่มือหุ่นเชิดความมืดของเขาสำหรับเรื่องนี้ หวงเจี้ยนถังมีความมั่นใจอยู่แม้จะบอกว่าเขาถูกจั๋วซือหรานทำให้เสียความมั่นใจในด้านวิชาหุ่นเชิดแต่ในด้านการหลอมสกัดหุ่นเชิด ด้านคุณสมบัติหุ่นเชิด หวงเจี้ยนถังก็ไม่ประหม่าเท่าไรนักความหยิ่งผยองในตอนนี้ ถือว่ามีรากฐานที่แข็งแกร่งอยู่จั๋วซือหรานไม่ตอบสนองอะไรต่อสายตาและคำพูดยิ้มเยาะของหวงเจี้ยนถังเลยแค่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆด้วยความโกรธแค้นและชิงชังต่อนางของหวงเจี้ยนถัง จึงไม่มีการถ่วงเวลาอะไรทั้งสิ้น การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีหุ่นเชิดความมืดพวกนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและมิน่าที่หวงเจี้ยนถังมั่นใจขนาดนั้น หุ่นเชิดความมืดเหล่านี้ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น!จั๋วซือหรานจะมีแค่ตาเดียวก็ยังพิจารณาได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างน้อยก็ดีกว่าหุ่นเชิดความมืดที่ได้มาจากผู้เฒ่าเหอ รวมถึงหุ่นเชิดความมืดที่ได้จากผู้ดูแลชุยต่อมาด้วยมองผาดเดียวก็ม
บนหน้าที่เหมือนศพแห้ง เผยให้เห็นรอยยิ้มน่าขนลุก "ตายซะ ตาย!"จั๋วซือหรานมองท่าทางนี้ของเขา โดยเฉพาะระฆังที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งนั่นนางจุ๊ปากเบาๆ "ถ้าข้าไม่ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ก็คงจะผิดต่อเจ้าที่สั่นกระดิ่งดั่งลั่นขนาดนี้"หลังจากนั้น จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ ในฝ่ามือขาวนวล ปรากฏขลุ่ยสั้นมาเลาหนึ่ง!ขลุ่ยสั้นเลานี้ดูเหมือนทั้งเลาจะเปล่งประกายหลากสีราวกับเคลือบน้ำมัน สวยงามอย่างน่าพิศวง!ยิ่งไปกว่านั้นแค่มองก็...หวงเจี้ยนถังถลึงตากลมโต "นี่คือ..."เขามองออกแล้ว "...อาวุธกู่?"ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพก็ดูไม่เลวเลย ถ้าหากเป็นอาวุธกู่จริง แล้วเป็นพวกที่ยอมรับเจ้านายล่ะก็ ก็ต้องทำการหลอมสกัดขึ้นมาเองอย่างน้อยนี่ก็อธิบายได้ ว่าหญิงสาวคนนี้ต่อให้ฝีมือในการหลอมวัตถุ ก็ยังยอดเยี่ยม!หวงเจี้ยนถังอดคิดขึ้นมาอีกไม่ได้ นี่เป็นแค่...หญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น!แล้วก็โมโหกว่าเดิมเดิมทียังคิดว่าตนเองจะแพ้แค่ด้านวิชาหุ่นเชิดเท่านั้น แค่ตนเองมีพรสวรรค์ไม่พอ หรืออาจจะเดินผิดเส้นทางเท่านั้นแต่อย่างน้อยฝีมือด้านการหลอมวัตถุก็ยังยอดเยี่ยมอยู่แต่ตอนนี้พอเห็น บางทีในด้านหลอมวัตถุ ตนเองก็ไม่แน่ว่าจะไ
พอได้ยินเสียงจั๋วซือหราน หวงเจี้ยนถังก็ใจสั่นสะท้านอะไรคือที่บอกว่า...เขาคิดว่าเขากับนางสู้กันอย่างสูสีแล้วหรือ?หรือว่า...ไม่ใช่หรือไรกัน?"ข้าน่าจะไม่ได้เดาผิดกระมัง?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเสียงเรียบ "ในใจเจ้าน่าจะคิดว่า ข้ากับเจ้าสู้กันได้สูสีแล้วเท่านั้น"หวงเจี้ยนถังอดไม่อยู่ ถามความคิดในใจตนเองออกมา "หรือว่าไม่ใช่กัน? หุ่นเชดของของเจ้ากับหุ่นเชิดของข้า ตอนนี้ก็สู้กันอย่างสูสีนี่""เฮอะ" หวงเจี้ยนถังหัวเราะเย็นชา "แต่เจ้าอย่าลืมนะ ถ้าพวกเขาหมดแรงลงมา เจ้าก็จะไม่ได้สบายแบบตอนนี้แล้ว จะไม่มีโอกาสได้สู้กันแบบสูสีกับข้าอีก!"ถึงแม้เขาจะเล่นหุ่นเชิดมีชีวิตไม่เป็น แต่หลักการพื้นฐานก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจหุ่นเชิดมีชีวิตไม่เหมือนกับหุ่นเชิดความมืด หุ่นเชิดความมืดไม่มีข้อจำกัดพลังกาย ผ่านการหล่อหลอมอย่างหนักมาแล้ว ขอแค่ส่งมอบพลังวิญญาณที่เพียงพอ พวกมันก็สามารถต่อสู้ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจั๋วซือหรานเองก็ยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว แต่กลับไม่ใช่รอยยิ้มเย็นชา แต่เหมือนกับได้ยินเรื่องตลกอะไรแบบนั้น หัวเราะขึ้นมา "เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ มิน่าทั้งที่ง่วนอยู่กับวิชาหุ่นเชิดมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังมีแค
ทีละก้าว ทีละก้าวร่างสีแดงร่างหนึ่ง เดินมาถึงด้านหน้านางหยุดเดินยืนนิ่ง ท่าทางยังคงสงบเยือกเย็นเช่นเดิมและ 'เหล่าหุ่นเชิด' ของนาง ก็ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ด้านหลังนาง เต็มไปด้วยแรงกดดัน!เหมือนว่าแค่นางสั่งมาคำเดียว พวกเขาก็จะชูดาบพุ่งขึ้นหน้าประหัตประหารทิ้งหมดไม่เหลือทันทีสายตาของจั๋วซือหรานยังคงเป็นเช่นนั้น เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า จ้องมองหวงเจี้ยนถังอย่างเย็นชาริมฝีปากนางขยับเบาๆ ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "จบหรือยัง?""ริมฝีปากแห้งผากของหวงเจี้ยนถังขยับเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมาเลยนางชะงักไปครู่หนึ่ง ถามขึ้นมาอีกว่า "ถ้ายังมีความสามารถอะไรที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา ก็งัดออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นอย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าดิ้นรน"หวงเจี้ยนถังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เลือดไหลลงมาที่มุมปากจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ "ดีมาก เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าไม่เหลืออะไรแล้วนะ"หวงเจี้ยนถังผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถามเสียงแหบพร่า "เจ้าคิดจะ...ทำอะไรกันแน่..."เพราะอะไรจู่ๆ ถึงมาหาเรื่องคุณชายฉิน...ไม่สิ เพราะอะไรทำไมจู่ๆ ถึงมาหาเรื่องสำนักเมฆาวารี?เสียง 'ชิ้ง...!' ดังขึ้นดาบยาวสีขาวหิมะเล
พอได้ยินคำนี้ของคนสำนักเมฆาวารี ผู้คนรอบๆ ต่อให้เป็นแค่คนที่มามุงดูเหตุการณ์ ตอนนี้ก็ถอนใจโล่งออกมา!ถึงอย่างไร ใครก็ไม่อยากเห็นหญิงสาวที่มีพลังน่ากลัวแบบนี้คลั่งขึ้นมาน้องชายนางยังไม่เป็นไรก็ดีไปจะว่าไปแล้ว ขนาดน้องชายนางไม่เป็นไรยังอาละวาดเสียขนาดนี้ ถ้าน้องชายนางเป็นอะไรไป คงลำบากแน่?ถ้านางบ้าขึ้นมาไม่พังเมืองอวิ๋นยับเลยหรือ?ดังนั้นทุกคนตอนนี้ จึงล้วนถอนใจโล่งออกมาแต่พวกเขาไม่นานก็พบว่า ตนเองถอนใจโล่งเร็วเกินไปแล้วหญิงสาวคนนี้ ไม่ได้จัดการง่ายแบบที่คิดเอาไว้"พูดมา" สันดาบในมือจั๋วซือหรานปาดไปบนหน้าหวงเจี้ยนถังอีกครั้งความเจ็บปวดจี๊ดๆ ก่อนหน้า กลายเป็นความเจ็บปวดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นหวงเจี้ยนถังขมวดคิ้ว แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดเหมือนคิดจะใช้ความนิ่งเงียบมาแทนคำตอบจั๋วซือหรานมองออกถึงท่าทีนิ่งเงียบของเขาแบบนี้ หัวเราะขึ้นเบาๆ "มองไม่ออกเลยว่าเจ้าภักดีต่อสำนักเมฆาวารีขนาดนี้..."หวงเจี้ยนถังยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจา"แต่ว่านะ" จั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "ข้าเองก็ไม่เคยกลัวคนปากแข็งมาก่อนเหมือนกัน ข้ามีวิธีจะง้างปากคนอยู่มากมาย เจ้าพวกพ้องสำนักเจ้าที่อยู่บนรถม้าของข้าก็
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย