เป็นสัตว์ประหลาดที่จั๋วซือหรานไม่เคยเห็นมาก่อนไม่เพียงแต่ไม่เคยเห็ กระทั่งไม่ได้เคยยินมาก่อนด้วยซ้ำและมิน่าที่ปันอวิ๋นบอกว่าพบได้น้อย ก็น่าจะพบได้น้อยมากจริงๆควรจะพรรณนารูปร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่งไรดี จั๋วซือหรานครุ่นคิดครู่หนึ่งถ้าหากดูจากรูปร่างภายนอกแล้วล่ะก็ มันเหมือนกับ...ช้างกับตัวนิ่มรวมร่างกันมีจมูกยาวเฟื้อย แต่คล่องแคล่วมาก น่าจะมีไว้เพื่อคอยพลิกหารังแมลงโดยเฉพาะ ไว้คอยล้วนจับแมลงออกมากินแต่ก็มีเขี้ยวยาวกับฟันแหลมคมด้วย บ่งบอกถึงพลังโจมตีของมันได้อย่างชัดเจนและเกราะกระดูกที่เรียงกันเป็นระเบียบอย่างละเอียดนั่น กลับดูคล้ายคลึงกับตัวนิ่มที่จั๋วซือหรานรู้จักมาในชาติที่แล้ว บ่งบอกถึงพลังป้องกันที่ไม่ธรรมดาของมันจั๋วซือหรานยืนนิ้งอยู่ตรงนี้ ยังไม่ได้โจมตีอะไรออกไป นางหวังให้มันกินม้าตัวนี้ให้หมดอย่างเงียบๆ ไปทางที่ดีอย่าได้สังเกตเห็นขบวนที่เดินจากไปแล้วถ้าหากเป็นเช่นนี้ จั๋วซือหรานก็อาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย รอให้อันตรายหายไป นางก็ค่อยออกไปแบบเงียบๆ ติตดามขบวนไปก็พอแต่เห็นได้ชัด ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นางจินตนาการไว้จั๋วซือหรานพบว่า มั
ในลำคอของสัตว์ประหลาดตัวนิ่มเปล่งเสียงขู่ต่ำเตือนออกมาดวงตาใหญ่เหมือนกระดิ่งทองเหลืองคู่หนึ่ง ยิ่งแดงขึ้นเพราะความโกรธจัดเห็นได้ชัดว่า การเจรจาล้มเหลวเสียแล้วแมงมุมน้อยสบถเสียงเล็กออกมาจากในมิติของจั๋วซือหราน "นายท่าน ท่านจะไปเจรจากับมันไม่ได้หรอก..."จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ บอกับพวกแมลงทีสั่นระริกในมิติว่า "ก็ไม่ได้คิดจะเจรจากับมันจริงๆ หรอก มีประโยชน์อะไรกัน ตอนนี้พวกเจ้าเงียบกันเพราะหวาดกลัวหมดแล้ว ถ้าข้าเก็บมันเข้ามาจริงๆ ชีวิตพวกเจ้าจะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะ?"ในมิตินางเลี้ยงแมลงอยู่หลายชนิด ถ้าจับไอ้ตัวกินแมลงใส่เข้าไป บ้านได้แตกกันพอดี?ดังนั้นตั้งแต่แรก การตัดสินใจของจั๋วซือหรานก็คือ ถ้าปลอบได้ก็จะปลอบ แต่ถ้าปลอบไม่ได้ก็ต้องสู้เท่านั้นสัตว์ประหลาดตัวนิ่มพุ่งเข้ามาฉับพลัน!เนื่องจากจั๋วซือหรานรู้จากปันอวิ๋นถึงความตึงมือของเจ้านี่ ดังนั้นจึงไม่กล้าดูถูกมันแต่ที่นางคิดไม่ถึงก็คือ เจ้านี่ไม่ใช่ตัวตึงมือธรรมดาสิ่งที่ทำให้เจ้าหุบเขาหมื่นพิษรู้สึกยุ่งยากได้ จะต้องไม่ใช่ความยุ่งยากธรรมดาแน่นอนจั๋วซือหรานเดิมทีคิดว่า เป็นพลังป้องกันของมันที่โดดเด่น พลังโจมตีก็ไม่เลว ซ้ำยังไ
ปัง...! เสียงสนั่นเสียงหนึ่งดังลั่นหุบเขา!หลังจากจั๋วซือหรานยิงปืน นิ้วก็ดึงออกมาจากไกปืนอย่างรวดเร็ว ปืนยาวที่หนักอึ้งพาดขึ้นบ่า เปิดใช้วิชาร่างที่ระดับสูงสุด!จริงด้วย ต่อให้พลังป้องกันจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ดวงตาก็ยังเป็นจุดอ่อนทว่าสัตว์ประหลาดตัวนิ่มกระทั่งจุดอ่อนก็ยังแข็งแกร่งกว่าเปลือกตาของมันก็เหมือนจะมีพลังป้องกันที่ไม่เลวเลย ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่จั๋วซือหรานปะทะกับมันครั้งแรกเมื่อครู่มันก็ไม่คิดจะดูถูกตัวตนที่ดูเหมือนเล็กๆ อ่อนแอนี่อีกอย่างสิ้นเชิง การโจมตีนั้นแม้จะสะท้อนพลังของนางออกไปได้มาก แต่ก็ญังคงมีแรงปะทะอยู่ไม่น้อยทำเอามันต้องยอมรับเจ้าสิ่งเล็กๆ อ่อนแอตรงหน้านี้ขึ้นมา ว่าไม่ได้อ่อนแอเลย กระทั่งอาจจะเป็นความยุ่งยากตำมือที่สุดเท่าที่มันเคยพบมาเลยก็ได้ดังนั้นมันจึงหลับตาลงเป็นสิ่งแรก แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ตาข้างหนึ่งของมันก็ถูกปืนยิงจนเลือดสดไหลทะลักในปากส่งเสียงคำรามโกรธขึ้งอย่างเจ็บปวด"ฮูม...!"เท้าของมันกระทืบลงพื้นอย่างหนักจั๋วซือหรานมองมัน รู้สึกทอดถอนใจกับพลังป้องกันของมันพอควร แม้กระสุนจะยิงเข้าไปในตาแล้ว แต่ก็ยังไม่ทะลุกะโหลกของมันแค่ทำให้ดวงต
ตอนนี้เอง 'ใบเลื่อย' นั้นก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วตอนมันจับได้ถึงพลังอันตรายของนางคิดจะเบี่ยงหลบแต่ก็ไม่ทันแล้วนี่เป็นสาเหตุที่จั๋วซือหรานจงใจรอให้มันใกล้มาถึงก่อนแล้วค่อยปล่อยพลังออกเพื่อเลี่ยงไม่ให้มันได้ทันทำอะไรตอนที่จับได้ถึงความผิดปกติเอาตามตรง เจ้าสิ่งที่เหมือนกับใบเลื่อยนี้ ถ้าพอหมุนขึ้นมา แรงเฉื่อยจะสูงมาก หากคิดจะหยุดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วสองมือจั๋วซือหรานกุมดาบยาวไว้มั่น ถือว่าให้เกียรติอย่างมาก ถึงอย่างไรปกตินางจะถือดาบด้วยมือเดียว ดูท่าทางแบบขอไปทีสุดๆถ้าหากบอกว่าการโจมตีแรกไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บที่ชัดเจน การดจมตีที่สองก็ทำร้ายตาไปข้างหนึ่งแล้วล่ะก็การโจมตีตอนนี้ ประสิทธิภาพคือไม่ธรรมดาแน่นอนการป้องกันเหมือนสวมเกราะบนตัวของสัตว์ประหลาดตัวนิ่มนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย แต่ทว่าตอนนี้ ตอนที่เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของจั๋วซือหราน กลับอ่อนนุ่มราวกับเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้นปาดเฉือนไปทันที!จนเห็นเลือดเนื้อภายใน"ฮูม...!" มันร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ไม่มีความคิดมองสิ่งอ่อนแอตรงหน้านี้เป็นอาหารว่างอีกแล้วถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นแค่ความโกรธเคือง ตอนนี้ก็คือทั้งกลัวทั้
ปันอวิ๋นเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบนำขบวนพาไปยังหุบเขาหมื่นพิษกำชับกับคนในสำนักให้ดูแลพวกเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันกลับไปช่วยเหลือจั๋วซือหรานทันทีเจ้าสัตว์กินกูนั่นเป็นความยุ่งยากมาโดยตลอด แต่ยังดีที่มันไม่ค่อยจะปรากฏตัวนัก พอจับนิสัยมันได้ก็ไม่ค่อยได้ปะทะกันเท่าไรฝีมือของจั๋วซือหราน ปันอวิ๋นเข้าใจเป็นอย่างดีตามหลักแล้วควรจะวางใจถึงจะถูก แต่กลับรู้สึกไม่วางใจขึ้นมาอย่างประหลาดดังนั้นหลังจากที่พาขบวนมาถึงหุบเขาหมื่นพิษแล้ว ปันอวิ๋นก็หันกลับทันที"อย่าได้เกิดเรื่องขึ้นเชียวนะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้วพูดกับตนเองเฟิงเหยียนตอนนี้สมองไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหมือนไม่ได้สนใจนางเป็นห่วงนางพอคิดๆ แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ ต่อให้สมองพังไป ความเป็นห่วงต่อหญิงสาวคนนี้ของเจ้านั่น ก็ยังมากกว่าใครคนอื่นอยู่ลิบลับปันอวิ๋นรู้สึกว่า ด้วยพลังของจั๋วซือหราน อันที่จริงไม่น่าทำให้ตนเองไม่วางใจขนาดนี้ พอคิดอย่างละเอียด น่าจะเพระาอาการง่วงนอนตลอดทางแบบไม่มีสาเหตุของนาง ที่ทำให้เขาไม่วางใจ"เดี๋ยวพากลับมาแล้ว ต้องให้แพทย์มาตรวจดูเสียหน่อย" ปันอวิ๋นพูดงึมงำแต่ลางสังหรณ์ไม่ดีของคนเรา มักไม่ค่อยพลาดกันสักเท่าไร
คนในสำนักยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่าด้านหลังเจ้าหุบเขามีคนตามมาด้วย บนหลังคนคนนั้นแบกร่างสีแดงอยู่ร่างหนึ่ง เป็นตายยังไม่รู้ กระอักเลือดออกมามากพอควร เหมือนจะตายไปแล้วคนในสำนักตอนนี้จึงเอ่ยต่อมาว่า "พวกเขายังไม่ยอมเข้าไป จอรออยู่ที่ประตูสำนักขอรับ..."ตอนนีเ้อง เหล่าแขกตรงปากประตูที่ยังไม่ยอมเข้าไป ก็ทยอยกันเข้ามา"นายท่าน!""แม่นาง!""ท่านพี่!"ทุกคนล้อมนางเข้ามาอย่างรวดเร็วจั๋วหวายตาแดงรื้น "ท่านพี่ทำไม..." เขาจ้องเขม็งที่จั๋วเฮ่ออิง "ท่านพี่เป็นอะไรไป?!"เหลียนเจินขมวดคิ้วแน่น หันกลับไปมองปันอวิ๋น "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"ปันอวิ๋นส่ายหัว "ตอนที่ข้าไปถึง ก็อยู่สภาพนี้แล้ว"ในเมื่อกระทั่งปันอวิ๋นก็ยังไม่รู้ เช่นนั้นก็เกรงว่าคงมีแค่จั๋วเฮ่ออิงเท่านั้น...แต่ทุกคนยังไม่ทันถามอะไร จั๋วเฮ่ออิงก็หันไปบอกกับปันอวิ๋นว่า "แพทย์ช่ะ!"ไม่ต้องให้ปันอวิ๋นกำชับ พอเห็นสภาพเมื่อครู่แล้ว คนในสำนักก็รีบไปตามแพทย์มาเรียบร้อย"อย่ามากองกันอยู่ตรงนี้ เข้าไปพักผ่อนกันซะ"จั๋วซือหรานกลายเป็นแบบนี้ ทุกคนก็เหมือนเสียผู้นำไปติดตามปันอวิ๋นเข้ามาในหุบเขา ไม่ว่าจะจัดห้องพักให้พวกเขาเท่าไร ก็ไม่ยอมเข้าไ
ตาของจั๋วหวายยิ่งถลึงโตขึ้นมาอีก เอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ "อะไรนะ?"เดิมทีเขาคิดว่าท่านพ่อในเมื่อพาพี่สาวกลับมาได้ ก็น่าจะเห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตาสิ รู้ว่าเจอเรื่องอะไรมา และควรรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเอาจริงๆ สาเหตุที่จั๋วหวายยอมตามปันอวิ๋นออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากเชื่อมั่นในพลังของพี่สาวแล้วยังรู้ว่ามีจั๋วเฮ่ออิงคอยตามอยู่ข้างหลังด้วย มีจั๋วเฮ่ออิงคอยจับตาอยู่ข้างๆ หากมีสถานการณ์อะไรขึ้นจริง ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างแต่คิดไม่ถึงเลย ว่าเรื่องจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้จั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว มองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของตนเอง "ข้าไม่รู้...จู่ๆ หรานหรานก็เปลี่ยนไปแบบนี้"แพทย์กำลังจับชีพจรให้จั๋วซือหราน ขมวดคิ้วแน่นปันอวิ๋นยืนอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วแน่น จ้องไปทางแพทย์แล้วถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?""เจ้าหุบเขา" แพทย์ขมวดคิ้วตอบว่า "ข้าไม่เคยเจอชีพจรที่วัดได้ยากแบบนี้มาก่อนเลย"สีหน้าก่อนหน้าของจั๋วเฮ่ออิงยังไม่ทันคลายลง กำลังเหม่อมองดูมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด ตอนนี้พอได้ยินคำนี้ของแพทย์ ก็ได้สติกลับมาทันที สีหน้าร้อนรนขึ้นมาแล้วรีบตรงเข้ามาข้างเตียง จั๋วหวายเองก็เช่นกัน รีบเข้ามาที่ข้างเตียงปัน
ปันอวิ๋นพอคิดจะเชิญจั๋วเฮ่ออิงให้ออกไปก่อน แต่เขายังไม่ทันได้พูดก็ได้ยินจั๋วซือหรานเหมือนจะถอนหายจออกมาแผ่วเบา จากนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่..." นางแหงนตามองปันอวิ๋น "ก็แค่ตั้งท้องน่ะ"ปันอวิ๋นเดิมทีพาดมืออยู่บนเสาเตียงสบายๆ ตอนที่ได้ยินคำนี้ แรงที่มือก็คุมไม่อยู่ เสาเตียงหักดังกร๊อบแตกละเอียดไปแล้ว!และตอนนี้เอง สายตาของจั๋วเฮ่ออิงก็เบิกโพลงขึ้นมา จ้องจั๋วซือหรานตาไม่กระพริบ ในดวงตามีแต่ความตกตะลึง!ปันอวิ๋นเองก็เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าทำไมเมื่อครู่นางถึงเหลือบมองจั๋วเฮ่ออิงน่าจะเพราะต่อให้ในใจไม่ค่อยจะยอมรับพ่อไม่ได้เรื่องคนนี้มากนัก แต่ตอนที่จะพูดเรื่องแบบนี้ กลับยังพิจารณาว่ามีผู้อาวุโสอยู่ด้วย พูดออกมาแล้วคงไม่เหมาะสมนักจั๋วซือหรานเอียงตามองปันอวิ๋น ในน้ำเสียงดูจนใจ "ปฏิกิริยานี้ของเจ้า...ถ้าคนที่ไม่รู้คงคิดว่าเด็กเป็นลูกของเจ้าไปแล้วนะ"จั๋วซือหรานถามขึ้นอย่างจนใจ "เจ้าจะตื่นเต้นอะไรกัน..."ปันอวิ๋นอ้าปากพะงาบ งุนงงไปพักหนึ่งพูดอะไรไม่ออก "เขา..."เขาพูดออกมาพยางค์หนึ่ง ก็รู้สึกว่าพูดอะไรมากไม่ได้ เลยยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่ตรงนี้จั๋วซือหรานในเมื่อเปิดห
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย