ฉูนจวีนกังวลแทบจะตาย เขายกมือขึ้นและเกาผมแรง ๆ แล้วพูดอย่างเป็นกังวลว่า "ท่านขอรับ เราไปตอนกลางคืนไม่ได้หรือขอรับ"“ไม่ได้” เฟิงเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาฉูนจวีนทำได้แค่เดินตามเท่านั้นแต่เมื่อเขาเห็นเจ้านายของเขาเดินถึงครึ่งทาง เขาก็ยืนมือออกจากแขนเสื้อที่รัดแน่น นิ้วที่สวยงามและข้อต่อที่ชัดเจนก็จับหน้ากากแล้วเหยียดเข้าไปในผ้ากอซฉูนจวีนสามารถมองเห็นจากด้านข้างผ่านช่องว่างในเส้นด้าย เขาเห็นเจ้านายสวมหน้ากากบนใบหน้าของเขา ภายในไม่กี่ลมหายใจ รูปแบบเปลวไฟสีแดงก็เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้ากาก ซึ่งคู่กับแนวสวดมนต์ที่คอและด้านหลังของเขา หูของเขาเหมือนกับว่ามันปะปนกันฉูนจวีนตกตะลึงเมื่อเห็นเจ้านายของเขาสวมหน้ากาก จากนั้นเขาก็รู้ทิศทางที่พวกเขากำลังไป - จวนจั๋วภายในจวนจั๋ว“เอ่อ——! อ่า——!” เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องอย่างต่อเนื่อง เสียงนั้นพร้อมกับเสียงคำรามที่ไร้ความสามารถและโกรธจัด “ จั๋วจิ่ว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ ๆ ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าต้องให้เจ้าตายโดยไม่มีศพ หักกระดูกและโปรยขี้เถ้าเจ้า”เหล่าผู้อาวุโสและผู้คนที่มีสถานะสูงในตระกูลรวมตัวกันอยู่นอกห้อง พวกเขาฟังคำสาป คำราม และเสียงกรีดร้องแ
จั๋วอี้พูดแค่นี้ เขาก็หันหลังกลับและจากไปผู้อาวุโสสาม จั๋วยูง และ ผู้อาวุโสห้า จั๋วฉี่ ยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าที่เขินอายผู้อาวุโสสามเหลือบมองผู้อาวุโสห้า “ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี”ผู้อาวุโสห้ามักจะมีอารมณ์รีบร้อนอยู่เสมอ แม้ว่าเขายังได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขามีอารมณ์ไม่ดีทันใดที่เขาพูดว่า "เจ้าถามข้า แล้วข้าต้องไปถามใครล่ะ"สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนไปอย่างแย่ “โถ แต่ก่อนจั๋วหลานเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องเช่นนี้ตลอด แต่ทีนี้ เขาไม่ยุ่งเลยสักนิด”เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามในห้องยังคงดังต่อไปผู้อาวุโสสามที่ไปหาจั๋วหยุนชินและพูดว่า " หยุนชิน เจ้าไปดูอาการของพี่ของเจ้าหน่อย"แม้ว่าใบหน้าของจั๋วหยุนชินมีรอยยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตาของเขาเลยเขาและจั๋วหยุนเฟิงมีอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นจั๋วหยุนชินจึงเคยได้ยินการกระทำของจั๋วหยุนเฟิงแม้ว่าจั๋วหยุนชินไม่ใช่คนดีมากนัก และเขาชอบเอาเปรียบเสมอ แต่เขาไม่ชอบการกระทำอันเลวร้ายของจั๋วหยุนเฟิงนักแต่เนื่องจากผู้อาวุโสสามมาเชิญเขาเช่นนี้ ไม่ว่าจั๋วหยุนชินจะไม่ยอมมากเช่นใด และท่านพ่อของเขา คุณท่า
หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้านาย ฉูนจวีนพยักหน้าและพูดว่า "จริงสิ จั๋วหยุนชินได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาต้องการเปลี่ยนเส้นทางปัญหา ฟังจาคำพูดของเขา เกรงว่าเขาอยากให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วและจั๋วหยุนเฟิงไปต่อสู้กับแม่นางจิ่ว ให้สู้จนตายเลย และเขาจะสามารถยึดผลประโยชน์จากการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย”เฟิงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเขาเห็นด้วยคำพูดของฉูนจวีน แต่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกและเหยียดหยาม “ตระกูล จั๋วมีเวลาและความฉลาดเช่นนี้ ไปทำอะไรก็ได้ เอาความฉลาดนี้ไปหาเรื่องกับคนกันเอง ”“ใช่สิ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลนี้ถึงเหี่ยวเฉาไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ฉูนจวีนพยักหน้า เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ดังนั้นท่านมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้แม่นางจิ่วหรือขอรับ”มิฉะนั้น ฉูนจวีนรู้สึกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเจ้านายถึงไปที่ จวนจั๋ว ทั้ง ๆ ที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกเผาเขาคิดได้เพียงเหตุผลนี้ แม้ว่าฉูนจวีนจะรู้สึกว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างฝืนไปหน่อย เพราะเขาไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาหนุนหลังให้ใครมาก่อนเลยแต่แม่นางจิ่วก็ยังแตกต่างจากคนอื่น ๆแต่เฟิงเหยียนกลับถามเขา "หนุนหลังหรือ"“เพราะ...” ฉูนจวีน
ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องทนกับความเจ็บปวดสาหัสขนาดไหน แต่ จั๋วหยุนเฟิงหวาดกลัว จนเขาต้องพยายามดิ้นรนลงจากเตียงในขณะนี้เขาอยู่บนพื้นที่อยู่หน้าเตียง ตัวสั่น และแทบจะเสียสติเสียงฝีเท้าค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ และรองเท้าบูทผ้าต่วนที่เป็นสีทองคู่หนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขารองเท้าคู่นั้นถูกปักด้วยด้ายสีทองและสีแดงพร้อมลวดลายเปลวไฟที่ซับซ้อนดวงตาของจั๋วหยุนเฟิงแดงก่ำ น้ำลายของเขายังคงแดงก่ำ ไหลออกมาจากมุมปาก และร่างกายของเขาก็เละเทะอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าสภาพของเขาไม่แตกต่างจากสภาพที่น่าสังเวชของ เหยียนชางในตอนนั้นมากนักหากจั๋วซือหรานได้เห็นสภาพที่น่าสังเวชของจั๋วหยุนเฟิงด้วยตาของนางในตอนนี้ นางคงจะพอใจกับประสิทธิภาพของยาที่นางกลั่นขึ้นมาอย่างแน่นอน และนางอจรู้สึกว่านางเหมาะเป็นพ่อค้ายาปลอมแน่ ๆอย่างไรก็ตาม 'ของเล่นเล้ก ๆ น้อย ๆ ' ที่เวินป๋อยวนกลั่นมาค่อนข้างดีจริง ๆ และ'ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ 'สั่งสอนทุกคนที่ไม่พอใจอย่างเท่าเทียมกันเฟิงเหยียนค่อย ๆ ยกรองเท้าของเขาขึ้น เดิมทีเขาตั้งใจจะเตะ ด้านข้างของจั๋วหยุนเฟิงเพื่อเรียกความสนใจของเขาแต่เมื่อเขาเห็นความเละเทะที่อยู่ภายใต้จั๋วหยุนเฟิง
มีเปลวไฟสีส้มแดงแวบวาบผ่านรูม่านตาเรียวยาวลึกเปลวไฟสีส้มแดงไม่ได้ดูพราวจริง ๆ เหมือนกับสีส้มแดงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แต่เพียงว่ามองแล้วไม่รู้สึกพราวเท่านั้น ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นในยามเช้าก็ยังคงเป็นพระอาทิตย์มีอุณหภูมิและพลังงานที่รุนแรงดั่งคลื่นแต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือถึงแม้จะมีสีเพลิงที่แวบวับผ่านรูม่านตาของเขา แต่ดวงตาของเฟิงเหยียนยังคงเย็นชามากมันหนาวมากจนดูเหมือนเลือดจะแข็งตัวเฟิงเหยียนไม่ได้พูดอะไรจั๋วหยุนเฟิงอดทนต่อความเจ็บปวดอีกครั้งที่เกิดจากผลของยาอย่างรวดเร็ว และอาการกระตุกและบิดของร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ลดลงความเจ็บปวดบรรเทาลงชั่วคราว และจั๋วหยุนเฟิงกลอกตาและมองเฟิงเหยีย โดยไม่รอคำตอบของเฟิงเหยียนเขาเยาะเย้ยอย่างเย่อหยิ่งยิ่งขึ้นไปอีก “ทำไมไม่พูดล่ะ ไอ้เด็กจากตระกูลเฟิง เจ้าพูดไม่ออกเพราะข้าพูดถูกใช่ไหม เห็นไหม ข้าพูดถูกไหมล่ะ แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้า พวกเจ้าเลวเช่นกัน”สำหรับคำพูดของเขา เฟิงเหยียนไม่พูดคำใด ๆเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ความลับของการเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้เคล็ดลับคือ - หากเจ้าเริ่มจริงจัง เจ้าจะแพ้
เฟิงเหยียนยังรออีกสักพัก แต่จั๋วหยุนเฟิงยังไม่ทันพูดต่อ แต่เขารอจนกระทั่งจั๋วหยุนเฟิงถูกประสิทธิภาพของยาทรมานอีกครั้งเฟิงเหยียนเลิกคิ้วและพูดอย่างใจเย็น “พิษของจั๋วเสียวจิ่วช่างน่าสนใจจริง ๆ เจ็บบ้าง ไม่เจ็บบ้าง เหมือนกับการให้กำเนิดเด็กในที่สุดจั๋วหยุนเฟิงสามารถเอาชนะความเจ็บปวดที่เกิดจากผลของยาได้ในครั้งนี้ เขาถาม “เจ้า...เจ้าพูดอะไร”“คำพูดของเมื่อครู่นี้ พุดจบหรือยัง” เฟิงเหยียนถามอย่างใจเย็นจั๋วหยุนเฟิงหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดูเหมือนเขาดีใจอย่างมากเมื่อเขาเห็นเฟิงเหยียนใจเย็นต่อไม่ได้“ทำไม เจ้าโกรธหรือ หรือว่าเรื่องที่ข้าพูดไม่เป็นความจริง” จั๋วหยุนเฟิงถามเฟิงเหยียนกลับครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เฟิงเหยียนแสดงอะไรบางอย่าง เขาจะได้มีความสุขทางจิตใจมากขึ้นแต่เฟิงเหยียนไม่ได้ว่างขนาดนั้น เขาพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้น ข้าถือว่าเจ้าพูดจบแล้ว ข้าอยากรู้จริง ๆ เจ้าได้รับข้อมูลนี้จากใคร”“ทำไม...ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย” จั๋วหยุนเฟิงยังคงมีรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งและบิดเบี้ยวอยู่บนใบหน้าของเขาแต่เขาก็รู้สึกอย่างคลุมเครือว่า ดูเหมือนกับทัศนคติของเฟิงเหยียนผิดปกติเล็กน้อยในขณะน
กระบี่เสวียนเหยียนเจาะเข้าที่ไหล่ของจั๋วหยุนเฟิง โดยตรง“เอ่อ อ๊า——!” จั๋วหยุนเฟิงส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เสียงของขณะนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดครั้งก่อนเมื่อเขาถูกทรมานด้วยผลของยา มันฟังดูน่าสังเวชมาก“เจ้า...เจ้าทำอะไร...เจ้าทำอะไรไป...” จั๋วหยุนเฟิงถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ไปถามช่องข้อมูลของเจ้า ข้าแน่ใจว่ามันจะบอกเจ้าว่า ข้าทำอะไรไป” เฟิงเหยียนสะบัดเลือดบนกระบี่เสวียนเหยียน จากนั้นใส่มันกลับเข้าไปในฝักแล้วหันหลังและเดินออกไปเพราะเจ้าจั๋วเสียวจิ่วคนนี้เรียนอะไรกับตันติ่งก็ได้ ทำไมต้องเรียนเรื่องพิษ แถมยังเรียนกลั่นพิษประเภทที่ไม่ทำร้ายชีวิตของผู้คน แต่เพียงทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมาน นางยังเรียนรู้มันได้ดี และผลกระทบของพิษนี้กลับส่งผลกระทบเป็นระลอก ทำให้กลิ่นในห้องนี้... ทนไม่ไหวจริง ๆเฟิงเหยียนเพิ่งหันตัวกลับ เขาได้ยินเสียงอันเร่งด่วนของจั๋วหยุนเฟิงจากข้างหลังเขา "ข้า ข้าจะบอก"เฟิงเหยียนหยุดก้าวเท้าเพียงชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก้าวเท้าเดินต่อจั๋วหยุนเฟิงล้มลงกับพื้นและมองเฟิงเหยียนเดินออกไป ในที่สุด เขาก็เริ่มกังวลเล็กน้อยและพูดซ้ำ ๆ ว่า "ข้าจะบ
เฟิงเหยียนเหลือบมองฉูนจวีน เฟิงเหยียน สำหรับคำพูดของฉูนจวีน เขาไม่ตอบอะไร เขาแค่พูดเบา ๆ ว่า "กลับกันเถิด"......จั๋วซือหรานไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ในจวนของนาง นางทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านแม่และน้องชายบางครั้งอาหารก็เป็นพลังที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยผ่อนคลายและปลอบใจคนอวิ๋นเหนียงยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว มองลูกสาวของนางยุ่งทำกับข้าวอย่างเป็นระเบียบ นางรู้สึกตัวเองทำไม่ถูกและรู้สึกค่อนข้างเป็นทุกข์ ก่อนที่นางออกเรือน นางยังเป็นสตรีชั้นสูงและไม่เคยทำงานบ้านเลยแต่เมื่อนางเห็นลูกสาวของนาง ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาอันสั้น ๆ เท่านั้น แต่ทำอาหารเก่งขนาดนี้ นางก็อดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกเศร้าแม้ว่านางเคยชิมอาหารที่จั๋วซือหรานทำมาก่อน แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างการชิมและการเห็นลูกสาวทำอาหารด้วยตาของนางเองจั๋วซือหรานมองออกว่า เป็นเพราะเรื่องของวันนี้ อารมณ์ของท่านแม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ขณะที่นางยังทำอาหารอยู่ นางบอกจั๋วหวายว่า ทำอะไรก็ได้ ต้องทำให้ท่านแม่ดีใจดังนั้นในมื้อเย็น อาจกล่าวได้ว่า จั๋วหวายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ท่านแม่ดีใจ แต่โชคดีที่ในที่สุดเขาก็ทำให้ท่านแม่ของเขายิ
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย