Share

บทที่ 591

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานอันที่จริงก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจั๋วหวายต้องร้องไห้ แต่พอคิดๆ แล้วเด็กคนนี้ตั้งแต่เด็กก็ถูกปกป้องด้วยเจ้าของร่างคนเดิมมาตลอด ยิ่งไปกว่นั้นโตมาขนาดนี้แล้วก็แต่ก็ยังไม่เคยออกจากเมืองหลวง

แล้วยิ่งไม่เคยห่างกายจากตัวพี่สาวอีก บวกกับตอนนี้ที่ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยสารพันปัญหา ตัวเองก็ช่วยพี่สาวแบ่งเบาภาระไม่ได้

ชายหนุ่มเศร้าในใจ เหมือนว่าจะดูเข้าใจขึ้นมาแล้ว

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยอวิ๋นเหนียงก็พาจั๋วหวายไปที่ตนเองทางนั้น พูดเสียงต่ำกับเขา “เอาล่ะ อย่าทำให้พี่สาวเจ้าเสียใจสิ”

จากนั้นเซี่ยอวิ๋นเหนียงก็มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า “หรานหราน เจ้าดูแลตัวเองดีดี ไม่ต้องกังวลข้ากับเสี่ยวหวาย”

“ท่านแม่เองก็ด้วย” จั๋วซือหรานยิ้มๆ

แต่ว่าเซี่ยอวิ๋นเหนียงยิ้มไม่ออก นางจับมือจั๋วซือหรานไว้แน่น จ้องมองตาจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจว่า “หรานหราน ข้ากับเสี่ยหวายกลับไปบ้านตายาย เจ้าอยู่ที่เมืองหลวงก็จะไม่มีอุปสรรคใดอีกแล้ว ดังนั้น เจ้าก็อย่าเสียใจไปเลย”

จั๋วซือหรานมองดวงตาที่ตั้งใจของท่านแม่ ในใจดูจะตื้นตันหน่อยๆ

นางฟังออก ว่าท่านแม่ตอนนี้ยังรู้สึกโทษตนเองอยู่ ก่อนหน้านี้ที่ถูกตระกูลจั๋ว
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 592

    “จิ่ว...” หลงหยวนเมื่อครู่เตรียมจะร้องเรียกเขายังไม่ทันจะอ้าปาก ข้างๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา บอกกับนางว่า “เจ้าคิดจะร้องไห้ไปกับเด็กคนนั้นด้วยหรือไรกัน?” จั๋วซือหรานกลอกตามองคนที่เข้ามาพอได้ยินคำพูดนี้ของเจี่ยงเทียนซิง จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้วถาม “ฟังจากความหมายของท่าน คือเตรียมวิธีปลอบใจข้าไว้แล้วหรือ?”“เจ้ามองจากตรงไหนที่ว่าข้าเตรียมวิธีปลอบใจเจ้าไว้แล้ว...” เจี่ยงเทียนซิงเลิกคิ้วจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ท่านคงไม่ได้ว่างขนาดมาดูมหรสพอะไรแบบนี้หรอกกระมัง”เจี่ยงเทียนซิงจุ๊ปาก จากนั้นก็ส่งสมุดเล่มหนึ่งในมือให้นาง “นี่ กลัวว่าเจ้าจะอารมณ์ไม่ดี เลยเตรียมไว้ให้เจ้า”จั๋วซือหรานรับไปอ่าน ปากโค้งยิ้มขึ้นมา “โห? ขนาดบัญชีของวันนั้นก็ยังเอามาให้ข้าดูหรือ?”บนสมุดคือบัญชีที่ลงการเดิมพันของนางกับเฮยหลิงในครั้งนั้น รวมถึงรายรับที่ได้จากการขายวัตถุดิบให้กับตระกูลเหยียนครั้งนี้ด้วยเจี่ยงเทียนซิงเลิกคิ้ว ในสีหน้ามีความภาคภูมิใจ “ข้าเองก็มีความซื่อสัตย์นะ”จั๋วซือหรานเปิดอ่านสมุด พลางเดินตามเจี่ยงเทียนซิงไปยังหอฟ้าดาวส่วนหลงซ่งกับหลงหยวนจากหอเฟิ่งเสวี่ยทั้งสองคน ก็มองพวกเขาเดินห่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 593

    จั๋วซือหรานปลอบเขา “ทำการค้าก็เป็นเช่นนี้นั่นล่ะ บนโลกนี้มีเส้นทางนับพันหมื่น ท่านคงไม่คิดว่าอยากจะเข้าไปเหยียบมันทุกธุรกิจหรอกกระมัง”เจี่ยงเทียนซิงแม้จะอิจฉาพีน้องตระกุลหลง แต่หลงซ่งกับหลงหยวนกว่าจะเปิดหอเฟิ่งเสวี่ยก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน เขาอิจฉาจนตาร้อนมาแล้วช่วงหนึ่ง มันผ่านไปนานแล้วตอนนี้พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน กลับกลายเป็นสนใจขึ้นมาบ้างแล้วเจี่ยงเทียนซิงเลิกคิ้วถามนาง “โอ๋? ได้ยินแม่นางจิ่วพูดเช่นนี้ น่าจะมีความคิดอื่นอยู่แล้วกระมัง?”จั๋วซือหรานฟังการหยั่งเชิงนี้ของเขาไม่ออกเสียที่ไหน พอได้ยินก็หัวเราะเสียงต่ำออกมา เอ่ยขึ้นว่า “ความคิดน่ะข้าก็มีอยู่ ท่านคิดจะทำหรือ?”เจี่ยงเทียนเซิงหัวเราะตอบ “ใช่สิ ถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งเมืองหลวงก็ล้วนรู้แล้วว่าข้าเป็นคนของเจ้า แล้วถ้าข้าทำอะไรขึ้นมาบ้าง ก็คงไม่ทำเจ้าขายหน้าหรอกกระมัง”คำพูดของเจี่ยงเทียนซิงมีความหมายเชิงเย้าแหย่อยู่แต่เขาเองก็พูดไม่ผิด ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงน่าจะรู้กันหมดแล้ว ว่าเบื้องหลังของจั๋วซือหรานมีหอฟ้าดาวคอยสนับสนุนจั๋วซือหรานเองตามองเขาผาดหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “เอาเถอะ ข้าว่าจะทำธุรกิจโรงเตี๊ยมเสียหน่อย”

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 594

    “พวกตระกูลขุนนางก็มาท้าประลองในตลาดมืดด้วยหรือ?” สิ่งนี้ทำจั๋วซือหรานรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้างเจี่ยงเทียนซิงหมุนตามองนาง “ไม่ใช่แค่ตระกูลจั๋วที่มีคนแบบเจ้า แต่ตระกูลขุนนางเหล่านี้ก็เหมือนบึงโคลน แม้ในตระกูลจะมีคนอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีพวกที่จมอยู่ในนั้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ยังมีพวกที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติเหมือนกับเจ้าอยู่บ้างเช่นกัน”ฟังถึงคำนี้ จั๋วซือหรานแน่นอนว่าเข้าใจความหมายง่ายดายมาก ไม่ใช่แค่ตระกูลจั๋วที่มีคนอย่างจั๋วซือหรานเช่นนาง อันที่จริงตระกูลอื่นๆก็ยังมีคนที่อยากจะกระโจนออกจากพันธนาการเช่นกัน“เข้าใจแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้า อีฝ่ายก็เหมือนกับนาง คนที่ออกมาจากผังตระกูลซางจั๋วซือหรานดูแล้ว ไม่ได้รู้สึกตึงเครียดอะไรเป็นพิเศษ แต่เจี่ยงเทียนซิงกลับรักษาความผ่อนคลายไว้ไม่ได้แล้วเขาเอ่ยขึ้นขรึมๆ “แม่นางจิ่ว คนผู้นี้แตกต่างกับเฮยหลิง ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญอยู่ เพราะเวทีหินต้องห้ามแม้จะสามารถสะกดพลังวิญญาณได้...”เจี่ยงเทียนซิงยังคิดว่าจั๋วซือหรานไม่รู้ถึงความร้ายกาจในนี้ ดังนั้นจึงบอกกับนางอย่างละเอียดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ จั๋วซือหรานก็พยักหน้า เอ่ยรับมาว่า “แต่สะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 595

    เจี่ยงเทียนซิงคิดในใจ ข้าเองก็ไม่เชื่อหรอก ว่าจั๋วซือหรานที่ไม่กลัวสามตระกูลใหญ่ จะมากลัวเปาบุ้นจิ้นอย่างเจ้า?!แม้เจี่ยงเทียนซิงอันที่จริงยังไม่รู้ว่า ‘เปาบุ้นจิ้น’ คืออะไร แต่ในเมื่อนางพูดออกมาแบบนี้...เจี่ยงเทียนซิงรู้จักว่าสิ่งที่นางต้องการแสดงออกมาไม่ใช่คำชมอะไรแน่นอนส่วนอีกด้าน ในหอจันทร์เงินที่อยู่ติดกับท้ายถนนของตลาดมืดอินเจ๋ออันขมวดคิ้ว และเพราะสีหน้านี้ ตราประทับจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากเขา เปลี่ยนรูปร่างไปอินเจ๋ออันเอียงหน้าถามคนรับใช้ของตนเองคำหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าเจี่ยงเทียนซิงจะเข้ามาคุยกับข้าเรื่องการไกล่เกลี่ยตัดสินใจของการประลองครั้งนี้ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่มาอีก?”เดิมทีเขาก็คิดจะคุยกับเจี่ยงเทียนซิงเสียหน่อย จากนั้นก็ทำให้ความได้เปรียบกับผลกำไรของตนเองขยายขึ้นมาอีกหน่อยจากเรื่องนี้แต่ใครจะรู้ว่าเขาที่รอให้เจี่ยงเทียนซิงเข้ามาหา ทว่าเจี่ยงเทียนซิงก็ไม่ยอมมาแล้ว?คนรับใช้ตอบว่า “นายท่าน ได้ยินคนที่คอยเฝ้าอยู่ที่หอฟ้าดาวทางนั้น บอกว่าคุณหนูจั๋วจิ่วพอเข้ามาแล้วออกไป เจ้าสำนักเทียนซิงก็เหมือนจะไม่เข้ามาหารือแล้ว”คิ้วของอินเจ๋ออันยิ่งขมวดแน่นขึ้นจั๋วจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 596

    จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าข้าจะไปทำอาหาร”ขณะที่นางพูด มองปลาในโอ่งอย่างตั้งใจ เกล็ดปลาพญาหงส์หรือ ชื่อเพราะดีใช้ได้ จั๋วซือหรานถามขึ้น “เจ้าปลานี่อร่อยไหม?”ตอนที่ชิ่งหมิงพูดประโยคต่อมา จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าตนเองไม่ต้องรอคำตอบจากปากชิ่งหมิงก็น่าจะพิจารณาได้แล้วนางแทบจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของชิ่งหมิง!“อร่อย! อร่อยมาก!” ดวงตาชิ่งหมิงเป็นประกาย “นี่เป็นปลาจากแดนใต้ เมืองหลวงมีไม่มากนัก ดังนั้น เจ้าน่าจะไม่ค่อยได้เห็น แต่ว่าอร่อยมาก”“อร่อยก็พอแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้า ม้วนแขนเสื้อจากนั้นก็ไปหาเฟิงเหยียน และเห็นฉุนจวินนั่งเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องของเฟิงเหยียน จากสภาพของหน้าต่างก็มองออกได้ไม่ยาก เนื่องจากสภาพร่างกายที่พิเศษของเฟิงเหยียน ดังนั้นประตูหน้าต่างจึงทำการกั้นแสงเอาไว้ทุกบานพอเห็นจั๋วซือหรานเข้ามา ฉุนจวินก็ทักทายอย่างนอบน้อม “แม่นางจิ่ว”“อืม ท่านอ๋องยังพักผ่อนอยู่หรือ?” จั๋วซือหรานถาม“ขอรับ” ฉุนจวินพยักหน้า เขาคิดๆ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “นายท่านเนื่องจากความพิเศษของพลังวิญญาณและร่างกาย ตอนกลางวันจึงต้องพักผ่อนมากหน่อย ต้องขอบคุณท่าน ที่ทำให้นายท่านตอนกลาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 597

    จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าชิ่งหมิงดูน่ารักแปลกๆ หน้ากากเองก็เปลี่ยนเป็นแบบครึ่งหน้า เผยปากและคางออกมาปากเม้ม มองแล้วเหมือนสีหน้ากำลังพยายามไม่ให้น้ำลายไหลหยดลงมาดังนั้นหลังจากจั๋วซือหรานคลุกไก่ฉีกเสร็จ จึงถือโอกาสป้อนชิ่งหมิงไปคำหนึ่ง แล้วยังหวังว่าจะอุดรอยรั่วความอยากอาหารของเขาได้ ให้เขาไม่ต้องมาล้อมหน้าล้อมหลังอยู่รอบๆ เตาแต่พอยัดคำนี้ลงไปเท่านั้น โอ้โห!ชิ่งหมิงไม่ใช่แค่ล้อมหน้าล้อมหลังเตาสนุกกว่าเดิม แต่จั๋วซือหรานยังรู้สึกว่าตนเองเห็นภาพลวงตาว่าด้านหลังของชิ่งหมิงมีหางงอกกระดิกโบกไปมาเสียอย่างนั้น!และขณะที่ซือหลี่ฝานเทียนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังสะบัดหาง จั๋วซือหรานก็จัดการวัตถุดิบทำอาหารเรียบร้อยเกล็ดหางพญาหงส์อวบอ้วนสองตัวนั้น นางจัดการเป็นพิเศษ และพบว่าไม่ใช่แค่เนื้อปลานุ่ม ก้างน้อย กระทั่งเกล็ดก็ยังสวยงามสมบูรณ์แบบอีกด้วยดังนั้นจึงนำเนื้อส่วนท้องที่อวบอ้วนที่สุดของปลาตัวหนึ่งมาทำเป็นปลาดิบเนื้อปลาส่วนอื่นเฉือนเป็นชิ้นๆ ทำเป็นปลาหั่นบางต้ม เพราะไม่มีถั่วงอก จั๋วซือหรานจึงโยนถั่วสองกำเข้าไปในมิติแล้วใช้นำพุวิเศษรด เพียงไม่นานก็ได้ถั่วงอกออกมาใช้และหลังจากเอาก้างออก จั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 598

    “ไม่เป็นไร” จั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจอะไรกับเวินป๋อยวนหลักการที่ว่ากังวลจนสนสับนางเองก็เข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้นอันที่จริงก็ยังรู้สึกขอบคุณเวินป๋อยวนมาตลอดที่ลงมือสั่งสอนเหยียนชางให้แม้จะบอกว่านางในตอนนั้น ตนเองก็สามารถสั่งสอนเหยียนชางได้อยู่ แต่พอมีซือหลี่ตันติ่งลงมือ ความหมายมันก็แตกต่างกันแล้ว“แต่ไม่เป็นไรก็ส่วนไม่เป็นไร ข้าวมื้อนี้เจ้าก็ไปกินกับลุงของเจ้าเถอะ ข้ามีที่อื่นต้องไปน่ะ” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นชิ่งหมิงตอนนี้จึงออกไปอย่างวางใจ ไปที่ตำหนักตันติ่งเวินป๋อยวนพอเห็นเขาหยิบกล่องข้าวมาอย่างดีอกดีใจ กระทั่งเดินเหินก็ยังมีลมพัดตามอย่างไรอย่างนั้น จึงเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามเสียงขรึม“มีอะไรน่ะ?”“ท่านลุง พวกเรามากินข้าวกันเถอะ” ชิ่งหมิงยื่นกล่องข้าวออกมาอย่างดีอกดีใจราวกับยื่นกล่องสมบัติ“ไม่โกรธแล้วหรือ?” เวินป๋อยวนมองชิ่งหมิง ก่อนหน้านี้ชิ่งหมิงไม่ค่อยจะเบิกบานนักที่เขามีท่าทีไม่เป็นมิตรกับจั๋วซือหราน แม้จะไม่ค่อยแสดงออกเท่าไร แต่เวินป๋อยวนเองก็เห็นเขามาแล้วตั้งกี่ปี พอคาดเดาอารมณ์ของเขาได้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะนิสัยของชิ่งหมิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์ อารมณ์จึงมักแสดงออกมาให้เห็นอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 599

    ฉุนจวินไม่มีความเห็นใดต่อการกำชับของจั๋วซือหรานแม้แต่น้อย “ได้เลย ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”“ไม่รีบๆ ยังมีอีกชุดหนึ่ง นำไปให้อ๋องเซี่ยนด้วย” จั๋วซือหรานหยิบกล่องข้าวอีกชุดหนึ่งส่งให้ฉุนจวิน“รับทราบ” ฉุนจวินรับไปจั๋วซือหรานยิ้มจางๆ บอกกับเขาว่า “รอให้เจ้ายุ่งเรื่องพวกนี้เสร็จ ในครัวข้ายังเหลือไว้ให้เจ้าชุดหนึ่งด้วย อย่าลืมไปกินเสียล่ะ”ฉุนจวินตกตะลึง คนที่เดิมทีตัดสินใจรับคำสั่งอย่างแน่วแน่ ตอนนี้พูดจาก็ไม่คล่องขึ้นมาเสียแล้ว “ข้า ให้ข้าด้วยหรือ?”“ใช่แล้ว เจ้าซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาเยอะขนาดนั้นคงเหนื่อยแย่ ถึงอย่างไรวางไว้ก็จะไม่สดเสียดายของ ข้าเลยทำมันทั้งหมดเลย” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ในห้องครัว อาหารร้อนข้าอุ่นไว้ในหม้อแล้ว ส่วนอาหารเย็นก็เอาตะกร้าสานคลุมไว้แล้ว”ฉุนจวินพยักหน้าเบาๆ อ้าปากพะงาบ ชั่วขณะหนึ่งเหมือนคิดจะพูดอะไร แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีนายท่านของเขาเฟิงเหยียนไม่ใช่นายท่านที่ปฏิบัติต่อคนใช้อย่างโหดร้าย แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างที่ลงมือทำอาหารด้วยตนเองแล้วส่งให้กับลูกน้องได้กินดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ตรงหน้า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยประสบพบเห็นมาก่อนเขา

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1279

    พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1278

    ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status