Share

บทที่ 599

Author: หูเทียนเสี่ยว
ฉุนจวินไม่มีความเห็นใดต่อการกำชับของจั๋วซือหรานแม้แต่น้อย “ได้เลย ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

“ไม่รีบๆ ยังมีอีกชุดหนึ่ง นำไปให้อ๋องเซี่ยนด้วย” จั๋วซือหรานหยิบกล่องข้าวอีกชุดหนึ่งส่งให้ฉุนจวิน

“รับทราบ” ฉุนจวินรับไป

จั๋วซือหรานยิ้มจางๆ บอกกับเขาว่า “รอให้เจ้ายุ่งเรื่องพวกนี้เสร็จ ในครัวข้ายังเหลือไว้ให้เจ้าชุดหนึ่งด้วย อย่าลืมไปกินเสียล่ะ”

ฉุนจวินตกตะลึง คนที่เดิมทีตัดสินใจรับคำสั่งอย่างแน่วแน่ ตอนนี้พูดจาก็ไม่คล่องขึ้นมาเสียแล้ว “ข้า ให้ข้าด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว เจ้าซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาเยอะขนาดนั้นคงเหนื่อยแย่ ถึงอย่างไรวางไว้ก็จะไม่สดเสียดายของ ข้าเลยทำมันทั้งหมดเลย” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ในห้องครัว อาหารร้อนข้าอุ่นไว้ในหม้อแล้ว ส่วนอาหารเย็นก็เอาตะกร้าสานคลุมไว้แล้ว”

ฉุนจวินพยักหน้าเบาๆ อ้าปากพะงาบ ชั่วขณะหนึ่งเหมือนคิดจะพูดอะไร แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

นายท่านของเขาเฟิงเหยียนไม่ใช่นายท่านที่ปฏิบัติต่อคนใช้อย่างโหดร้าย แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างที่ลงมือทำอาหารด้วยตนเองแล้วส่งให้กับลูกน้องได้กิน

ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ตรงหน้า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยประสบพบเห็นมาก่อน

เขา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 600

    ฉุนจวินส่งเสร็จก็กลับไปกินอาหารส่วนของตัวเองและเจี่ยงเทียนซิงพอเปิดกล่องข้าว ก็เห็นกับข้าวมีสีสันครบรสอยู่ด้านใน จ้องมองอยู่พักหนึ่ง เขาจึงยื่นมือหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบชิมอาหารหลากสีด้านในไปรอบหนึ่งรสชาติดีมากจริงๆ คิ้วตาก็ผ่อนคลายลงมาในสายตาก็แปลกประหลาดหน่อยๆ แต่สิ่งที่รู้สึกได้มากกว่านั้นคือความโล่งใจ “อย่างที่คาดเอาไว้”อิ๋นไห่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าอาหารในนั้นหอมเกินห้ามใจจริงๆหลังจากนั้นก็เห็นสีหน้าของนายท่าน อิ๋นไห่อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ท่านยิ้มอะไรหรือ?”“ยิ้มหรือ?” เจี่ยงเทียนซิงยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง “น่าจะเพราะ ในที่สุดข้าอาจจะไม่ต้องทำแค่การเป็นเจ้าของบ่อนพนันในตลาดมืดแล้ว อาจจะได้หันมาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายเสียที”อิ๋นไห่ไม่รู้เรื่องที่จั๋วซือหรานกับเจี่ยงเทียนซิงคุยกันก่อนหน้า ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “ธุรกิจถูกกฎหมายอะไรหรือ?”เจี่ยงเทียนซิงมองเขา “น่าจะเป็น...โรงเตี๊ยม?”......ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานเข้าไปในห้องแล้วนางหิ้วกล่องข้าวเดินข้าไปข้างโต๊ะแปดเซียน นำกับข้าวในกล่องข้าวยกออกมาทีละอย่างพอกลอกตากลับไป ก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นยังคงยืนมองนาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 601

    จั๋วซือหรานฟังคำนี้ มองไปทางเขา “จริงหรือเปล่า?”“ก็ไม่มีอะไรไม่ได้เสียหน่อย” เฟิงเหยียนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง “แต่รสชาติก็รับประกันไม่ได้นะ”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง “ไม่เป็นไร ค่อยๆ พัฒนาไป” ข้าเชื่อว่าคนที่ยอดเยี่ยมอย่างท่านอ๋อง หากคิดจะทำอะไรต้องทำได้แน่เสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก อันที่จริงก็ยังไม่สงบลงเลยใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าในเสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก สองคนที่อยู่ท่ามกลางเสียงข่าวลือนั้น ยังคงนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขกินข้าวกับเฟิงเหยียนไปพอประมาณแล้ว จั๋วซือหรานจึงจับข้อมือของเขาขึ้นมาเฟิงเหยียนก้มลงมอง มุมปากก็อดเม้มสนิทขึ้นมาไม่ได้จั๋วซือหรานหลังจากจับชีพจรให้เขา คิ้วก็ขมวดเกิดอะไรขึ้น...นางเปลี่ยนไปจับชีพจรอีกข้างหของเฟิงเหยียน คิ้วที่ขมวดก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงมาเลยจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร แม้ว่านางจะไม่เห็นโรคภัยใดจากในชีพจรของเฟิงเหยียน แต่จากกลับสังเกตได้ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้จากการจับชีพจรของเฟิงเหยียนแต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงนัก ดังนั้นจั๋วซือหรานถึงแม้จะรู้สึกแปลกหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตกใจเกินเหตุ คิดจะสังเกตไปอีกวันสองวันแล้วค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 602

    มองตาของนาง เอ่ยเสียงต่ำว่า “หลักการเพี้ยนๆ”แต่ว่าบางครั้ง ก็ต้องมีหลักการเพี้ยนๆ นี้ของนาง ถึงจะทำให้ไม่อึดอัดนักภายใต้สถานการร์ที่ศัตรูล้อมไว้รอบด้านเช่นนี้เฟิงเหยียนเอาเมล็ดพันธุ์ผลหมากรากไม้ผักสวนครัวต่างๆ ที่ให้ฉุนจวินไปเตรียมมาส่งให้กับนาง“ด้านในแบ่งประเภทเอาไว้เรียบร้อย ถ้าหากยังไม่พอ ก็ให้ฉุนจวินไปเตรียมอีกได้” เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานชั่งน้ำหนักดุในมือ “พอแล้วล่ะ”คืนนั้น จั๋วซือหรานก็กลับไปที่เรือนของตนเอง ท่านแม่กับน้องชายส่งออกจากเมืองหลวงไปแล้วนางตอนนี้ถือว่าไม่มีเหลือความกังวลใดอีก ดังนั้นนางจึงเดินกลับเรือนของตนเองอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีท่าทีต้องระมัดระวังตัวอะไรอีกแล้วไม่ต้องกลัวว่าใครจะรู้บนหน้านางแทบจะเขียนเอาไว้ว่า...รีบมาหาเรื่องข้าได้แล้ว!เฉวียนคุนกังวลหน่อยๆ เดินวกไปวนมาตรงหน้าจั๋วซือหรานอย่างยังกังวล“คุณหนู ท่านคอยหลบคลื่นลมเหมือนก่อนหน้านี้ดีกว่าไหมน่ะ? แม้ข่าวลือร้ายๆ ของตระกูลเหยียนจะแก้ไขได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ท่ามกลางคลื่นลมนะ เรื่องในจวนท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการก็พอ”“คนของตระกูลจั๋ว มาเดินวนไปวนมาหน้าบ้านพวกเรา เด็กฉลาดนั่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 603

    จั๋วซือหรานแม้จะกลับมาที่เรือน แต่ก็เตรียมตัวไว้แล้วสำหรับคนที่จะมาหาเรื่องนางเรื่องที่ถูกคนมาหาเรื่องกลางดึกดื่นเช่นนี้ นางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอมาก่อน ตอนนั้นจั๋วหรูซินกับท่านจั๋วลิ่ว ก็จ้างมือสังหารจากหอฟ้าดาวมาลอบสังหารนางดังนั้นก่อนนอนจั๋วซือหรานจึงเตรียมการไว้บางส่วนการเตรียมการง่ายๆ“ลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ด” ของนาง...วางไว้ตัวหนึ่งบนร่างของชิ่งหมิงเพื่อรักษาอาการป่วยดังนั้นตอนนี้จึงเหลืออยู่หกตัวนางให้หกตัวนี้กางไหมกู่ไว้ในห้องนอน...ต่อให้ไม่ใช่ตาข่ายสวรรค์ อย่างน้อยก็เป็นตาข่ายระวังภัยให้ได้แม้จะไม่ต้องการให้ไหมกู่พวกนี้สร้างความเสียหายอะไร อย่างน้อยก้ญังสามารถคอยตรวจจับได้ตลอดเวลาว่ามีหรือไม่มีคนเพราะว่า จั๋วซือหรานต่อให้ปกติจะระแวดระวังมากอยู่แล้ว แต่ตอนที่อยู่ในมิติแหวนเสวียนเหยียน พอเทียบกับเวลาปกติ ระดับความเฉียบคมจะอ่อนแอลงพอประมาณแต่ว่าพอมีไหมกู่จากทั้งหกตัวนี้ ก็ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นแล้วดังนั้นจั๋วซือหรานจึงทำงานในมิติอย่างวางใจ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพียงแต่ที่ทำให้จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงก็คือ ปฏิกิริยาตอนแรกสุด กลับไม่ใช่จากตาข่ายเตือนภัยไหมกู่ทั้งหกตั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 604

    เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “คุณหนูเฟิงสือ เจ้าทำอะไรน่ะ?”จั๋วซือหรานพอเห็นก็จำได้แล้ว คนที่สู้พัวพันอยู่กับเฮยหลิง ก็คือคุณหนูสิบจากตระกูลเฟิง เฟิงหร่านพอคิดๆ แล้ว ก็น่าจะเป็นคนตระกูลเฟิงคนแรกที่ได้เจอ หลังจากที่จั๋วซือหรานข้ามายังโลกนี้จั๋วซือหรานไม่ใช่ไม่เคยคิด ว่าตระกูลเฟิงน่าจะเข้ามาหาเรื่องนาง แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่เข้ามาหาเรื่องจะเป็นเฟิงหร่านเฉวียนคุนฟังคำนี้แล้วจึงมีปฏิกิริยาขึ้นมา ว่ากระบี่สั้นที่ไม่ชักออกจากฝักในมือของคนที่สู้กับเฮยหลิงอย่างเต็มที่นั่น คือกระบี่ตระกูลของคนในตระกูลเฟิง!ทั้งสองคนต่อสู้กันจนถึงจุดร้อนแรงสุดแล้วหมัดของเฮยหลิงซัดเข้ามาด้วยพลังที่กระชากภูเขาได้ ส่วนเฟิงหร่านก็สังเกตเห็นท่าทางหมัดนี้ของเฮยหลิง นางกัดฟันกรอด มือที่กุมกระบี่สั้นของตระกูลนั้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วพอเห็นว่ากำลังจะชักกระบี่ในตระกูลออกมาตอนนี้เอง ร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบไปปรากฏตัวระหว่างคนทั้งสองผมสายดำสลวยของนางพัดเบาๆ ข้อมือขาวที่ดูแล้วเหมือนไร้ซึ่งพลังใดๆ เหมือนแค่บิดก็หักแล้วอย่างไรอย่างนั้นนางยกมือขาวขึ้นเบาๆ ซ้ายทีขวาทีนางกระทั่ง! ไม่ได้ใช้แขนทั้งหมดด้วย แต่ใช้เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 605

    จั๋วซือหรานตอนที่ได้ยินนางบอกว่ามาแจ้งข่าวให้ทราบ ก็เลิกคิ้วขึ้นจากนั้นก็ได้ยินความโกรธที่ไม่มีปิดบังในน้ำเสียงของเฟิงหร่าน หญิงสาวคนนี้โมโหได้ค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่มีการเหน็บแนมอะไรทั้งนั้น แต่หน้าก็แดงก่ำไปหมดเสียงแกร๊กดังขึ้น จัดการคาดเข็มขัดกระบี่ตระกูลของตนเองจนเรียบร้อย จากนั้นก็หมุนตัวกระฟัดกระเฟียดเดินออกไปจั๋วซือหรานคิดๆ ยื่นมือไปจับแขนของนางไว้ ไม่ให้นางออกไปเฟิงหร่านชะงักไป น่าจะเพราะถูกทำให้โกรธ แล้วยังถูกการกระทำนี้ของจั๋วซือหรานรั้งไว้อีก อาการโกรธแต่เดิม เวลานี้จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ มุมปากนางเบ้ออกเล็กน้อย หันไปมองจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ “ข้าปิดบังที่บ้านแล้วแอบออกมา ยังต้องมาสู้กับเจ้าคนประหลาดนี่ แล้วเจ้ายังมาสงสัยขี้อีก แล้วยังมาดูถูกข้า...”จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ถ้าแม่นางคนนี้ยังพูดต่อ น่าจะร้องไห้ออกมาแน่ๆจั๋วซือหรานจนใจ ถอนหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า “เป็นข้าที่เข้าใจผิดเอง มืดค่ำขนาดนี้แล้ว เจ้าหิวไหม? ข้ามีของกินบางส่วนเอามากินเป็นมื้อค่ำได้ เจ้ากินไปด้วยแล้วค่อยๆ เล่าออกมาดีไหม?”เฟิงหร่านหลังจากได้ยินคำพูดนี้ก็เริ่มลังเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 606

    “ขอรับ” เฉวียนคุนรับคำ มองไปทางเฮยหลิง เอ่ยขึ้นว่า “เชิญตามข้ามา”หลังจากเฉวียนคุนนำทางเฮยหลิงออกไปจั๋วซือหรานจึงหันกลับมาบอกเฟิงหร่าน “เข้าไปกับข้าเถอะ”เฟิงหร่านมองเฮยหลิงที่ตามเฉวียนคุนออกไป จากนั้นจึงเดินตามจั๋วซือหรานเข้าไปในห้องเฟิงหร่านยู่ปาก ไม่เบิกบานเท่าไรนัก เอ่ยขึ้นเสียงเล็กว่า “ในจวนเจ้ามีผู้ชายตั้งเยอะ...ไม่ค่อยเหมาะไหม? เจ้าไม่กลัวพี่ชายรู้แล้วจะหึงหวงหรือ?”“เขาน่ะนะ?” จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ไม่ได้โกรธซ้ำยังหัวเราะถามกลับมาเสียด้วยเฟิงหร่านร้องเสียงหลงออกมา “ไม่มีทางหรอก! จะมีใครคนไหนที่ดีกว่าพี่ชายข้าบ้าง? นอกจากเจ้าจะเป็นคนโง่เท่านั้นถึงจะไม่เอาพี่ชายข้า”จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ไม่พูดอะไร แค่ยกมุมปากขึ้นยิ้มๆ หยิบกับข้าวที่เหลือจากการเข้าครัววันนี้ออกมา เดิมทีคิดจะเหลือไว้เป็นมื้อดึกของตนเองเฟิงหร่านอันที่จริงยังอยากจะพูดอะไรอยู่ แต่ก็เหมือนตอบสนองไม่ทัน จ้องมองกับข้าวบนโต๊ะอย่างงงงัน ไม่ค่อยแน่ใจหน่อยๆ ในสายตาก็ถามขึ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เมื่อครู่บนโต๊ะมีกับข้าวพวกนี้อยู่แล้วหรือ?”แม้ว่าตอนที่เข้ามา ความสนใจของนางก็ยังอยู่บนตัวจั๋วซือหรานแ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 607

    พอได้ยินเฟิงหรานพูด ในใจจั๋วซือหรานก็เต้นตึกตักคิ้วของนางขมวดขึ้นมา ประสานตากับเฟิงหร่าน ในน้ำเสียงที่นิ่งเฉยมาแต่ไหนแต่ไร เปลี่ยนเป็นตั้งใจขึ้นมา“คำพูดนี้ของเจ้า หมายถึงอะไร” จั๋วซือหรานถามขึ้นเฟิงหร่านเม้มปาก เหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดพอนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สิ่งเหล่านี้ที่ข้าบอกกับเจ้า เป็นความลับสุดยอดของตระกูลเรา คนมากมายกระทั่งไม่เคยล่วงรู้ สาเหตุที่ข้ารู้ เพราะตำแหน่งพ่อของข้าไม่ได้ต่ำมากนักในตระกูล...”น่าจะเพราะกำลังจะพูดความลับของตระกูล สิ่งนี้สำหรับเฟิงหรานแล้วเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ดังนั้นตอนที่นางพูดถึงจุดนี้จึงหยุดลงมาสูดลมลึกไปทีหนึ่ง หลังจากพ่นออกมายาวๆ จึงเอ่ยต่อว่า “แต่ถ้าจะพูดถึงตำแหน่งฐานะสูงแค่ไหน มันก็ไม่มีหรอก แค่พ่อของข้ามีหน้าที่ภาระที่พิเศษอย่างหนึ่ง”จั๋วซือหรานเห็นเฟิงหร่านขณะที่พูดสิ่งเหล่านี้ด้วยดวงตาหรุบต่ำ เวลานี้กลับเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองนางเฟิงหร่านเอ่ยต่อว่า “พ่อของข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่รับผิดชอบดูแลห้องโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษ”“...” จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ว่าห้องโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status