Share

บทที่ 64

Author: หูเทียนเสี่ยว
คิ้วของจั๋วซือหรานขมวดเล็กน้อย จากนั้นนางเงยหน้าและมองไปที่ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่ง

นางมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

ความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้ทำให้นางซับซ้อนมาก เมื่อเทียบกับการเขาจงใจพยายามทำให้นางสอบไม่ผ่าน

จั๋วซือหรานรู้สึกเขานำยาเม็ดเล็กชั้นสี่มาทดสอบนาง นั่นไม่ใช่จงใจสร้างด่านให้นาง แต่เหมือนอยากทดสอบความลึกของนางมากกว่า เพราะเขาอยากรู้นางได้ซ่อนความสามารถอะไรบ้าง

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ “ยาเม็ดเล็กชั้นสี่หรือ ท่านกำลังพยายามหาเรื่องกับผู้หญิงที่อ่อนแออย่างข้าหรือ”

ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษจ้องจ้องมองใบหน้าของนางครู่หนึ่ง และเขาพูดด้วยนำเสียงแบบเดิม "เมื่อเห็นเจ้ามีความมั่นใจอย่างมาก ข้ารู้สึกนี่ไม่ใช่หาเรื่องหรอก"

จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ นางแอบคิดในใจ เมื่อครู่นี้นางควรทำตัวน่าสงสารหน่อย

นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางนึกแผนรับมือออก นางเลิกคิ้วที่สวยงามของนางเล็กน้อย “ไม่ต้องสนใจข้าจะลำบากหรือไม่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ เอายาเม็ดเล็กชั้นสี่มาเป็นการทดสอบของการสอบแพทย์กลั่นยา ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง”

ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษถามอย่างไร้ความรูั้สึก “เจ้าจะยอมแพ้หรือ”

“นั่นไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 65

    พลังของการแพทย์สายวิเศษพุ่งออกมาจากแหวนเสวียนเหยียน และห่อยาเม็ดเล็กนั้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับพลังทางจิตวิญญาณไม้ธรรมชาติของตระกูลจั๋วแม้แต่จั๋วซือหรานก็สังเกตถึง หลังจากรวมพลังของการแพทย์สายวิเศษเข้ากับพลังทางจิตวิญญาณไม้ธรรมชาติของตระกูลจั๋ว พลังนั้นทรงพลังและมั่นคงอย่างยิ่งแรงบันดาลใจอันสูงสุดแก่จั๋วซือหราน ต้องยอมรับว่าบางทีพลังของการแพทย์สายวิเศษของตัวเองและพลังทางจิตวิญญาณจากไม้ตามธรรมชาติของตระกูลจั๋วใช้คู่กันดีจริง ๆแรงบันดาลใจในสมองของจั๋วซือหรานช่วยจั๋วซือหรานรู้จักลักษณะยาและช่วยหาส่วนผสมของยาเม็ดเล็กซือหลี่หลายคนเห็นนางเริ่มกลั่นยาหลังจากได้รับแรงบันดาลใจอย่างรวดเร็วพวกเขาทั้งหมดดูนางและไม่พูดคำใด ๆ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ซือหลี่ชางยหวี่อดไม่ได้ที่ต้องบถามด้วยเสียงต่ำ "ข้าได้ยินมาว่า ดูเหมือนตระกูลจั๋วประกาศว่า ไล่นางออกจากกสำนักงานใหญ่"ซือหลี่เสวียนหมิงตอบสั้น "จ้ะ น่าจะใช่"“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลจั๋วเสื่อมโทรมเรื่อย ๆ มีสายตาสั้นเช่นนี้ มันก็จะจบล้มละลายไม่ช้าก็เร็ว” ซือหลี่ชางยหวี่พูดตรง ๆ หากพูดอย่างสุภาพคือ ไม่มีวิจารณญาณ หากพูดอย่างไร้มารยาทคือ มองคนไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 66

    การหลอมยาคือ ใช้พลังทางจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องเพื่อห่อแก่นแท้ของวัสดุยาที่ได้รับการขัดเกลาและหลอมให้เป็นรูปทรงกลม ส่วนการอัดยาหมายถึง ในระหว่างกระบวนการนี้ มักใช้พลังทางจิตวิญญาณอัดยาจากทุกทิศทางให้เข้าในยาเม็ดเล้กในกระบวนการนี้ ผู้กลั่นยาไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาหลอมยาให้เป็นกลม ๆ ยังต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาคุมความร้อนอีกด้วย หากไม่ระมัดระวัง ผู้กลั่นยาอาจจะระเบิดยาเม็ดเล็กหรือระเบิดเตาหม้อดังนั้นทักษะพื้นฐานของแพทย์กลั่นยาคือการควบคุมพลังทางวิญญาณอย่างละเอียดและแม่นยำ ยิ่งควบคุมพลังทางวิญญาณได้ละเอียดและแม่นยำเท่าใด คนก็ยิ่งมีโอกาสเป็นแพทย์กลั่นยาที่เก่งมากขึ้นเท่านั้นเดิมทีจั๋วซือหรานมีสมาธิมากอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงสองขั้นตอนนี้ นางยิ่งมีสมาธิมากขึ้น ราวกับว่านางอยู่ในโลกที่มีแต่นางผู้เดียวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่ใช่เสียงใหญ่ที่เกิดจากเตาหม้อระเบิด แต่เป็นเสียงที่คมชัด - ดิ๊งเนื่องจากจั๋วซือหรานมีสมาธิมากเกินไป ม่านตาของนางจึงไม่มีสมาธิในขณะนี้ ม่านตาสีดำอันสว่างมีสมาธิและมีแสงสว่างเจิดจ้าดวงตาและมุมปากของนางเริ่มค่อย ๆ โค้งงอเสียงที่คมชัดในเมื่อครู่นี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 67

    เสียงของซือหลี่ฝายเทียนฟังติด ๆ ขาด ๆ จะว่าเขาพูดติดอ่าง ดูเหมือน...มากกว่าจั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องมองซือหลี่ฝายเทียนสองครั้งและซือหลี่ฝายเทียนท่านนี้ดูผอมและไม่สูงมาก ดูเหมือนเขาจะเขินอายเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตจั๋วซือหรานมองเขา เขาหันไปด้านข้างและหลบสายตาของนางซือหลี่ตันติ่งมีนิสัยที่เย็นชาและตรงไปตรงมา เขาค่อนข้างใจร้อนกับซือหลี่ท่านอื่น ทีนี้เขาดูเหมือนจะค่อนข้างดีกับซือหลี่ฝายเทียนเขาเรียกชื่อของซือหลี่ฝายเทียนตรง ๆ “เอาล่ะ ชิ่งหมิง มานี่สิ”ซือหลี่ฝายเทียน ซึ่งถูกเรียกว่า ชิ่งหมิง ในตอนแรกเขาหันไปด้านข้างและรักษาระยะห่างอย่างสุภาพกับจั๋วซือหราน จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ ยับตัวไปที่ด้านข้างของ ซือหลี่ตันติ่งจั๋วซือหรานรู้ลัทธิฝานเทียน ในเจ็ดลัทธิหลัก ลัทธิฝานเทียนไม่ใช่ลัทธิที่ถนัดการต่อสู้ แต่ลัทธินี้มีฐานะสูงอยู่ เนื่องจากลัทธิฝานเทียนเชี่ยวชาญด้านฝึกฝนนักกลั่นอาวุธ เช่นเดียวกับลัทธิตันติ่ง ซึ่งถนัดในด้านการฝึกฝนแพทย์กลั่นยาผู้มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ แม้ว่าบุคคลธรรมดาไม่ไปตีสนิทเอง แต่พวกเขาก็ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองด้วยตัวอย่างนักหลอมดาบของห้องกระบี่ประจำตระกูลที่ตร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 68

    "อ้าว" ซือหลี่ตันติ่งเหลือบมองเขาจากด้านข้างจากนั้นเขาได้ยินซือหลี่ฝายเทียนพูดติดอ่าง"นาง นางหน้าตาดี ดวงตา ดวงตาของนางสวยมาก"Alaซือหลี่ตันติ่งดูเหมือนจะหัวเราะและพูดว่า "เอาน่า"หลังจากพวกเขาออกไป ห้องโถงเงียบลงทันทีจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า หน่วยสืบสวนพิเศษ ซึ่งดูจริงจังเกินไป เคร่งขรึม และมืดมน จะมีคนเช่นซือหลี่ฝายเทียนทั้ง ๆ ที่ชื่อของลัทธิฟังเผด็จการ ฝานเทียน(ฝานเทียนในภาษาจีนหมายถึง เผาท้องฟ้า)จริง ๆ แล้วเขาเป็นเด็กน่ารักที่พูดติดอ่าง...จั๋วซือหรานไม่รีบเดินไปข้างนอก นางเลยนั่งอยู่บนพื้นในห้องโถง เริ่มลองใช้พลังทางจิตวิญญาณของนางและพลังของการแพทย์สายวิเศษอีกครั้ง เพื่อรู้สึกการผสมผสานที่ลึกลับนางรู้สึกการคาถาที่ซับซ้อนที่อยู่บนพื้นของห้องโถงน่าจะช่วยกระตุ้นด้วยห้องโถงตันติ่งเงียบมาก ซึ่งเงียบกว่าที่อื่นมาก ดูเหมือนว่าไม่ต้องต้องกังวลใครเข้ามาอย่างกะทันหันจั๋วซือหรานไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร นางรู้สึกว่าน่าจะเกือบหนึ่งชั่วยามพอดีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกประตูของห้องโถงตันติ่ง เสียนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆจั๋วซือหรานลืมตาขึ้นและเห็นซือหลี่ฝายเทียนที่สวมหน้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 69

    “คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ หากทำไม่ได้ก็อย่าตกลง” เสียงของซือหลี่ตันติ่งดังมาจากประตูเขาวางมือไว้ด้านหลังและยืนอย่างเงียบ ๆ ที่ประตู "เจ้าควรสังเกตว่า ชิ่งหมิงแตกต่างจากคนทั่วไป เขาฟังคำพูดที่เป็นขอไปทีหรือคำพูดที่มีพิธีรีตองไม่เป็น ดังนั้นหากเจ้าทำไม่ได้ก็อย่ารับปากเขา คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนั้น นางมองไปที่ซือหลี่ฝายเทียน ลายบนหน้ากากของเขาดูเหมือนเปลวไฟสีดำที่แปลกมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจั๋วซือหรานมองเขา พยักหน้าและพูดว่า "เจ้าค่ะ ข้ารับปาก หลังจากข้าจัดงานต่าง ๆ ให้เสร็จ ข้าจะมาเรียนกับใต้เท้า""ขอรับ" ซือหลี่ฝายเทียนกระโดดขึ้น ๆ ลง ในบริเวณนั้น แล้วรีบพูด "ถ้าอย่างนั้น เจ้ารีบเอาตราของเจ้าให้คนเหล่านั้นดูเลย"จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "เจ้าค่ะ"เมื่อนางเดินออกจาก ห้องโถงตันติ่ง นางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่งพูดตามความจริง จั๋วซือหรานไม่เคยคาดคิดว่า คนที่มีนิสัยอย่างซือหลี่ตันติ่งจะชมนางต่อหน้าซือหลี่ฝายเทียนว่า หลอมอาวุะได้แน่ ๆดังนั้นเมื่อนางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่ง นางก็อดไม่ได้ที่ต้องมองเขาจากด้านข้างซือหลี่ตันติ่งมองนางและเรียกนาง " จั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 70

    นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ...ตราที่ห้อยอยู่บนเอวของนาง พลิ้วไหวเบา ๆ ตามรอยเท้าของนางตรานั้นมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝ่ามือ เป็นรูปเตาหม้อเล่นแร่แปรธาตุ และเปล่งประกาย โดยมีชื่อของนางสลักอยู่บนนั้นมีเพียงผู้ผ่านการทดสอบแพทย์กลั่นยาเท่านั้น จึงสามารถรับตราตันติ่งได้เป็นตราตันติ่งประจำของแพทย์กลั่นยาตัวจริงไม่รู้ใครเป็นคนพูดก่อน “นาง...สอบผ่านจริง ๆ ด้วยหรือ”"เป็นไปได้อย่างไร..."ผู้คนที่เดิมจะหัวเราะเยาะนางต่างตกใจ แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อดูความสนุกสนาน หากนางล้มเหลว พวกเขาจะถือว่ามันเป็นเรื่องตลกแต่คนบางคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูความสนุกสนานเท่านั้นเหยียนชางยืนอยู่ในฝูงชน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเขาได้ยินเสียงกระซิบรอบตัวเขาแล้ว ทำให้เขากลายเป็นหัวข้อสนทนา“คราวนี้นายท่านสามของตระกูลเหยียนเจอคนแข่งล่ะสิ”“เขาทำตัวเอง... ทั้ง ๆ ที่คุณหนูจั๋วจิ่วกำลังจะไปสอบใบอนุญาตแพทย์ย์ แต่เขาหาเรื่องนาง นางจึงตัดสินใจเช่นนี้ใช่ไหมล่ะ”“ จั๋วจิ่วคนนี้เโหดจริง ๆ นางสามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลได้จริง ๆ และเข้ามาสอบแพทย์กลั่นยาอย่างไม่ลังเล ไม่มีคนธรรมดาคนไหนหรอกที่กล้าหาญขนาดนี้”“ตอนนี้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 71

    ยามที่จั๋วซือหรานสวมตราตันติ่ง เหยียนชางได้รับความอับอายตั้งแต่วินาทีที่นางเดินออกมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษภายใต้สายตาของทุกคน จั๋วซือหรานทำท่าเชิญโดยเชิญเขาเข้าหน่วยสืบสวนพิเศษ มันจะน่าละอายยิ่งกว่านี้หากเขาไม่ไปเหยียนชางจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความเกลียดชัง เขาพูดอย่างดุเดือด "ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะคอยดูเจ้าเล่นงานอะไร"เหยียนชางเดินไปที่ประตูของหน่วยสืบสวนพิเศษด้วยความโกรธหลังจากที่ทุกคนเห็นเขาเข้าไป ความสนใจก็ตกอยู่ที่จั๋วซือหรานอีกครั้งต้องยอมรับเลยว่า ช่วงนี้สาวคนนี้เป็นศูนย์กลางการสนทนาในเมืองหลวง ดูเหมือนว่าทุกหัวข้อจะวนเวียนอยู่กับนางอยู่เสมอทุกคนมองนาง แล้วก็ตระหนักว่า จั๋วซือหรานดูเหมือนนางยังไม่อยากไปจากที่นี่นางยืนอยู่ที่ประตูเหมือนพวกเขาจริง ๆ หรือมีคนอดไม่ได้ที่ต้องเข้ามาถามนางด้วยเสียงเบา ๆ "อ้าว แม่นางจั๋วจิ่ว ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ล่ะ"จั๋วซือหรานมองไปที่คนที่มา เขาคือฮั่วชิงหยวน บุตรชายคนที่ห้าของตระกูลฮั่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางรายใหญ่ในเมืองหลวง เขามีพรสวรรค์ที่ดีและค่อนข้างได้รับความเอ็นดูจากตระกูล ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยที่ร่าเริงหน่อยลูกหลานข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 72

    แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้สึกว่า หากทำเช่นนี้ มักจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตระกูลจั๋วได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะประกาศว่า เนางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวต้องอับอายเพราะความขุ่นเคืองส่วนตัวของนางด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่รักษาศักดิ์ศรีของตระกูล แถมยังได้รักษาศักดิ์ศรีของนางด้วยแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ ๆ จะมีการสอบเพื่อเป็นแพทย์กลั่นยา คุณท่านจั๋วลิ่วจึงตัดสินใจด้วยตัวเองโดยคิดว่านางต้องสอบตก เมื่อสักครู่นี้ เขาประกาศต่อหน้าผู้คนมากมายว่า นางถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลผู้อาวุโสสามอยู่ข้าง ๆ ในเวลานั้น แต่ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสสามมักจะสนิทกับเขาและไม่พอใจกับจั๋วซือหรานด้วย ดังนั้นผู้อาวุโสสามจึงไม่ห้ามเขาแต่เมื่อจั๋วซือหรานห้อยตราตันติ่งประจำของแพทย์กลั่นยาและเดินออกมา ใบหน้าและทัศนคติของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนไปทันที'ก่อนหน้านี้เจ้าประกาศไล่กับทุกคนว่า จั๋วจิ่วถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยไม่ได้ปรึกษากับทางตระกูล ในสถานการณ์นี้ ตระกูลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากเราอยากรักษานางไว้ ทางบ้านต้องเส

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status