Share

บทที่ 9

Author: หูเทียนเสี่ยว
มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์

เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... “

“ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”

“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น

“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”

"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"

“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”

“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”

“นำตัวไปที่ไหน”

“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"

“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น

*

"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"

ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้อีนังนั้นหรือเปล่า แม้แต่ทำตามกฎตระกูล เอาแส้ไปตีอีนังนั้นตั้งเก้าครั้ง อีนังนั้นยังไม่ตายอีก"

“คุณหนู อย่าโกรธเลย ถึงแม้นางรับการโจมตีของเก้าแส้นั้นได้ ต่อให้นางไม่ตาย แต่ก็คงต้องมีอาการหนังอย่างมาก อีกอย่างเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ นางถูกอาคมหนอนพิษกู่มาเป็นเวลานานแล้ว การฝึกฝนครั้งนี้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน อย่าคิดจะชนะท่านได้เลย” คนใช้ปลอบใจของจั๋วหรูซิน

“ที่พูดมาก็ถูก” จั๋วหรูซินรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย “เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ท่านพ่อของข้ากักตัวจั๋วหวายไว้หรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ เด็กโง่นั่นคิดว่าคุณท่านลิ่วของเราเป็นผู้ที่ลงโทษพี่สาวของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบมาเพื่อร้องขอความเมตตา แต่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คำพูดของเขาค่อนข้างหยาบคาย คุณท่านลิ่วจึงขังตัวเขาไว้”

“ เชอะ เหมือนกันกับพี่สาวของเขา เสียมารยาท ” จั๋วหรูซินยืนขึ้น “ไปดูกันเถิด พอดีเลย ข้าจะได้สอนเขาเสียหน่อยว่า ควรทำตามกฎเกณฑ์เช่นใด”

คนรับใช้เดินนำหน้า และกำลังจะเปิดประตูให้นาง

สีหน้าของจั๋วหรูซินเปลี่ยนไปทันที "ระวัง"

เสียง ปัง ดังก้อง ประตูพังและกระจายออกเป็นชิ้น ๆ ผู้ติดตามไม่ทันหลบหนี ถูกผลักออกและกรีดร้อง

“คุณ คุณหนู ช่วยด้วย”องครักษ์ผู้นั้นพูดอย่างสั่นเครือ เพราะเขาถูกจั๋วซือหรานจับไว้เป็นตัวประกัน

“จั๋วซือหราน” จั๋วหรูซินมองเหตุการณ์นอกประตู นางจึงถามด้วยความโกรธ“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบปล่อยองครักษ์ล่ะเจ้าอยากโดนลงโทษแบบเดิมอีกหรือ”

“พี่ลิ่วไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มด้วยความชั่วร้ายเล็กน้อย “ได้ยินมาว่า พี่ลิ่วกำลังจะสั่งสอนกฎตระกูลให้กับน้องชายข้าหรือ ถ้าอย่างนั้น พี่ลิ่วนำทางสิ ”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะขู่ข้าด้วยการจับองครักษ์เป็นตัวประกันได้หรือ ข้าไม่เชื่อหรอกนะ เจ้ากล้าฆ่าคนในเรือน”

จั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ "แน่นอนว่าข้ารู้ว่าชีวิตขององครักษ์ไม่สามารถเอามาข่มขู่เจ้าได้ และก็ไม่สามารถข่มขู่คุณท่านลิ่วได้ ดังนั้น ข้าเลยมาหาเจ้านี่ไง"

“เจ้าหมายถึงอะไร” จั๋วหรูซินขมวดคิ้ว

องครักษ์ตะโกน "คุณหนูระวัง"

จั๋วหรูซินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังไม่เร็วพอ นังนสารเลว เป็นเพราะอะไร หลังจากถูกกฎตระกูลเก้าแส้ลงโทษแล้ว นางยังสามารถเคลื่อนตัวได้คล่องเช่นนี้

เมื่อมีดคม ๆ ถูกวางที่คอของนาง จั๋วหรูซินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์ของจั๋วซือหรานคืออะไร

นางหัวเราะเยาะ “มันไม่ได้ผลหรอก จั๋วซือหราน เจ้าอย่าเพ้อฝันเลย เจ้าไม่กล้าฆ่าข้า แล้วมันข่มขู่ท่านพ่อของข้าไม่ได้”

“พอ ๆ กันนั่นแหละ หรือว่าคุณท่านลิ่วจะกล้าฆ่าน้องชายข้าหรือ แต่ทางที่ดี เจ้าควรอวยพรท่านพ่อของเจ้าไม่ได้แอบลงโทษเสี่ยวหวายด้วยวิธีที่ชั่ว มิฉะนั้น หากเสี่ยวหวายได้รับบาดเจ็บตำแหน่งใด ข้าก็จะทำมันในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า ” จั๋วซือหรานซือหรานกล่าว

จั๋วหรูซินโกระ"เจ้ากล้าดีอย่างไร"

จั๋วซือหรานพูดต่อ "นี่ กระบี่นะไม่มีตานะ พี่ลิ่ว มันไม่ใช่มนุษย์มองคนออก พี่ลิ่วอย่ายั่วข้าเลย ข้าเพิ่งได้รับการลงโทษมา มือยังสั่นอยู่เลย มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำล่ะ ก็แค่โดนลงโทษอีกครั้งเอง ครั้งแรกข้าก็ทนมาแล้ว ยังต้องกลัวทนอีก 15 ครั้งหรือ”

จั๋วหวายกำลังคุกเข่าลงบนพื้นหินสีเขียวที่อยู่ด้านนอกห้องหนังสือ

อากาศก็หนาวอีกทั้งเพิ่งฝนตกไป พื้นหินสีเขียวก็เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ความหนาวกัดกร่อนทะลุเข้าไปในกระดูก ทำให้จั๋วหวายรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกข็มทิ่ม

แก้มสองข้างของจั๋วหวายเต็มไปด้วยรอยนิ้วสีแดง และรอยนิ้วนั้นบวมเพราะถูกคนตบหน้า

เขารู้สึกเจ็บหัวเข่ามาก เขาตัวสั่นเพราะอดความเจ็บนั้นไม่ไหว แต่เมื่อเขาก็คิดว่า ตราบใดเขาเชื่อฟังและยอมรับโทษ คุณท่านลิ่วก็สามารถช่วยร้องขอความเมตตาให้พี่สาวของเขาได้ นางจะได้ไม่ต้องรับการลงโทษของกฎตระกูลเยอะขนาดนั้น

จั๋วหวายกัดฟันและอดความเจ็บไว้

เมื่อจั๋วซือหรานเดินเข้ามา นางเห็นชายหนุ่มที่มีหุ่นบางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำแข็ง และชายคนนี้กำลังตัวสั่น

“เสี่ยวหวาย” จั๋วซือหรานเรียกน้องชาย

ดวงตาของจั๋วหวายเป็นประกาย “ท่านพี่”

บิดาเสียชีวิตในสนามรบ มารดาอ่อนแอบอบบาง พี่สาวของเขาเป็นที่พึ่งทางจิตใจของจั๋วหวายมาโดยตลอด และเมื่อเขาเห็นพี่สาว เขารู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกหัวเข่าของเขาไม่ได้เจ็บเหมือนเมื่อครู่แล้ว

จั๋วซือหรานหรี่ตาลง และนางเห็นรอยแดงและบวมบนแก้มของเขา "ใครตีเจ้ากัน"

จั๋วหวายรู้สึกน้อยใจ เขาเม้มริมฝีปาก “คุณท่านลิ่วบอกว่า ท่านพ่อของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีใครสั่งสอน ข้าไร้มารยาท ดังนั้นต้องสั่งสอนข้าเสียหน่อย”

ประตูห้องอ่านหนังสือถูกเปิดออก คุณท่านจั๋วลิ่วเดินออกมา เมื่อเขาเห็นจั๋วซือหรานจับจั๋วหรูซินเป็นตัวประกัน เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "จั๋วจิ่ว เจ้าจะก่อปัญหาอีกหรือ ข้าแค่ฝึกวินัยให้ผู้น้อย ทำไม สอนไม่ได้หรือ”

จั๋วซือหรานตอบ "คุณท่านลิ่ว ท่านยังไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลเลย ท่านยุ่งเรื่องของผู้อื่นเช่นนี้ ท่านมีเวลาว่างเช่นนี้ สั่งสอนลูกสาวของท่านเสียดีกว่า นางจะได้ไม่ดิ้นรนทำลายผู้อื่น”

จั๋วหวายรีบลุกขึ้นยืน เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปอยู่ข้างพี่สาวของเขา

จั๋วซือหนานมองไปที่รอยนิ้วบนแก้มของพี่ชายของนาง นางพูดอย่างเย็นชากับจั๋วหรูซิน "ก่อนที่มาที่นี่ ข้าพูดอะไรไป เจ้าจำได้อยู่ใช่หรือไม่ ไม่ว่าเสี่ยวหวายจะได้รับบาดเจ็บที่ไหน ข้าจะทำในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า"

จั๋วหรูซินหวาดกลัว รูม่านตาของนางตัวลงอย่างกะทันหัน รอยแผลของจั๋วหวายอยู่ที่ใบหน้าของเขา

แต่เดิมกระบี่ถูกวางอยู่บนคอของนาง เวลานี้กระบี่เล่มนั้นถูกยกขึ้นมา จั๋วซือหรานตบหน้านางเบา ๆ ด้วยกระบี่เล่มนั้น เห็นได้ชัดว่า จั๋วซือหรานอยากทำอะไร

“จั๋วซือหราน เจ้ากล้าดีอย่างไร——” จั๋วหรูซินตะโกน “ท่านพ่อ ช่วยด้วย”

คุณท่านจั๋วลิ่ว "จั๋วจิ่ว เจ้า——!"

ทว่าจั๋วซือหรานเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เขาทำได้เพียงแค่มองกระบี่อันคมกริบใบหน้าของจั๋วหรูซิน และใบหน้าของจั๋วหรูซินมีรอยแผลสองเส้น

"อ๊า——!" จั๋วหรูซินร้องด้วยเสียงแหลมและเศร้ารันทด"จั๋วซือหราน ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าตายแน่นอน"

สีหน้าของจั๋วซือหรานไม่ได้มีการเปลี่ยนไปเลย ประสบการณ์ในชาติที่แล้วสอนนางไว้ว่า เมื่อนางควรโหดเหี้ยม นางห้ามอ่อนให้เด็ดขาด นางจดจำไว้ตลอดว่า การที่ใจดีต่อศัตรูนั้นจำทำลายตนเอง

ด้วยใบหน้าที่เย็นชา นางเตะด้านหลังของหัวเข่าของจั๋วหรูซินอีกครั้ง

จั๋วหรูซินคุกเข่าลงทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่า จั๋วซือหรานจะลงมืออย่างเด็ดขาดและเฉียบคมขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่จั๋วหวายก็ตกตะลึง

จั๋วซือหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุณท่านลิ่วห้ามคนในคลังจ่ายยารักษาแผลแก่ข้า แต่คุณท่านลิ่วคงเต็มใจที่จะจ่ายยาให้กับลูกสาวของตนเอง ข้าคิดว่าการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของพี่ลิ่วไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่นนั้นจั๋วจิ่วขอลา”

ทันทีที่นางพูดจบ นางก็เตะจั๋วหรูซินไปยังด้านหน้า จากนั้นลากจั๋วหวายไว้ข้างหลังนาง

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กนี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจัดการเจ้าจริง ๆ หรือ ข้ายังไม่เชื่อว่า วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกน ทันทีที่เขาเตรียมจะลงมือ แต่สายตาของเขากลับหยุดมองที่กระบี่นั้น และเขามองอย่างชัดเจน

กระบี่ในมือของจั๋วซือหรานดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ธรรมดาและเรียบง่าย แต่ด้ามนั้นสลักด้วยตราประจำตระกูลและมีอักษรหนึ่งตัว "เหยียน" ที่เขียนด้วยปากกาเหล็กเงินคุณภาพสูง

คุณท่านจั๋วลิ่วถาม "ทำไมกระบี่เสวียนเหยียนถึงอยู่ในมือของเจ้า เจ้าดึงกระบี่เสวียนเหยียนออกมาได้จริง ๆ หรือ"

เมื่อจั๋วหรูซินได้ยินคำพูดของท่านพ่อของนาง แต่เดิมนางมีสีหน้าดุร้าย นางรีบหันศีรษะไปมองกระบี่นั้น จึงสังเกตเห็นกระบี่ในมือของจั๋วซือหราน

นางถามจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด “นังสารเลว ทำไมกกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงถึงอยู่ในมือเจ้า”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Piyapattra Samungkun
จั๋วหวายทำไมโง่จังไปขอร้องคุณท่านลิ่วแถมยังโวยวายให้เขาหาเรื่องทำร้ายนอกจากช่วยพี่สาวไม่ได้ยังทำร้ายตัวเองอีกหุนหันพลันแล่นไม่ไหวอยู่ตระกูลใหญ่ควรสุขุมใจเย็นก่อนทำอะไรต้องมีสติคิดก่อนทำเสมอแต่นี่อะไรไม่ไหวเลย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1367

    พอได้ยินเสียงนี้ จั๋วซือหรานก็รู้ว่าเจ้าของเสียงน่าจะเป็นแม่ทัพทหารประจำการเมืองลั่วหม่า...แม่ทัพเย่เจิงคนนั้นจั๋วซือหรานมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แม่ทัพดูแลเมืองลั่วหม่าได้สงบจริงๆ ข้าก็เลยรู้สึกสบายๆ น่ะ""ถ้าหากสงบจริง ใต้เท้าคงไม่โดนโจรปล้นที่ด้านนอกนั่นหรอก" เสียงของเย่เจิงดังลอดออกมาจากด้านในฟังเนื้อหาแล้ว เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องที่จั๋วซือหรานถูกปล้นแล้วจั๋วซือหรานเดินเข้าไปในโถง และเห็นแม่ทัพเย่ที่นั่งอยู่แล้วเทียบกับฉีฮ่าวที่ดูกักขฬะแล้วยังสง่างามกว่าหน่อย แต่ก็ยังดูดุดันกว่าอิงเซ่าที่สง่างามทรงภูมินิดๆ"แม่ทัพเย่" จั๋วซือหรานยิ้มๆสายตาของเย่เจิง พิจารณาอยู่บนตัวหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ในสายตาก็มีการสำรวจตรวจสอบอย่างไม่มีปิดบังเขาปักหลักอยู่ในเมืองลั่วหม่ามาหลายปี ถือได้ว่าเป็นการประจำการอยู่แนวหน้าตลอดทั้งปีคนแบบเขาจะเป็นพวกกระดูกแข็งและรับมือยากถ้าจะให้เขามาประจบสอพลออะไรแบบนั้น คงจะทำไม่ได้แน่สำหรับเรื่องนี้ พวกขุนนางใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่ก็ไม่เต็มใจจะยอมรับเท่าไร กระทั่งรู้สึกขี้เกียจจะออกมาพบเสียด้วยซ้ำแต่สำหรับจั๋วซือหราน กลับโผล่หน้าออกมาด้วยต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1366

    และขี้เกียจจะกลับไปบนรถม้าแล้ว จึงขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าตัวที่นำอยู่ เตรียมจะตรงไปยังจวนแม่ทัพเมืองลั่วหม่าตามที่ทหารชี้ทางไว้แต่ก่อนหน้าที่จะไป นางก็ยังไม่ลืมกำชับกับหัวหนาทหารว่า "คนพวกนี้ ถ้าออกมาจากในคุกก็จะมีใบรับรองความภักดีแล้ว พวกเขาคงจะไปช่วยพวกคนชั่วในเมืองซื่อหนานก่อเรื่องไม่ดีแน่ ดังนั้นห้ามปล่อยพวกเขาออกมาเด็ดขาด"ดวงตาของเหล่าโจรก็ถลึงโตขึ้นมา มองไปทางจั๋วซือหรานและหญิงสาวชุดแดงบนหลังม้านั้น ใบหน้าเล็กที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทิน งดงามหาใดเปรียบก็ยิ้มขึ้นมาจนเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวัน แต่ในแววตานั้นกลับไม่มีความอบอุ่นใดอยู่เลย ราวกับจะเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีกสายตาที่ไม่มีความอบอุ่นใดของนางตกมาอยู่บนตัวพวกเขา จ้องมองมาเรียบๆ "พวกเจ้าคิดว่ากฏหมายใช้กับคนหมู่มากไม่ได้ พอปล้นชิงแล้วขอแค่ไปยังเมืองซื่อหนานได้ กฏหมายก็จะเอาผิดพวกเจ้าไม่ได้สินะ"นางจ้องพวกเขา "แต่ข้าเอาผิดพวกเจ้าได้ ทนรับเอาไว้ก็แล้วกัน"พูดคำนี้จบ จั๋วซือหรานก็คีบท้องม้า ติดตามทหารที่นำทาง ตรงไปยังจวนแม่ทัพทหารประจำการของเมืองลั่วหม่า เป็นส่วนหนึ่งของกองพันพยัคฆ์ทมิฬแห่งกองทัพสยบแดนใต้แม่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1365

    ถ้าถูกจับเข้าห้องขัง พวกเขาไม่ใช่ยังต้องคิดหาวิธีแหกคุกออกมาอีกถึงจะหลบเข้าไปใช้ชีวิตอย่างสงบในซื่อหนานได้รึไงกัน?จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงนี้ ในใจก็รู้สึกตึกตักขึ้นมาอย่างประหลาด...น่าจะเพราะ...เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีกระมัง?สรุปคือ หลังจากเสียงหัวเราะเบาๆ ของนาง พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "โอ้ พวกเขาน่ะ..."สายตานางหรี่ลง แววตาเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายแล่นวาบในดวงตาพญาหงส์ของนาง"พวกเขาเป็นคนที่คิดจะมาปล้นขบวนรถข้าที่ด้านนอกเมืองลั่วหม่าน่ะ"พอคำนี้ออกไป เหล่าโจรต่อให้เดาได้ถึงความเป็นไปได้นี่ แต่ก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่และเหล่าทหารเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน ร้อนรนขึ้นมาทันที"มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? กำเริบเสิบสานเสียจริง!"ในดวงตาของหัวหน้าทหารมีความโกรธอยู่ตรงหน้าคนนี้คือว่าที่โหวหลวนหนานนะ ทั่วทั้งหลวนหนานล้วนเป็นพื้นที่ศักดินาของนาง ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่านางไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแออะไรเลยอีกด้วยชื่อเสียงของคนผู้นี้ลือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เป็นตัวตนที่ค่อนข้างร้ายกาจเลยทีเดียว...ในอนาคตจะต้องมีเรื่องที่ต้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1364

    จั๋วซือหรานส่งป้ายผ่านด่านให้กับทหารทหารประตูเมืองหยิบป้ายผ่านด่านของนาง ขึ้นมามองไปมองมาอย่างละเอียดจากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อจั๋วซือหรานรู้สึกว่าปกติดี แม้ว่านางจะถูกอวยยศเป็นโหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกแต่งตั้งพื้นที่ศักดินาเป็นหลวนหนานด้วยแต่การสื่อสารที่ยังไม่พัฒนานัก ทำเลที่ตั้งของเมืองลั่วหม่าเองก็ค่อนข้างห่างไกลอีกด้วยต่อให้แม่ทัพทีประจำการอยู่ในเมืองลั่วหม่าจะรู้ข่าวแล้ว แต่ก็อาจจะไม่ได้แจ้งลงมาขุนพลกับทหารด้านล่างยังไม่รู้ ก็ดูเป็นเรื่องปกติดังนั้นทหารจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ที่หยิบเอา 'ป้ายตราปลอม' ที่มีตราประทับโหวออกมาหลอกลวงฉับพลัน สีหน้าก็ปั้นยากขึ้นมาทันทีหัวเราะเย็นชาขึ้นเสียงหนึ่ง "เจ้านี่บังอาจนักนะ! เจ้าคิดจะล้อเล่นกับเมืองลั่วหม่ารึ? ตาสีตาสาที่ไหนแค่ถือป้ายผ่านทางมั่วๆ มา ก็คิดว่าจะเนียนเข้าไปในเมืองลั่วหม่าได้รึไงกัน?"จั๋วซือหรานครุ่นคิดสาเหตุปัญหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าน่าจะเพราะเนื้อหาในป้ายผ่านทางไม่ตรงกับข่าวที่พวกเขารู้มากระมังจะทำอะไรได้ล่ะ ป้ายผ่านทางสมัยนี้ก็ไม่มีเครื่องหมายป้องกันการปลอมแปลงอย่างพวกตราเลเซอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1363

    พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนก็ขมวดคิ้วจากนั้นก็ถามปันอวิ๋นขึ้นคำหนึ่ง "เป็นแบบนี้หรือ?""แปลกใหม่ดีใช่ไหมล่ะ?" ปันอวิ๋นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนแม้จะค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่รอการตัดสินใจของจั๋วซือหรานเขารู้สึกว่า ไม่ว่านางจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะไม่มีความเห็นทั้งนั้นเนื่องจากนางนั้นเฉลียวฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ความคิดของนางมักจะมั่นคงและมีเหตุผลแต่จั๋วซือหรานก็หัวเราะถามขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องน้อยมีความคิดอะไรไหม?"ท่านอ๋องน้อยคิดในใจว่าข้าจะมีความคิดอะไรได้ ข้าอยู่กับไก่แล้วก็ต้องตามใจไก่ไปสิ...เขาชะงักไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ฟังเจ้านั่นล่ะ"ปันอวิ๋นหัวเราะอยู่ข้างๆ น่าจะเพราะชอบและพอใจที่ได้เห็นท่าทางเชื่อฟังและทำตามของเฟิงเหยียนแบบนี้หลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม "ถ้างั้น...พวกเราก็คิดหาวิธีเนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน?"สำหรับเรื่องนี้ เฟิงเหยียนกับปันอวิ๋นไม่มีความเห็นใดอย่าว่าแต่เนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานเลย ต่อให้จะเนียนเข้าไปในสภาผู้อาวุโส ถ้าพวกเขาคิดหาวิธี ก็น่าจะพอทำได้อยู่ปันอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1362

    จั๋วซือหรานเองก็ไม่มีอะไรต้องไต่สวนพวกเขาอีกแล้ว จึงเอียงหน้าไปทางแมงมุมของนางโจรพวกนั้นก็ขนลุกชูชันขึ้นทันที!เพราะครั้งที่แล้วตอนนางเอียงหน้าไปทางแมงมุมแมงมุมตัวนั้นก็เฉือนเนื้อของคนคนนั้นออกมา!อารมณ์หวาดกลัวของพวกเขา ก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาในใจอีกครั้งแต่คิดไม่ถึงว่า แมงมุมยักษ์ตัวนั้นจะไม่ได้กรีดเนื้อหนังพวกเขาเพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อย ก็พ่นใยออกมาอีกสองสามก้อนทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพถูกห่อเหมือนดักแด้อีกครั้ง ขยับตัวไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้...เหลือแค่จมูกที่ยังหายใจกับดวงตาที่ยังมองวัตถุเห็นคนที่ถูกกรีดจนกรีดร้องไม่หยุดก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้เองก็เงียบเสียงไปแล้วด้วยตอนแรกเขายังอัดอั้นหน้าดำหน้าแดงอยู่ แต่เขาก็ค่อยๆ สงบลงมาแล้วเพราะหลังจากที่ใยแมงมุมของแมงมุมตัวนี้พันเข้ามา...บาดแผลก็เหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้ว...?จั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจพวกเขาเดินตามปันอวิ๋นขึ้นมาด้านหน้าปันอวิ๋นยังจุ๊ปาก เอียงตามองโจรพวกนั้น เบ้ปากเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านี่ก็เมตตาเกินไป"ใยของแมงมุมหน้าผีมีฤทธิ์ทำให้ชาอยู่สินะ ยังไม่ทันได้สั่งสอนพวกเขาจนหนำใจเลยนี่? ดันหยุดความเจ็บปวดให้พวกเขาเสียแล้ว?แล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status