共有

บทที่ 15

作者: หว่านชิงอิ๋น
หลังจากที่จากไป ลั่วชิงยวนก็พาเซียวชูไปจัดการกับสิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋อง แม้ว่านางจะไม่สามารถหยิบเข็มทิศออกมาได้ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงทิศทางที่เข็มทิศชี้ไป เนื่องจากมันเป็นสมบัติของครอบครัว

ยามนี้ ฝนได้ซาลงมากแล้ว ในตำหนักยังคงสาละวนอยู่กับเรือนหลังที่ถูกฟ้าผ่า จึงไม่มีใครสังเกตเห็นลั่วชิงยวนที่พาเซียวชูลัดเลาะไปมาภายในตำหนัก

ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกตัวตั้งนานแล้ว เมื่อนางรู้ข่าวว่า ท่านอ๋องอยู่ในห้องตำรากับลั่วชิงยวน นางจึงไม่สามารถเข้าไปรบกวนได้ ได้แต่เดินไปรอบ ๆ ห้องอย่างใจจดใจจ่อ

ในที่สุด เมื่อนางได้ยินว่าลั่วชิงยวนออกมาจากห้องตำราแล้ว นางจึงรีบไปที่นั่นอย่างเร่งรีบ

แต่เมื่อนางไปถึงห้องตำรา ซูโหยวก็หยุดนางไว้ "คุณหนูรอง ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส และกำลังพักผ่อนอยู่ขอรับ"

ลั่วเยวี่ยอิงตกใจ ห้องตำราของท่านอ๋องไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าไป ลั่วชิงยวนสามารถเข้าไปได้ แต่นางกลับเข้ามิได้ หรือว่าท่านอ๋องจะทรงสงสัยจริง ๆ ว่านางแย่งความดีความชอบจากลั่วชิงยวน?

“คุณหนูรอง รีบกลับไปพักผ่อนเถิดขอรับ” ซูโหยวเตือนเบา ๆ

ลั่วเยวี่ยอิงกลับมาได้สติ นางหันหลังกลับและจากไป แม้แต่ซูโหยวก็มิไปส่งนางที่ห้อง

นางรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ทั้งอารมณ์เสียและเกลียดชัง ทั้งหมดเป็นเพราะนังผู้หญิงเลวลั่วชิงยวน!

สิ่งล่อฟ้าไร้สาระบ้าบออะไร ลั่วชิงยวนคนนั้นโง่เขลาจะตายไป ทำไมนางจะไม่รู้? เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะเข้าใจสิ่งนี้!

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล ไม่สิ มิสามารถหลอกนางโง่เขลาผู้นี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นจะไว้ชีวิตนางต่อไปมิได้อีก! ต้องรีบจัดการนางโดยเร็วที่สุด !

หลังจากค่ำคืนที่วุ่นวาย ลั่วชิงยวนพาเซียวชูไปจัดการกับสิ่งล่อสายฟ้าทั้งหมดแล้ว ของทั้งหมดถูกเซียวชูนำออกไป ลั่วชิงยวนเองก็กลับห้องตัวเอง

ถึงแม้ว่าสิ่งล่อสายฟ้าจะถูกนำออกไปจนหมดแล้ว แต่เข็มทิศในแขนเสื้อของลั่วชิงยวนยังคงสั่นเล็กน้อย ในตำหนักอ๋องนี้ยังคงมีวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งอยู่ แต่มันถูกกดไว้โดยบางสิ่ง

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มิเอื้อต่อฮวงจุ้ยที่อยู่ในตำหนักนี้ แต่ไม่มีผลกระทบมากเท่าไหร่นัก และมิได้ทำให้เข็มทิศสั่นอย่างรุนแรงนัก

ตำหนักอ๋องนี้ใหญ่เกินไป นางมิสามารถนำเข็มทิศออกมาต่อหน้าเซียวชู และเดินหาทุกซอกทุกมุมของตำหนักได้ นางไม่สามารถเอ่ยถึงปัญหาอื่นที่ยังหามิพบได้ จำเป็นต้องเก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้เอาไว้ก่อน

เมื่อนางกลับมาที่ห้อง จือเฉาก็ได้เตรียมอาหารเย็นไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว

“พระชายา คืนนี้ในตำหนักถูกฟ้าผ่า ท่านเป็นอะไรหรือไม่เพคะ?” จื่อเฉาถามนางด้วยความเป็นห่วง

"ข้าไม่เป็นไร" ลั่วชิงยวนส่ายหัว วางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้าจือเฉา "คราวหน้า จงเตรียมอาหารไว้สองชุด มากินกันเถอะ"

จือเฉารู้สึกเขินอายเล็กน้อย ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็อดมิได้ที่จะถามว่า "เหตุใดพระชายาถึงดีกับบ่าวยิ่งนักเจ้าคะ? เฉียงเวยบอกว่า บ่าวนั้นเป็นคนที่โง่เขลาที่สุด คนอย่างบ่าว เหตุใดถึงได้โชคดีได้รับความรักจากพระชายากัน"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกใจ "นางบอกว่าเจ้าเป็นคนโง่ แล้วเจ้าก็เชื่อนางงั้นรึ?"

เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของจือเฉา ลั่วชิงยวนก็บอกกับนางว่า "เจ้ารู้ร่างกายของเจ้าดีใช่หรือไม่ ข้าเพียงแค่อยากช่วยชีวิตเจ้า ให้เจ้าได้มีชีวิตต่อ ข้าขอกับท่านอ๋องแล้วว่า ให้เจ้ามาเป็นนางรับใช้ส่วนตัวของข้า ต่อไปนี้จงติดตามข้า แล้วฟังเพียงข้าเท่านั้น"

“ไม่ว่าคนอื่นจะพูดถึงเจ้าอย่างไร ก็อย่าได้ไปใส่ใจ ตราบใดที่ข้ามิได้ดูถูกเจ้า เจ้าก็มิได้รับอนุญาตให้ดูแคลนตน!”

จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางจึงรีบคุกเข่าลงทันที "บ่าวสมควรตาย ฟังความคนพวกนั้น และเผลอคิดไปว่า ท่านดีกับบ่าวเพราะหวังประโยชน์บางอย่าง บ่าวขอประทานอภัยเจ้าค่ะ พระชายา!"

“ในอนาคต ไม่ว่าพระชายาจะให้บ่าวทำอะไร บ่าวก็จะทำ บ่าวจะฟังแต่พระชายาเจ้าค่ะ!” จือเฉากลั้นเสียงร้องไห้

"ลุกขึ้นได้แล้ว นั่งลงและกินข้าวเถอะ" ลั่วชิงยวนดึงนางขึ้นจากพื้น

หลังจากนั้นไม่นาน เซียวชูก็มาที่ประตูห้องของนาง และประโยคแรกที่เขาพูดก็คือ "พระชายาต้องการสมุนไพรอะไรหรือขอรับ"

จือเฉานำพู่กันและกระดาษมาให้ลั่วชิงยวนเขียนใบสั่งยา ยาที่ใช้ราคาไม่ถูก แต่คงมิใช่เรื่องใหญ่สำหรับตำหนักอ๋อง

นางส่งใบสั่งยาให้เซียวชู

เซียวชูพยักหน้า “ขอรับ ข้าจะเตรียมสมุนไพรเหล่านี้ไว้ที่ห้องยา หากพระชายาต้องการก็สามารถไปเอาได้ทุกเมื่อขอรับ”

"เข้าใจแล้ว ต่อจากนี้จือเฉาจะเป็นคนไปรับยามาให้ข้า"

นางบอกกับเซียวชูไว้ก่อน อนาคตหากจือเฉาไปเอายาจะได้ไม่ถูกห้าม

ขณะที่เซียวชูจากไป ทันใดนั้นก็มีเงามืดลอยออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้จือเฉาหดตัวด้วยความตกใจ "นั่นอะไรเจ้าคะ!"

ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้น นางเห็นเงาสีขาวและดวงตาที่เศร้าสร้อยคู่นั้นในช่องประตู

จือเฉาค่อนข้างหวาดกลัว แต่สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงสงบนิ่ง นางพูดขึ้นเสียงเย็น "นางรับใช้เมิ่งเจ้ามาที่นี่มีธุระอันใด? พรางเป็นเทพ แสร้งเป็นผีก็ไม่สามารถทำให้กลัวได้หรอก"

เมื่อถูกจับได้ เมิ่งจิ่นอวี่ก็กระแทกเปิดประตูด้วยความโกรธ นางพุ่งตัวเข้ามาด้วยผมที่ยุ่งเหยิง และกรงเล็บของนาง "ข้าจะฆ่าเจ้า! เพราะเจ้าทำร้ายข้า! ถึงแม้ข้าจะตายเป็นผี ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!"

จือเฉากลัวมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว แต่นางยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวาง แต่นางก็ถูกเมิ่งจิ่นอวี่ผลักออกด้วยแรงทั้งหมด

เมิ่งจิ่นอวี่คล่อมตัวลั่วชิงยวน และข่วนนางอย่างบ้าคลั่ง ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของนางอย่างแรง และผลักนางออกไป

"เจ้าคิดร้ายกับผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จึงย้อนกลับมาหาตัวเอง แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า? หากเจ้าไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสกปรก ก็คงมิลงเอยเยี่ยงนี้!" น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ หรือสงสารใด ๆ

เมิ่งจินหวี๋ที่ถูกผลักล้มลงไปที่พื้น จ้องมองนางอย่างดุเดือด และกรีดร้องว่า "ข้าอยู่ในตำหนักนี้มาหลายปี อีกเพียงก้าวเดียวก็จะสำเร็จแล้ว! มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด!! เจ้าทำลายชีวิตของข้า ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าได้ตายดีแน่!"

ท่าทางนั้นที่ดูเหมือนจะทะลุทะลวงคน

ลั่วชิงยวนเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ "เจ้าไม่มีความสามารถที่จะทำให้ข้าตายได้ จงช่วยตัวเองก่อนเถอะ"

นางเห็นว่าทั้งใบหน้าของเมิ่งจิ่นอวี่ปกคลุมไปด้วยความโกรธเกลียด นางได้ก้าวเข้าสู่นรกแล้ว และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน นี่เป็นเพียงการแก้แค้นครั้งสุดท้ายของนาง

เมิ่งจิ่นอวี่โกรธมาก นางลุกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ และพุ่งไปหาลั่วชิงยวน เพื่อพยายามที่จะบีบคอนางอย่างบ้าคลั่ง

ลั่วชิงยวนเกลียดร่างกายที่หนักอึ้งของตน ทำให้นางไม่สามารถหลบได้ทันเวลา จึงทำได้เพียงเผชิญหน้ากับเมิ่งจิ่นอวี่แบบตัวต่อตัว หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดก็ผลักเมิ่งจิ่นอวี่ออกจากประตูห้องไปได้ นางปิดประตูลงทันที เมิ่งจิ่นอวี่ยังคงทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง แต่สักพักนางก็ยอมแพ้และจากไป

จือเฉามองดูเหตุการณ์อย่างตกตะลึง และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "มือของพระชายาช่างว่องไวมากเจ้าค่ะ"

ลั่วชิงยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับคำพูดนี้ "เจ้าต้องการจะบอกว่า ข้าเป็นคนอ้วนที่ว่องไวมากใช่หรือไม่?"

สีหน้าของจือเฉาเปลี่ยนไป นางโบกมืออย่างรวดเร็ว "ไม่ใช่นะเจ้าคะ บ่าวมิได้หมายความเยี่ยงนั้น พระชายามิได้อ้วนเลยเจ้าค่ะ"

“มิต้องตกใจไป ข้ารู้ดีว่าตัวข้าเป็นเช่นไร”

ทุกวันนี้นางแทบไม่อยากส่องกระจกด้วยซ้ำ นางอ้วนมากจนต้องใช้เวลานานกว่าจะจัดการเมิ่งจิ่นอวี่ได้ หากนางตัวเบากว่านี้ล่ะก็ เมิ่งจิ่นอวี่จะมิสามารถจับได้แม้แต่ชายเสื้อของนาง!

ตอนนี้นางมิได้กังวลแต่เพียงเรื่องการรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังต้องแก้ปัญหาร่างกายที่อ้วนท้วนนี้ด้วย

นางนึกคิดเกี่ยวกับชีวิตของลั่วชิงยวน เมื่อยังเป็นเด็กนางนั้นงดงามมาก และนางยังเชี่ยวชาญในการเล่นเปียโน หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพทุกชนิด ครั้นนางยังเด็ก ขุนนางหลายคนต่างก็มาทาบทามนางเรื่องการแต่งงาน แต่เมื่ออายุได้สิบสามปี นางก็อ้วนขึ้น โรคนี้ต้องกินยาเป็นเวลานาน ดังนั้นนางจึงอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่บัดนั้นมา ลั่วชิงยวนก็กลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง พ่อของนางรู้สึกละอายใจ เขาจึงไม่ยอมให้นางออกไปข้างนอก จนลั่วชิงยวนก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในทางกลับกัน หลังจากลั่วชิงยวนกลายเป็นคนอัปลักษณ์ ก็กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของลั่วเยวี่ยอิง หากไม่ถูกกล่าวว่าเป็นบุตรบุญธรรมของจวนอัครเสนาบดี หลายคนคงเข้าใจว่านางเป็นลูกสาวของอัครเสนาบดี

เมื่อมองดูตอนนี้ ยาที่ลั่วชิงยวนกินหลังจากที่นางล้มป่วย มันมีความผิดปกติมาก! อาจจะเป็นน้องสาวที่แสนดีของนางที่เป็นคนก่อเรื่องก็เป็นได้! แต่เนื่องจากลั่วเยวี่ยอิงนั้นแสดงละครเก่ง ลั่วชิงยวนจึงไม่เคยสงสัยในตัวลั่วเยวี่ยอิง

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ การรักษาโรคอ้วนในร่างกายของนาง จึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับนางที่จะต้องแก้ไข

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (6)
goodnovel comment avatar
prapa
ตัวละครมีตัวดี และตัวร้ายเด่นชัดดีค่ะ
goodnovel comment avatar
Vone SyAvone
สันอ่านเถิงบดทิ1042 ทำไมอ่านตํไม่ได้ทำไมให้อ่านบดทิ1คืน
goodnovel comment avatar
Vone SyAvone
อ่านรอดหน้า1042แล้ว.แต่อ่านตํไม่ได้
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1514

    การแพ้ให้กับสตรีนางหนึ่งช่างเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งฉีเฮ่ายอมสังหารผู้คนในที่นั้นทั้งหมดดีกว่าต้องคุกเข่าขออภัยต่อสตรีผู้นี้!ในวินาทีต่อมาผู้คุ้มกันที่ฉีเฮ่านำมาก็กรูกันเข้ามา แล้ววิ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนในขณะนั้นเอง ผู้คุ้มกันตลาดมืดก็เคลื่อนไหวในทันทีบรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นในพริบตาทำให้ผู้คนจำนวนมากที่มุงดูอยู่ต่างถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว ด้วยเกรงว่าจะโดนลูกหลงฉีเฮ่าจ้องลั่วชิงยวนเขม็ง แล้วพุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนในเวลานั้นเอง เงาร่างสีดำก็ร่อนลงมากลางอากาศ เข็มเงินหลายเล่มพุ่งตรงมาจิตสังหารพวยพุ่งฉีเฮ่าตอบสนองอย่างรวดเร็ว ถูกบังคับให้ถอยหลังไปหลายก้าวเข็มเงินพุ่งปักลงบนพื้นเสียงอันเปี่ยมด้วยอำนาจและทรงพลังดังมาจากฟากฟ้า “ข้าจะดูว่าใครกล้าแตะต้องน้องสาวของอวี๋หงผู้นี้!”เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นก็ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายนับมิถ้วนทุกคนพากันมองไปตามเสียง จึงเห็นเงาร่างในชุดคลุมสีดำอยู่บนชายคา ภายใต้หน้ากากผีนั้นเพียงพอที่จะสะกดข่มผู้คนที่อยู่ในที่นั้นได้ฉีเฮ่าขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เกิดความคิดที่จะถอยหนีมิอยากเป็นศัตรูกับตลาดมืดแต่มินานเขาก็ถูกความโกรธในใจครอบงำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1513

    ทั้งสองปะทะกันหลายสิบกระบวนท่า ลั่วชิงยวนเอาแต่หลบหลีก แต่เพียงแค่หลบหลีกก็สามารถทำให้ฉีเฮ่าโกรธแทบตายได้จูลั่วที่ยืนมองอยู่ตลอดเวลารู้สึกกังวลสตรีผู้นี้มิได้อ่อนแอเลยท่านแม่ทัพใหญ่ประมาทแล้ว!ทันใดนั้นเอง เสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้นโดยรอบเพราะลั่วชิงยวนถูกบีบให้ถอยไปจนถึงขอบลานประลองแล้วอาจตกลงไปได้ทุกเมื่อสายตาของฉีเฮ่าเย็นชา ฉวยโอกาสจับบ่าของลั่วชิงยวน มุมปากแสยะยิ้มเย็น “จับเจ้าได้แล้ว!”“ดูสิว่าตอนนี้เจ้าจะหลบได้อย่างไรอีก!”หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ลงมือหนักขึ้น ลั่วชิงยวนรับมือด้วยความตึงเครียด แต่ด้วยความแตกต่างของน้ำหนักตัว ฉีเฮ่าจึงจับแขนและขาของนางแล้วยกขึ้นฉีเฮ่ายกตัวลั่วชิงยวนขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง เตรียมจะโยนนางออกจากลานประลองทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ออกแรงอย่างแรง ใช้เท้าข้างหนึ่งเกี่ยวคอของฉีเฮ่าไว้จากนั้นก็หมุนตัวหลุดจากมือของฉีเฮ่า แล้วเกี่ยวคอฉีเฮ่าแล้วล้มลงกับพื้นลั่วชิงยวนร่วงลงสู่พื้นก่อนแล้วฟาดฝ่ามือลงไป แรงลมยกฝุ่นคละคลุ้งก่อนจะกระโจนตัวขึ้นในพริบตาแต่ขาทั้งสองข้างยังคงล็อกคอของฉีเฮ่าไว้แน่นกดฉีเฮ่าลงกับพื้นอย่างแรงจากนั้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1512

    รอยยิ้มหยอกเย้าปรากฏบนริมฝีปากของฉีเฮ่า แววตาจาบจ้วงราวกับมองเห็นสตรีตรงหน้าถูกโยนเข้าไปในหมู่ทหารแล้วในชั่วขณะเดียว แววตาหยาบโลนนั้นก็จุดประกายเพลิงโทสะในใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนกำหมัดแน่น“สู้กันบนลานประลองนี้ ผู้ใดถูกผลักตกจากลานประลองก่อน ผู้นั้นแพ้!”จากนั้นลั่วชิงยวนก็ออกคำสั่งให้คนที่อยู่ในที่นั้นถอยออกไปผู้คุ้มกันทั้งหมดพากันถอยไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันออกไปบนลานประลองจึงเหลือเพียงลั่วชิงยวนและฉีเฮ่าสองคนฉีเฮ่ามองสำรวจลั่วชิงยวนด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม “เจ้ากล้าหาญถึงเพียงนี้ ข้าชื่นชมอยู่บ้าง”“เพียงแต่น่าเสียดายที่มิฉลาดนัก”ร่างอันบอบบางเช่นนี้ เขาสามารถชกให้ปลิวได้ในหมัดเดียวเสียด้วยซ้ำนางเอาความกล้าหาญมาจากที่ใด จึงได้มาเดิมพันครั้งใหญ่กับเขาเช่นนี้?ในขณะนั้นเอง โฉวสือชีและฉีอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในฝูงชนที่มามุงดูอยู่ แล้วมองเห็นร่างสองร่างบนลานประลองโฉวสือชีเหงื่อตกในใจกังวลว่าลั่วชิงยวนจะวู่วามเกินไปเมื่อฉีอวี้เห็นชายคนนั้นบนแท่นประลอง หัวใจก็เต้นผิดจังหวะฉีเฮ่ามาได้อย่างไร!ฉีอวี้ถอยหลังไปสองก้าวด้วยความกังวลโฉวสือชีสังเกตเห็นจึงหันกลับมามองนาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1511

    “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้ล่วงเกินท่านแม่ทัพใหญ่!”เมื่อได้ยินชื่อนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้ว แล้วเลิกคิ้วถาม “ตำแหน่งนี้ใหญ่มากนักหรือ?”“สมควรให้ข้าให้เกียรติด้วยหรือ?”เมื่อสิ้นคำนั้น สีหน้าของคนหลายคนก็พลันเปลี่ยนไปในทันทีอวี๋หลินตวาดว่า “ไร้ความรู้! ทั่วทั้งแคว้นหลีมีเก้าหัวเมือง แม่ทัพใหญ่ค่ายทหารอวิ๋นโจวคือผู้ปกครองสูงสุดของอวิ๋นโจว!”“เจ้ายังมิรีบมอบกระบี่หมื่นทิศอีก! เพื่อขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่ไว้ชีวิตอย่างไรเล่า!”ฉีเฮ่าเผยสีหน้ามิพอใจ ท่าทีสูงส่งราวกับกำลังรอให้ลั่วชิงยวนคุกเข่าขออภัยแล้วมอบกระบี่หมื่นทิศให้ผู้คนโดยรอบต่างอุทานด้วยความตกใจ“แม่ทัพใหญ่ค่ายอวิ๋นโจวหรือ? ถึงกับมาตลาดมืดเลยหรือนี่”“ได้ยินมาว่า ค่ายอวิ๋นโจวคือค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเก้าหัวเมือง มิใช่เพียงทหารที่แข็งแกร่ง แม่ทัพก็ยังแข็งแกร่งยิ่งนัก!”“หากตลาดมืดกล้าล่วงเกินพวกเขา เมืองป้านกุ่ยคงจะต้องถูกทำลายมิใช่หรือ?”ฉีเฮ่าฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วยิ่งพึงพอใจตลาดมืดเล็ก ๆ นี้จะกล้าล่วงเกินค่ายอวิ๋นโจวได้อย่างไร?ทว่าลั่วชิงยวนกลับยังคงมีสีหน้าสงบ มิได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อยนางกลับ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1510

    อวี๋หลินหวาดกลัวและตื่นตระหนก เขาตะโกนลั่น “อย่า ๆ! พูดจากันดี ๆ ก่อนเถิด!”ลั่วชิงยวนยกยิ้มเย็นชา “นี่มิใช่ว่าเจ้าเป็นคนเดิมพันเองหรอกรึ? เจ้ามิได้ต้องการให้ข้าเป็นอนุของเจ้าหรอกหรือไร?”“หามิได้ ๆ” อวี๋หลินกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก“สายไปแล้ว” ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหารยกมือขึ้นเงื้อกระบี่ฟันเข้าที่แขนของอวี๋หลินอย่างแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงคมกระบี่อันแหลมคม อวี๋หลินก็กรีดร้องออกมาแต่ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งก็ร่วงลงมาจากฟ้ากระบี่บินพุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรีบยกกระบี่ขึ้นปัดป้องร่างนั้นฉวยโอกาสกระโจนเข้ามาช่วยอวี๋หลินหนีไปได้ระยะห่างถูกขยายกว้างออกไปลั่วชิงยวนมองคนที่ช่วยอวี๋หลินไป เห็นอวี๋หลินกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณ จูลั่ว”เมื่อกล่าวจบ อวี๋หลินก็เช็ดเหงื่อ มือยังคงสั่นเทาเขาเกือบจะเสียแขนไปแล้วลั่วชิงยวนได้ยินชื่อนี้แล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อยจูลั่ว หนึ่งในสิบปรมาจารย์กระบี่ผู้เก่งกาจ เขาอยู่อันดับที่สองถึงแม้จะรองจากฝูเหมิ่ง แต่ชื่อเสียงกลับมิได้โด่งดังเท่าฝูเหมิ่ง เพราะฝูเหมิ่งสามารถบรรลุถึงขั้นที่คนกับกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งได้แต่จูลั่วทำมิได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1509

    เงินทองมากมายถึงเพียงนั้น ต่อให้พวกเขาต้องรวบรวมจากทั่วทั้งตลาดมืดก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วยามคราวนี้ลั่วชิงยวนจะแก้สถานการณ์อย่างไร!หนนี้หากนางก่อเรื่องใหญ่ ท่านอาของเขาต้องมิปล่อยนางไว้แน่ขอเพียงนางจากไป ว่าที่เจ้าเมืองแห่งเมืองป้านกุ่ยก็จะต้องเป็นเขา!บรรยากาศในลานประมูลเริ่มควบคุมมิได้มากขึ้นทันใดนั้นเอง เงาร่างที่สะท้อนอยู่บนม่านหน้าต่างก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วเดินมายังริมหน้าต่างมือเรียวยกม่านขึ้นจากนั้นเสียงใสก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นเราเปลี่ยนสถานที่กันเถิด เพื่อให้เจ้าได้เห็นว่าข้าประมูลกระบี่หมื่นทิศมาได้ด้วยเงินหนึ่งล้านตำลึงได้อย่างไร”อวี๋หลินตกใจ พลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกัดฟันกล่าว “ย่อมได้! ข้าจะดูว่าเจ้าจะใช้กลอุบายอันใดอีก!”ดังนั้นพวกเขาจึงมายังลานประลองด้านหลังลานประมูลค่ำคืนนี้ไม่มีใครใช้ลานประลอง ที่นี่กว้างขวาง เหมาะสำหรับวางเงินผู้คนในลานประมูลต่างพากันตามมาดูข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ดึงดูดผู้คนให้มาชมมากขึ้นเรื่อย ๆอวี๋หลินรีบให้คนยกเงินสดมา แล้วหัวเราะเยาะเสียงเย็น “ข้ามิเชื่อว่าเจ้าจะนำเงินมากมายถึงเพียงนั้นมาได้”จากนั้นก็ให้

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status