Share

บทที่ 14

Aвтор: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ฟู่เฉินหวนสาวเท้าสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยความโกรธ "เจ้าเป็น

คนทำอย่างนั้นรึ?!"

ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "ท่านเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?"

คำที่นางพูดออกมาหมายถึงยอมรับมัน

ฟู่เฉินหวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวขององครักษ์ส่วนพระองค์ พลางชี้ไปที่คอของลั่วชิงยวน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าจะฆ่าเจ้า!"

ลั่วชิงยวนชูคอด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง "หากท่านอ๋องต้องการฆ่าก็ฆ่าเถิดเพคะ หลังจากที่ฆ่าหม่อมฉันแล้ว สิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋องนี้ยังไม่ถูกถอนออกไป และพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะกินเวลาอีกหลายวัน ตำหนักของท่านอ๋องจะกลายเป็นซากปรักหักพังเป็นแน่ อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว!"

“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนกำดาบยาวไว้ในมือ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

เซียวชูพยุงฟู่เฉินหวนทันทีด้วยความตกใจ และเป็นกังวล "ท่านอ๋อง!"

“ท่านหมอกู้อยู่ที่ไหน! ท่านหมอกู้!” เซียวชูตะโกนทันที

องครักษ์นายหนึ่งตอบว่า "หมอกู้หมดสติหลังจากหนีออกมาจากกองไฟ!"

เห็นดังนั้นลั่วชิงยวนจึงก้าวไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนขึ้นมาเพื่อสัมผัสชีพจรของเขา

ดวงตาของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาผลักลั่วชิงยวนออกไปด้วยความโกรธ

“ท่านอ๋อง ท่านยังต้องการมีชีวิตอยู่หรือไม่? ” ลั่วชิงยวนขู่อย่างไม่เกรงกลัว

ฟู่เฉินหวนทำได้เพียงระงับความโกรธในใจ หยุดขยับตัว และปล่อยให้นางจับชีพจรสักพัก

ท่านหมอกู้เป็นลมหมดสติไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงปล่อยให้นางรักษาเขา ลั่วชิงยวนหัวเราะเย้ยหยันเขาในใจ อย่างน้อยเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถของนาง และเชื่อเรื่องกู่ฉงกับสิ่งล่อสายฟ้า

แต่ทว่าเชื่อแล้วอย่างไร เขายังคงปกป้องรักษาคนรักของเขาเช่นเคย

ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นในหัวใจของนางอีกครั้ง นางรู้ว่า นี่เป็นความไม่พอใจของเจ้าของร่างเดิม ความแค้นในตัวนางก็ยังไม่เหือดหายไป

แต่ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจแล้วจะอย่างไรได้? ชายผู้นี้ไม่มีนางในหัวใจ

“ท่านอ๋องอาเจียนเป็นเลือดเพราะความโกรธ สงบสติอารมณ์ลงได้ ก็จะมิเป็นไรแล้วเพคะ แต่บาดแผลบนพระวรกายของท่านอ๋องนั้นถูกน้ำ จำเป็นต้องทำแผลใหม่อีกครั้ง มิฉะนั้นอาการบาดเจ็บจะยิ่งแย่ลง และท่านอาจสิ้นพระชนม์ได้” ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา หลังจากจับชีพจรเสร็จ

คำว่า "สิ้นพระชนม์" เต็มไปด้วยน้ำเสียงข่มขู่

ฟู่เฉินหวนรู้ว่านางกำลังขู่เขา แต่เขาทำได้เพียงรับฟังคำขู่ของนางเท่านั้น เขารู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของเขามันร้ายแรงมาก

“หากท่านอ๋องทรงยอมให้หม่อมฉันรักษา เช่นนั้นเรามาพูดถึงเงื่อนไขกันตามลำพังเถิดเพคะ”

ดวงตาของฟู่เฉินหวนเคร่งขรึม สายตาไม่มีความโกรธ แต่ก็ยากที่จะหยั่งรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สายตานี้ทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือก

เขาพูดด้วยเสียงต่ำ "ห้องตำรา"

ลั่วชิงยวนไม่รีบที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของฟู่เฉินหวน นางกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งสะอาดเรียบร้อยแล้ว นางถึงกลับมาที่ห้องตำรา

เซียวชูที่เฝ้าอยู่ข้างนอกประตู เมื่อเขาเห็นนางเดินมา ก็รีบผลักประตูเปิดออก

ห้องตำราล้อมรอบไปด้วยไม้จันทน์ เมื่อเดินเข้ามาก็สามารถทำให้รู้สึกสงบใจ

ลั่วชิงยวนสังเกตการตกแต่งห้องตำราโดยมิรู้ตัว เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งชั่วร้ายที่ส่งผลกระทบต่อฮวงจุ้ย ดูเหมือนว่า ห้องตำรานี้จะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวด ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ห้องตำรานี้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการที่จะทำร้ายฟู่เฉินหวนจึงมิสามารถเข้ามาทำอะไรในห้องนี้ได้

“เจ้ามองอะไรอยู่? ยังต้องหาอะไรอีก?” ฟู่เฉินหวนซึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

น้ำเสียงที่เย็นชามีการลองเชิง และการระวังแอบแฝงอยู่

"แน่นอนว่าหม่อมฉันกำลังตรวจดูว่าในห้องตำรานี้มีสิ่งล่อสายฟ้าหรือไม่ หากมีสายฟ้าผ่าลงมาที่นี่ ชีวิตของท่านอ๋องมิได้สำคัญ แต่หม่อมฉันยังมิอยากตายเพคะ" ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา นางนั่งลงกับพื้น และเอื้อมมือไปปลดเสื้อผ้าของฟู่เฉินหวน

เขาเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว แม้ว่าข้างนอกฝนจะตกหนัก แต่อุณหภูมิในห้องตำรานั้นเย็นสบาย เมื่อลั่วชิงยวนปลดกระดุมเสื้อผ้าเขาและเปิดออก เขาก็รู้สึกขนลุกซู่ มือที่วางอยู่บนเก้าอี้คว้าที่จับแน่นโดยไม่รู้ตัว

ลั่วชิงยวนปลดผ้าก๊อซที่เปื้อนเลือดออก นางพูดขึ้นอย่างใจเย็น "หม่อมฉันมีเงื่อนไขในการรักษาบาดแผลของท่าน หม่อมฉันต้องการสิทธิ์ในการเข้าและออกห้องยาอย่างอิสระ หม่อมฉันต้องการสมุนไพร"

ฟู่เฉินหวนหลับตา และพยายามเพิกเฉยต่อสัมผัสของนาง แต่ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของนางมักจะลูบไล้ผ่านผิวของเขาราวกับขนนก ทำให้เขาสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว

เขาขมวดคิ้ว และเสียงของเขาก็เย็นลงเล็กน้อย "เจ้าต้องการสมุนไพรไปทำอันใด?"

“ก็ต้องนำมารักษาอาการบาดเจ็บสิเพคะ! ท่านคิดว่าที่หม่อมฉันวิ่งชนกำแพงเป็นการแสดงให้ท่านดูแค่นั้นจริง ๆ รึ?” หากมัวแต่ยืดเยื้อไม่รักษาล่ะก็ ผลกระทบที่ตามมาของการชนกำแพงอาจจะรักษาไม่หาย

ฟู่เฉินหวนยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย เขาชำเลืองมองนาง ดวงตาสีเข้มและลึกของเขามองนางอย่างเงียบ ๆ

เมื่อมองไปที่ท่าทางจริงจัง และการเคลื่อนไหวที่เรียบร้อยของนาง เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น ช่างไม่เหมือนลั่วชิงยวนที่เขารู้จักจริง ๆ

“ก็ได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าสองสามข้อ”

ลั่วชิงยวนพยักหน้าขณะเย็บแผล

ฟู่เฉินหวนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "สิ่งล่อสายฟ้ามีจริงหรือ?"

“แน่นอนว่ามีจริง คืนนี้ท่านอ๋องก็เห็นแล้วมิใช่หรือเพคะ?”

"เจ้ามีทักษะทางการแพทย์จริงหรือ?"

“หากไม่จริง ท่านอ๋องจะทรงอนุญาตให้หม่อมฉันรักษาท่านหรือไม่เพคะ?”

ดวงตาของฟู่เฉินหวนเคร่งขรึม และเสียงของเขาก็เย็นชา "แล้วเจ้าคือลั่วชิงยวนจริงหรือ?"

ลั่วชิงยวนชะงัก นางสบตากับเขานิ่ง "มิเช่นนั้นหม่อมฉันคือใครหรือเพคะ?"

ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาลึกล้ำ "แต่สายตาที่เจ้ามองข้า ไม่มีความรักอยู่เลย"

นั่นแตกต่างจากสายตาที่นางใช้มองเขาก่อนที่จะปลิดชีพตนเองโดยสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงนี้ราวกับมีคนสองคน

ดวงตาของลั่วชิงยวนมีแต่ความเย็นชา ก่อนจะตะคอกกลับเบา ๆ "ท่านอ๋องทรงปฏิบัติต่อหม่อมฉันเช่นนั้น หม่อมฉันจะยอมแพ้ความรู้สึกที่มีต่อท่านมิได้หรือไร? ใครบอกว่าคนคนหนึ่งจะรักคนอื่นโดยไม่มีเงื่อนไขตลอดไปกัน"

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ดังนั้นเขาจึงปัดความสงสัยเหล่านี้ทิ้ง

จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "สมุนไพรที่เจ้าอยากได้ ข้าสามารถให้เจ้าได้ แต่เจ้าไม่สามารถเข้าออกห้องยาได้โดยไม่ได้รับการอนุญาต"

เขายังคงระวังลั่วชิงยวน เพราะอย่างไรเสีย นางก็เป็นคนของฟู่อวิ๋นโจว หากนางใช้โอกาสนี้ทำอะไรกับยาเหล่านั้น คงเกิดปัญหาแน่

"ย่อมได้เพคะ ให้สมุนไพรกับหม่อมฉันก็พอ" ลั่วชิงยวนได้ยินเสียงที่หนักแน่นของเขา จึงต้องถอยหลังหนึ่งก้าว

นางพันแผลของฟู่เฉินหวนเรียบร้อยแล้ว

ขณะนั้นเองฟู่เฉินหวนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "นอกจากนี้ จงอย่าพุ่งเป้าไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอีก"

ลั่วชิงยวนประหลาดใจ มองเขาอย่างตะลึงก่อนจะลุกขึ้นยืน และพูดด้วยความโกรธ "่ท่านทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน หรือทำอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของหม่อมฉัน! ตราบใดที่นางไม่มายั่วยุหม่อมฉัน ก็ต่างคนต่างอยู่ มิต้องมาเกี่ยวข้องกัน! แต่ถ้านางทำร้ายหม่อมฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะให้หม่อมฉันยอมทนนั้น ย่อมเป็นไปมิได้!”

นางคิดว่าคำพูดเหล่านี้จะทำให้ฟู่เฉินหวนโกรธนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟู่เฉินหวนมิได้โกรธ ดวงตาของเขาลึกและสงบนิ่ง ไม่มีคลื่นแม้แต่น้อย

น้ำเสียงเรียบเอ่ยขึ้น "ข้ามิได้ขอความเห็นจากเจ้า"

"แต่นี่คือคำสั่ง"

เขาเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่นาง เสียงทุ้มและเย็นชาของเขาค่อนข้างอันตราย

"เช่นนั้นก็ดูแลคนของท่านให้ดี!" หลังจากพูดจบ ลั่วชิงยวนก็หันหลังกลับและจากไป

จู่ ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ นางชะงัก หันกลับมาอีกครั้งและพูดว่า "นางรับใช้นามว่าจือเฉาที่หลังเรือน หม่อมฉันต้องการตัวนางเพคะ"

ฟู่เฉินหวนเอนตัวลงบนเก้าอี้และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า "กำจัดสิ่งล่อสายฟ้า"

นี่คือเงื่อนไข

ลั่วชิงยวนตกลงอย่างง่ายดาย "ย่อมได้เพคะ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Комментарии (1)
goodnovel comment avatar
Piyapattra Samungkun
ชิงยวนไม่ควรช่วยเฉินหวนจะเป็นจะตายก็ช่างสิให้มันตายไปเลยช่วยแล้วไม่ขอบคุณแถมโดนด่าโดนทำร้ายร่างกายอ๋องโง่ๆลำเอียงหลับหูหลับตาเข้าข้างแต่นางมารร้ายที่เอาแต่ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้ท่านอ๋องสงสารแล้วสั่งลงโทษชิงยวนๆนางทำอะไรก็ผิดถึงทำความดีช่วยชีวิตก็ไม่ซาบซึ้งไม่ขอบคุณมีแต่ความโกรธเชอะอ๋องโง่ใจดำ
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1512

    รอยยิ้มหยอกเย้าปรากฏบนริมฝีปากของฉีเฮ่า แววตาจาบจ้วงราวกับมองเห็นสตรีตรงหน้าถูกโยนเข้าไปในหมู่ทหารแล้วในชั่วขณะเดียว แววตาหยาบโลนนั้นก็จุดประกายเพลิงโทสะในใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนกำหมัดแน่น“สู้กันบนลานประลองนี้ ผู้ใดถูกผลักตกจากลานประลองก่อน ผู้นั้นแพ้!”จากนั้นลั่วชิงยวนก็ออกคำสั่งให้คนที่อยู่ในที่นั้นถอยออกไปผู้คุ้มกันทั้งหมดพากันถอยไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันออกไปบนลานประลองจึงเหลือเพียงลั่วชิงยวนและฉีเฮ่าสองคนฉีเฮ่ามองสำรวจลั่วชิงยวนด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม “เจ้ากล้าหาญถึงเพียงนี้ ข้าชื่นชมอยู่บ้าง”“เพียงแต่น่าเสียดายที่มิฉลาดนัก”ร่างอันบอบบางเช่นนี้ เขาสามารถชกให้ปลิวได้ในหมัดเดียวเสียด้วยซ้ำนางเอาความกล้าหาญมาจากที่ใด จึงได้มาเดิมพันครั้งใหญ่กับเขาเช่นนี้?ในขณะนั้นเอง โฉวสือชีและฉีอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในฝูงชนที่มามุงดูอยู่ แล้วมองเห็นร่างสองร่างบนลานประลองโฉวสือชีเหงื่อตกในใจกังวลว่าลั่วชิงยวนจะวู่วามเกินไปเมื่อฉีอวี้เห็นชายคนนั้นบนแท่นประลอง หัวใจก็เต้นผิดจังหวะฉีเฮ่ามาได้อย่างไร!ฉีอวี้ถอยหลังไปสองก้าวด้วยความกังวลโฉวสือชีสังเกตเห็นจึงหันกลับมามองนาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1511

    “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้ล่วงเกินท่านแม่ทัพใหญ่!”เมื่อได้ยินชื่อนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้ว แล้วเลิกคิ้วถาม “ตำแหน่งนี้ใหญ่มากนักหรือ?”“สมควรให้ข้าให้เกียรติด้วยหรือ?”เมื่อสิ้นคำนั้น สีหน้าของคนหลายคนก็พลันเปลี่ยนไปในทันทีอวี๋หลินตวาดว่า “ไร้ความรู้! ทั่วทั้งแคว้นหลีมีเก้าหัวเมือง แม่ทัพใหญ่ค่ายทหารอวิ๋นโจวคือผู้ปกครองสูงสุดของอวิ๋นโจว!”“เจ้ายังมิรีบมอบกระบี่หมื่นทิศอีก! เพื่อขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่ไว้ชีวิตอย่างไรเล่า!”ฉีเฮ่าเผยสีหน้ามิพอใจ ท่าทีสูงส่งราวกับกำลังรอให้ลั่วชิงยวนคุกเข่าขออภัยแล้วมอบกระบี่หมื่นทิศให้ผู้คนโดยรอบต่างอุทานด้วยความตกใจ“แม่ทัพใหญ่ค่ายอวิ๋นโจวหรือ? ถึงกับมาตลาดมืดเลยหรือนี่”“ได้ยินมาว่า ค่ายอวิ๋นโจวคือค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเก้าหัวเมือง มิใช่เพียงทหารที่แข็งแกร่ง แม่ทัพก็ยังแข็งแกร่งยิ่งนัก!”“หากตลาดมืดกล้าล่วงเกินพวกเขา เมืองป้านกุ่ยคงจะต้องถูกทำลายมิใช่หรือ?”ฉีเฮ่าฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วยิ่งพึงพอใจตลาดมืดเล็ก ๆ นี้จะกล้าล่วงเกินค่ายอวิ๋นโจวได้อย่างไร?ทว่าลั่วชิงยวนกลับยังคงมีสีหน้าสงบ มิได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อยนางกลับ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1510

    อวี๋หลินหวาดกลัวและตื่นตระหนก เขาตะโกนลั่น “อย่า ๆ! พูดจากันดี ๆ ก่อนเถิด!”ลั่วชิงยวนยกยิ้มเย็นชา “นี่มิใช่ว่าเจ้าเป็นคนเดิมพันเองหรอกรึ? เจ้ามิได้ต้องการให้ข้าเป็นอนุของเจ้าหรอกหรือไร?”“หามิได้ ๆ” อวี๋หลินกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก“สายไปแล้ว” ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหารยกมือขึ้นเงื้อกระบี่ฟันเข้าที่แขนของอวี๋หลินอย่างแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงคมกระบี่อันแหลมคม อวี๋หลินก็กรีดร้องออกมาแต่ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งก็ร่วงลงมาจากฟ้ากระบี่บินพุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรีบยกกระบี่ขึ้นปัดป้องร่างนั้นฉวยโอกาสกระโจนเข้ามาช่วยอวี๋หลินหนีไปได้ระยะห่างถูกขยายกว้างออกไปลั่วชิงยวนมองคนที่ช่วยอวี๋หลินไป เห็นอวี๋หลินกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณ จูลั่ว”เมื่อกล่าวจบ อวี๋หลินก็เช็ดเหงื่อ มือยังคงสั่นเทาเขาเกือบจะเสียแขนไปแล้วลั่วชิงยวนได้ยินชื่อนี้แล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อยจูลั่ว หนึ่งในสิบปรมาจารย์กระบี่ผู้เก่งกาจ เขาอยู่อันดับที่สองถึงแม้จะรองจากฝูเหมิ่ง แต่ชื่อเสียงกลับมิได้โด่งดังเท่าฝูเหมิ่ง เพราะฝูเหมิ่งสามารถบรรลุถึงขั้นที่คนกับกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งได้แต่จูลั่วทำมิได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1509

    เงินทองมากมายถึงเพียงนั้น ต่อให้พวกเขาต้องรวบรวมจากทั่วทั้งตลาดมืดก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วยามคราวนี้ลั่วชิงยวนจะแก้สถานการณ์อย่างไร!หนนี้หากนางก่อเรื่องใหญ่ ท่านอาของเขาต้องมิปล่อยนางไว้แน่ขอเพียงนางจากไป ว่าที่เจ้าเมืองแห่งเมืองป้านกุ่ยก็จะต้องเป็นเขา!บรรยากาศในลานประมูลเริ่มควบคุมมิได้มากขึ้นทันใดนั้นเอง เงาร่างที่สะท้อนอยู่บนม่านหน้าต่างก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วเดินมายังริมหน้าต่างมือเรียวยกม่านขึ้นจากนั้นเสียงใสก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นเราเปลี่ยนสถานที่กันเถิด เพื่อให้เจ้าได้เห็นว่าข้าประมูลกระบี่หมื่นทิศมาได้ด้วยเงินหนึ่งล้านตำลึงได้อย่างไร”อวี๋หลินตกใจ พลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกัดฟันกล่าว “ย่อมได้! ข้าจะดูว่าเจ้าจะใช้กลอุบายอันใดอีก!”ดังนั้นพวกเขาจึงมายังลานประลองด้านหลังลานประมูลค่ำคืนนี้ไม่มีใครใช้ลานประลอง ที่นี่กว้างขวาง เหมาะสำหรับวางเงินผู้คนในลานประมูลต่างพากันตามมาดูข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ดึงดูดผู้คนให้มาชมมากขึ้นเรื่อย ๆอวี๋หลินรีบให้คนยกเงินสดมา แล้วหัวเราะเยาะเสียงเย็น “ข้ามิเชื่อว่าเจ้าจะนำเงินมากมายถึงเพียงนั้นมาได้”จากนั้นก็ให้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1508

    “เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเผยรอยยิ้มนางสัมผัสได้ถึงความรักที่พ่อบุญธรรมมีให้นางอย่างแท้จริง ความรู้สึกที่ถูกดูแลประคบประหงมราวกับเด็กน้อยนี้ มิเคยได้รับอีกเลยนับตั้งแต่ท่านอาจารย์ลั่วกับท่านอาลั่วหรงจากไป......สามวันต่อมา ในที่สุดกระบี่หมื่นทิศเล่มนั้นก็ถูกนำมาจัดแสดงที่ลานประมูลทองคำแต่ก่อนหน้านั้น ลั่วชิงยวนได้ไปพบชายผู้นั้นเป็นการส่วนตัวเพื่อหารือเรื่องราวบางอย่าง และได้ตกลงความร่วมมือกันบางประการแล้วการประมูลเริ่มต้นขึ้น ค่ำคืนนี้ในลานประมูลมีผู้คนแน่นขนัด เกือบทั้งหมดล้วนมาเพื่อกระบี่หมื่นทิศเมื่อกระบี่หมื่นทิศถูกนำออกมา เห็นได้ชัดว่ามีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากทุกห้องเสียงของอวี๋หลินดังขึ้นเป็นเสียงแรก “หนึ่งแสนตำลึง!”ราคานี้ตัดความหวังของคนมากมายไปทันทีโฉวสือชีเสนอราคา “สามแสนตำลึง”อวี๋หลินหมอบอยู่นอกหน้าต่าง เหลือบมองมาทางแวบหนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันคำราม “ห้าแสนตำลึง!”การเดิมพันครั้งนี้เป็นการเดิมพันกันอย่างเปิดเผย แท้จริงแล้วก็คือการประลองว่าใครมีเงินมากกว่ากันประลองกันว่าใครสามารถนำเงินสดมาได้มากกว่าหลังจากอวี๋หลินตะโกนราคาห้าแสนตำลึงแล้วมิได้ยินเสียงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1507

    “เจ้าต้องการจะประลองอย่างยุติธรรมเช่นไร?”อวี๋หลินเกรงว่าตนเองจะถูกขับไล่แล้วจะพลาดกระบี่หมื่นทิศไปเขาจึงรีบกล่าว “ประมูล! เราจะประลองกันอย่างยุติธรรม ใครให้เงินมากกว่า คนนั้นก็จะได้กระบี่หมื่นทิศไป!”“ต้องเป็นเงินสดเท่านั้น!”อวี๋หลินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเขาดูเหมือนจะมั่นใจว่าในตลาดมืดไม่มีเงินสดมากมายถึงเพียงนั้นเงินสดทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ที่นี่เป็นเงินที่ใช้ในการค้าขายอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ตลาดมืดจะหักส่วนแบ่ง แต่ก็มิมาก อีกทั้งยังต้องเลี้ยงดูคนในตลาดมืดมากมายถึงเพียงนี้ เงินสดที่หมุนเวียนจึงมิสามารถนำมาใช้ได้อวี๋หลินเคยอยู่ที่นี่มาก่อน เขาจึงเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีลั่วชิงยวนยกยิ้ม “ดีสิ เช่นนั้นก็ประมูลกันอย่างยุติธรรม”นางมิได้สนใจกระบี่หมื่นทิศนี้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดากระบี่ที่ฝูเหมิ่งสร้างขึ้น กระบี่หมื่นทิศก็มิได้จัดอยู่ในอันดับต้น ๆเพียงแต่เห็นอวี๋หลินหมายมั่นปั้นมือที่จะได้ของสิ่งนี้ นางก็พลันอยากจะแกล้งเขาดูว่า เขาจะยอมทุ่มเทให้กระบี่เล่มนี้มากเพียงใดอวี๋หลินจึงกล่าวคำท้า “ดี! เช่นนั้นเพิ่มเดิมพันอีกอย่างดีหรือไม่?”“เดิมพันกระไร?”“หากเจ้าแพ้ เจ้าต้อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status