ลั่วชิงยวน กัดฟันและรีบวิ่งไปหาหมอกู้ด้วยความโกรธ และต่อยหมอกู้เข้าที่หน้าหมอกู้เตะฟู่อวิ๋นโจวออกไปด้วยเข่าเขาจับกริชไว้แน่นและตวัดไปทางลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหลบไปด้านข้าง และมีเส้นผมสองสามเส้นร่วงหล่นลงพื้นหลังจากนั้นทันที หมอกู้ก็โจมตีด้วยเจตนาสังหารอีกครั้ง เขาโจมตีอย่างรุนแรง ลั่วชิงยวนยังคงตื่นตัว ไม่กล้าลดการป้องกัน และหลีกเลี่ยงกริชสังหารอันดุเดือดมาได้อย่างหวุดหวิดทักษะวรยุทธของหมอกู้หาได้อ่อนแอไม่ ทว่าลั่วชิงยวนรู้สึกว่านางยังสามารถรับมือกับเขาได้ และทักษะวรยุทธของนางก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกันแต่กริชจันทร์เสี้ยวในมือของหมอกู้นั้นคมกริบ อีกทั้งหมอกู้ยังสามารถใช้มันได้อย่างชำนาญอีกด้วย การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความชำนาญ หมุนกริชอย่างรวดเร็วจนทำให้ตาพร่า ทำให้มองไม่เห็นว่ากริชเคลื่อนจากมือข้างหนึ่งไปอีกมือหนึ่งอย่างไรเพียงเห็นแสงดาบอันแหลมคมก็ทำให้เกิดประกายวาบ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงภัยคุกคามรุนแรง ราวกับพวกเขาอยู่ท่ามกลางแสงและเงาของดาบนับพันลั่วชิงยวนระมัดระวังอย่างยิ่งและต่อสู้กับหมอกู้หลายรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันกริชจันทร์เสี้ยวได้ มันทิ้งรอยแผลและเลือดไว้มากมาย
นางลุกขึ้นยืนด้วยกำลังทั้งหมดของนาง หมอกู้เองก็ยืนขึ้นเช่นกันในขณะนั้น นางยกเข่าขึ้นและเตะเขาอย่างแรง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้หมอกู้ปล่อยมือข้างหนึ่งของเขาทันที และลั่วชิงยวนก็เหยียบลงบนหลังเท้าของหมอกู้อีกครั้งนางแย่งกริชจันทร์เสี้ยวออกไปและเหวี่ยงมันไปที่คอของหมอกู้ด้วยกำลังทั้งหมดความคมของกริชจันทร์เสี้ยวและความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวนทำให้นางเกือบจะตัดหัวของหมอกู้ได้เลือดกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของลั่วชิงยวนเมื่อมองดูศพที่นอนอยู่บนพื้น กริชจันทร์เสี้ยวในมือของลั่วชิงยวนก็หล่นลงเช่นกัน นางล้มลงกับพื้นอย่างเหนื่อยล้าทันทีที่นางนั่งลง นางก็หันกลับมาเห็นฟูอวิ๋นโจวนอนจมกองเลือดใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาก็ไม่ต่างจากใบหน้าของคนตายนางคลานไปหาเขาอย่างรวดเร็ว“ฟู่อวิ๋นโจว! ฟู่อวิ๋นโจว!”นางยกนิ้วอังจมูกของเขา ยังมีลมหายใจแผ่วเบานางหันกลับไปมองฟู่อวิ๋นโจว และมองไปที่บาดแผลบนหลังของเขา โชคดีที่กริชจันทร์เสี้ยวนั้นแตกต่างจากกริชธรรมดา เช่นนั้นจึงเจาะได้ไม่ลึกและไม่ทำลายส่วนสำคัญใด ๆแต่บาดแผลใหญ่มากจนต้องเย็บนางลุกขึ้นวิ่งออกไปทันทีและตะโกนว่า “มีใครอยู่บ้าง มีใครบ้าง?!”แต่ไม่ม
“ว๊าย!” ลั่วเยวี่ยอิงตกใจเมื่อเห็นบุรุษคนนั้นมีเลือดอยู่บนหน้านางตกเข้าสู่อ้อมแขนของฟู่เฉินหวน“ท่านอ๋อง...”ในขณะนี้ลั่วเยวี่ยอิงดูราวกับกระต่ายที่หวาดกลัวแต่ฟู่เฉินหวนจำลั่วชิงยวนได้ในทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาเห็นนางเต็มไปด้วยเลือดและดูสะบักสะบอมอย่างยิ่งเขาผลักลั่วเยวี่ยอิงออกไปทันที และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปรับฟู่อวิ๋นโจวจากด้านหลังของนางลั่วชิงยวนถอยไปสองก้าวเป็นการปัดป้องและเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเย็นชาอย่างยิ่ง“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน?”ดวงตาที่เย็นชาของนางไร้อารมณ์และว่างเปล่า ปราศจากแววมีความผิดหวังและความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในใจของนางเหตุใดนางต้องฝากข้อความถึงฟู่เฉินหวน? มอบให้ฉินเชียนหลี่ไปเลยยังดีกว่าเหตุใดฟู่เฉินหวนจึงเป็นคนแรกที่นางนึกถึงในเวลานั้น?ขณะที่คิดว่านางกำลังต่อสู้กับหมอกู้ นางคิดว่าฟู่เฉินหวนอาจจะมาช่วยนางในไม่ช้าแต่เขากลับยืนชมจันทร์อยู่กับลั่วเยวี่ยอิงความคาดหวังทั้งหมดในใจของนางมลายหายไปทันทีลั่วชิงยวนแบกฟู่อวิ๋นโจวไว้บนหลัง และเดินต่อไปโด
พูดไม่ออกแต่เขาอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นเพื่อระงับความโกรธและความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจ ความหึงหวงก็เช่นกันหมอหลวงเตรียมทุกอย่างและส่งให้นางอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตัดอาภรณ์ด้านหลังของฟู่อวิ๋นโจวออก จนเผยบาดแผลให้เห็น นางทำความสะอาดและเช็ดอย่างระมัดระวัง ฟู่เฉินหวนเฝ้าดูจากด้านข้างและรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังของนางนั้นคล่องแคล่วมากเขาหันหลังกลับและจากไปด้วยความโกรธลั่วชิงยวนรีบเย็บแผล ใส่ยา และพันผ้าพันแผลไว้อย่างรวดเร็วหมอหลวงกำลังทำงานอยู่ด้านข้าง เมื่อมองดูการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่แอบถอนหายใจในใจ นางมีฝีมือดีกว่าหมอคนนั้นเสียอีกทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็หยิบยาที่ต้มแล้วป้อนให้ฟู่อวิ๋นโจวด้วยตัวเองสถานการณ์ของฟู่อวิ๋นโจวไม่ค่อยดีนัก ลั่วชิงยวนกังวลและอยู่ในห้องทั้งคืนยามรุ่งสางมาเยือน ตำหนักก็ได้ความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาลั่วชิงยวนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน นางสัมผัสได้ถึงชีพจรของฟู่อวิ๋นโจว แต่เขายังคงอ่อนแอมากจนดูเหมือนเขาพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ นางไม่กล้าละสายตาไปแม้เพียงเสี้ยวนาทีแต่เรื่องของเหยียนหน่ายซินยังไม่จบ และเรื่องของห
ป้ายอาญาสิทธิ์ของจักรพรรดิ!เหตุใดองค์จักรพรรดิจึงคิดว่านางสังหารองค์ชายห้า? ฟู่เฉินหวนรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?นอกจากนี้ จักรพรรดิมักจะฟังคำพูดของฟู่เฉินหวนเสมอชั่วขณะหนึ่ง ลั่วชิงยวนตกอยู่ในความสับสนช่วงเวลาต่อมา องครักษ์ก็รีบรุดไปข้างหน้าอีกครั้งโดยพยายามจับลั่วชิงยวน นางไม่มีเวลาคิดและต่อสู้กลับทันทีคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบตัวลั่วชิงยวนไว้ แต่พวกเขาไม่สามารถจับลั่วชิงยวนได้ เมื่อเหยียนหน่ายซินเห็นฉากนี้ นางก็กังวลในขณะที่ลั่วชิงยวนถูกองครักษ์เบี่ยงเบนความสนใจ นางก็รีบไปที่ข้างเตียง ดึงกริชออกมาแล้วหย่อนลงบนคอของฟู่อวิ๋นโจว“ลั่วชิงยวน!”เสียงตะคอกดังขึ้นลั่วชิงยวนหยุดเมื่อนางเห็นเหตุการณ์ข้างเตียง หัวใจของนางก็บีบรัด “เหยียนหน่ายซิน เจ้ากล้าดีอย่างไร?!”เหยียนหน่ายซินเยาะเย้ย “ข้ากล้าควักตาของฉินไป๋หลี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าแตะต้ององค์ชายห้าผู้ไม่มีนัยะสำคัญผู้นี้รึ?”“ยิ่งกว่านั้น ใครจะรู้ว่าตอนนี้เขาตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ บางทีเขาอาจถูกเจ้าฆ่าไปแล้วก็ได้”เหยียนหน่ายซินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แม้ว่านางจะฆ่าฟู่อวิ๋นโจว แต่ลั่วชิงยวนก็ต้องรับผิดชอบต่อการตายของฟู่อวิ๋นโจว
เหยียนหน่ายซินค่อย ๆ เดินไปหาลั่วชิงยวน เชยคางของลั่วชิงยวนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่คือผลลัพธ์ของคนที่คิดจะเป็นปรปักษ์กับข้าอย่างเจ้า!”ลั่วชิงยวนก้มศีรษะลงอย่างอ่อนแรงและเป็นหมดสติไปเหยียนหน่ายซินโยนแส้ทิ้งและคิดจะหยุดพักขณะที่นางกำลังจะเดินออกไป จู่ ๆ นางรับใช้ก็นำถังน้ำมาด้วยมันคือ ถังน้ำเกลือ“คุณหนูใหญ่ นี่จะทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีกนะเจ้าคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้นเหยียนหน่ายซินก็เหลือบมองถังน้ำเกลือแล้วขมวดคิ้ว “มิต้องหรอก เดี๋ยวนางจะตายเอาเปล่า ๆ”นางรับใช้กลับยิ้มแล้วพูดว่า “มิต้องห่วงเจ้าค่ะ นางมิตายหรอก หากมิทำเช่นนี้ คุณหนูใหญ่จะแสดงถึงความเย่อหยิ่งของตนออกมาได้อย่างไร ยิ่งท่านเอาแต่ใจและไร้เหตุผลมากเท่าไร โอกาสที่ท่านจะได้เป็นฮองเฮาก็จะยิ่งน้อยลง”“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้คุณหนูใหญ่มีโอกาสได้ครองคู่กับคนที่ท่านรักเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้เหยียนหน่ายซินมิต้องการเป็นฮองเฮาอย่างนั้นหรือ?แปลว่านางกำลังตั้งใจสร้างปัญหา เพื่อจะทำให้ตนเองหลุดจากตำแหน่งฮองเฮาและได้ครองคู่กับคนที่ตนรักอย่างนั้นหรือ?แต่เหตุใดนางถึงเห็นความทะเยอทะย
แต่นางกลับหยุดการเคลื่อนไหวกะทันหันเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นเหยียนหน่ายซินยกมุมริมฝีปากขึ้นแล้วค่อย ๆ วางมือลง “จู่ ๆ ข้าก็นึกถึงสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้ขึ้นมาได้”“ข้าเดาว่าข้าคงมิใช่คนผู้เดียวที่อยากรู้ว่าหน้าตาเจ้าน่าเกลียดเพียงใด ให้ทุกคนได้ดูด้วยจะดีกว่า”“ให้ทุกคนได้ค้นพบสิ่งที่อยู่ภายใต้หน้ากากลึกลับนี้ด้วยกัน ดูจะเป็นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า”“จริงหรือไม่?”ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายเล็ก ๆ ในน้ำเสียงหยิ่งผยองของเหยียนหน่ายซินเหยียนหน่ายซินออกจากห้องเก็บฟืน เมื่อนางกลับมาอีกครั้ง นางก็นำชุดคลุมสีดำมาให้ลั่วชิงยวนใส่นางหยิบหมวกม่านยาวอีกใบมาสวมให้หญิงสาว ขดริมฝีปากแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้าสังหารองค์ชายห้า ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ย่อมต้องโทษตัดศีรษะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตอยู่ หากเจ้ารอดไปได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าและทำเหมือนเรื่องนี้มิเคยเกิดขึ้น!” ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าเหยียนหน่ายซินต้องการจะทำอะไร แต่มันคงมิใช่เรื่องดีแน่ หลังจากนั้นมินาน เหยียนหน่ายซินก็นำชามน้ำซึ่งมีกลิ่นหอมพิเศษมามีคนหลายคนกดหัวไหล่ของลั่วชิงยวนเ
ลั่วชิงยวนที่กำลังพิงกรงอยู่ ถูกเฆี่ยนมาจากด้านนอกดวงตาของนางแดงก่ำและเต็มไปด้วยความโกรธก่อนจะหลีกเลี่ยงการโจมตีของหมาป่าอีกครั้งสิ่งที่เหยียนหน่ายซินทำนั้นน่ารังเกียจนัก!ลั่วชิงยวนเผชิญกับการกัดและการคุกคามของหมาป่าในกรง และยังต้องรับแส้ยาวของเหยียนหน่ายซิน จากนอกกรงด้วย!ทันทีที่นางเข้าใกล้กรงเหยียนหน่ายซินจะเฆี่ยนแส้ใส่อย่างไร้ความปรานีเสียงคำรามและแส้ยาวดังก้องอยู่ในห้องโถงอันเงียบสงบนี้ ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้าน“มัวแต่หลบอยู่ไย! ลุกขึ้นมาเอาชนะข้าให้ได้สิ! เจ้าแข็งแกร่งมากมิใช่รึ?!” เหยียนหน่ายซินเฆี่ยนตีนางอีกครั้งลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บ นางจะกล้าต่อสู้กับหมาป่าจนตายกันไปข้างได้อย่างไร นางคงทำได้เพียงลดทอนความแข็งแกร่งทางกายภาพของหมาป่าเท่านั้นตอนนั้นนางถึงจะหาโอกาสสู้กลับได้กรงไม่ได้มีขนาดใหญ่เลยแม้แต่น้อย และเหยียนหน่ายซินก็เฝ้าดูอยู่นอกกรงอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย นั่นทำให้พื้นที่สำหรับลั่วชิงยวนยิ่งแคบลงไปอีกลั่วเยวี่ยอิงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงนั้นแตกต่างจากคนรอบข้าง นางยิ้มและสนุกสนานคนที่อยู่ในกรงคือลั่วชิงยวนนางก็มีวันแบบนี้กับเขาด้วยเหมือนกัน!