ชายคนนั้นตบอย่างแรง เขาตบเว่ยอวิ๋นเซี๋ยเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้นางกระอักเลือด ใบหน้าของนางทั้งแดงและบวมเว่ยอวิ๋นเซี๋ยถูกตบแล้วตบอีก มิอาจแม้แต่จะเอ่ยร้องขอความเมตตาได้ความเงียบก่อตัวขึ้นทั่วบริเวณฉินเชียนหลี่เอ่ยขึ้นอย่างเหมาะเจาะ “ท่านอ๋องทรงห่วงใยผู้เป็นน้อง จึงทุ่มเทพยายามดูแลองค์ชายห้าตลอดทั้งคืน ช่างเป็นสายสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่น่าซาบซึ้งยิ่ง!”“องค์ชายห้าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พระชายาก็ฟื้นฟูร่างกายที่เจ็บสาหัสของเขาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งและช่วยชีวิตองค์ชายห้าไว้ได้ ช่างน่าชื่นชม น่าชื่นชมมากจริง ๆ!”“นี่เป็นสิ่งที่ดีที่ควรค่าแก่การยกย่อง แต่กลับถูกคนใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ หากคำพูดดังกล่าวถูกแพร่ออกไปจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์ ใครคิดแพร่ข่าวลือ คงมิคิดเสียดายชีวิตแล้ว!”ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยคำพูดของฉินเชียนหลี่ถือได้ว่าเป็นคำเตือนสำหรับทุกคน หากข่าวลือเหล่านี้กล้าแพร่กระจายออกไป จะถูกจัดการอย่างเด็ดขาดทุกคนต่างปิดปากเงียบฟู่จิ่งหลีเอ่ยปากขึ้นทันที “นี่ก็สายแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ!”หลังจากกลับสู่ความสงบ คนก็ขนย้ายสิ่ง
เขาไม่ใช่หมอหลวง!เมื่อวานนางเห็นเขาที่ลานตำหนักของเหยียนหน่ายซิน!การแสดงออกของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป นางกระโดดลงจากรถวิ่งไปที่รถม้าข้างหน้า และเข้าไปในรถม้าของฟู่อวิ๋นโจวทันที หมอหลวงปลอมนั่งข้างเขา ในมือถือถาดขนมหวานเอาไว้ ขณะที่ฟู่อวิ๋นโจวก็ถือชามน้ำแกงไว้ในมือและกำลังจะดื่มมันเมื่อเห็นการบุกรุกอย่างกะทันหันของนาง เขาก็ตกใจเล็กน้อย“ท่านเสวยมิได้!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นทันทีและปัดชามยาในมือของฟู่อวิ๋นโจวใบหน้าของหมอหลวงปลอมที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนไป ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาใต้แขนเสื้อของเขา และกริชก็พุ่งเข้าแทงลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนถูกบังคับให้ล่าถอยและกระโดดลงจากรถม้าหมอหลวงปลอมโฉบเข้ามา กริชในมือของเขาคมมากลั่วชิงยวนพาเขาลงไปที่พื้นเพื่อให้อีกฝ่ายอยู่ห่างจากฟู่อวิ๋นโจว หลังจากหลบหนีไปได้สองก้าว นางก็หันกลับมาและเริ่มต่อสู้กับหมอหลวงปลอมทันทีแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ชายอีกคนที่แต่งตัวเป็นขันทีก็บินเข้ามาและลอบโจมตีลั่วชิงยวนที่ด้านหลัง สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบหลบหนีในขณะนี้ มีร่างหนึ่งบินเข้ามาเตะขันทีที่กำลังย่องเข้ามาด้วยลูกเตะอันทรงพลัง“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชา “นางมิตายหรอก มีดมิได้แทงลึกเสียหน่อย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฟู่อวิ๋นโจวก็ประหลาดใจ แต่แล้วก็พยักหน้า “ดีแล้ว มิเช่นนั้นเสด็จพี่จะต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับนางเป็นแน่”“นี่มิใช่ติดเป็นหนี้บุญคุณแล้วหรือ?” ลั่วชิงยวนเหลือบมองรถม้าที่อยู่ข้างหลังหมอหลวงกำลังรักษาผู้ป่วยในรถม้า และฟู่เฉินหวนนั่งอยู่นอกรถม้า โดยให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายในอย่างประหม่าลั่วชิงยวนมองออกไปเพียงเล็กน้อย และไม่ได้มองไปอีกเลยรถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปยังเมืองหลวง หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบไปตลอดทางในที่สุดพวกเขาก็ถึงเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพเนื่องจากลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บ ฟู่เฉินหวนจึงพานางไปที่ตำหนักอ๋อง แทนที่จะส่งนางกลับไปที่จวนอัครเสนาบดีแต่ฟู่เฉินหวนเพิ่งบอกให้ซูโหยวดูแลนางหมอหลวงหลายคนได้รับเชิญให้มาที่นี่และฟู่เฉินหวนก็ไปที่วังหลวงอีกครั้ง อย่างไรก็มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนที่ต้องรายงาน สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นการตัดสินโทษของเหยียนหน่ายซินแต่ก็ยากที่จะบอกว่านี่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเหยียนได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว ยังมีไทเฮาอยู่ทั้งคนฟู่อ
ฟู่เฉินหวนมิโกรธ และตอนนี้เขาอดทนกับลั่วชิงยวนได้มากขึ้น“ข้ามิได้ขู่เจ้า ข้าแค่คุยกับเจ้า”“ลั่วเยวี่ยอิงจะอยู่ในตำหนักเราไปสักพักจนกว่าอาการบาดเจ็บของนางจะหาย แล้วข้าจะช่วยฉินเชียนหลี่ให้เอง นี่เป็นเพียงข้อตกลง”ลั่วชิงยวนกำมือแน่น แต่แล้วก็ปล่อยไป“ได้”ฟู่เฉินหวนตัดสินใจปล่อยให้ลั่วเยวี่ยอิงอาศัยอยู่ในตำหนักของเขานางคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์เนื่องจากเขาเต็มใจที่จะใช้เงื่อนไขนี้เพื่อแลกกับการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของลั่วเยวี่ยอิงในตำหนักอ๋อง นางยอมได้เพื่อแลกกับงบประมาณที่ฉินเชียนหลี่ต้องการ…… สิ่งที่ทำให้ลั่วชิงยวนตกใจคือพวกเขามาถึงพระตำหนักโช่วสี่จริง ๆไทเฮากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปยังลั่วชิงยวนที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้พระชายาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ตัวข้าเตรียมยาสมานแผลมาให้เจ้าเป็นพิเศษ”จากนั้นจินซูก็ยื่นยาสมานแผลให้ลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรับมา “ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา”“วันนี้ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพราะว่าข้าต้องการชี้แจงอะไรบางอย่าง เชิญนั่งก่อน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็นั่งลงมีเก้าอี้อยู่สองสามตัวตรงข้าม แต่ไม่มีใครมาหลั
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงนางเห็นองครักษ์เดินเข้ามา ก่อนจะดึงดาบออกจากฝักโม่เชียนคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ความกลัวตายทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมมิได้อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเหยียนหน่ายซินดูดุร้าย นางหยิบดาบออกจากมือขององครักษ์และพูดอย่างหนักแน่น “เขาสมควรตายจริง ๆ หม่อมฉันจะฆ่าเขาด้วยมือของหม่อมฉันเอง!”ทันทีที่นางพูดจบ ดาบยาวก็แทงเข้าที่ร่างของโม่เชียนโดยมิลังเลใจเมื่อนางแทงด้วยดาบหนหนึ่ง ก็เกิดกลัวว่าเขาจะมิตาย ดังนั้นนางจึงแทงด้วยแรงที่มากขึ้น เจาะเข้าไปในร่างของโม่เชียนปากของโม่เชียนมีเลือดออกอย่างหนัก เขามองไปยังสตรีที่หมายแทงเขาจนตายด้วยความตกใจ สตรีที่เขารักมากที่สุด สตรีที่เขาเต็มใจจะตายเพื่อนาง ในขณะนี้ ไม่มีความลังเล ไม่มีความเจ็บปวด และมีเพียงความโหดร้ายในสายตาที่เย็นชาของนางเท่านั้นเมื่อเห็นการกระทำที่เด็ดขาดของเหยียนหน่ายซิน ไทเฮาก็ตกใจเช่นกัน แต่แล้วนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ลากศพเขาออกไป” ไทเฮาสั่งอย่างเย็นชาศพถูกลากออกไป เหยียนหน่ายซินไม่แม้แต่จะมอง นางโยนดาบเปื้อนเลือดในมือทิ้ง สีหน้ามิเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเ
ลั่วชิงยวนสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นเพื่อพบกับดวงตาที่ประหลาดใจและตกตะลึงของฟู่เฉินหวน"เจ้า..."ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเย็นชา หันหลังกลับและจากไปฟู่เฉินหวนตามไปทันอย่างรวดเร็ว “เจ้าได้ยินทุกอย่างหรือ?”ลั่วชิงยวนหยุดและมองดูเขา “ท่านได้บรรลุข้อตกลงกับไทเฮาแล้ว และยังต้องการใช้เรื่องนี้ตั้งเป็นเงื่อนไขกับหม่อมฉันอีกหรือ”“ฟู่เฉินหวน ท่านคิดว่าทุกสิ่งในใต้หล้าอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านเช่นนั้นหรือ?”นางถูกฟู่เฉินหวนหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเพียงเบี้ยในมือของเขา ความห่วงใยเป็นครั้งคราวที่แสดงออกมานั้นมีแต่นางเท่านั้นที่จริงจังเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟู่เฉินหวนจึงดึงลั่วชิงยวนไปที่มุมถนนแล้วอธิบายว่า “นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้! สิ่งที่เหยียนหน่ายซินพูดมีแต่เจ้าเท่านั้นที่ได้ยิน ไม่มีใครเป็นพยานยืนยันเรื่องนี้ได้!”“เหยียนหน่ายซินอาจมิถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ แต่จะยิ่งทำให้นางต้องโทษเรื่องที่ใส่ความเจ้าได้ง่ายขึ้น!”“นี่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความตกใจและขมวดคิ้วมุ่น “ท่านอ๋องมิทราบด้วยซ้ำว่าหม่อมฉันโกรธเ
ในช่วงบ่าย จือเฉากลับมาเพื่อแจ้งข่าว“พระชายา บ่าวไปสอบถามมาแล้วเจ้าค่ะ ที่เหยียนหน่ายซินมิอาจขึ้นเป็นฮงเฮาได้อีกต่อไปเป็นเรื่องจริง แต่ตระกูลเหยียนมิได้รับการลงโทษไปด้วย มีเพียงเหยียนหน่ายซินที่ต้องรับผลของการกระทำ”“เรื่องก็จบลงไปเช่นนั้น”ลั่วชิงยวนก็เดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้วเช่นกันตั้งแต่วินาทีที่นางได้ยินเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างฟู่เฉินหวนและไทเฮา นางก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นนั้นในไม่ช้า สิ่งของของไทเฮาที่มอบให้เป็นการชดเชยนางก็ถูกส่งมอบมาทีละชิ้นทองคำหนึ่งร้อยตำลึง อีกทั้งยังมีเครื่องยาสมุนไพรและผ้าไหมจำนวนมากขณะที่ผู้คนของวังหลวงจากไป แม่ทัพใหญ่ฉินและฉินเชียนหลี่ก็มาเยี่ยมเยียนด้วย“พระชายา ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าได้พบเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าบางอย่างมา มันน่าจะมีผลอย่างน่าอัศจรรย์ต่ออาการบาดเจ็บของเจ้า”แม่ทัพใหญ่ฉินถือบางอย่างมาให้นางอย่างกระตือรือร้นจือเฉารับไปอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนยิ้มและพูดว่า “ขอบใจท่านมาก แม่ทัพใหญ่ฉิน”“โธ่ ขอบใจเรื่องใด ข้าสิที่อยากจะขอบคุณเจ้า! พระชายาเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ข้ารู้เรื่องที่เจ้าถูกเหยียนหน่ายซิน
ถูกฆ่าด้วยมือของนางเอง!“เจ้าเห็นชัดเจนหรือว่าหมอกู้กลับมาแล้ว” ลั่วชิงยวนเปิดปากเพื่อยืนยันนางรับใช้พยักหน้า “เป็นท่านหมอกู้ ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”คิ้วของลั่วชิงยวนเลิกขึ้นหมอกู้? จะเป็นหมอกู้ได้อย่างไรกัน?หมอกู้ตายไปแล้ว!“อื้ม ข้าเข้าใจแล้วลั่วชิงยวนรู้สึกกังวลใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีคนปลอมเป็นหมอกู้ และเข้ามาในตำหนักเพื่อสังหารฟู่อวิ๋นโจว?เรื่องของเหยียนหน่ายซินยุติลงแล้ว มิจำเป็นต้องฆ่าฟู่อวิ๋นโจวแล้วมิใช่หรือ?ยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไร นางก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้นนางเร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปยังเรือนทักษิณาทันทีที่เขารีบเข้าไปในเรือนทักษิณา เขาเห็นด้านหลังของชายคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดใบไม้ที่ร่วงอยู่ในลานบ้าน เขาสวมชุดของหมอกู้และรูปร่างของเขาค่อนข้างคล้ายกับของหมอกู้อีกด้วยดูเหมือน… จะเป็นหมอกู้จริง ๆ หรือ?“องค์ชายห้า? องค์ชายห้า?” ลั่วชิงยวนตะโกนหลายครั้งร่างที่กวาดพื้นชะงักไปเล็กน้อยในเวลานี้ ฟู่อวิ๋นโจวออกมาจากห้อง ใบหน้าซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความกลัว และเขาก็ส่ายหน้าให้นางส่งสัญญาณมิให้นางไปที่นั่นเมื่อลั่วชิงยวนเห็นการแสดงออกของฟู่อวิ๋นโจว นางก็ร