ประตูถูกเตะจนเปิดออกอย่างกะทันหัน และร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจึงดึงดาบออกจากฝัก และโยนฝักใส่เฉินซวนอี๋ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมากจนกระแทกร่างของเฉินซวนอี๋ให้ถอยออกไปเก้าอี้ในมือของนางก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน“เจ้ากำลังทำอะไร!” ฟ่านลิ่งเสวียนใบหน้าเปลี่ยนสี เมื่อได้เห็นฉากนี้เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพลิกตัวเฉินซวนอี๋ใบหน้าของเฉินซวนอี๋เต็มไปด้วยความโกรธ ดึงกริชออกมาและพุ่งเข้าหาลั่วหลางหลางที่อยู่ข้างเตียงในขณะนี้ เฉินซวนอี๋มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือการฆ่าลั่วหลางหลาง!แต่ฟ่านลิ่งเสวียนจะปล่อยให้นางมีโอกาสนั้นได้อย่างไร ยามฉุกเฉินเช่นนั้น เขาเตะร่างของเฉินซวนอี๋จนนางล้มลงกับพื้นหลังเฉินซวนอี๋ล้มลง นางยังพยายามจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในท้องทำให้นางมิสามารถลุกขึ้นได้อีก “โอ๊ย ท้องของข้า…”บริเวณที่เฉินซวนอี๋นั่งอยู่ มีเลือดสดหยดลงมาที่พื้นลั่วหลางหลางตกตะลึง“สตรีชั่วช้า!” ฟ่านลิ่งเสวียนโกรธ ดุด่าเฉินซวนอี๋ “เจ้ามิคู่ควรกับการอุ้มท้องทายาทตระกูลฟ่าน!”“โอ๊ย… ใครก็ได้ ลูกของข้า ลูกของข้า…” เฉินซวนอี๋ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นกังวลลั่
“ข่าวลือมิอาจเทียบได้กับชีวิตของเจ้า”“ในเมื่อพี่ใหญ่ปกป้องเจ้ามิได้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”......ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับถึงเมืองซีหยางในช่วงเย็นทั้งสองตั้งใจจะกลับโรงเตี๊ยมทันที แต่มิคาดคิดระหว่างทางที่ผ่านสมาคมการค้าเฟิงตู จะได้เห็นสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายลั่วชิงยวนลงจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในสมาคมทันที นางเห็นควันหนาทึบปกคลุมสมาคม ทุกคนต่างเก็บข้าวของและวิ่งออกมาจากสมาคมในตอนที่ฟู่เฉินหวนกำลังจะเข้าไปในสมาคม เขาเห็นเงาของคนในชุดดำแยกตัวจากฝูงชนอยู่ในความสับสนวุ่นวายคิ้วของฟู่เฉินหวนเลิกขึ้น รีบเข้าไปในสมาคมทันที“ชิงยวน! ชิงยวน!” ฟู่เฉินหวนมาช้าเกินไป จึงมิพบลั่วชิงยวนแล้วลั่วชิงยวนรีบเข้าไปในห้องลับนั้น ซึ่งไฟเริ่มลามไปถึง อย่างไรก็ตาม ยังมิเห็นเปลวไฟ มีเพียงควันหนาทึบลอยอยู่ในอากาศเหตุใดห้องลับจึงถูกไฟไหม้ได้ ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว หรือจะเป็นลั่วฉิงที่ทำลายห้องลับ?มิได้ ในนั้นยังมีหลักฐานและบัญชีอีกมาก และมีของของลั่วหลางหลางและเฉินซวนอี๋อยู่ในห้องลับชั้นในสุดอีก หากสิ่งเหล่านั้นถูกเผา ชีวิตของลั่วหลางหลางจะตกอยู่ในอันตราย!นางฉีกผ้าออก ชุบด้วยน
สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”จือเฉาหยิบกล่องไม้ออกมาแล้วส่งให้ลั่วชิงยวน “คุณหนูหลางหลางมาที่นี่เมื่อเช้านี้ เดิมทีนางต้องการรอให้พระชายากลับมายังโรงเตี๊ยม แต่ดูเหมือนจะมีนักฆ่าไล่ล่านางอยู่เจ้าค่ะ!”“นางมอบสิ่งนี้ให้บ่าวและออกไปแล้วเจ้าค่ะ!”จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็เต้นระทึก “ไปแล้ว? ไปที่ใด?”จื่อเฉาส่ายหัว “บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ!”ลั่วชิงยวนเปิดกล่องผ้าและเห็นว่ามีเส้นผมอยู่ภายในนี่คงจะเป็นผมของเฉินซวนอี๋จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็รู้สึกวิตกหวาดหวั่นขึ้นมา คงเป็นลั่วหลางหลางที่เก็บเส้นผมนี้ได้ และถูกเฉินซวนอี๋จับได้เอาพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ลั่วฉิงน่าจกลับมาที่เมืองซีหยางก่อนหน้าพวกเขา คนที่ไล่ล่าลั่วหลางหลางน่าจะเป็นลั่วฉิง!ดังนั้นนางจึงกลับไปที่สมาคมการค้าเฟิงตูอย่างล้าช้า แล้วจึงค้นพบว่าเสวี่ยชวนเฟิงบุกเข้าไปในห้องลับ ลั่วฉิงจึงจุดไฟเผาห้องลับด้วยความแข็งแกร่งของลั่วฉิง ลั่วหลางหลางอาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ปลอบใจนางทันที “อย่าเพิ่งกังวลเลย เราไปหาตัวนางกันก่อน!”จือเฉากล่าวอย่างรวดเร็วว่า “มีบุรุษอีกคนอยู่กับคุณหนูหลาง
“หากเจ้าตาย ข้าจะเอาชะตาของลั่วหลางหลางกลับมาได้เยี่ยงไรเล่า!"ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา เฉินซวนอี๋ก็ตัวสั่น มองดูนางด้วยความตกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวฟ่านซานเหอสับสนมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ว่ากระไรนะ เอาชะตากลับคืนมา?”เฉินซวนอี๋กระชับผ้าห่มแน่นขึ้นอย่างประหม่าเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง ลั่วชิงยวนก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เฉินซวนอี๋และกระซิบ “ข้าจะมิทำร้ายเจ้า ตรงกันข้าม ข้ายิ่งอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”“ดังนั้น หากเจ้ามิให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟัง ข้าจะเปิดเผยทุกสิ่งที่เจ้าทำ”“เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องตาย แต่เจ้าจะถูกบังคับให้ตายท่ามกลางคำสาปแช่งของคนทั่วหล้า!"เฉินซวนอี๋กัดฟัน น้ำตาคลอเบ้า แต่ต้องกลั้นเอาไว้จากนั้นลั่วชิงยวนก็ตรวจชีพจรของนาง เขียนใบเทียบยา และยื่นให้ฟ่านซานเหอ “ไปเอายามาเร็วเข้า”“ได้ ได้ ได้!” ฟ่านซานเหอรับใบเทียบยาและออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฟ่านซานเหอจากไป ก็เหลือเพียงคนสามคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนนั่งดื่มชาที่โต๊ะเฉินซวนอี๋กัดฟัน “ท่านต้องการอะไรกันแน่?”ลั่วชิงยวนรู้เรื่องนี้แล้ว และชะตาของนางก็จะถูกเปลี่ยนกลับ เ
ยังมิใจแน่ว่าผู้นำของสมาคมการค้าเฟิงตูคือตระกูลเหยียนหรือไม่ หากเป็นตระกูลเหยียน เหตุใดจึงมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นหลีได้?ตระกูลเหยียนมีอำนาจในเมืองหลวง และไทเฮาก็เกือบจะควบคุมจักรพรรดิด้วยอำนาจดังกล่าว ยังจำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นหลีอีกหรือ?พวกเขามิจำเป็นต้องตุนอาวุธเพื่อก่อกบฏ พวกเขามิจำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยหลังจากถามเรื่องที่ต้องการรู้หมดแล้ว ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็กลับไปเป็นเวลาดึกแล้ว แต่ลั่วชิงยวนยังคงตัดสินใจจะไปหาลั่วหลางหลางฟู่เฉินหวนมิวางใจ เขาจึงไปกับนางด้วยเมื่อพบฟ่านลิ่งเสวียนในค่ายทหารที่เขาประจำการ ก็ได้เห็นลั่วหลางหลางด้วย!“พี่หลางหลาง!” ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นเต้นลั่วหลางหลางประหลาดใจอย่างมาก เดินมาเข้ามาหา “ชิงยวน ท่านอ๋อง เหตุใดพวกท่านจึงมาที่นี่ได้?”“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ข้ารู้หมดแล้ว โชคดีที่เจ้ามิเป็นไร!” ในที่สุดลั่วชิงยวนก็รู้สึกสบายใจฟู่เฉินหวนยังขอบเจ้าฟ่านลิ่งเสวียน “ครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก”ฟ่านลิ่งเสวียนตกใจ และเอ่ยอย่างรวดเร็ว “นี่คือสิ่งที่กระหม่อมควรทำ กระหม่อมหาได้กล้ารับคำขอบคุณจากท่านไม่พ่ะย่ะค่ะ!”ฟู่เฉินหวนถามว่า “เจ้าม
ลั่วชิงยวนสั่งเบา ๆ “ส่งใต้เท้าเฉาเข้าคุกไปด้วย”ครู่ต่อมา ใต้เท้าเฉาก็ถูกลากออกไป เขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “พระชายา ท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับกุมข้า?! ข้ามีตำแหน่งเป็นขุนนาง ท่านเป็นเพียงสตรี!"ลั่วชิงยวนหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาโดยตรง "สิทธิ์ที่ได้รับจากอ๋องผู้สำเร็จราชการ พอหรือไม่?" “อย่าว่าแต่จับเจ้าเลย สิทธิ์ที่จะตัดหัวเจ้า ข้าก็มี!”ใต้เท้าเฉาตกใจเป็นอย่างมาก นี่คือป้ายอหิมังกรจากอ๋องผู้สำเร็จราชการองค์จักรพรรดิมอบให้แก่อ๋องผู้สำเร็จราชการ นี่มิเพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในฐานะอ๋องผู้สำเร็จราชการเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจในการสั่งทหารและตัดสินโทษขุนนางที่ต่ำกว่าขุนนางขั้นหนึ่งขุนนางขั้นหนึ่งอีกด้วยสิ่งที่สำคัญเช่นนี้ อ๋องผู้สำเร็จราชการกลับมอบให้กับสตรีนางหนึ่ง!นี่มันยุคสมัยอะไรกัน!ในวันเดียวกันนั้น ลั่วชิงยวนได้จับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมการค้าเฟิงตู นำพวกเขาเข้าคุกไปจนหมดทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึด พร้อมย้ายบัญชีทั้งหมดไปยังสมาคมการค้าเฟิงตูปลาตัวเดียวที่หลุดลอดอวนนี้ไปได้ เห็นจะมีเพียงลั่วฉิงแต่ลั่วชิงยวนมิพบนางในเมืองซีหยางหลังจากเสร็จงานแล้ว ลั่วชิงยวนก็พาลั่วหลา
“หากข้าบอกว่านับได้ เช่นนั้นหนังสือหย่าฉบับนี้ก็ต้องมีผล!”ฟ่านซานเหอตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่ประตูและเห็นหญิงชราถือไม้เท้ามาเพียงแต่ว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านดูชรามากขึ้นและซูบเซียวลงกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับตอนที่จากเมืองหลวงมา“ท่านย่า! ท่านกลับมาได้อย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยไม้เท้า ฟ่านซานเหอเดินไปทักทายนาง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านกลับใช้ไม้เท้าดันเขาออกไป “อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าว่ากลับมาได้อย่างไรอีก ภรรยาแสนดีของเจ้าเกือบมิให้ข้ากลับมาแล้ว!”“หากมิใช่เพราะคนของท่านอ๋องช่วยข้าไว้ ตอนนี้เจ้าคงเห็นศพของข้าไปแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านโกรธมากลั่วหลางหลางรีบก้าวไปข้างหน้า “ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน…”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านมองลั่วหลางหลางด้วยความสงสาร ตบไหล่นางเบา ๆ “เด็กดี เจ้าไปเถิด พวกเราตระกูลฟ่านผิดต่อเจ้าเอง”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านพูดขณะหยิบกล่องผ้าออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้นาง “คนแก่อย่างข้ามิเหลือสิ่งใดให้เจ้าแล้ว นี่คือสิ่งที่เจ้าควรเก็บไว้”“ถือว่าเป็นการชดเชยจากตระกูลฟ่านของเรา!”“ต่อไปเจ้าจงไปกับพระชายาเถิด มิต้องกังวลเรื่องของพวกเรา
นายอำเภอเฉาถูกตรวจพบว่าสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมการค้าเฟิงตู เขารับสินเป็นเวลาหลายปี ใช้ตำแหน่งในทางที่ผิดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เฉินซวนอี๋และครอบครัวอื่น ๆ เขาจึงถูกพาตัวไปยังเมืองหลวง เพื่อรอการประหารชีวิตสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังจะล่มสลาย ซีหยางเป็นสถานที่ที่ทำให้สมาคมการค้าเฟิงตูรุ่งเรือง อาจกล่าวได้ว่า ทุกคนที่ทำกิจการในเมืองล้วนเป็นคนของสมาคมการค้าเฟิงตูเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกคนต่างหวาดกลัวพวกเขาต่างถ่ายถอนใจในขณะนั้นเอง มีพ่อค้าชื่อเฉียนป้าเทียนปรากฏตัวขึ้นอย่างมิคาดคิด เขาออกเงินห้าหมื่นตำลึงเพื่อช่วยให้สมาคมการค้าเฟิงตูผ่านพ้นวิกฤติและสร้างความมั่นคงให้พ่อค้านับมิถ้วนในเมืองห้าหมื่นตำลึงนั้นนับว่ามิได้มากมายอะไร แต่ไม่มีใครอยากแย่งชิงกับเฉียนป้าเทียน แน่นอนว่าเพราะพวกเขามิอยากแกว่งเท้าสาเสี้ยน เพราะท้ายที่สุดแล้ว สมาคมการค้าเฟิงตูเพิ่งมีคดีใหญ่เกิดขึ้น หากมีปัญหาอีกจะทำอย่างไรกันใครจะกล้ารับความเสี่ยงที่ยากจะจัดการอย่างสมาคมการค้าเฟิงตูในเวลานี้?แต่เฉียนป้าเทียนกลับรับไว้!ในเมืองเกิดข้อถกเถียงกันอุ่นหนาฝาคั่ง“เฉียนป้าเทียนคนนี้ใจเด็ดจริง ๆ! สมชื่อเขาทีเดียว!”"ใ
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ