Share

บทที่ 11

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า”

ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน

ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า”

ชีอวิ๋นถิงผงะไป

เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?

มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน

คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้

ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?”

สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อินอินพลางแผดเสียงด่าทอออกมา “คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ถึงบังอาจชี้นิ้ววิจารณ์ข้า?”

นางหวังตัวแข็งไปแล้ว

นางเคยจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์เมื่อได้พบเจอบุตรีคนนี้แล้วนับครั้งไม่ถ้วน

เคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะความต่ำต้อย ขี้ขลาด ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน

หรืออาจเป็นเพราะถูกเลี้ยงมาในชนบทขาดการอบรม นางถึงได้มีอุปนิสัยหยาบคายไร้มารยาท

และอาจเป็นไปได้ว่าเพราะความโกรธเกลียดเคียดแค้นในใจทำให้ประพฤติตนไม่ถูกต้องเหมาะสมออกมา

แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยคาดคิด นั่นคือบุตรีของตนเองสามารถวิจารณ์คนด้วยถ้อยคำยาวเหยียด ซ้ำร้ายยังรู้จักตอกกลับให้ชีอวิ๋นถิงเงียบปากเป็นใบ้ไปได้ด้วย!

นางดุออกมาด้วยสัญชาตญาณ “สำรวมมารยาทด้วย!”

สวี่อินอินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อถอยหลังมาถึงข้างกายชีเจิ้นแล้ว ก็เงยหน้ามองเขาอย่างงุนงง “ท่านพ่อ สิ่งเหล่านี้แม่นมเจียงสอนข้าทั้งสิ้น นางสอนข้าผิดไปอย่างนั้นหรือ?”

อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ ชีเจิ้นยังเคลือบแคลงว่าแม่นมเจียงคนที่ว่านี้ใช่แม่นมเจียงที่คอยปรนนิบัติรับใช้เคียงกายองค์หญิงใหญ่ท่านนั้นหรือไม่ ทว่ามาถึงยามนี้ ข้อสงสัยเหล่านั้นได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว

พำนักอยู่ที่ศาลเจ้าบนภูเขา สามารถสั่งสอนให้สวี่อินอินอ่านตำรารู้อักษรได้แล้ว มิหนำซ้ำยังสั่งสอนให้นางเข้าใจความสัมพันธ์ของตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ได้อีกด้วย

ที่ใดเล่าจะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้?

เขายิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีกว่าสวี่อินอินเป็นคนมีวาสนาล้ำลึก มีโชคดีมหาศาล

มิเช่นนั้นแล้ว มีหรือจะบังเอิญเช่นนี้? มีหรือที่นางจะได้รับความชมชอบจากแม่นมเจียง มีหรือที่จะทำให้แม่นมเจียงต้องชะตานางเพียงนี้?

และตอนที่บังเอิญเจอจิ้งอ๋องที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็ด้วย มีหรือที่นางจะเข้าตาจิ้งอ๋อง?

สวี่อินอินเห็นชีเจิ้นไม่เอ่ยวาจา ก็กัดริมฝีปากเอ่ยอีกครั้ง “แม่นมเจียงบอกข้าว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วอย่าคิดซ่อนมันไว้ เมื่อใดที่ท่านเห็นลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่งได้เน่าผุแล้ว รากของมันย่อมเปื่อยเน่าไปแล้วเช่นกัน…บ่าวรับใช้อย่างแม่นมฮวา มุ่งร้ายจ้องเอาชีวิตข้า ข้าเกรงว่านางคงมิได้มีใจประสงค์ร้ายแต่เพียงข้า แต่ร้ายแรงกว่านั้น ยังไม่พอใจต่อจวนโหวด้วย…”

นางกระตุกยิ้มหัวเราะยั่วโทสะใส่ชีอวิ๋นถิงอย่างเฉียบคม และเอ่ยต่อ “วันข้างหน้าท่านพี่จะต้องขึ้นเป็นผู้สืบทอดมรดกแล้ว เรื่องแค่นี้เหตุใดยังมองไม่ออก?”

ชีเจิ้นสะเทือนอย่างยิ่ง เขากำลังจะส่ายหน้า ทว่าชีอวิ๋นถิงกลับง้างมือขึ้นฉับพลัน “เจ้าสวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

สวี่อินอินเบิกตาโพลงเบี่ยงตัวไปหลบหลังชีเจิ้นทันใด

ชีเจิ้นขัดมือของชีอวิ๋นถิงไว้ทัน มิได้บันดาลโทสะแต่กลับน่าเกรงขาม “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”

ชีอวิ๋นถิงโกรธจนคุมสติไม่อยู่แล้ว “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้ยินหรือว่านางชั่วช้าสารเลวคนนี้พูดอะไรออกมา? นางกล้าเอ่ยปากตั้งคำถามเรื่องแต่งตั้งผู้สืบทอด ซ้ำยังกล้าวิจารณ์จับผิดข้าอีก! เป็นแค่พวกบ้านนอกเหลือขอ นางคิดว่าเก่งกล้ามาจากที่ใดกัน?”

นางหวังคิดว่าถ้อยคำนี้ไม่ถูกต้อง จึงรีบร้อนห้ามปรามทันที “อวิ๋นถิง สำรวมวาจา!”

แต่ก็สายไปเสียแล้ว

ชีเจิ้นตบหน้าชีอวิ๋นถิงไปฉาดหนึ่งด้วยความโหดเหี้ยมแล้ว

ต่อหน้าต่อตานางหวัง สวี่อินอิน และบ่าวรับใช้อีกหลายคน ชีอวิ๋นถิงที่ถูกตบหน้าเซถลาไปเล็กน้อย

เขากุมใบหน้าตนเองไว้พลางมองไปทางชีเจิ้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “ท่านพ่อ?! ท่านตบข้า?”

นางหวังพุ่งตัวเข้าไปขวางชีเจิ้นอย่างร้อนใจ “ท่านโหว มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย!”

ชีเจิ้นชี้จมูกชีอวิ๋นถิง แทบจะถามทีละคำ “นางคือบุตรที่เกิดจากข้าและมารดาของเจ้า เกิดร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเจ้า เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าเรียกนางว่าคนสารเลวชั้นต่ำ เช่นนั้นเจ้าเห็นข้ากับมารดาเจ้าเป็นตัวอะไร?”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ชีเจิ้นเดือดดาลยิ่งนัก

เขายอมให้บุตรชายบันดาลโทสะ แต่มิได้หมายความว่าเขาจะใส่ใจเป็นห่วงสวี่อินอินมากขึ้น

ความหมายของเขาก็คือ สวี่อินอินพูดถูกต้องแล้ว

คนที่วันข้างหน้าจะต้องเป็นผู้สืบทอดจวนโหว คนที่จะต้องรับสืบทอดจวนโหวแห่งนี้ จะไร้ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจไม่ว่า แต่เขากลับไม่มีสมองด้วย!

ถ้อยคำเหล่านี้พูดออกมาได้เสียที่ไหน?

คนที่รังเกียจเดียดฉันท์น้องสาวแท้ๆ ของตนเองถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าจะทำอะไรสำเร็จได้อย่างนั้นหรือ?

นางหวังเองก็ร้อนรนและโกรธเคือง ไม่คิดไม่ฝันแม้แต่น้อย ว่าสิ่งแรกที่สวี่อินอินกลับมาทำ คือทำให้พี่ชายตนเองถูกตบ

นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว “ท่านโหว เป็นความผิดของอวิ๋นถิงจริงแท้เจ้าค่ะ…ท่านได้โปรดระงับโทสะ…”

ชีเจิ้นไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก “ต้องเป็นความผิดของเขาแน่! พวกเจ้าฟังข้าให้ดี! คุณหนูใหญ่ก็คือคุณหนูใหญ่ อีกสองสามวัน ข้าจะไปขอร้องให้ผู้อาวุโสประจำตระกูลเลือกวันมงคล เปิดศาลบรรพบุรุษ เติมชื่อของคุณหนูใหญ่เพิ่มบนผังวงศ์ตระกูล ให้นางรับบรรพบุรุษ กลับคืนสู่ตระกูลเดิม!”

เขาจ้องมองชีอวิ๋นถิงอย่างดุดัน “หลังจากนี้อย่าให้ข้าได้ยินอะไรไม่เข้าหูจากปากเจ้าอีก มิเช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของวิถีตระกูล!”

บรรพชนตระกูลชีสร้างฐานะขึ้นจากผลงานทางทหาร วิถีตระกูลของพวกเขานั่นคือการโบยด้วยไม้พลองทหาร มิใช่เรื่องเล่น

ชีอวิ๋นถิงอึ้งงันไป

ไม่เคยแม้แต่คิดฝันว่า ชีเจิ้นจะทุบตีตนเพียงเพื่อสวี่อินอินคนเดียว

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ชีเจิ้นยังประสงค์จะเปิดศาลบรรพบุรุษให้สวี่อินอินรับบรรพบุรุษ หวนกลับสู่ตระกูลด้วย!

นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?!

ชีเจิ้นกลับไม่มีเวลาว่างพอจะสนใจว่าชีอวิ๋นถิงคิดอย่างไร จ้องมองชีอวิ๋นถิงแล้ว ก็จ้องมองสวี่อินอินที่สุขุมเยือกเย็นและเด็ดขาดเคร่งครัดอีกครั้ง

โทสะในใจคลายลงบ้างแล้ว

เบือนศีรษะกำชับนางหวัง “อินอินกลับมาแล้ว เจ้าจงไปเปิดเรือนให้นาง แล้วค่อยคัดเลือกบ่าวรับใช้ที่เหมาะสมจำนวนหนึ่งส่งไปให้นาง ตอนเย็น ให้ทุกคนมาพร้อมหน้าสังสรรค์ ถือว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับนางแล้วกัน”

แม้ไม่รู้ว่าชีเจิ้นมีเหตุผลใดถึงให้ความสำคัญกับสวี่อินอินมากเพียงนี้

แต่นางหวังเป็นภรรยาที่ดีและเป็นมารดาที่มีคุณธรรมเสมอมา ยกย่องสามีดุจผืนฟ้า

เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ก็รับคำทันใด “ท่านโหวโปรดวางใจ สิ่งเหล่านี้ข้าได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ”

นางชะงักไปเล็กน้อย และเหลือบสายตามองสวี่อินอินปราดหนึ่ง “ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ออกมาจากท้องของข้า เป็นบุตรีที่ข้าให้กำเนิด ข้าจะไม่รักได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นฟังพลาง ก็ผงกศีรษะ และเดินไปยังเบื้องหน้าสวี่อินอินอีกครั้ง “กลับเรือนเราแล้ว พำนักอาศัยได้เต็มที่ ขาดเหลือสิ่งใด จงไปหามารดาเจ้า!”

สวี่อินอินน้อมรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา

นางทำแน่

ไม่ว่าจะเหลือสิ่งใดขาดสิ่งใด นางจะทวงทุกสิ่งจากนางหวัง ชีอวิ๋นถิง รวมถึงชีจิ่นที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังมาตลอดคืนกลับมาแน่

แม่นมจางบัดนี้ตะลึงงันอ้าปากค้างไปแล้ว!

คุณหนูใหญ่ท่านนี้ นางช่างกล้าหาญและมีฝีมือมากจริงๆ!

กลับมาได้วันเดียวก็ทำให้ท่านโหวลงมือตบหน้าคุณชายใหญ่ได้แล้ว!

องค์ชายใหญ่เดือดดาลจนจะกลายร่างเป็นตัวอะไรไปแล้ว?

ชีอวิ๋นถิงโกรธจนคุมสติไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝัน ว่าตนเองจะถูกสวี่อินอินคนที่ตนเองดูหมิ่นดูแคลนมาตลอด ทำให้ขายหน้าได้ถึงเพียงนี้!

สวี่อินอินนางเด็กเหลือขอ!

สักวันเขาจะหาโอกาสสังหารเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ให้ได้ นางจะได้รับรู้ถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของตนเอง!

ส่วนสวี่อินอินบัดนี้ นางกำลังยิ้มเยาะให้ชีอวิ๋นถิงอย่างเงียบเชียบ

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆๆๆฟฟฟฟๆ
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
อ่านไปอ่านมานึกว่า กำลังอ่านเรื่องเวินซื่อ เวินซื่อ=อินอิน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 693

    ลมบนเขาจื่อหยางทั้งหนาวทั้งแรง ชีหยวนพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนพอเช้าวันถัดมา เมื่อนางตื่นขึ้น ปรมาจารย์จื่อหยางก็กำลังรำหมัดมวยอยู่บนยอดเขา เขาอายุมากแล้ว แต่เวลารำไทเก๊กกลับยังคงเปี่ยมพลัง แต่ละท่วงท่าดูสมบูรณ์แบบนักพอเห็นนางตื่น ปรมาจารย์จื่อหยางก็หยุดการฝึก แล้วยิ้มให้นาง “คุณหนูตื่นแล้วหรือ?”ชีหยวนมองไปยังหมู่เมฆที่กลิ้งคลื่นอยู่ใต้ภูเขาเงียบ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก “เมื่อคืนข้าฝันเรื่องหนึ่ง”ปรมาจารย์จื่อหยางยิ้ม เดินไปยังราวกั้น มองทะเลเมฆที่ลอยไหว และเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างสบายใจ ก่อนถามขึ้น “ฝันว่าอะไรเล่า?”“ข้าฝันว่าตนเองไปอยู่ในพระราชวังที่โอ่อ่างดงาม ภายในวังเต็มไปด้วยเงาแสงสั่นไหว มีจอกสุราองุ่นเรืองแสง ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นล้วนเป็นคนที่ข้าเคยรู้จัก ข้าเดินเข้าไปเรียกพวกเขา แต่ไม่มีใครตอบรับเลยสักคน”ภาพในฝันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนถึงตอนนี้สีหน้าของชีหยวนแสดงความเจ็บปวด นางหลับตาลง “จนเมื่อพวกเขาหันหน้ามา ข้าจึงพบว่าพวกเขากลายเป็นโครงกระดูกขาวโพลน กลายเป็นวิญญาณร้าย...”ปรมาจารย์จื่อหยางมองนางเงียบ ๆ“ต่อมา มีใครบางคนวิ่งเข

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 692

    นางเดินไปตามทางบนภูเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าข้างหน้าไม่มีทางอีกต่อไปแล้ว กลางหุบเขาซึ่งเชื่อมสองฟากไว้ กลับเป็นสะพานหินตามธรรมชาติสะพานหินนั้นแคบมาก มีแต่ตะไคร่น้ำขึ้นเขียวครึ้ม ดูแล้วเดินผ่านเพียงคนเดียวก็ยังยากนางนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ข้ามสะพานไปอีกฟากหนึ่งของยอดเขา มีนักพรตน้อยร้องอุทานขึ้นว่า “โอ้ะ ท่านเดินช้า ๆ หน่อย ไม่กลัวตายหรืออย่างไร?!”เสียงตะโกนนั้นทำให้คนในอารามเต๋าฝั่งตรงข้ามต้องแตกตื่น ไม่นานก็มีนักพรตน้อยสามสี่คนพากันออกมาดู ต่างก็เบิกตากว้างมองชีหยวนชีหยวนข้ามสะพานมาเรียบร้อยแล้วนักพรตน้อยเหล่านั้นต่างตะลึงงัน พวกเขาไม่ได้พบคนเก่งกล้าขนาดนี้มาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเป็นสตรี!นางกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย เดินข้ามสะพานมาตรง ๆชีหยวนก้มหน้าลงมองพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการพบปรมาจารย์จื่อหยาง”นักพรตน้อยถามนางด้วยความตื่นตระหนกว่า “ท่านเป็นใคร?”“คนที่ต้องการพบเขา” ชีหยวนตอบสั้น ๆ ก่อนจะควักหยกชิ้นหนึ่งออกมายื่นให้พวกเขา “เขาเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง”นักพรตน้อยรับไปเพ่งดู แล้วมองนางอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย จากนั้นก็รีบวิ่งจากไปไม่นานนัก เขาก็วิ่ง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 691

    เฝิงฮองเฮาไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้เซียวอวิ๋นถิงลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเบา ๆ “ส่วนที่ท่านบอกว่านางยังเยาว์วัยจึงหลงผิด กระหม่อมกลับไม่คิดเช่นนั้น”“เส้นทางในโลกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถนนแก้ว ทุกคนต่างต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากเจ้าพุ่งฝ่าด้วยความดื้อรั้น ก็ย่อมมีแต่เลือดสาดเป็นแน่ อย่ามาพูดว่าเพราะยังเยาว์ ไม่รู้ความ จะรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องของเจ้า แต่จะล้มไม่ล้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้”ใครเล่าที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงทุกวันนี้?ในสายตาของเขา เฝิงไฉ่เวยยังล้มมาน้อยเกินไปด้วยซ้ำจึงถึงได้โง่เขลาคิดจะต่อรองกับเสือ ไม่รู้จักความตายเลยจริง ๆ!เขาหมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ทันใดนั้นเอง เฝิงไฉ่เวยที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวิ่งพรวดออกมาขวางทางเขาเอาไว้นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ฝ่ามือเลือดไหลนองแต่ดวงตากลับยังมุ่งมั่นจ้องเขม็งไปยังเซียวอวิ๋นถิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเฝิงฮองเฮาค่อย ๆ ถอนหายใจ หันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เป็นอย่างไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่อยากฟังด้วยหูตนเอง? ตอนนี้ตัดใจได้หรือยัง?”ตัดใจได้หรือยัง?ในหัวของเฝิงไฉ่เวยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 690

    ฮองเฮาเฝิงสีหน้าซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยนางเดิมก็คิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจะไปขอร้องฮ่องเต้หย่งชางทันที หรือไม่ก็มีปากเสียงกับฮ่องเต้หย่งชางเพราะชีหยวนอย่างไรเสีย คนหนุ่มย่อมใจร้อนเป็นธรรมดาสุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่ทำเช่นนั้นกลับเสนอจะไปบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแทนและเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถูกแล้ว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน?หลี่ฉางชิงก็พังพินาศแล้วตอนนี้ยังมีใครจะพูดถึงหลี่ฉางชิงอีกหรือ?ไม่มีแล้ว ดูอย่างตระกูลเฝิงสิตอนนี้ตระกูลเฝิงแทบอยากให้คนลืมเรื่องที่หลี่ฉางชิงเคยทำนายว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาหงส์นางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงอ่อน “ออกเดินทางไกลย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าน เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”ฮองเฮาเฝิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “อวิ๋นถิง เจ้าเป็นคนมีความคิดมากกว่าบิดาเจ้าเสียอีก”นางไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ามือเซียวอวิ๋นถิงไว้ “วันนี้ท่านลุงของเจ้าเข้าวัง เขาไปที่วังบูรพาหลายครั้งก็ไม่ได้พบเจ้า เลยแวะมาที่ตำหนักของข้าแทน”เซียวอวิ๋นถิงยังคงหลุบตาต่ำ “เสด็จย่า การร่วมมือกับหลี่ฉางชิงมีความผิดฐานใด แม้ข้าจะไม่พูด เสด็จย่าคงรู้ดีอยู่แล้ว”ในใจฮองเฮาเฝิงขมขื่นนักใช่แล้ว เฝิงอวี้จางถึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 689

    ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 688

    เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status