Share

บทที่ 12

Author: ฉินอันอัน
ภายในหนึ่งวันมีร้อยพันเรื่องราวเกิดขึ้น สมองของนางหวังอื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ แล้ว

จนกระทั่งชีเจิ้นหันไปตำหนิชีอวิ๋นถิงอีกครั้ง บังคับให้เขาเอ่ยปากขอโทษสวี่อินอิน สีหน้าของนางหวังถึงจะฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมา

เป็นสามีภรรยากับชีเจิ้นมานานหลายปี นางย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีตนเองดี

ถึงขึ้นออกปากปกป้องสวี่อินอินเพียงนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าบุตรีคนนี้ได้การยอมรับจากชีเจิ้นแล้ว

ชีเจิ้นให้ความสำคัญ และนี่ยังเป็นบุตรีที่ตนเองให้กำเนิดด้วยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นกังวลว่าเด็กสาวคนนี้มิใช่คนฉลาดเฉลียว แต่ยามนี้นางหวังก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์แล้ว

นางมองสวี่อินอินอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”

น่าขำสิ้นดี

หากว่าตระกูลชีให้คุณค่านางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง หรือรู้สึกสงสารรู้สึกสำนึกผิดต่อนางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของนาง

สวี่อินอินเงยหน้ามองนางหวัง และถามด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้าคือตัวจริง และคนก่อนหน้าคือตัวปลอม นางมีนามว่าอะไร ข้าก็ควรมีนามว่าแบบนั้น มิใช่หรอกหรือ?”

นางหวังผงะไป ในใจพลันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันใด

ยังรู้สึกลึกๆ ว่าสวี่อินอินไม่คู่ควร

นางมุ่นหัวคิ้วขึ้น “อย่าเอาแต่พูดว่าตัวจริงตัวปลอมเลย ฝ่ามือหลังมือล้วนเป็นมังสะ เจ้าเป็นบุตรที่ข้าให้กำเนิด นางก็เป็นบุตรที่ข้าเลี้ยงด้วยตนเอง พวกเจ้าสองคนต่างเป็นบุตรของข้าทั้งสิ้น”

สวี่อินอินเพิ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าฝ่ามือหลังมือมีไว้ใช้งานเช่นนี้

ความจริงนางก็รู้จักพฤติกรรมของคนตระกูลนี้กระจ่างแจ้งนานแล้ว ทว่าทุกครั้งที่ได้ยินพวกนางพูดจาย่ำยีศักดิ์ศรีและมองข้ามตนเอง ก็ยังรู้สึกว่าขุ่นข้องหมองใจ

นางจ้องมองนางหวัง และถามด้วยเสียงเบาหวิวออกมาทันใด “ฮูหยิน ท่านทราบหรือไม่ว่า ตอนข้าใช้ชีวิตอยู่ในชนบท แม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงของข้าปฏิบัติอย่างไรกับตัวข้า?”

นางหวังอึ้งงันไปเล็กน้อย หัวคิ้วพลันขมวดมุ่นขึ้นอีกครั้ง “เรื่องนี้ไว้พูดคราวหลังเถิด ข้าเพียงแค่ถามถึงชื่อของเจ้า…”

“ข้ามีนามว่าสวี่อินอิน!” สวี่อินอินตัดบทนางอย่างเหลืออด พลางจดจ้องนัยน์ตาของนางไว้ “แซ่สวี่ ฮูหยินอยากให้ข้าใช้แซ่สวี่ต่อไปหรือไม่?”

ประโยคนี้ทำให้นางหวังหน้าร้อนผ่าว นางได้สติคืนกลับมาแล้ว

ใช่แล้ว นางจะถามสวี่อินอินเพื่ออะไรว่าก่อนหน้านี้มีนามว่าอะไร?

อุ้มบุตรีผิดคนกลับไปแล้ว นางยังคิดจะให้สวี่อินอินใช้ชื่อเดิมต่อไปอีกหรือ?!

ครั้นถูกถามตอกหน้าเช่นนี้นางหวังรู้สึกเสียหน้าขึ้นมานิดๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าบุตรีคนนี้มิใช่คนหัวอ่อนรับมือง่ายอย่างแน่นอน

กระแอมขึ้นมาเสียงหนึ่ง นางก็เหลือบมองชีเจิ้น

ชีเจิ้นย่อมไม่ยอมให้สวี่อินอินใช้แซ่สวี่ต่อแน่

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น เรื่องในอดีตมิอาจกลับไปแก้ไขได้แล้วก็แล้วไป นับจากนี้เจ้าคือคุณหนูใหญ่ของจวนโหวเราแล้ว…เช่นนั้นจงใช้นามว่าชีหยวนเถิด”

หยวน ซึ่งหมายถึงผู้เป็นที่หนึ่ง

แม้แต่ชีจิ่น ยังเป็นแค่จิ่นที่หมายถึงบุปผาบนผืนแพรไหมเท่านั้น

แต่บัดนี้สวี่อินอิน อ้อไม่สิ ชีหยวน แค่ชื่อนี้เพียงพอจะยืนยันฐานะของนางได้แล้ว

ชาติที่แล้วนางเปลี่ยนเพียงแซ่เท่านั้น แต่ยังคงชื่อว่าอินอิน

บัดนี้ชื่อแซ่ล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด

แม้ชื่อชีหยวนจะมิได้เป็นชื่อแซ่ที่หาได้ยาก

แต่ตราบใดที่สามารถทำให้ชีจิ่นและชีอวิ๋นถิงไม่ยินดี นางก็มีความสุขมาแล้ว

ดังนั้นนางจึงกะพริบตาปริบๆ แล้วตอบกลับ “ดี”

นางหวังมองนาง ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด มักรู้สึกเสียววาบตรงสันหลังเสมอ

อดทนฟังจนจบแล้ว ค่อยสั่งให้แม่นมจางพาชีหยวนไปพักผ่อนก่อน แล้วขมวดคิ้วขึ้นพลางเสริมขึ้นประโยคหนึ่งว่า “พาคุณหนูใหญ่ไปที่หอหมิงเยว่ก่อนเถิด”

แม่นมจางอ้าปากพะงาบ นางรู้ดีแก่ใจ เรือนที่ตระเตรียมให้ชีหยวนก่อนหน้านี้ เป็นแค่เรือนหลังน้อยไกลๆ ที่ตั้งอยู่ในมุมอับของสวนบุปผาเท่านั้น

ทว่าหอหมิงเยว่คือหอสองชั้น และเป็นเรือนที่เมื่อก่อนท่านป้าเคยใช้พำนักอาศัยในตอนที่ยังไม่ออกเรือน

ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว

นางเหลือบสายตามองชีหยวนปราดหนึ่ง และก้มศีรษะต่ำลงยิ่งกว่าเดิม “เจ้าค่ะ ฮูหยินโปรดวางใจ บ่าวรับทราบทุกประการเจ้าค่ะ”

เมื่อรับคำแล้วก็นำทางชีหยวนเดินออกไปด้านนอก

ภายในห้อง เมื่อชีหยวนเดินออกไปแล้ว นางหวังค่อยถอนหายใจออกมาอย่างยั้งตนเองไม่อยู่

นางเลื่อนมือไปฟาดชีอวิ๋นถิงด้วยฉาดหนึ่งเช่นกัน “เจ้าออกไปก่อน!”

เอ่ยพลางส่งสายตาให้ชีอวิ๋นถิง บอกเป็นนัยให้เขาอย่าอยู่วุ่นวายสร้างปัญหา

ชีอวิ๋นถิงถูกทุบตีอย่างไร้สาเหตุ ซ้ำยังถูกตำหนิ ในใจร้อนรนดั่งไฟสุมทรวงขึ้นมา

แต่เมื่อเห็นสายตาของมารดาแล้ว เขารู้ดีว่าเวลานี้ ตนเองหยุดวุ่นวายสร้างปัญหาอีกจะดีที่สุด

จึงข่มโทสะไว้และออกไป

ครั้นบุตรชายเดินออกไปแล้ว นางหวังจึงหันมองชีเจิ้น “ท่านโหว นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดท่านจึง…”

ชีเจิ้นย่อมรู้ว่าสิ่งที่นางกำลังจะถามคืออะไร ก็เรื่องที่สวี่อินอิน…ไม่สิ ชีหยวนต่างหาก

เขากระแอมออกมาหนึ่งครั้ง ก็เล่าเรื่องที่ชีหยวนนำไปฟ้องทางการจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และทำให้เซียวอวิ๋นถิงสนใจถึงขั้นถามถึงด้วยตนเองให้อีกฝ่ายฟัง

จิ้งอ๋องเข้ามาถามไถ่ด้วยตนเอง? นางหวังเข้าใจเหตุผลแล้ว รู้แล้วว่าเหตุใดชีเจิ้นจึงเปลี่ยนความคิดไป

ในเมื่อราชสำนักต่างรับรู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้าแล้ว เช่นนั้นจะปล่อยให้ชีหยวนออกไปร่อนเร่ด้านนอกไม่ได้อีกเด็ดขาด

มิเช่นนั้นแล้ว หากถึงยามใดจิ้งอ๋องบังเอิญถามไถ่ว่า “จริงสิ บุตรีคนโตที่พลัดพรากจากพวกเจ้าไปกลับมาแล้วหรือยัง?”

พวกเขาจะตอบได้หรือว่า อ๋อ พวกข้ารังเกียจที่นางเติบโตในชนบท ก็เลยส่งตัวกลับไปแล้วเช่นนี้?

เช่นนั้นจะไม่ถูกคนอื่นแขวะลับหลังเอาหรือ?

นางหวังทอดถอนหายใจออกมา “ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าเด็กคนนี้ ก็ทำให้ข้าหงุดหงิดใจจริงๆ”

“ได้อย่างไร?” ชีเจิ้นไม่เข้าใจ “ข้ากลับรู้สึกว่า นางดีมากแล้ว อย่างน้อย ก็ดีกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้มาก!”

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไม่คาดหวังตั้งแต่แรก ขอเพียงผลลัพธ์ดีกว่าที่ตนเองคาดเดาไว้ล่วงหน้าแม้เพียงเล็กน้อยมากๆ ความรู้สึกปีติยินดีนั้นก็ยากเกินจะอธิบายได้แล้ว

นางหวังสังเกตได้อย่างเฉียบขาดว่าชีเจิ้นมองชีหยวนไม่เหมือนเดิม นางส่ายศีรษะ “ตอนที่นางเจอข้า ไม่มีความยินดีหรือรู้สึกตื่นเต้นอย่างผู้เป็นบุตรีได้พบหน้ามารดาแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังถึงขั้นเย็นชาจนทำให้หัวใจข้ากระสับกระส่าย”

ใช่ เด็กคนนี้ต่างจากภาพบุตรีที่นางหวังจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง

ร้ายแรงกว่านั้นยังต่างจากลักษณะทั่วไปยามอยู่ด้วยกันนางหวังและชีจิ่นไปอย่างสิ้นเชิงด้วย

คิดถึงชีจิ่นขึ้นมา นางหวังก็ใจอ่อนอย่างอดไม่ได้

บุตรีที่นางได้มาด้วยความยากลำบาก ย่อมทะนุถนอมดูแลดุจเป็นแก้วตาดวงใจมาตั้งแต่ยังน้อย

ชีจิ่นถูกนางเลี้ยงดูอย่างไร้ข้อแม้มาตั้งแต่ยังเป็นทารก ครั้งแรกที่เปล่งเสียงเรียกมารดา ครั้งแรกที่พลิกตัวได้ ครั้งแรกที่นั่งได้ ครั้งแรกที่เดินได้ นางล้วนจดจำภาพเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

ไยบุตรีของนางต้องถูกสลับตัวกันด้วย?

สลับตัวกันแล้วจะให้นางรับรู้ความจริงอีกเพื่ออะไร?

นางยอมไม่รับรู้ความจริงเสียยังดีกว่า

ชีเจิ้นสีหน้าหมองคล้ำลง “ก่อนนางจะกลับมา เกือบถูกแม่นมฮวาฆ่าตาย! เจ้าจะให้นางกล้าวางตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าได้อย่างไร?”

นางหวังเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยปากถาม “ท่านโหว ท่านหมายความว่าอะไร?”

“ข้าหมายความว่า แม่นมฮวาเป็นแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่ง ลำพังแค่นางคนเดียวไม่กล้าคิดฆ่าคนเช่นนั้นแน่!” ชีเจิ้นรู้ดีว่านางหวังลำเอียงรักชีจิ่นบุตรีที่ตนเองเลี้ยงดูมากับมือมากกว่า

แต่ว่าหนนี้ยังต้องเตือนสตินางอย่างอดไม่ได้ “จำเป็นต้องขุดให้ถึงต้นตอจริงๆ แล้วยังมีอวิ๋นเชวี่ยด้วยอีกคน นางหากโง่เขลาจริงนั่นก็แล้วไป แต่เจ้าดูนางสิ เหมือนคนโง่เขลาที่ไหน?”

ไม่เหมือนแม้แต่น้อย

นางหวังในยามนี้กลับหวังว่าชีหยวนจะเป็นคนโง่เขลาจริงๆ มากกว่า

ฉลาดเกินไปจะทำให้คนอื่นเก็บความลับไม่อยู่

ชีเจิ้นเอ่ยอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจนัก “อีกสองสามวัน เจ้าจัดงานสังสรรค์ในเรือนขึ้นเถิด เชิญสหายคนสนิทของตระกูลชีมาร่วมงาน ให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกัน”

จะให้รับบรรพบุรุษ กลับต้นตระกูลเดิมแล้ว ยังต้องการให้จัดงานเลี้ยงเป็นการเฉพาะอีก!

นางหวังตะลึงงัน “ท่านโหว เรื่องมารยาทการวางตัวของนางเล่า?!”

“เรื่องมารยาทการวางตัวของนางได้แม่นมเจียงผู้รับใช้เคียงกายขององค์หญิงใหญ่เป็นผู้ชี้แนะสั่งสอนด้วยตนเองแล้ว” ชีเจิ้นมองนางอย่างลุ่มลึก “นางมีแต่ทำได้ดีกว่าชีจิ่น ไม่มีด้อยกว่าชีจิ่นอย่างเด็ดขาด”

.....

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ในที่สุดนางหวังก็กระจ่างแจ้งถึงเหตุผลที่ชีเจิ้นมองชีหยวนต่างไปจากเดิมแล้ว

ชีหยวนเรียนรู้มารยาทการวางตัวจากแม่นมเจียงผู้รับใช้เคียงกายองค์หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ?

หากนางเข้าตาองค์หญิงใหญ่จริง เช่นนั้นเส้นทางข้างหน้าหลังจากนี้ ไม่มีทางเลวร้ายอย่างเด็ดขาด

ก่อนหน้านี้เหตุผลที่ชีเจิ้นไม่ชอบบุตรีคนนี้ ก็แค่รู้สึกว่านางไร้ความสามารถเกินไป ไม่มีทางนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลได้เด็ดขาด มีแต่จะฉุดรั้งชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลให้ต่ำลงเท่านั้น

บัดนี้เมื่อได้รับรู้คุณค่าของชีหยวนแล้ว เขาย่อมไม่ถือสาที่จะให้นางได้เติมแสงเพิ่มความรุ่งโรจน์ให้ตระกูลแล้ว

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Toy M
ทั้งพ่อแม่พี่ชายไม่มีใครดีสักคน เลือดชั่วแท้ๆเลย ต้องให้อินอินฆ่าให้หมด
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
นานๆ จะได้เห็นแม่แท้ๆ ใจร้ายกับลูกของตัวเอง ส่วนตัวพ่อนั้น 90% เลยที่ใจร้ายกับลูก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status