Share

บทที่ 14

Author: ฉินอันอัน
บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว

เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น

ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที

ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า!

และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่

เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย

ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย

แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้

แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ

ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว

ตอนที่ชีหยวนยังไม่กลับมา ชีอวิ๋นถิงก็แสดงออกว่าไม่ต้องการให้นางหวังรับตัวนางกลับมาตลอด

บัดนี้ชีหยวนกลับมาแล้ว แต่แม่นมฮวาก็ตายไปแล้ว อวิ๋นเชวี่ยเองก็จวนจะถูกขายออกไปแล้วด้วย

ชีอวิ๋นถิงย่อมต้องรู้สึกว่าชีจิ่นได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

พอคิดแบบนี้ หัวใจของแม่นมจางที่เพิ่งเริ่มต้นคล้อยตามที่พึ่งพิงผู้นั้น พลันหยุดชะงักลงในพริบตา

ในเมื่อนางอยากได้ความมั่งคั่งร่ำรวย เช่นนั้นก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้เสียก่อน

ด้วยเหตุผลนี้เมื่อหันกลับไปนางก็เดินไปหยุดเบื้องหน้าชีหยวน บอกว่าจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นดีแล้ว ให้คุณหนูใหญ่พักผ่อนตามสบาย

ชีหยวนหย่อนตะขอเต็มที่แล้ว ทว่าแม่นมจางกลับไม่มีท่าทีว่าจะงับเหยื่อแม้แต่น้อย

มองแม่นมจางที่อยู่เบื้องหน้า ความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในใจชีหยวนไม่นานก็ดับลงแล้ว

ที่ยืนของตนยังไม่มั่นคง จะถูกเมินเฉยก็เป็นเรื่องธรรมดา

นางผุดยิ้มเล็กน้อย ก็บอกให้แม่นมจางออกไปเสีย

แม่นมจางเมื่อเดินพ้นเรือนของชีหยวนออกมาแล้ว ก็ทอดถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่ได้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด ปฏิเสธชีหยวนไปเช่นนี้ แม่นมจางกลับรู้สึกหนักอึ้งในใจ แม้เดินมาจนถึงเรือนบ่าวรับใช้ของตนเองแล้ว นางก็ยังคงรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ

รินน้ำชาจอกหนึ่งให้ตนเองด้วยความอึดอัด ทว่ายังไม่ทันถึงริมฝีปาก ก็ได้ยินเสียงสาวใช้คนหนึ่งวิ่งโร่เข้ามา “แม่นมจางอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”

แม่นมจางมีเรื่องหนักอกหนักใจอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ยิ่งถูกกระตุ้นด้วยสิ่งนี้ แม้แต่น้ำชาที่ถืออยู่ในมือยังแทบประคองให้มั่นคงไม่ได้ น้ำเสียงพลันเจือความหงุดหงิดออกมา “มีเรื่องอะไร ถึงได้เงอะงะงุ่มง่ามเช่นนี้!”

สาวใช้แลบลิ้นออกมา และเอ่ยอย่างระมัดระวัง “แม่นม พี่หญิงจื่อจิงจากเรือนของคุณชายใหญ่ฝากมาแจ้งว่า หากแม่นมกลับมาแล้ว ให้ไปที่เรือนของคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ”

ไปที่เรือนของคุณชายใหญ่?

แม่นมจางใจหล่นวูบถึงตาตุ่ม

หากเป็นเมื่อก่อน ใครเล่าจะไม่อยากมีโอกาสได้ออกหน้าออกตาเช่นนี้?

ยิ่งเป็นโอกาสได้เข้าตาเจ้านายยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

แม่นมจางใช้ชีวิตอยู่ในจวนนี้ผ่านไปวันๆ มานานหลายปีแล้ว แม้แต่หน้าที่จัดซื้อในครัวยังไม่มีโอกาสได้ทำ

ดังนั้นนางจึงพยายามแสวงหาช่องทางเพื่อผลประโยชน์อย่างไม่ลดละมาตลอด

ไม่พอยังเพ้อฝันถึงหนทางจะได้เกาะเกี่ยวอำนาจบารมีของคุณชายใหญ่และคุณหนูรองตลอดเวลา

ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีกว่าพวกเขาสองคนพี่น้องเป็นที่รักและเป็นที่ชื่นชมอย่างยิ่ง

แต่ยามนี้ แม่นมจางกลับไม่เหลือความคิดนั้นอยู่แม้แต่น้อย

นางรู้ดีแก่ใจ ที่คุณชายใหญ่เรียกตนเองเข้าพบเช่นนี้ เกรงว่าเป็นเพราะตนเองกลับเรือนมาพร้อมชีหยวน และคอยช่วยชีหยวนจัดข้าวของในหอหมิงเยว่

แต่ไม่ว่าจิตใจอยากไปหรือไม่อยากไป ในเมื่อเจ้านายมีคำสั่ง พวกนางก็ได้แต่ทำตาม

แม่นมจางไม่มีกะจิตกะใจจะจิบน้ำชาแล้ว จำใจต้องไปที่สวนฉางชิงของคุณชายใหญ่อย่างกระวนกระวาย

ชีอวิ๋นถิงเป็นคุณชายใหญ่ที่สมเกียรติยิ่งนัก นับแต่เยาว์วัยก็ได้รับความรักความชื่นชมอย่างหาที่สุดไม่ได้ และเรือนที่เขาได้รับเมื่อตอนโตขึ้นแล้วก็ยังเป็นเรือนส่วนที่ดีที่สุดของเรือนหน้า มีสวนบุปผาน้อยเป็นที่แบ่งเขตให้เขา ด้านในยังมีต้นสนหนึ่งต้นที่ชีเจิ้นเป็นคนพาเขาไปปลูกด้วยกัน เพราะเขียวชอุ่มตลอดเวลาดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกว่าสวนฉางชิง

หากเป็นเมื่อก่อน แม่นมจางไม่มีสิทธิ์เข้ามาได้อย่างเด็ดขาด

ทว่าหนนี้เข้ามาได้แล้ว นางไม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจเลย ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นสนต้นนั้นอย่างประหวั่นพรั่นพรึง

ชีอวิ๋นถิงกำลังฝึกฝนวรยุทธ์

ในที่สุดก็ได้ระบายโทสะในใจออกมาจนหมดสิ้นแล้วเสียที รับผ้าเช็ดหน้าที่สาวใช้ยื่นมาให้ซับเหงื่อบนหน้าผากแล้ว ก็นั่งลงบนเก้าอี้โยก “เรียกนางเข้ามา”

บนโต๊ะขนาดเล็กยามนี้ถูกจัดวางด้วยน้ำชาอุ่นร้อนพร้อมขนมกินเล่นจำนวนหนึ่ง ชีอวิ๋นถิงไม่แม้แต่ปรายสายตามอง กระทั่งแม่นมจางเข้ามาแล้ว เขาค่อยผงกศีรษะ “วันนี้เจ้าปรนนิบัติคุณหนูใหญ่จัดห้องหรือ?”

หัวใจของแม่นมจางเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอกแล้ว นางคุกเข่าลงกับพื้นดังฟุ่บ “เรียนคุณชายใหญ่ บ่าวเพียงทำตามคำสั่งของท่านโหวและฮูหยินเท่านั้น…”

“พอได้แล้ว!” ชีอวิ๋นถิงตัดบทด้วยความรำคาญ “ข้ายังไม่ได้ตำหนิอะไรเจ้า! นับจากวันนี้ เจ้าจงไปทำงานรับใช้ที่หอหมิงเยว่!”

แม่นมจางเตรียมจะโขกศีรษะขอเว้นโทษอยู่รอมร่อ ได้ยินชีอวิ๋นถิงเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าพลันฉายแววงงงันทันที

ครู่หนึ่งผ่านไปแล้วแต่ยังคงไม่ได้สติกลับมา

ชีอวิ๋นถิงยิ้มเยาะมองนางด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ช่วยข้าทำอะไรสักหน่อย เจ้าทำได้หรือไม่?”

แม่นมจางเพิ่งได้สติกลับมาตอนนี้เอง ชีอวิ๋นถิงต้องการส่งคนเข้าไปในเรือนของชีหยวน

นางตอบรับคำทันทีโดยไม่ยืดยาด

อันที่จริงก็ไม่เห็นมีอะไรต้องเลือกเลย

ชีหยวนแม้มีฝีมือไม่เลว แต่มีผลประโยชน์อะไรหรือ?

นางเป็นแค่เด็กสาว เป็นแค่ดรุณีคนหนึ่งเท่านั้น ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่ดี

ว่ากันตามตรงแล้วจวนโหวแห่งนี้ สุดท้ายคำพูดของชีอวิ๋นถิงก็ถือเป็นที่สุดอยู่ดี

หากต้องเลือกข้างระหว่างแม่นางกับคุณชายแล้ว แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าควรจะเลือกข้างไหน

ชีอวิ๋นถิงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย นอกจากเด็กบ้านนอกเหลือขอคนนั้น ใครมีลูกตาก็มองสถานการณ์ออกทั้งนั้น

เขามองจื่อจิงปราดหนึ่ง

จื่อจิงจึงหยิบกระเป๋าดอกบัวซึ่งหนักอึ้งใบหนึ่งออกมาเนิบๆ และยัดใส่ในมือของแม่นมจางโดยไม่รีบร้อน “ฟังว่าหลานชายของแม่นมจวนจะครบเดือนเต็มแล้ว แม่นมนำสิ่งนี้ไปสั่งทำกุญแจทองมงคลให้เด็กน้อยสักเส้นหนึ่งเถิด”

แม่นมจางไม่คิดฝันว่าจะได้รับความชื่นชมเพียงนี้เลยจริงๆ รีบโขกศีรษะเสียงดังให้ชีอวิ๋นถิง “เป็นพระคุณยิ่งนักเจ้าค่ะคุณชายใหญ่! เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะคุณชายใหญ่!”

ชีอวิ๋นถิงผุดยิ้ม “หากทำธุระที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปสำเร็จ ยังมีรางวัลอีกมากรอเจ้าอยู่! แต่หากเจ้าทำเสียเรื่อง ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เหลือน้ำใจแล้วกัน!”

ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงช้าๆ ชีหยวนยืนอยู่ใต้ชายคาเรือน มองดูเหล่าสาวใช้และบรรดาหญิงชรารับใช้ซึ่งมีทั้งดีและเลวปะปนกันกลุ่มหนึ่งที่ถูกส่งตัวมาจากในจวน ก็ถามด้วยเสียงขรึมว่า “จะให้ข้าเลือกผู้ปรนนิบัติหรือ?”

เกาเจียแม่นมผู้ดูแลซึ่งเป็นผู้รับใช้เคียงกายนางหวังผุดยิ้มตาหยีพลางผงกศีรษะ “ตามประเพณีแล้ว ข้างกายคุณหนูใหญ่ควรมีสาวใช้ใหญ่สี่คน สาวใช้รองสองคน และสาวใช้เล็กซึ่งรับผิดชอบงานเบ็ดเตล็ดอีกสี่คน หญิงชราทำความสะอาดหนึ่งคน และแม่นมผู้ดูแลอีกหนึ่งคนเจ้าค่ะ…”

นางยิ้มพลางกวาดสายตามองชีหยวนปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่เห็นว่าผู้ใดเข้าตาแล้ว ก็เลือกผู้นั้นไว้ได้เลยเจ้าค่ะ”

ชีหยวนยังไม่ทันเอ่ยวาจาใด ทันใดนั้นแม่นมจางรีบสืบเท้าเดินฉับๆ เข้ามาจากด้านนอก เดินมาหยุดตรงเบื้องหน้าชีหยวน “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านเพิ่งมาใหม่ไม่นาน ยังไม่ทราบอุปนิสัยของแต่ละคนดี หรือว่า ให้บ่าวช่วยท่านตรวจสอบดูแลอีกแรง เห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ?”

ตอนบ่ายยังเดินออกไปเหมือนลี้ภัย บัดนี้กลับมาพร้อมท่าทางเหมือนขอที่พึ่งพิง

ชีหยวนมองแม่นมจางนิ่งๆ ไม่รีบร้อน มุมปากกระตุกขึ้น เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา “จริงหรือ? เช่นนั้นต้องขอบคุณแม่นมจางแล้ว”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status