Share

บทที่ 15

Author: ฉินอันอัน
ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้

นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่

ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก?

ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด

นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว

ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่

นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น

ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว

เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออกมา

คนอื่นๆ ที่ถูกเลือกก็มีเพียงไม่กี่คนที่สีหน้าดูยิ้มแย้ม ชัดเจนอย่างยิ่งว่าแทบทุกคนล้วนรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่มีอะไรดี

ชีหยวนมีความคิดเกิดขึ้นในใจ ก็เรียกเกาเจียที่กำลังเดินออกไปไว้ก่อน “แม่นม ข้าขอเพิ่มอีกคนหนึ่งได้หรือไม่?”

เกาเจียเหลือบมองแม่นมจางปราดหนึ่ง ชัดเจนว่าแปลกใจอยู่เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ท่านนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยปากขึ้นหลังคัดเลือกคนเสร็จแล้ว

แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แค่เลือกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งก็สิ้นเรื่องแล้ว เกาเจียไม่ต้องการผิดใจกับคนด้วยเรื่องแบบนี้

จึงอมยิ้มพลางตอบรับคำ

เรื่องคำขู่ของคุณชายใหญ่ เกาเจียไม่ใช่ไม่ทราบ

แต่สำหรับแม่นมผู้ดูแลรับใช้เคียงกายฮูหยินอย่างนาง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหันหลังกลับมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีชีหยวนทันทีทันควันเพื่อเอาใจคุณชายใหญ่คนเดียว

ต้องรู้ไว้ว่า บัดนี้เจ้านายสูงสุดในจวนยังมีท่านโหวและฮูหยินอยู่ด้วย

ในเมื่อท่านโหวยอมรับคุณหนูใหญ่แล้ว นางย่อมยอมรับด้วยเช่นเดียวกัน

สาวใช้คนนั้นงงงันไปหมดแล้ว ชัดเจนว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะพลิกกลับตาลปัตรเช่นนี้ ได้ยินชีหยวนขานชื่อเลือกนางด้วยตนเองแล้ว ก็รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะเสียงดังโป๊กๆ ต่อชีหยวนทันใด โขกแรงจนผิวหนังบนหน้าผากถลอกไปชั้นหนึ่ง

เกาเจียและแม่นมจางต่างยิ้มออกมา

ชีหยวนกลับไม่ยิ้ม นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยให้สาวใช้คนนั้นลุกขึ้นมา

แม่นมเกาเสร็จหน้าที่แล้ว ก็กล่าวลาชีหยวน

แม่นมจางก็ถามชีหยวนอย่างกระตือรือร้น “คุณหนู บัดนี้ต้องตั้งชื่อให้พวกนางแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ชีหยวนส่งเสียงอืมรับคำแล้ว

นางเมื่อชาติก่อนไม่เคยมีสิทธิ์เลือกสาวใช้ด้วยตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตั้งชื่อให้สาวใช้เลย

บัดนี้ได้เลือกแล้ว ก็ไม่มีความประทับใจอะไร

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยว่า “สาวใช้ใหญ่สี่คน จงใช้ชื่อว่าไป๋จื่อ ไป๋อิน เฉินเซียง ป้านเซี่ยเถิด”

ส่วนสาวใช้รองอีกสองคน มีชื่อชั่วคราวแล้วว่าไป่เหอและเสาเย่า

ชื่อของสาวใช้งานเบ็ดเตล็ดและใช้แรงงาน ชีหยวนก็ให้พวกนางมีชื่อว่าเถาซิ่ง เหลียนจื่อ และหลีฮวากับปี้เหอ

แม่นมจางได้ยินชื่อเหล่านี้แล้ว การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

นางยิ่งรู้สึกว่าชีหยวนดูไม่คล้ายคนที่เติบโตมาในชนบทเลยจริงๆ ลำพังแค่ชื่อเรียกขานเหล่านี้ที่ใช้ตั้งให้บรรดาสาวใช้ก็พอจะมองออกแล้ว

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชีหยวนมองดูแม่นมจาง “แม่นม ท่านพาพวกนางไปอบรมระเบียบประเพณีก่อนเถิด จากนั้นค่อยพาพวกนางกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งแล้วกัน”

นางเอ่ยพลาง ก็เลื่อนมือขึ้นชี้สาวใช้คนนั้นที่โขกศีรษะจนหน้าผากถลอก “ส่วนเจ้าตามข้ามา”

แม่นมจางไม่รู้ว่าชีหยวนเห็นความพิเศษอะไรในตัวสาวใช้คนนี้หนักหนา นางยังต้องเร่งคว้าโอกาสผูกมิตรกับสาวใช้เหล่านี้ ที่หลังจากนี้จะได้อยู่เคียงกายใกล้ชิดชีหยวนไว้ก่อน จึงรีบรับคำสั่งทันใด

สาวใช้เล็กตามชีหยวนผ่านประตูเข้าไปด้านใน แล้วยืนก้มหน้าก้มตาอย่างหวาดวิตกอยู่ห่างจากชีหยวนพอประมาณ

ชีหยวนถามนางด้วยเสียงเคร่งขรึม “เจ้าอยากอยู่ที่นี่มากเลยหรือ?”

สาวใช้เล็กคุกเข่าดังฟุบลงไปอีกครั้ง

ชีหยวนขมวดคิ้ว “ลุกขึ้น!”

สาวใช้เล็กมองนางอย่างหวาดกลัว น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาทันที “คุณหนู ท่านพ่อของข้าป่วยตายไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าก็ล้มป่วยติดเตียง หากข้ายังเข้าจวนไม่ได้อีก แม้แต่โอสถคงไม่มีปัญญาหามาให้ท่านแม่ข้าได้กินแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะอย่าทอดทิ้งข้าน้อยเลย!”

แม้ว่าจะเป็นทาสที่เกิดในเรือนทั้งหมด แต่บิดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว มารดาก็ยังป่วยติดเตียง ชีวิตรันทดเสียยิ่งกว่าพวกทาสที่ซื้อตัวมาระหว่างทางอีก

ปกติแล้วคนที่จะได้รับใช้เคียงกายเจ้านาย อย่างไรก็ไม่มีทางจะเป็นอย่างนางไปได้แน่

ต่อให้เข้าจวนมาทำงานแค่เพียงซักล้าง ล้วนต้องยัดเงินเข้ามาทั้งสิ้น

จะมีก็แต่จวนของชีหยวน คุณหนูใหญ่ผู้ซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานและเพิ่งถูกรับตัวกลับเข้ามาจากด้านนอกหมาดๆ ผู้นี้เท่านั้น ที่ให้นางได้มีโอกาสเข้ามาลองดู

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ แม่นมจางก็ยังคงไม่เลือกนางไว้เหมือนเคย

บัดนี้ได้รับการยอมรับจากชีหยวนแล้ว น้ำตาของสาวใช้เล็กพรั่งพรูออกมาโดยไม่อาจกลั้น ฟันบนฟันล่างก็กระทบกันไม่หยุด กลัวจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

นี่ก็คือคนชนชั้นล่างสุด

ชีหยวนสามารถเข้าใจความรู้สึกของนางตอนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพราะว่าอดีตที่ผ่านมาตนเองก็เป็นเช่นนี้

นางเอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ลุกขึ้น และไม่ต้องเอาแต่คุกเข่าลงไปอีก!”

นางเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับการใช้อำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิด

และไม่มีวันเล่นกับจิตใจของมนุษย์เพื่อความสุขด้วย

สาวใช้เล็กสะอึกสะอื้นพลางหยัดกายลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของชีหยวน

ชีหยวนถามนาง “เจ้ามีนามว่าอะไร?”

สาวใช้เล็กเอ่ยปากตอบอย่างขลาดกลัว “เหลียนเฉียว ข้ามีนามว่าเหลียนเฉียวเจ้าค่ะ”

“ดีมาก เหลียนเฉียว จากนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว” ชีหยวนส่งยิ้มให้นาง “อยู่ที่นี่เถิด”

น้ำตาในดวงตาของเหลียนเฉียวยิ่งพรั่งพรูออกมารุนแรงกว่าเก่า นางคุกเข่าลงดังฟุบอีกครั้งน้อมคารวะชีหยวน “เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ท่านเป็นคนดีจริงๆ!”

ชีหยวนโบกมือ “มารดาของเจ้าป่วยหรือ?”

เอ่ยถึงมารดาขึ้นมา นัยน์ตามืดครึ้มของเหลียนเฉียวก็มีแสงประกายขึ้นมาบ้างแล้ว “เจ้าค่ะ นางถูกแม่นมในจวนขับไล่ออกไป ต้องอากาศด้านนอกจนหมดสติ และไม่มีเงินไปตามหมอมารักษา ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเจ้าค่ะ”

ชีหยวนเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเปิดลิ้นชักออกมา

ยามนี้นางยังไม่มีทรัพย์สินอะไร ในลิ้นชักมีเพียงเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นวางอยู่อย่างบางตาเท่านั้น

นางในอดีตชาติเคยเห็นสิ่งของชั้นดีผ่านตามาบ้าง ย่อมรู้ว่าของเหล่านี้คุณภาพเป็นอย่างไร

แม้จะมีคำพูดของชีเจิ้น แต่ทว่าทุกคนในจวน ก็ยังคงสงวนท่าทีที่ปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่อย่างนาง และไม่เชื่อนักว่านางจะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่เหนือกว่า และบดบังคุณหนูรองได้จริงๆ

แต่ก็ไม่เป็นไร นางไม่ได้หยุดชะงักไป หยิบกำไลทองวงหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้เหลียนเฉียว “เอานี่ไปรักษามารดาของเจ้าก่อนเถิด”

เหลียนเฉียวเบิกตาโพลง

นิ่งไปไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

อันที่จริงการที่เจ้านายตกรางวัลให้สาวใช้หรือพ่อบ้านไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

แต่นางเป็นแค่สาวใช้เล็กที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงานอะไรเลยสักอย่างด้วยซ้ำ!

แต่ชีหยวนกับตกรางวัลอย่างงดงามให้นาง!

เหลียนเฉียวพลันรู้สึกกระวนกระวายถึงที่สุด “มะ…ไม่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ บ่าวมิบังอาจเรียกร้องขอรางวัลราคาสูงค่าเช่นนี้จากท่านเจ้าค่ะ…”

ชีหยวนไม่พูดอ้อมค้อม เพียงแต่เลิกคิ้วและเอ่ยว่า “เจ้าไม่อยากรักษาให้มารดาหายป่วยหรือ? รับไปเถิด รักษาหายก่อนค่อยว่ากัน”

เหลียนเฉียวรับมาในที่สุด รู้สึกแค่ว่ากำไลข้อมือวงนี้หนักอึ้งยิ่งนัก ทนไม่ไหวอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

บ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนไม่ยอมเข้ามารับใช้คุณหนูใหญ่ที่นี่ บอกว่าคุณหนูใหญ่สู้คุณหนูรองไม่ได้ แต่ในสายตาของนาง คุณหนูใหญ่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ที่ใดเล่าจะหาเจ้านายที่เห็นอกเห็นใจบ่าวรับใช้แบบนี้ได้อีก!

ขณะที่กำลังเอ่ยอยู่นั้น แม่นมจางก็แหวกม่านกั้นประตูเดินเข้ามาแล้ว หยุดยืนอยู่ข้างธรณีประตูพลางกวาดสายตาปราดหนึ่งมองเหลียนเฉียวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยกับชีหยวนว่า “คุณหนูใหญ่ ทุกคนล้วนรู้จักระเบียบประเพณีดีแล้วเจ้าค่ะ ทางฮูหยินส่งคนมา แจ้งว่าให้ท่านไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน”

 
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 709

    ชีหยวนลงมือทั้งรวดเร็วและรุนแรง มีเพียงเซียวจิ่งจาวเท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่ที่นางลงมือไปจนถึงการอ่านการเคลื่อนไหวของเถียนเป่าซื่อนั้นเด็ดขาดเพียงใดหญิงสาวผู้นี้ นางถึงกับไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!เซียวจิ่งจาวกดเสียงต่ำ “เถียนเป่าซื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่”เถียนเป่าซื่อนั้นตั้งแต่เด็กก็เติบโตในวัง ต่อมาได้เป็นสหายร่ำเรียนมากับเหล่าองค์ชาย แม้แต่อ๋องฉียังเคยพยายามดึงตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียวด้วยดังนั้นเซียวจิ่งจาวย่อมรู้ดีว่าเถียนเป่าซื่อมีฝีมือมากน้อยเพียงใดเมื่อครู่นี้ตอนที่ชีหยวนจับข้อเท้าเถียนเป่าซื่อไว้ เขากลับขยับไม่ได้เลย นั่นก็เพียงพอจะบอกถึงฝีมือของชีหยวนได้แล้วแต่กระนั้น เซียวจิ่งจาวก็อดตกใจไม่ได้ “นางไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด?”ในบรรดาบุตรีตระกูลขุนนางในเมืองหลวง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเด็กสาวชื่นชอบดาบทวนหอกกระบี่ แต่ส่วนมากก็เรียนเพียงท่วงท่าเอาไว้ขู่คนได้บ้าง แต่พอถึงเวลาสู้จริงกลับสู้ศัตรูไม่ได้เลยชีหยวนนั้นก็เป็นคนที่เพิ่งถูกรับกลับตระกูลในภายหลัง นางสามารถฝึกจนมีฝีมือถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นจริงหรือ?!เฝิงไฉ่เวยไม่ชอบเวลามีคนกล่าวชื่นชมชีหยวนใบหน้านางเย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 708

    โอหังเกินไปแล้ว!โอหังเกินไปจริง ๆ!ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เบียดกันเป็นชั้น ๆ และต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้“หมาจะมาเทียบกับคนได้ยังไง?”“เจ้าดูหมาไม่ดีเอง มันถึงได้พุ่งไปกัดน้องชายเขาก่อน คนเขาถึงได้เตะหมากลับ!”“ถึงจะเป็นหลานชายไทเฮาแล้วอย่างไรเล่า? ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”แต่ก็มีบางคนรีบดึงสหายไว้ “เรื่องของพวกจวนขุนนาง เกี่ยวอะไรกับเรา? อีกฝ่ายก็เป็นคุณชายของจวนโหวเหมือนกันนะ!”ดูพวกเขาทะเลาะกันเองก็พอแล้วชีอวิ๋นจื่อเชิดคอถมน้ำลายปนเลือดออกมาแล้วจ้องเถียนเป่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “หมาของเจ้ากัดน้องข้าไม่ปล่อยก่อน ข้าถึงได้เตะมันออกไป ข้าไม่ผิด!”ไม่ผิด ก็ไม่ต้องขอโทษ!พี่หญิงเคยบอกไว้ว่า ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ผิด ก็ห้ามยอมจำนน!เถียนเป่าซื่อโกรธจนหัวเราะออกมา “งั้นหรือ?”เขาปล่อยคอเสื้อชีอวิ๋นจื่อทันที ก่อนฟาดหน้าชีอวิ๋นจื่อหนึ่งฉาด แล้วเงื้อเท้าจะเตะอย่างแรงแต่ในจังหวะนั้น ขาของเขากลับถูกใครบางคนขวางเอาไว้ถึงเขาจะตัวใหญ่กำยำ แต่กลับไม่สามารถเตะลงไปได้ และยังดึงเท้ากลับมาไม่ได้อีกด้วย จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีหลิวผิงอันถึงกับน้ำตาคล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 707

    ความป่าเถื่อนของเถียนเป่าซื่อนั้น เฝิงไฉ่เวยรู้ดีตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้ นางไม่ได้เรียนแค่การชมดอกไม้ ดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพเท่านั้น แต่ใช้เวลามากกว่านั้นไปกับการท่องจำลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเฝิงสั่งให้นางเรียนใครเป็นคนของตระกูลไหน นิสัยใจคออย่างไร ในตระกูลมีบุคคลโดดเด่นคนใดบ้าง และมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใดนางทุ่มเทพลังใจอย่างมหาศาลกับสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อว่าวันหนึ่งหากได้เป็นชายาพระนัดดา จะสามารถช่วยเหลือเซียวอวิ๋นถิงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเขาดึงพวกคนที่ควรดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้แต่ตอนนี้ เซียวอวิ๋นถิงไม่มีวาสนาจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีกแล้วเขาไม่เห็นค่านาง นั่นคือความสูญเสียของเขาสิ่งที่เขาเห็นคือเฝิงไฉ่เวยผู้ถูกบีบจนไร้หนทาง ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่เขาไม่รู้เลยว่า เขายังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักนางจริง ๆ ด้วยซ้ำถึงกระนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว นางจะทำให้เขารู้เอง ว่านางเก่งกว่าชีหยวนเป็นร้อยเท่า!การฆ่าคนมันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจนักหรือ?นางอยากดูเสียจริง ว่าถ้าชีหยวนต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเถียนและจวนอ๋องโจว จะย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 706

    บัดซบเอ๊ย เบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ถึงมาทำร้ายคุณชายของพวกเขา?!เถียนเป่าซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่หลิวผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องเขายังไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ด่าออกไปทันที “เจ้าก็ตัวโตป่านนี้แล้ว กล้ารังแกเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร?!”เสิ่นเจียหล่างตกใจจนแทบเสียขวัญ เด็กที่เคยถูกฝังทั้งเป็นในโลงแล้วยังทนไม่ร้องไห้ออกมา กลับร้องสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันเพียงเพราะเห็นชีอวิ๋นจื่อที่คอยปกป้องตนเองถูกตบชีอวิ๋นจื่อแม้จะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนลูบศีรษะเขาแล้วปลอบเสียงเบา “ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”ตอนนั้นเอง เด็กรับใช้ของชีอวิ๋นจื่อก็ดึงแขนเสื้อหลิวผิงอันอย่างกลัว ๆ พลางกระซิบเตือน “พี่ผิงอัน นี่ นี่มันคือคุณชายหกแห่งจวนเฉิงเอินกง...”หลิวผิงอันไม่เคยได้ยินคุณชายหกอะไรนั่น แต่ชื่อจวนเฉิงเอินกงเขารู้จักดี จึงชะงักไปเล็กน้อยทว่าก็แค่ชะงักเท่านั้นเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนขวางอยู่หน้าชีอวิ๋นจื่อกับเสิ่นเจียหล่างอย่างมั่นคง “ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมาทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบ!”เขาจะกลัวอะไร?คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วนี่มากสุดก็แค่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณหนูใหญ่ ใครกลัวใครก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 705

    ในฐานะที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เซียวจิ่งจาวย่อมจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครนั่นก็คือเถียนเป่าซื่อ หลานชายของไทเฮาเถียน!และยังเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลของเฉิงเอินกง ผู้เคยกดจวนฉู่กั๋วกงไว้แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าตระกูลเถียนรักและทะนุถนอมลูกชายคนเล็กคนนี้เพียงใดไม่รู้เป็นเพราะฮวงจุ้ยไม่ดีหรืออย่างไร ลูกหลานรุ่นนี้ของตระกูลเถียนสายตรงหลายคนล้วนตายตั้งแต่ยังเล็ก มีชีวิตไม่เกินเจ็ดแปดขวบ ดังนั้นตั้งแต่เถียนเป่าซื่อเกิดมาก็เป็นที่รักอย่างมากว่าไปแล้ว ไทเฮาเถียนยังตั้งชื่อของเขาด้วยตัวเองอีกด้วย ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความเอ็นดูที่ไทเฮาเถียนมีต่อเขายิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นขององค์หญิงลั่วชวนแห่งจวนอ๋องโจวก็คือเถียนเป่าซื่อนี่เองเซียวจิ่งจาวหันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”ไม่ว่าอย่างไร ไทเฮาเถียนก็มีความชอบในการช่วยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองราชย์เพราะเหตุนี้ ฮ่องเต้หย่งชางเพื่อแสดงถึงความชอบธรรมของตน จึงยกย่องไทเฮาเถียนเป็นพระมารดา และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เคารพรักไทเฮาเถียนเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติต่อตระกูลเถียนอย่างดีมาโดยตลอดพูดได้ว่า แม้เซียวจิ่งจาวพบเถียนเป่าซื่อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 704

    จนกระทั่งเซียวจิ่งจาวปล่อยมือออก เฝิงไฉ่เวยจึงไออย่างหนักแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่ถอยสักก้าวจะกลัวอะไร?นางไม่อยากทนถูกรังแกอีกแล้วสิ่งที่ชีหยวนทำได้ นางก็ทำได้เช่นกันแต่นางยังไม่ทันที่จะเอ่ยวาจาเชือดเฉือนใส่เซียวจิ่งจาวออกมาอีก ประตูก็ถูกเคาะเบา ๆ สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเรียกนางเสียงแผ่วเฝิงไฉ่เวยมองเซียวจิ่งจาวแวบหนึ่ง พลางลูบลำคอของตนเองก่อนตะโกนตอบเสียงดัง “เข้ามา!”ซิ่วอี๋ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าคล่องแคล่ว ยืนอย่างเคารพในระยะไม่ไกลจากทั้งคู่แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนู พวกเขาสองคนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”พวกเขาสองคนหรือ?แววตาเซียวจิ่งจาววูบไหวด้วยความสงสัย ในใจสงสัยใคร่รู้ว่าเฝิงไฉ่เวยกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เฝิงไฉ่เวยผลักหน้าต่างออก จากชั้นสองสามารถมองเห็นผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างได้แต่สายตาของนางมิได้หยุดที่คนในห้องโถง หากแต่จ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดด้วยแววตาเย็นชาเมื่อมองตามสายตานาง เซียวจิ่งจาวก็เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจูงเด็กเล็กอายุสี่ห้าขวบขึ้นบันไดมาในทันทีเฝิงไฉ่เวยละสายตากลับมามองเซียวจิ่งจาวที่อยู่ตรงหน้า “ท่านอ๋องไม่ต้องสงสัยหรอก พวกเขาคือน้องชาย

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status