Share

บทที่ 15

Author: ฉินอันอัน
ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้

นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่

ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก?

ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด

นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว

ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่

นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น

ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว

เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออกมา

คนอื่นๆ ที่ถูกเลือกก็มีเพียงไม่กี่คนที่สีหน้าดูยิ้มแย้ม ชัดเจนอย่างยิ่งว่าแทบทุกคนล้วนรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่มีอะไรดี

ชีหยวนมีความคิดเกิดขึ้นในใจ ก็เรียกเกาเจียที่กำลังเดินออกไปไว้ก่อน “แม่นม ข้าขอเพิ่มอีกคนหนึ่งได้หรือไม่?”

เกาเจียเหลือบมองแม่นมจางปราดหนึ่ง ชัดเจนว่าแปลกใจอยู่เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ท่านนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยปากขึ้นหลังคัดเลือกคนเสร็จแล้ว

แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แค่เลือกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งก็สิ้นเรื่องแล้ว เกาเจียไม่ต้องการผิดใจกับคนด้วยเรื่องแบบนี้

จึงอมยิ้มพลางตอบรับคำ

เรื่องคำขู่ของคุณชายใหญ่ เกาเจียไม่ใช่ไม่ทราบ

แต่สำหรับแม่นมผู้ดูแลรับใช้เคียงกายฮูหยินอย่างนาง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหันหลังกลับมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีชีหยวนทันทีทันควันเพื่อเอาใจคุณชายใหญ่คนเดียว

ต้องรู้ไว้ว่า บัดนี้เจ้านายสูงสุดในจวนยังมีท่านโหวและฮูหยินอยู่ด้วย

ในเมื่อท่านโหวยอมรับคุณหนูใหญ่แล้ว นางย่อมยอมรับด้วยเช่นเดียวกัน

สาวใช้คนนั้นงงงันไปหมดแล้ว ชัดเจนว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะพลิกกลับตาลปัตรเช่นนี้ ได้ยินชีหยวนขานชื่อเลือกนางด้วยตนเองแล้ว ก็รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะเสียงดังโป๊กๆ ต่อชีหยวนทันใด โขกแรงจนผิวหนังบนหน้าผากถลอกไปชั้นหนึ่ง

เกาเจียและแม่นมจางต่างยิ้มออกมา

ชีหยวนกลับไม่ยิ้ม นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยให้สาวใช้คนนั้นลุกขึ้นมา

แม่นมเกาเสร็จหน้าที่แล้ว ก็กล่าวลาชีหยวน

แม่นมจางก็ถามชีหยวนอย่างกระตือรือร้น “คุณหนู บัดนี้ต้องตั้งชื่อให้พวกนางแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ชีหยวนส่งเสียงอืมรับคำแล้ว

นางเมื่อชาติก่อนไม่เคยมีสิทธิ์เลือกสาวใช้ด้วยตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตั้งชื่อให้สาวใช้เลย

บัดนี้ได้เลือกแล้ว ก็ไม่มีความประทับใจอะไร

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยว่า “สาวใช้ใหญ่สี่คน จงใช้ชื่อว่าไป๋จื่อ ไป๋อิน เฉินเซียง ป้านเซี่ยเถิด”

ส่วนสาวใช้รองอีกสองคน มีชื่อชั่วคราวแล้วว่าไป่เหอและเสาเย่า

ชื่อของสาวใช้งานเบ็ดเตล็ดและใช้แรงงาน ชีหยวนก็ให้พวกนางมีชื่อว่าเถาซิ่ง เหลียนจื่อ และหลีฮวากับปี้เหอ

แม่นมจางได้ยินชื่อเหล่านี้แล้ว การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

นางยิ่งรู้สึกว่าชีหยวนดูไม่คล้ายคนที่เติบโตมาในชนบทเลยจริงๆ ลำพังแค่ชื่อเรียกขานเหล่านี้ที่ใช้ตั้งให้บรรดาสาวใช้ก็พอจะมองออกแล้ว

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชีหยวนมองดูแม่นมจาง “แม่นม ท่านพาพวกนางไปอบรมระเบียบประเพณีก่อนเถิด จากนั้นค่อยพาพวกนางกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งแล้วกัน”

นางเอ่ยพลาง ก็เลื่อนมือขึ้นชี้สาวใช้คนนั้นที่โขกศีรษะจนหน้าผากถลอก “ส่วนเจ้าตามข้ามา”

แม่นมจางไม่รู้ว่าชีหยวนเห็นความพิเศษอะไรในตัวสาวใช้คนนี้หนักหนา นางยังต้องเร่งคว้าโอกาสผูกมิตรกับสาวใช้เหล่านี้ ที่หลังจากนี้จะได้อยู่เคียงกายใกล้ชิดชีหยวนไว้ก่อน จึงรีบรับคำสั่งทันใด

สาวใช้เล็กตามชีหยวนผ่านประตูเข้าไปด้านใน แล้วยืนก้มหน้าก้มตาอย่างหวาดวิตกอยู่ห่างจากชีหยวนพอประมาณ

ชีหยวนถามนางด้วยเสียงเคร่งขรึม “เจ้าอยากอยู่ที่นี่มากเลยหรือ?”

สาวใช้เล็กคุกเข่าดังฟุบลงไปอีกครั้ง

ชีหยวนขมวดคิ้ว “ลุกขึ้น!”

สาวใช้เล็กมองนางอย่างหวาดกลัว น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาทันที “คุณหนู ท่านพ่อของข้าป่วยตายไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าก็ล้มป่วยติดเตียง หากข้ายังเข้าจวนไม่ได้อีก แม้แต่โอสถคงไม่มีปัญญาหามาให้ท่านแม่ข้าได้กินแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะอย่าทอดทิ้งข้าน้อยเลย!”

แม้ว่าจะเป็นทาสที่เกิดในเรือนทั้งหมด แต่บิดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว มารดาก็ยังป่วยติดเตียง ชีวิตรันทดเสียยิ่งกว่าพวกทาสที่ซื้อตัวมาระหว่างทางอีก

ปกติแล้วคนที่จะได้รับใช้เคียงกายเจ้านาย อย่างไรก็ไม่มีทางจะเป็นอย่างนางไปได้แน่

ต่อให้เข้าจวนมาทำงานแค่เพียงซักล้าง ล้วนต้องยัดเงินเข้ามาทั้งสิ้น

จะมีก็แต่จวนของชีหยวน คุณหนูใหญ่ผู้ซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานและเพิ่งถูกรับตัวกลับเข้ามาจากด้านนอกหมาดๆ ผู้นี้เท่านั้น ที่ให้นางได้มีโอกาสเข้ามาลองดู

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ แม่นมจางก็ยังคงไม่เลือกนางไว้เหมือนเคย

บัดนี้ได้รับการยอมรับจากชีหยวนแล้ว น้ำตาของสาวใช้เล็กพรั่งพรูออกมาโดยไม่อาจกลั้น ฟันบนฟันล่างก็กระทบกันไม่หยุด กลัวจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

นี่ก็คือคนชนชั้นล่างสุด

ชีหยวนสามารถเข้าใจความรู้สึกของนางตอนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพราะว่าอดีตที่ผ่านมาตนเองก็เป็นเช่นนี้

นางเอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ลุกขึ้น และไม่ต้องเอาแต่คุกเข่าลงไปอีก!”

นางเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับการใช้อำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิด

และไม่มีวันเล่นกับจิตใจของมนุษย์เพื่อความสุขด้วย

สาวใช้เล็กสะอึกสะอื้นพลางหยัดกายลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของชีหยวน

ชีหยวนถามนาง “เจ้ามีนามว่าอะไร?”

สาวใช้เล็กเอ่ยปากตอบอย่างขลาดกลัว “เหลียนเฉียว ข้ามีนามว่าเหลียนเฉียวเจ้าค่ะ”

“ดีมาก เหลียนเฉียว จากนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว” ชีหยวนส่งยิ้มให้นาง “อยู่ที่นี่เถิด”

น้ำตาในดวงตาของเหลียนเฉียวยิ่งพรั่งพรูออกมารุนแรงกว่าเก่า นางคุกเข่าลงดังฟุบอีกครั้งน้อมคารวะชีหยวน “เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ท่านเป็นคนดีจริงๆ!”

ชีหยวนโบกมือ “มารดาของเจ้าป่วยหรือ?”

เอ่ยถึงมารดาขึ้นมา นัยน์ตามืดครึ้มของเหลียนเฉียวก็มีแสงประกายขึ้นมาบ้างแล้ว “เจ้าค่ะ นางถูกแม่นมในจวนขับไล่ออกไป ต้องอากาศด้านนอกจนหมดสติ และไม่มีเงินไปตามหมอมารักษา ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเจ้าค่ะ”

ชีหยวนเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเปิดลิ้นชักออกมา

ยามนี้นางยังไม่มีทรัพย์สินอะไร ในลิ้นชักมีเพียงเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นวางอยู่อย่างบางตาเท่านั้น

นางในอดีตชาติเคยเห็นสิ่งของชั้นดีผ่านตามาบ้าง ย่อมรู้ว่าของเหล่านี้คุณภาพเป็นอย่างไร

แม้จะมีคำพูดของชีเจิ้น แต่ทว่าทุกคนในจวน ก็ยังคงสงวนท่าทีที่ปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่อย่างนาง และไม่เชื่อนักว่านางจะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่เหนือกว่า และบดบังคุณหนูรองได้จริงๆ

แต่ก็ไม่เป็นไร นางไม่ได้หยุดชะงักไป หยิบกำไลทองวงหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้เหลียนเฉียว “เอานี่ไปรักษามารดาของเจ้าก่อนเถิด”

เหลียนเฉียวเบิกตาโพลง

นิ่งไปไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

อันที่จริงการที่เจ้านายตกรางวัลให้สาวใช้หรือพ่อบ้านไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

แต่นางเป็นแค่สาวใช้เล็กที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงานอะไรเลยสักอย่างด้วยซ้ำ!

แต่ชีหยวนกับตกรางวัลอย่างงดงามให้นาง!

เหลียนเฉียวพลันรู้สึกกระวนกระวายถึงที่สุด “มะ…ไม่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ บ่าวมิบังอาจเรียกร้องขอรางวัลราคาสูงค่าเช่นนี้จากท่านเจ้าค่ะ…”

ชีหยวนไม่พูดอ้อมค้อม เพียงแต่เลิกคิ้วและเอ่ยว่า “เจ้าไม่อยากรักษาให้มารดาหายป่วยหรือ? รับไปเถิด รักษาหายก่อนค่อยว่ากัน”

เหลียนเฉียวรับมาในที่สุด รู้สึกแค่ว่ากำไลข้อมือวงนี้หนักอึ้งยิ่งนัก ทนไม่ไหวอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

บ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนไม่ยอมเข้ามารับใช้คุณหนูใหญ่ที่นี่ บอกว่าคุณหนูใหญ่สู้คุณหนูรองไม่ได้ แต่ในสายตาของนาง คุณหนูใหญ่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ที่ใดเล่าจะหาเจ้านายที่เห็นอกเห็นใจบ่าวรับใช้แบบนี้ได้อีก!

ขณะที่กำลังเอ่ยอยู่นั้น แม่นมจางก็แหวกม่านกั้นประตูเดินเข้ามาแล้ว หยุดยืนอยู่ข้างธรณีประตูพลางกวาดสายตาปราดหนึ่งมองเหลียนเฉียวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยกับชีหยวนว่า “คุณหนูใหญ่ ทุกคนล้วนรู้จักระเบียบประเพณีดีแล้วเจ้าค่ะ ทางฮูหยินส่งคนมา แจ้งว่าให้ท่านไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status