Share

บทที่ 15

Penulis: ฉินอันอัน
ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้

นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่

ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก?

ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด

นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว

ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่

นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น

ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว

เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออกมา

คนอื่นๆ ที่ถูกเลือกก็มีเพียงไม่กี่คนที่สีหน้าดูยิ้มแย้ม ชัดเจนอย่างยิ่งว่าแทบทุกคนล้วนรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่มีอะไรดี

ชีหยวนมีความคิดเกิดขึ้นในใจ ก็เรียกเกาเจียที่กำลังเดินออกไปไว้ก่อน “แม่นม ข้าขอเพิ่มอีกคนหนึ่งได้หรือไม่?”

เกาเจียเหลือบมองแม่นมจางปราดหนึ่ง ชัดเจนว่าแปลกใจอยู่เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ท่านนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยปากขึ้นหลังคัดเลือกคนเสร็จแล้ว

แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แค่เลือกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งก็สิ้นเรื่องแล้ว เกาเจียไม่ต้องการผิดใจกับคนด้วยเรื่องแบบนี้

จึงอมยิ้มพลางตอบรับคำ

เรื่องคำขู่ของคุณชายใหญ่ เกาเจียไม่ใช่ไม่ทราบ

แต่สำหรับแม่นมผู้ดูแลรับใช้เคียงกายฮูหยินอย่างนาง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหันหลังกลับมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีชีหยวนทันทีทันควันเพื่อเอาใจคุณชายใหญ่คนเดียว

ต้องรู้ไว้ว่า บัดนี้เจ้านายสูงสุดในจวนยังมีท่านโหวและฮูหยินอยู่ด้วย

ในเมื่อท่านโหวยอมรับคุณหนูใหญ่แล้ว นางย่อมยอมรับด้วยเช่นเดียวกัน

สาวใช้คนนั้นงงงันไปหมดแล้ว ชัดเจนว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะพลิกกลับตาลปัตรเช่นนี้ ได้ยินชีหยวนขานชื่อเลือกนางด้วยตนเองแล้ว ก็รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะเสียงดังโป๊กๆ ต่อชีหยวนทันใด โขกแรงจนผิวหนังบนหน้าผากถลอกไปชั้นหนึ่ง

เกาเจียและแม่นมจางต่างยิ้มออกมา

ชีหยวนกลับไม่ยิ้ม นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยให้สาวใช้คนนั้นลุกขึ้นมา

แม่นมเกาเสร็จหน้าที่แล้ว ก็กล่าวลาชีหยวน

แม่นมจางก็ถามชีหยวนอย่างกระตือรือร้น “คุณหนู บัดนี้ต้องตั้งชื่อให้พวกนางแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ชีหยวนส่งเสียงอืมรับคำแล้ว

นางเมื่อชาติก่อนไม่เคยมีสิทธิ์เลือกสาวใช้ด้วยตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตั้งชื่อให้สาวใช้เลย

บัดนี้ได้เลือกแล้ว ก็ไม่มีความประทับใจอะไร

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยว่า “สาวใช้ใหญ่สี่คน จงใช้ชื่อว่าไป๋จื่อ ไป๋อิน เฉินเซียง ป้านเซี่ยเถิด”

ส่วนสาวใช้รองอีกสองคน มีชื่อชั่วคราวแล้วว่าไป่เหอและเสาเย่า

ชื่อของสาวใช้งานเบ็ดเตล็ดและใช้แรงงาน ชีหยวนก็ให้พวกนางมีชื่อว่าเถาซิ่ง เหลียนจื่อ และหลีฮวากับปี้เหอ

แม่นมจางได้ยินชื่อเหล่านี้แล้ว การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

นางยิ่งรู้สึกว่าชีหยวนดูไม่คล้ายคนที่เติบโตมาในชนบทเลยจริงๆ ลำพังแค่ชื่อเรียกขานเหล่านี้ที่ใช้ตั้งให้บรรดาสาวใช้ก็พอจะมองออกแล้ว

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชีหยวนมองดูแม่นมจาง “แม่นม ท่านพาพวกนางไปอบรมระเบียบประเพณีก่อนเถิด จากนั้นค่อยพาพวกนางกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งแล้วกัน”

นางเอ่ยพลาง ก็เลื่อนมือขึ้นชี้สาวใช้คนนั้นที่โขกศีรษะจนหน้าผากถลอก “ส่วนเจ้าตามข้ามา”

แม่นมจางไม่รู้ว่าชีหยวนเห็นความพิเศษอะไรในตัวสาวใช้คนนี้หนักหนา นางยังต้องเร่งคว้าโอกาสผูกมิตรกับสาวใช้เหล่านี้ ที่หลังจากนี้จะได้อยู่เคียงกายใกล้ชิดชีหยวนไว้ก่อน จึงรีบรับคำสั่งทันใด

สาวใช้เล็กตามชีหยวนผ่านประตูเข้าไปด้านใน แล้วยืนก้มหน้าก้มตาอย่างหวาดวิตกอยู่ห่างจากชีหยวนพอประมาณ

ชีหยวนถามนางด้วยเสียงเคร่งขรึม “เจ้าอยากอยู่ที่นี่มากเลยหรือ?”

สาวใช้เล็กคุกเข่าดังฟุบลงไปอีกครั้ง

ชีหยวนขมวดคิ้ว “ลุกขึ้น!”

สาวใช้เล็กมองนางอย่างหวาดกลัว น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาทันที “คุณหนู ท่านพ่อของข้าป่วยตายไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าก็ล้มป่วยติดเตียง หากข้ายังเข้าจวนไม่ได้อีก แม้แต่โอสถคงไม่มีปัญญาหามาให้ท่านแม่ข้าได้กินแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะอย่าทอดทิ้งข้าน้อยเลย!”

แม้ว่าจะเป็นทาสที่เกิดในเรือนทั้งหมด แต่บิดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว มารดาก็ยังป่วยติดเตียง ชีวิตรันทดเสียยิ่งกว่าพวกทาสที่ซื้อตัวมาระหว่างทางอีก

ปกติแล้วคนที่จะได้รับใช้เคียงกายเจ้านาย อย่างไรก็ไม่มีทางจะเป็นอย่างนางไปได้แน่

ต่อให้เข้าจวนมาทำงานแค่เพียงซักล้าง ล้วนต้องยัดเงินเข้ามาทั้งสิ้น

จะมีก็แต่จวนของชีหยวน คุณหนูใหญ่ผู้ซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานและเพิ่งถูกรับตัวกลับเข้ามาจากด้านนอกหมาดๆ ผู้นี้เท่านั้น ที่ให้นางได้มีโอกาสเข้ามาลองดู

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ แม่นมจางก็ยังคงไม่เลือกนางไว้เหมือนเคย

บัดนี้ได้รับการยอมรับจากชีหยวนแล้ว น้ำตาของสาวใช้เล็กพรั่งพรูออกมาโดยไม่อาจกลั้น ฟันบนฟันล่างก็กระทบกันไม่หยุด กลัวจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

นี่ก็คือคนชนชั้นล่างสุด

ชีหยวนสามารถเข้าใจความรู้สึกของนางตอนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพราะว่าอดีตที่ผ่านมาตนเองก็เป็นเช่นนี้

นางเอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ลุกขึ้น และไม่ต้องเอาแต่คุกเข่าลงไปอีก!”

นางเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับการใช้อำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิด

และไม่มีวันเล่นกับจิตใจของมนุษย์เพื่อความสุขด้วย

สาวใช้เล็กสะอึกสะอื้นพลางหยัดกายลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของชีหยวน

ชีหยวนถามนาง “เจ้ามีนามว่าอะไร?”

สาวใช้เล็กเอ่ยปากตอบอย่างขลาดกลัว “เหลียนเฉียว ข้ามีนามว่าเหลียนเฉียวเจ้าค่ะ”

“ดีมาก เหลียนเฉียว จากนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว” ชีหยวนส่งยิ้มให้นาง “อยู่ที่นี่เถิด”

น้ำตาในดวงตาของเหลียนเฉียวยิ่งพรั่งพรูออกมารุนแรงกว่าเก่า นางคุกเข่าลงดังฟุบอีกครั้งน้อมคารวะชีหยวน “เป็นพระคุณอย่างสูงเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ท่านเป็นคนดีจริงๆ!”

ชีหยวนโบกมือ “มารดาของเจ้าป่วยหรือ?”

เอ่ยถึงมารดาขึ้นมา นัยน์ตามืดครึ้มของเหลียนเฉียวก็มีแสงประกายขึ้นมาบ้างแล้ว “เจ้าค่ะ นางถูกแม่นมในจวนขับไล่ออกไป ต้องอากาศด้านนอกจนหมดสติ และไม่มีเงินไปตามหมอมารักษา ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเจ้าค่ะ”

ชีหยวนเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเปิดลิ้นชักออกมา

ยามนี้นางยังไม่มีทรัพย์สินอะไร ในลิ้นชักมีเพียงเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นวางอยู่อย่างบางตาเท่านั้น

นางในอดีตชาติเคยเห็นสิ่งของชั้นดีผ่านตามาบ้าง ย่อมรู้ว่าของเหล่านี้คุณภาพเป็นอย่างไร

แม้จะมีคำพูดของชีเจิ้น แต่ทว่าทุกคนในจวน ก็ยังคงสงวนท่าทีที่ปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่อย่างนาง และไม่เชื่อนักว่านางจะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่เหนือกว่า และบดบังคุณหนูรองได้จริงๆ

แต่ก็ไม่เป็นไร นางไม่ได้หยุดชะงักไป หยิบกำไลทองวงหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้เหลียนเฉียว “เอานี่ไปรักษามารดาของเจ้าก่อนเถิด”

เหลียนเฉียวเบิกตาโพลง

นิ่งไปไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

อันที่จริงการที่เจ้านายตกรางวัลให้สาวใช้หรือพ่อบ้านไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

แต่นางเป็นแค่สาวใช้เล็กที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงานอะไรเลยสักอย่างด้วยซ้ำ!

แต่ชีหยวนกับตกรางวัลอย่างงดงามให้นาง!

เหลียนเฉียวพลันรู้สึกกระวนกระวายถึงที่สุด “มะ…ไม่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ บ่าวมิบังอาจเรียกร้องขอรางวัลราคาสูงค่าเช่นนี้จากท่านเจ้าค่ะ…”

ชีหยวนไม่พูดอ้อมค้อม เพียงแต่เลิกคิ้วและเอ่ยว่า “เจ้าไม่อยากรักษาให้มารดาหายป่วยหรือ? รับไปเถิด รักษาหายก่อนค่อยว่ากัน”

เหลียนเฉียวรับมาในที่สุด รู้สึกแค่ว่ากำไลข้อมือวงนี้หนักอึ้งยิ่งนัก ทนไม่ไหวอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

บ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนไม่ยอมเข้ามารับใช้คุณหนูใหญ่ที่นี่ บอกว่าคุณหนูใหญ่สู้คุณหนูรองไม่ได้ แต่ในสายตาของนาง คุณหนูใหญ่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ที่ใดเล่าจะหาเจ้านายที่เห็นอกเห็นใจบ่าวรับใช้แบบนี้ได้อีก!

ขณะที่กำลังเอ่ยอยู่นั้น แม่นมจางก็แหวกม่านกั้นประตูเดินเข้ามาแล้ว หยุดยืนอยู่ข้างธรณีประตูพลางกวาดสายตาปราดหนึ่งมองเหลียนเฉียวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยกับชีหยวนว่า “คุณหนูใหญ่ ทุกคนล้วนรู้จักระเบียบประเพณีดีแล้วเจ้าค่ะ ทางฮูหยินส่งคนมา แจ้งว่าให้ท่านไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน”

 
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 16

    ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้วแม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู] เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่นี่ก็คือชีจิ่นจิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใดนางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ] เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 17

    ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเองจู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมานางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”นางหวังถูกถามเสียแล้วความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้วแต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีกกลับลืมเรื่องนี้ไปเลยต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนักส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้นนางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ เวล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 20

    ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวังเดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดีเมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้วเวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้นชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 21

    ชีหยวนหมดความอดทน “ไม่จำเป็น! ข้าว่าเหลียนเฉียวก็เก่งไม่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าก็ไม่ได้สนใจ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!”แม่นมจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ นางเพียงเป็นสาวใช้จอมสะเพร่า แม้แต่จะเกล้าผมก็ยังทำไม่เป็น คุณหนูจะยกยอนางเช่นนี้ได้อย่างไร?”ในขณะนั้นเอง นางก็รู้ทันทีว่าชีหยวนต้องการมีคนเชื่อใจอยู่ข้างกาย จึงคิดที่จะดึงเหลียนเฉียวมาเป็นคนของตน นางอดที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจไม่ได้ ชีหยวนช่างน่าขันนัก นางคิดว่ากลเม็ดของตนนั้นเหนือชั้นนักหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก การที่นางยกยอเหลียนเฉียวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้บ่าวคนอื่น ๆ ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และพวกเขายิ่งไม่มีทางจงรักภักดีต่อนางคนบ้านนอกยังไงก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยันค่ำ แม้ภายนอกจะแลดูเหมือนว่าเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วด้านในกลับกลวงโบ๋ นางเป็นเพียงคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น จะเทียบคุณหนูรองได้อย่างไร?คุณหนูรองแค่เป็นลมไปครั้งเดียว ฮูหยินก็ลืมบุตรีแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาคนนี้เสียสนิท จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งให้ผู้ใดมาดูแลยังจะต้องพูดว่าใครสำคัญกว่าใครอีกหรือเดิมทีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 22

    ผูเถาดีใจกระโดดตัวลอย แม่นมจางส่ายหน้ามองนางยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของชีอวิ๋นถิงตอนนั้นชีจิ่นเป็นลมหมดสติไป ชีอวิ๋นถิงจึงให้บ่าวรับใช้ช่วยกันพาตัวชีจิ่นกลับไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพบุรุษต่อได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวเข่าของเขายังคงเจ็บหนักเขารู้สึกเกลียดชีหยวนเข้าไส้ทำไมจวนเราต้องรับนางกลับมาด้วยนะ?!ถึงจะรู้ว่านางเป็นบุตรีแท้ ๆ แต่แค่หาจวนหลังเล็ก ๆ ให้นางอยู่ก็ได้ไม่ใช่หรือ?ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้นางแต่งงานกับใครสักคน แล้วย้ายออกไปก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องนำตัวผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นกลับมาด้วย!เมื่อได้ยินว่าแม่นมจางมาถึงแล้ว เขาจึงโบกมือไล่บ่าวรับใช้ที่กำลังทายาให้เขาออกไปจากห้อง ก่อนจะถามแม่นมจาง “เป็นอย่างไร?”แม่นมจางรีบคุกเข่าลงพร้อมกับรายงาน “คุณชายใหญ่ เรือนของคุณหนูใหญ่สะอาดเรียบร้อยดี นอกจากของที่จวนเราส่งไปให้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วเจ้าค่ะ”ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะ “เป็นแค่บุตรสาวของคนเชือดหมูจะมีอะไรได้ล่ะ? ทำมาเป็นพูดว่านางได้รับการสั่งสอนจากผู้สูงศักดิ์ ถุย!“ผู้สูงศักดิ์ที่ไหนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงได้มาทำดีต่อนางขนาดนี้ อีกทั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 23

    จวนหย่งผิงโหวเริ่มเตรียมงานเลี้ยงอย่างครึกครื้น โดยแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงานคนแรกก็คือครอบครัวของท่านเสนาบดีหลู ผู้บังคับบัญชาของชีเจิ้นเมื่อมีงานเลี้ยง ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่คนจากตระกูลเกายกหีบผ้าไหมมายังห้องของนางหวัง พลางเปิดให้นางได้เชยชม “ฮูหยินเจ้าคะ ผ้าของปีนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เนื้อผ้าละเอียดกว่าทุกปีที่ผ่านมาเลยนะเจ้าคะ”นางหวังเหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้า “ผ้าสีเหลืองทองผืนนั้นเก็บไว้ทำชุดใหม่ให้แม่สามีข้า ส่วนที่เหลือนำไปให้คุณหนูใหญ่เถิด นางเพิ่งกลับมา เสื้อผ้าที่ใส่อยู่คงใช้ไม่ได้แล้ว”ที่จริงแล้ว ตอนแรกนางหวังไม่ได้คิดจะทำชุดใหม่ให้ชีหยวนเลย เป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามต่างหากที่แอบเปรยเรื่องนี้ขึ้น แม้แต่ชีเจิ้นที่ปกติจะไม่ยุ่งเรื่องภายในจวน ยังเข้ามาพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา “หาเวลาทำชุดใหม่ให้อาหยวนสักสองสามชุดเถิด ชุดที่นางใส่ดูไม่งามเลย อย่าละเลยนางนักสิ”เมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น นางหวังก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจนักก่อนที่ชีหยวนจะกลับมา ชีเจิ้นเคยพูดแบบนี้กับนางที่ไหนกัน?พูดราวกับว่านางใจร้ายกับลูกแท้ ๆ ของตัวเองอย่างนั้นแหละจริง ๆ เลย...นา

Bab terbaru

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 504

    ฮ่องเต้หย่งชางกวาดพระเนตรมองโดยรอบ ตวาดเสียงเกรี้ยว “อ่างน้ำมงคลเล่า? ไยถึงได้มาช่วยดับไฟกันช้านัก?!”แล้วก็รีบร้อนหันไปถามไล่เฉิงหลง ซึ่งรับหน้าที่เฝ้าตำหนักเฟิ่งเจ่าในวันนี้ “ร่างของกุ้ยเฟยเล่า?”ไล่เฉิงหลงเหงื่อไหลท่วมทั้งร่าง คุกเข่าลงแล้วคารวะ “กระหม่อมกับนายพันลู่ช่วยกันหามร่างของกุ้ยเฟยออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่...”พวกเขาก็รู้ดีว่าเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยมีตำแหน่งเช่นไรในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชาง ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ร่างของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยถูกเผาจนมอดไหม้?หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าพวกตนก็คงต้องลงไปอยู่กับบรรพบุรุษแล้วแต่ถึงจะช่วยออกมาได้ ทว่าร่างของกุ้ยเฟยก็ยังคงดูเวทนานักอย่างน้อยเส้นผมของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่งใบหน้าก็ถูกควันรมจนดำไปหมดฮ่องเต้หย่งชางปิดดวงเนตรลง เอื้อมพระหัตถ์ไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย สั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไล่เฉิงหลง ลู่อี้เฟิง ดูแลไม่ดีจนตำหนักเฟิ่งเจ่าเกิดเพลิงไหม้ ให้ไปรับการลงโทษโบยสามสิบไม้ที่กรมวัง!”จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “เหตุใดอ่างน้ำมงคลถึงกลายเป็นน้ำแข็ง?”ในวังหลวง ตามถนนสาย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 503

    ฮ่องเต้หย่งชางเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดหลายวันมานี้ ทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงเรื่องราวในอดีตตัวเขากับพระชายาหลิ่วสมัยยังอยู่ในดินแดนศักดินาในช่วงนั้น ยามใดที่คลื่นลมในทะเลพัดแรง ไม่รู้ว่าหลังคาบ้านของราษฎรกี่หลังจะปลิวว่อนทุก ๆ ปีล้วนมีคนต้องสังเวยชีวิตเพราะเหตุนี้ไม่น้อยแค่นั้นยังพอทนได้ แต่ภูมิอากาศก็ยังเย็นชื้น ทำให้ข้อกระดูกของเขาเจ็บเรื้อรังพระชายาหลิ่วจึงมักช่วยทำการรมยาเฉพาะจุดให้เขา อยู่เคียงข้างช่วยเหลือราษฎร คิดหาหนทาง ร่วมมือกับขุนนางท้องถิ่น แบ่งเขตพื้นที่ แล้วสอนชาวบ้านสร้างบ้านจากหินที่แข็งแรงมั่นคงในบริเวณที่ปลอดภัยกว่ายังได้ขอร้องอดีตฮ่องเต้ให้ส่งช่างจากกรมโยธามาช่วยสอนการเปิดเตาเผาและเผาอิฐพวกเขาค่อย ๆ แก้ไข นำพาเมืองจางโจวจากดินแดนยากไร้กลายเป็นเมืองมั่งคั่ง แม้แต่เมืองใกล้เคียงอย่างเฉวียนโจวก็ยังได้สร้างท่าเรือบางคราก็ฝันถึงเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแรกเริ่มเดิมที เขาก็ไม่ได้คิดจะให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าวังเลยด้วยซ้ำเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยอายุน้อยกว่าเขามากเกินไป ห่างกันถึงสิบสองปีเขามองนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งมาตลอดแต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 502

    ปิดไม่มิดแล้วเขาไม่มีทางบ้าเลือดถึงขั้นลากผู่อู๋ย่งลงไปด้วยหรอก อย่างน้อยแบบนี้ผู่อู๋ย่งก็ยังอาจเห็นแก่ที่เขาเชื่อฟัง แล้วช่วยดูแลคนในตระกูลของเขาบ้างมิเช่นนั้น เกรงว่าตระกูลสวีคงไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเซี่ยกงกงเชิญไล่เฉิงหลงเข้ามา ไล่เฉิงหลงก็นำเอกสารคำรับสารภาพพร้อมลายนิ้วมือของคนเหล่านั้นมาขึ้นถวายฮ่องเต้หย่งชางเพียงแค่เหลือบตามอง ก่อนจะเหวี่ยงเอกสารลงตรงหน้าสวีฮว่าน “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? คดีลักลอบค้าของเมื่อปลายปีก่อนก็เริ่มสอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าคงคิดหาแพะรับบาปไว้ตั้งแต่นั้นกระมัง? ถึงได้ยุยงปลุกปั่นพวกครัวเรือนทหารที่มีเอี่ยว ให้เชื่อว่าตระกูลชีหักหลังพวกเขา ให้พวกเขารับผิดแทน!”สวีฮว่านฟุบหน้าลงกับพื้น สั่นเทาไปทั้งร่าง เอ่ยปากวิงวอนไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดเมตตา ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หย่งชางแค่นเสียงเย็น แล้วกวาดดวงเนตรมองเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ “เมื่อครู่พวกเจ้าล้วนโกรธแค้นลุกฮือกันขึ้นมา กล่าวว่านี่คือการสมคบคิดศัตรู ขายชาติ ทรยศหักหลัง เป็นความผิดฐานคิดกบฏ พวกเจ้าพูดถูกแล้ว”สิ้นคำ ก็เรียกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เติ้งเหรินกู้ “คดีนี้ให้ศาลต้าหลี่เป็นผู้สื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 501

    แน่นอนว่าผู่อู๋ย่งไม่มีพ่อ พ่อของเขาตายไปนานแล้ว มิเช่นนั้นจะเข้ามาเป็นขันทีในวังได้อย่างไรกันเล่า?!แต่ตอนนี้ ความรู้สึกในใจเขามันไม่ต่างอะไรกับพ่อเพิ่งตายไปจริง ๆ เลยบัดซบเอ๊ย!เหลวไหลสิ้นดี!ที่ไหนมีขันที ที่นั่นก็ต้องมีคนของเขาแฝงอยู่รัชทายาทวังบูรพาโง่เง่าอย่างกับหมู ทั้งยังอ่อนแอขี้โรค ร่างกายก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ไปทั้งตัวต่อให้เซียวอวิ๋นถิงฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่คน ไม่ใช่เทพเซียน!เขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าส่งขันทีไปขัดขวางเซียวอวิ๋นถิง แล้วก็ให้องครักษ์เสื้อแพรไปทำเลยหลักฐานทั้ง ๆ ที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างไม่มีที่ติแต่สุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับวางแผนเหนือกว่า ส่งของไปถึงฮ่องเต้หย่งชางก่อนเสียได้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?!ไอ้บ้าสองตัวนั่น!คนหนึ่งเจ้าเล่ห์ อีกคนเหี้ยมโหด ราวกับสุนัขจิ้งจอกกับอสรพิษรวมหัวกัน ใครหน้าไหนเข้าใกล้ก็ต้องถูกพวกเขากัดเข้าให้สักแผลเขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วรีบสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วเขาเบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา ไม่มองทางสวีฮว่านอีกเขาไม่เคยกังวลเลยว่าเรื่องนี้จะพัวพัน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 500  

    ก็ใช่ว่าจะเคราะห์ร้ายเสียทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนมาสนใจเขานัก ล้วนแต่ยุ่งกับการจัดการจวนฉู่กั๋วกงกันทั้งนั้น ต่อมาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปอีก เรื่องราวเยอะเกินไป ไม่มีใครจะนึกถึงเขาหรอก ทว่าเขาเองก็กลัวมาก! น้องหญิงคนนั้นของเขา มิใช่คนที่จะสะสางหนี้แค้นด้วยคุณธรรมมาตั้งแต่ตอนเยาว์วัยแล้ว หลังจากนี้จะต้องหาโอกาสมาจัดการเขาแน่! พูดให้ถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษสกุลชีอย่างเดียว หากว่าสกุลชีไม่พาตัวพระชายาหลิ่วกลับมา เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วในตอนนี้อุตส่าห์หาโอกาสได้แล้วทั้งที เข้าย่อมต้องเหยียบย่ำสกุลชีให้เต็มที่แน่นอน ผู่อู๋ย่งยิ่งรู้สึกขบขันเต็มที พอเห็นว่าสวีฮว่านเหลือบสายตามองตนเองด้วยความเคร่งเครียดแล้ว ก็เบนสายตาออกเชิงว่าตักเตือนทันที สวีฮว่านรีบก้มศีรษะลง บัดนี้ลำคอของเขายังเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย ไหนจะตรงช่วงท้องอีก ดูเอาเถิดว่านางเด็กชีหยวนคนนี้ดุร้ายโหดเหี้ยมมากขนาดไหน หัวใจของเขาเต้นระส่ำว้าวุ่นไม่เป็นสุข จนถึงตอนนี้ ทั่วท้องพระโรงทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นล้วนพุ่งเป้าโจมตีจุดอ่อนของสกุลชี ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับยังคงไม่ปรากฏตัว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 499  

    สกุลชีถูกโจรบุกปล้นในวันที่สามของปีใหม่ ที่พำนักของคุณหนูใหญ่สกุลชีถูกไฟเผาวอดไปครึ่งหนึ่ง หากมิใช่เพราะคุณหนูใหญ่สกุลชีบังเอิญไปอยู่ที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า และกำลังคัดเลือกถั่วปากอ้ากับฮูหยินผู้เฒ่าพอดี เกรงว่าคุณหนูใหญ่สกุลชีคงจะไม่รอดแล้ว เรื่องนี้ปิดบังไม่อยู่ ไม่นาน ก็แพร่สะพัดลือเล่ากันไปไกลแล้ว จะไม่ให้แพร่สะพัดไปไกลก็คงไม่ได้ สกุลชีเพิ่งถูกกล่าวหาว่าสมคบกับข้าศึกขายดินแดนให้อริราชศัตรู โหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นก็ถูกจับเข้าคุกหลวงไปแล้ว เห็นสกุลชีสภาพน่าเวทนาถึงเพียงนี้ แต่ใครจะรู้ว่ายังมีคนจ้องจะซ้ำเติมสกุลชีไม่ปล่อย หวังให้สกุลชีตายราบคาบ เฮอะ ๆ พวกชาวบ้านก็ยังมีแอบวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง “ไม่รู้ว่าใช่ฝีมือของครอบครัวทหารจากจี้โจวหรือไม่?” “จริงด้วย หากว่าเป็นอย่างที่พวกครอบครัวทหารเหล่านั้นว่ากันจริง เงินถูกสกุลชิงเอาไปแล้ว แต่กลับโยนความผิดให้พวกเขารับไว้แบบนั้น พวกเขาจะไปยอมได้อย่างไร?” “หากเป็นข้านะ ข้าก็คงทุ่มสุดตัวเหมือนกัน!” ดูเหมือนว่าคนที่คิดเห็นเช่นเดียวกันนี้จะมิได้มีเพียงแค่พวกชาวบ้าน เทศกาลปีใหม่ปีนี้ถูกลิขิตไว้ไม่ให้เงียบสงบ ในวันที่เจ็ดของปีใหม่ ศ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 498  

    สวีฮว่านเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ตอนที่ได้ยินชีหยวนนับหนึ่ง สอง สาม ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องเสียงดังออกไป “ข้าให้เจ้าก็ได้! ข้าให้เจ้าก็ได้! สาส์นลับอยู่ใน…อยู่ในชั้นวางลับหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือของข้า!” ชีหยวนเปล่งเสียงอุทานออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะเก็บกริชและปิ่นทองคำกลับมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของเขาฉุดเขาขึ้นมา และผลักให้เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “เปิดมัน” สวีฮว่านลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นชีหยวนก็เตะข้อพับขาของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เปิดออก!” สวีฮว่านดึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนเองออกมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะฝังมันเข้าไปในตำแหน่งที่เป็นช่องเว้าบนชั้นวางหนังสือ และหมุนมันหนึ่งรอบ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ทว่าเสี้ยวพริบตาเดียวนี้ สวีฮว่านรีบสะบัดตัวออกจากชีหยวนหวังว่าจะหลบหนี เขารู้ดี โดยปกติคนเราเมื่อตกอยู่ในเสี้ยวขณะที่ได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการมากเป็นอย่างยิ่ง ก็จะเผลอไผลไปได้ง่ายดายที่สุด เขาเฝ้ารอจังหวะนี้มาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดาย เขาเพิ่งจะกลิ้งตัวไปกับพื้น กลับเห็นชีหยวนใช้มือปัดลูกธนูที่พุ่งออกมาจากชั้นวางลับ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 497  

    สวีฮว่านรู้สึกอึดอัดกับแรงกดของกริชเล่มนั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ารอยแผลที่ชีหยวนกรีดไปนั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุดจริง ๆ คนย่อมมีจุดอ่อน ชื่อเสียงและความรู้สึกหวงแหนชีวิตก็คือจุดอ่อนของสวีฮว่าน เขาเอ่ยด้วยความร้อนรน “ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าช่วยล้างมลทินให้ตระกูลของเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมให้ความร่วมมือ ความผิดนี้ ข้าสามารถโยนให้คนอื่นรับไว้ได้!” ใบหน้าของชีหยวนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่าความเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งลุ่มลึกขึ้นมา ปลายกริชที่นางกดเอาไว้บนลำคอของเขาขยับเล็กน้อย เพียงเสี้ยวพริบตาก็สร้างรอยแผลเลือดซิบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอยให้เขาได้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น “จะผลักความผิดให้แม่ทัพขุนศึกท่านอื่นที่บัดนี้ยังคงสู้รบในสมรภูมิอย่างซื่อสัตย์ภักดี พร้อมยอมพลีชีพเพื่อชาติได้อย่างนั้นหรือ? หรือคิดจะโยนความผิดให้บรรดาบุตรชายของครอบครัวทหารที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่วัยเพียงสิบสองสิบสามเหล่านั้นกัน พวกเขายังไม่ทันได้เติบโตด้วยซ้ำ ก็ต้องมาตายภายใต้อุบายชั่วช้าสามานย์ของพวกเจ้า”

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status