Share

บทที่ 16

Author: ฉินอันอัน
ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้ว

แม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู]

เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่

นี่ก็คือชีจิ่น

จิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใด

นางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ]

เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อย “อาหยวนมาแล้วหรือ”

ชีหยวนเดินไปหานางหวังอย่างช้า ๆ และค้อมตัวเพื่อแสดงความเคารพกับนางหวัง “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”

ท่าทางและมารยาทล้วนไร้ที่ติ

และในเวลาเดียวกัน ชีจิ่นก็หันหน้ามามองนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับไม่ยิ้ม และรอมยิ้มตรงมุมปากก็ค่อย ๆ นิ่งค้างไป

ไม่รู้ว่าชีหยวนเพิ่งเรียนรู้กฎและมารยาทเดี๋ยวนั้นหรือไม่ ถึงไม่มีจุดที่จะสามารถจับผิดได้เลย

ซึ่งห่างไกลจากสิ่งที่นางจินตนาการไว้ว่า เติบโตอยู่ในชนบท ผิวหยาบกร้าน และหยาบคายไร้ความรู้

แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งไม่สบายใจก็คือใบหน้านี้ของชีหยวน

ใบหน้านี้ ช่างเหมือนกับคนในตระกูลชีมากเหลือเกิน

เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นบุตรสาวของตระกูลชี

หัวใจของนางค่อย ๆ จมดิ่งลง ส่วนโค้งที่มุมปากก็เกร็งเช่นเดียวกัน

เมื่อชีหยวนคารวะเสร็จ นางหวังก็แนะนำกับชีหยวน “นี่คือน้องรองของเจ้า...พวกเจ้าเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน และต่อไปก็จะต้องอยู่ร่วมกันดีๆ รู้หรือไม่?”

ช่วงที่นางหวังอยู่ต่อหน้าชีหยวน การพูดจาก็มักจะไม่ค่อยดูเป็นธรรมชาติสักเท่าใดนัก

โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็จะยิ่งหลบสายตาของชีหยวนโดยไม่รู้ตัว

กลับเป็นชีจิ่น ที่หันไปมองทางชีหยวนด้วยรอยยิ้มมที่เหมือนกับไม่ยิ้ม บนใบหน้าก็แฝงไปด้วยความเย้ยหยันที่ดูเหมือนจะยินดีในความทุกข์ของคนอื่นเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้นางผิดหวังคือ สีหน้าของชีหยวนกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย และขณะเดียวกันก็ยังใช้ท่าทางที่หยอกล้อมองกลับมาอีกด้วย

สายตาของทั้งสองปะทะกัน และชีหยวนก็ยิ้มไปทางนางอย่างคล้อยตามเสียก่อน “น้องรอง”

ชีจิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกมา “พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาเสียที ได้ยินว่าพี่เกิดเรื่องจนขึ้นศาลาว่าการ ข้าเป็นห่วงพี่มากเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ศาลาว่าการ คิ้วของนางหวังก็ขมวดอีกครั้ง และน้ำเสียงก็เย็นชายิ่งขึ้น “เรื่องในอดีต ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว”

แค่นึกถึงบุตรสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมานานขนาดนั้น แถมต้องอยู่ร่วมกับคนหยาบกระด้างเหล่านั้น และปะปนอยู่ในสังคมแบบตลาดอีก นางก็ไม่สบายใจมากแล้ว

ชีจิ่นกัดริมฝีปาก และทันใดนั้นน้ำตาก็เต็มขนตา “ท่านแม่ ข้าพูดอะไรผิดไปใช่หรือไม่เจ้าคะ? ข้าเองก็รู้ดีว่า ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงนกเขาที่แย่งรังนกเอี้ยง[footnoteRef:3]...” [3: เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยถึงการเข้าไปครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองหรือแย่งชิงที่อยู่อาศัยของคนอื่น]

มีบางครั้ง ชีหยวนก็นับถือคนอย่างชีจิ่นมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใจแข็ง แต่ภายนอกกลับทำตัวน่าสงสารอยู่เสมอ

ใช้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาที่สุดนี้ แกลับเอ่ยคำพูดที่แทงใจคนที่สุด

นางหวังรู้สึกสงสารมาก กอดชีจิ่นไว้ในอ้อมแขนและตำหนิด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พูดไร้สาระอะไร? เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวเจ้า ล้วนเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของข้า!”

เลี้ยงดูมานานหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ก็เหมือนเป็นบุตรแท้ ๆ แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีจิ่นปากหวานและเชื่อฟัง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแก้วตาดวงใจที่นางหวังใส่ใจมากที่สุด

ในด้านความรู้สึก นางหวังถึงกับไม่คาดหวังว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้จะเป็นจริง

นางไม่ได้มองชีหยวนมากนัก

ชีจิ่นสะอื้นอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดร้อง และเอ่ยกับนางหวังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ท่านแม่ ข้าอยากกินขนมถั่วกวน[footnoteRef:4]เจ้าค่ะ” [4: ทำจากถั่วลันเตาเหลือง เป็นขนมที่นิยมในราชสำนักในสมัยโบราณของจีน]

นางหวังขำพรืดออกมา และเอื้อมมือไปแตะจมูกของบุตรสาวเบาๆ “โตขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก ๆ อีก ได้ๆๆ ข้าจะให้ในครัวทำให้เดี๋ยวนี้”

“ไม่เจ้าค่ะ!” ชีจิ่นเขย่าแขนของหวังซืออย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ข้าอยากให้แม่นมสวีทำด้วยตัวเอง”

แม่นมสวีเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนางหวัง และทุกคนต่างก็รู้ว่านางคือแม่นมคนสนิทของนางหวัง

เวลานี้ถูกเอ่ยชื่อ แม่นมสวีก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ขอบคุณคุณหนูรองที่ชื่นชอบขนมที่ข้าทำ นี่ถือเป็นความโชคดีของข้าแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีจิ่นเหลือบมองไปทางชีหยวนอย่างลำพองใจ และในดวงตาก็เผยความดูหมิ่นออกมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ

เป็นบุตรสาวแท้ ๆ แล้วอย่างไรเล่า?

จากกันเป็นสิบกว่าปีก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตลอดไป

ความรู้สึกไม่ใช่จะสะสมได้ในชั่วข้ามคืน

นางต่างหากที่เป็นบุตรสาวคนเดียวที่ไม่อาจแทนที่ได้มากที่สุดของนางหวัง

จะฆ่าคนก็ต้องฆ่าที่หัวใจก่อน

ชีหยวนกลับมาก็ดี นางจะได้ยืนมองอยู่ตรงนี้ ดูว่านางจะกดศีรษะของชีหยวนให้ต่ำลงชั่วชีวิต และได้รับความโปรดปรานอย่างไร

และชีหยวน ก็จะเป็นได้แค่ยายบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่มีวันออกสู่สังคมชั้นสูงได้เท่านั้น!

หากชีหยวนยังคงเป็นชวีอินอินในชาติก่อน บางทีคืนนี้คงไม่อยากจะนอนหลับแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ นางเพียงแค่กระตุกยิ้มใส่ชีจิ่นอย่างเยาะเย้ยเท่านั้น

สิ่งที่เมื่อก่อนไม่ได้มา บัดนี้นางก็ไม่ต้องการแล้ว

ชีหยวนไม่ได้เสียสติอย่างที่นางจินตนาการไว้เลย แม้แต่โมโหหรือเสียใจก็ไม่มีสักนิด แถมยังยืนอยู่ด้านข้างอย่างกับเป็นท่อนไม้อีก

นี้ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของชีจิ่นโดยสิ้นเชิง

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดิมทีนางต้องการทำให้ชีหยวนโกรธ แต่ตอนนี้กลับทำให้ตนเองโกรธแทน

เมื่อหัวร้อน นางก็ทนไม่ไหวจึงถาม “พี่หญิง ข้าได้ยินว่าก่อนที่ท่านจะกลับมา พ่อแม่บุญธรรมของพี่ล้วนเสียชีวิตกันหมดแล้ว...ทำไมท่านถึงไม่เสียใจสักนิดเลยเล่าเจ้าคะ?”

นางหวังตกตะลึง

ชีหยวนก็เงยหน้ามองไปทางชีจิ่น

จากมุมที่นางมองไป บนใบหน้าของชีจิ่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับคุณหนูใหญ่ที่ไร้เดียงสาและไม่คุ้นเคยกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง

ชีจิ่นถามเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ต้องการแค่ทำให้นางไม่สบายใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นการเตือนสตินางหวังด้วย ว่านางถูกคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลี้ยงดูมานานกว่าสิบปี แถมยังเย็นชาต่อพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบิดามารดาแท้ ๆ ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย

ช่างใช้ใบหน้าอ่อนโยนราวกับพระโพธิสัตว์นี้ ทำเรื่องชั่วร้ายที่สุดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยจริง ๆ

แต่น่าเสียดาย ชีหยวนไม่คิดจะพูดจาเหน็บแนมกับนาง

นางเบิกตาโตอย่างตรงไปมา “น้องหญิงไม่รู้หรือ? การตายของพวกเขาไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก หลี่ซิ่วเหนียงแอบคบชู้กับคนอื่น ลอบฆ่าสามีตนเอง และถูกโยนลงทะเลไปแล้ว”

นางจ้องมองชีจิ่นไม่วางตา และเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “อีกอย่าง เขาว่ากันว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ข้าน่าจะ ไม่ใช่คนที่ควรจะปวดใจมากที่สุดคนนั้นกระมัง?”

ในคืนนั้นคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลือกให้ติงเฉิงหย่งเข้าไปในห้องของนาง ซึ่งจะต้องได้รับสัญญาณจากชีจิ่นอย่างแน่นอน

แม้สองคนนี้จะไม่ใช่คน แต่เพื่อชีจิ่นบุตรสาวคนนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าจริงใจมากทีเดียว

นางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า เมื่อชีจิ่นได้ยินถึงการตายของหลี่ซิ่วเหนียงกับคนขายเนื้อสวี่ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

สีหน้าของชีจิ่นซีดลงในทันที สายตาก็เผยความโกรธแค้นออกมา และโผเข้าสู่อ้อมแขนนางหวังพลางร้องไห้เบา ๆ “ท่านแม่ ข้ากลัวเจ้าค่ะ...”

นางหวังรู้สึกไม่พอใจ และหันหน้ามาตักเตือนต่อชีหยวนอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไร้สาระจากบ้านนอกแบบนี้ ทำไมถึงเอามาพูดถึงในบ้านได้? เจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!”

ชีหยวนหัวเราะเสียงเย็นในใจ

คนที่เอ่ยขึ้นมาก่อนดูเหมือนจะไม่ใช่นาง แต่นางหวังกลับละเลยจุดนี้และหันมาตำหนิตนเอง เห็นได้ชัดว่าเลือกที่รักมักที่ชังเกินไปหน่อยแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status