Share

บทที่ 16

Author: ฉินอันอัน
ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้ว

แม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู]

เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่

นี่ก็คือชีจิ่น

จิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใด

นางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ]

เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อย “อาหยวนมาแล้วหรือ”

ชีหยวนเดินไปหานางหวังอย่างช้า ๆ และค้อมตัวเพื่อแสดงความเคารพกับนางหวัง “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”

ท่าทางและมารยาทล้วนไร้ที่ติ

และในเวลาเดียวกัน ชีจิ่นก็หันหน้ามามองนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับไม่ยิ้ม และรอมยิ้มตรงมุมปากก็ค่อย ๆ นิ่งค้างไป

ไม่รู้ว่าชีหยวนเพิ่งเรียนรู้กฎและมารยาทเดี๋ยวนั้นหรือไม่ ถึงไม่มีจุดที่จะสามารถจับผิดได้เลย

ซึ่งห่างไกลจากสิ่งที่นางจินตนาการไว้ว่า เติบโตอยู่ในชนบท ผิวหยาบกร้าน และหยาบคายไร้ความรู้

แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งไม่สบายใจก็คือใบหน้านี้ของชีหยวน

ใบหน้านี้ ช่างเหมือนกับคนในตระกูลชีมากเหลือเกิน

เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นบุตรสาวของตระกูลชี

หัวใจของนางค่อย ๆ จมดิ่งลง ส่วนโค้งที่มุมปากก็เกร็งเช่นเดียวกัน

เมื่อชีหยวนคารวะเสร็จ นางหวังก็แนะนำกับชีหยวน “นี่คือน้องรองของเจ้า...พวกเจ้าเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน และต่อไปก็จะต้องอยู่ร่วมกันดีๆ รู้หรือไม่?”

ช่วงที่นางหวังอยู่ต่อหน้าชีหยวน การพูดจาก็มักจะไม่ค่อยดูเป็นธรรมชาติสักเท่าใดนัก

โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็จะยิ่งหลบสายตาของชีหยวนโดยไม่รู้ตัว

กลับเป็นชีจิ่น ที่หันไปมองทางชีหยวนด้วยรอยยิ้มมที่เหมือนกับไม่ยิ้ม บนใบหน้าก็แฝงไปด้วยความเย้ยหยันที่ดูเหมือนจะยินดีในความทุกข์ของคนอื่นเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้นางผิดหวังคือ สีหน้าของชีหยวนกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย และขณะเดียวกันก็ยังใช้ท่าทางที่หยอกล้อมองกลับมาอีกด้วย

สายตาของทั้งสองปะทะกัน และชีหยวนก็ยิ้มไปทางนางอย่างคล้อยตามเสียก่อน “น้องรอง”

ชีจิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกมา “พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาเสียที ได้ยินว่าพี่เกิดเรื่องจนขึ้นศาลาว่าการ ข้าเป็นห่วงพี่มากเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ศาลาว่าการ คิ้วของนางหวังก็ขมวดอีกครั้ง และน้ำเสียงก็เย็นชายิ่งขึ้น “เรื่องในอดีต ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว”

แค่นึกถึงบุตรสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมานานขนาดนั้น แถมต้องอยู่ร่วมกับคนหยาบกระด้างเหล่านั้น และปะปนอยู่ในสังคมแบบตลาดอีก นางก็ไม่สบายใจมากแล้ว

ชีจิ่นกัดริมฝีปาก และทันใดนั้นน้ำตาก็เต็มขนตา “ท่านแม่ ข้าพูดอะไรผิดไปใช่หรือไม่เจ้าคะ? ข้าเองก็รู้ดีว่า ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงนกเขาที่แย่งรังนกเอี้ยง[footnoteRef:3]...” [3: เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยถึงการเข้าไปครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองหรือแย่งชิงที่อยู่อาศัยของคนอื่น]

มีบางครั้ง ชีหยวนก็นับถือคนอย่างชีจิ่นมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใจแข็ง แต่ภายนอกกลับทำตัวน่าสงสารอยู่เสมอ

ใช้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาที่สุดนี้ แกลับเอ่ยคำพูดที่แทงใจคนที่สุด

นางหวังรู้สึกสงสารมาก กอดชีจิ่นไว้ในอ้อมแขนและตำหนิด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พูดไร้สาระอะไร? เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวเจ้า ล้วนเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของข้า!”

เลี้ยงดูมานานหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ก็เหมือนเป็นบุตรแท้ ๆ แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีจิ่นปากหวานและเชื่อฟัง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแก้วตาดวงใจที่นางหวังใส่ใจมากที่สุด

ในด้านความรู้สึก นางหวังถึงกับไม่คาดหวังว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้จะเป็นจริง

นางไม่ได้มองชีหยวนมากนัก

ชีจิ่นสะอื้นอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดร้อง และเอ่ยกับนางหวังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ท่านแม่ ข้าอยากกินขนมถั่วกวน[footnoteRef:4]เจ้าค่ะ” [4: ทำจากถั่วลันเตาเหลือง เป็นขนมที่นิยมในราชสำนักในสมัยโบราณของจีน]

นางหวังขำพรืดออกมา และเอื้อมมือไปแตะจมูกของบุตรสาวเบาๆ “โตขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก ๆ อีก ได้ๆๆ ข้าจะให้ในครัวทำให้เดี๋ยวนี้”

“ไม่เจ้าค่ะ!” ชีจิ่นเขย่าแขนของหวังซืออย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ข้าอยากให้แม่นมสวีทำด้วยตัวเอง”

แม่นมสวีเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนางหวัง และทุกคนต่างก็รู้ว่านางคือแม่นมคนสนิทของนางหวัง

เวลานี้ถูกเอ่ยชื่อ แม่นมสวีก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ขอบคุณคุณหนูรองที่ชื่นชอบขนมที่ข้าทำ นี่ถือเป็นความโชคดีของข้าแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีจิ่นเหลือบมองไปทางชีหยวนอย่างลำพองใจ และในดวงตาก็เผยความดูหมิ่นออกมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ

เป็นบุตรสาวแท้ ๆ แล้วอย่างไรเล่า?

จากกันเป็นสิบกว่าปีก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตลอดไป

ความรู้สึกไม่ใช่จะสะสมได้ในชั่วข้ามคืน

นางต่างหากที่เป็นบุตรสาวคนเดียวที่ไม่อาจแทนที่ได้มากที่สุดของนางหวัง

จะฆ่าคนก็ต้องฆ่าที่หัวใจก่อน

ชีหยวนกลับมาก็ดี นางจะได้ยืนมองอยู่ตรงนี้ ดูว่านางจะกดศีรษะของชีหยวนให้ต่ำลงชั่วชีวิต และได้รับความโปรดปรานอย่างไร

และชีหยวน ก็จะเป็นได้แค่ยายบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่มีวันออกสู่สังคมชั้นสูงได้เท่านั้น!

หากชีหยวนยังคงเป็นชวีอินอินในชาติก่อน บางทีคืนนี้คงไม่อยากจะนอนหลับแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ นางเพียงแค่กระตุกยิ้มใส่ชีจิ่นอย่างเยาะเย้ยเท่านั้น

สิ่งที่เมื่อก่อนไม่ได้มา บัดนี้นางก็ไม่ต้องการแล้ว

ชีหยวนไม่ได้เสียสติอย่างที่นางจินตนาการไว้เลย แม้แต่โมโหหรือเสียใจก็ไม่มีสักนิด แถมยังยืนอยู่ด้านข้างอย่างกับเป็นท่อนไม้อีก

นี้ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของชีจิ่นโดยสิ้นเชิง

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดิมทีนางต้องการทำให้ชีหยวนโกรธ แต่ตอนนี้กลับทำให้ตนเองโกรธแทน

เมื่อหัวร้อน นางก็ทนไม่ไหวจึงถาม “พี่หญิง ข้าได้ยินว่าก่อนที่ท่านจะกลับมา พ่อแม่บุญธรรมของพี่ล้วนเสียชีวิตกันหมดแล้ว...ทำไมท่านถึงไม่เสียใจสักนิดเลยเล่าเจ้าคะ?”

นางหวังตกตะลึง

ชีหยวนก็เงยหน้ามองไปทางชีจิ่น

จากมุมที่นางมองไป บนใบหน้าของชีจิ่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับคุณหนูใหญ่ที่ไร้เดียงสาและไม่คุ้นเคยกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง

ชีจิ่นถามเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ต้องการแค่ทำให้นางไม่สบายใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นการเตือนสตินางหวังด้วย ว่านางถูกคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลี้ยงดูมานานกว่าสิบปี แถมยังเย็นชาต่อพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบิดามารดาแท้ ๆ ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย

ช่างใช้ใบหน้าอ่อนโยนราวกับพระโพธิสัตว์นี้ ทำเรื่องชั่วร้ายที่สุดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยจริง ๆ

แต่น่าเสียดาย ชีหยวนไม่คิดจะพูดจาเหน็บแนมกับนาง

นางเบิกตาโตอย่างตรงไปมา “น้องหญิงไม่รู้หรือ? การตายของพวกเขาไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก หลี่ซิ่วเหนียงแอบคบชู้กับคนอื่น ลอบฆ่าสามีตนเอง และถูกโยนลงทะเลไปแล้ว”

นางจ้องมองชีจิ่นไม่วางตา และเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “อีกอย่าง เขาว่ากันว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ข้าน่าจะ ไม่ใช่คนที่ควรจะปวดใจมากที่สุดคนนั้นกระมัง?”

ในคืนนั้นคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลือกให้ติงเฉิงหย่งเข้าไปในห้องของนาง ซึ่งจะต้องได้รับสัญญาณจากชีจิ่นอย่างแน่นอน

แม้สองคนนี้จะไม่ใช่คน แต่เพื่อชีจิ่นบุตรสาวคนนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าจริงใจมากทีเดียว

นางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า เมื่อชีจิ่นได้ยินถึงการตายของหลี่ซิ่วเหนียงกับคนขายเนื้อสวี่ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

สีหน้าของชีจิ่นซีดลงในทันที สายตาก็เผยความโกรธแค้นออกมา และโผเข้าสู่อ้อมแขนนางหวังพลางร้องไห้เบา ๆ “ท่านแม่ ข้ากลัวเจ้าค่ะ...”

นางหวังรู้สึกไม่พอใจ และหันหน้ามาตักเตือนต่อชีหยวนอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไร้สาระจากบ้านนอกแบบนี้ ทำไมถึงเอามาพูดถึงในบ้านได้? เจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!”

ชีหยวนหัวเราะเสียงเย็นในใจ

คนที่เอ่ยขึ้นมาก่อนดูเหมือนจะไม่ใช่นาง แต่นางหวังกลับละเลยจุดนี้และหันมาตำหนิตนเอง เห็นได้ชัดว่าเลือกที่รักมักที่ชังเกินไปหน่อยแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 709

    ชีหยวนลงมือทั้งรวดเร็วและรุนแรง มีเพียงเซียวจิ่งจาวเท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่ที่นางลงมือไปจนถึงการอ่านการเคลื่อนไหวของเถียนเป่าซื่อนั้นเด็ดขาดเพียงใดหญิงสาวผู้นี้ นางถึงกับไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!เซียวจิ่งจาวกดเสียงต่ำ “เถียนเป่าซื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่”เถียนเป่าซื่อนั้นตั้งแต่เด็กก็เติบโตในวัง ต่อมาได้เป็นสหายร่ำเรียนมากับเหล่าองค์ชาย แม้แต่อ๋องฉียังเคยพยายามดึงตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียวด้วยดังนั้นเซียวจิ่งจาวย่อมรู้ดีว่าเถียนเป่าซื่อมีฝีมือมากน้อยเพียงใดเมื่อครู่นี้ตอนที่ชีหยวนจับข้อเท้าเถียนเป่าซื่อไว้ เขากลับขยับไม่ได้เลย นั่นก็เพียงพอจะบอกถึงฝีมือของชีหยวนได้แล้วแต่กระนั้น เซียวจิ่งจาวก็อดตกใจไม่ได้ “นางไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด?”ในบรรดาบุตรีตระกูลขุนนางในเมืองหลวง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเด็กสาวชื่นชอบดาบทวนหอกกระบี่ แต่ส่วนมากก็เรียนเพียงท่วงท่าเอาไว้ขู่คนได้บ้าง แต่พอถึงเวลาสู้จริงกลับสู้ศัตรูไม่ได้เลยชีหยวนนั้นก็เป็นคนที่เพิ่งถูกรับกลับตระกูลในภายหลัง นางสามารถฝึกจนมีฝีมือถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นจริงหรือ?!เฝิงไฉ่เวยไม่ชอบเวลามีคนกล่าวชื่นชมชีหยวนใบหน้านางเย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 708

    โอหังเกินไปแล้ว!โอหังเกินไปจริง ๆ!ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เบียดกันเป็นชั้น ๆ และต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้“หมาจะมาเทียบกับคนได้ยังไง?”“เจ้าดูหมาไม่ดีเอง มันถึงได้พุ่งไปกัดน้องชายเขาก่อน คนเขาถึงได้เตะหมากลับ!”“ถึงจะเป็นหลานชายไทเฮาแล้วอย่างไรเล่า? ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”แต่ก็มีบางคนรีบดึงสหายไว้ “เรื่องของพวกจวนขุนนาง เกี่ยวอะไรกับเรา? อีกฝ่ายก็เป็นคุณชายของจวนโหวเหมือนกันนะ!”ดูพวกเขาทะเลาะกันเองก็พอแล้วชีอวิ๋นจื่อเชิดคอถมน้ำลายปนเลือดออกมาแล้วจ้องเถียนเป่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “หมาของเจ้ากัดน้องข้าไม่ปล่อยก่อน ข้าถึงได้เตะมันออกไป ข้าไม่ผิด!”ไม่ผิด ก็ไม่ต้องขอโทษ!พี่หญิงเคยบอกไว้ว่า ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ผิด ก็ห้ามยอมจำนน!เถียนเป่าซื่อโกรธจนหัวเราะออกมา “งั้นหรือ?”เขาปล่อยคอเสื้อชีอวิ๋นจื่อทันที ก่อนฟาดหน้าชีอวิ๋นจื่อหนึ่งฉาด แล้วเงื้อเท้าจะเตะอย่างแรงแต่ในจังหวะนั้น ขาของเขากลับถูกใครบางคนขวางเอาไว้ถึงเขาจะตัวใหญ่กำยำ แต่กลับไม่สามารถเตะลงไปได้ และยังดึงเท้ากลับมาไม่ได้อีกด้วย จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีหลิวผิงอันถึงกับน้ำตาคล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 707

    ความป่าเถื่อนของเถียนเป่าซื่อนั้น เฝิงไฉ่เวยรู้ดีตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้ นางไม่ได้เรียนแค่การชมดอกไม้ ดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพเท่านั้น แต่ใช้เวลามากกว่านั้นไปกับการท่องจำลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเฝิงสั่งให้นางเรียนใครเป็นคนของตระกูลไหน นิสัยใจคออย่างไร ในตระกูลมีบุคคลโดดเด่นคนใดบ้าง และมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใดนางทุ่มเทพลังใจอย่างมหาศาลกับสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อว่าวันหนึ่งหากได้เป็นชายาพระนัดดา จะสามารถช่วยเหลือเซียวอวิ๋นถิงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเขาดึงพวกคนที่ควรดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้แต่ตอนนี้ เซียวอวิ๋นถิงไม่มีวาสนาจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีกแล้วเขาไม่เห็นค่านาง นั่นคือความสูญเสียของเขาสิ่งที่เขาเห็นคือเฝิงไฉ่เวยผู้ถูกบีบจนไร้หนทาง ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่เขาไม่รู้เลยว่า เขายังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักนางจริง ๆ ด้วยซ้ำถึงกระนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว นางจะทำให้เขารู้เอง ว่านางเก่งกว่าชีหยวนเป็นร้อยเท่า!การฆ่าคนมันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจนักหรือ?นางอยากดูเสียจริง ว่าถ้าชีหยวนต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเถียนและจวนอ๋องโจว จะย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 706

    บัดซบเอ๊ย เบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ถึงมาทำร้ายคุณชายของพวกเขา?!เถียนเป่าซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่หลิวผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องเขายังไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ด่าออกไปทันที “เจ้าก็ตัวโตป่านนี้แล้ว กล้ารังแกเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร?!”เสิ่นเจียหล่างตกใจจนแทบเสียขวัญ เด็กที่เคยถูกฝังทั้งเป็นในโลงแล้วยังทนไม่ร้องไห้ออกมา กลับร้องสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันเพียงเพราะเห็นชีอวิ๋นจื่อที่คอยปกป้องตนเองถูกตบชีอวิ๋นจื่อแม้จะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนลูบศีรษะเขาแล้วปลอบเสียงเบา “ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”ตอนนั้นเอง เด็กรับใช้ของชีอวิ๋นจื่อก็ดึงแขนเสื้อหลิวผิงอันอย่างกลัว ๆ พลางกระซิบเตือน “พี่ผิงอัน นี่ นี่มันคือคุณชายหกแห่งจวนเฉิงเอินกง...”หลิวผิงอันไม่เคยได้ยินคุณชายหกอะไรนั่น แต่ชื่อจวนเฉิงเอินกงเขารู้จักดี จึงชะงักไปเล็กน้อยทว่าก็แค่ชะงักเท่านั้นเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนขวางอยู่หน้าชีอวิ๋นจื่อกับเสิ่นเจียหล่างอย่างมั่นคง “ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมาทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบ!”เขาจะกลัวอะไร?คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วนี่มากสุดก็แค่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณหนูใหญ่ ใครกลัวใครก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 705

    ในฐานะที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เซียวจิ่งจาวย่อมจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครนั่นก็คือเถียนเป่าซื่อ หลานชายของไทเฮาเถียน!และยังเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลของเฉิงเอินกง ผู้เคยกดจวนฉู่กั๋วกงไว้แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าตระกูลเถียนรักและทะนุถนอมลูกชายคนเล็กคนนี้เพียงใดไม่รู้เป็นเพราะฮวงจุ้ยไม่ดีหรืออย่างไร ลูกหลานรุ่นนี้ของตระกูลเถียนสายตรงหลายคนล้วนตายตั้งแต่ยังเล็ก มีชีวิตไม่เกินเจ็ดแปดขวบ ดังนั้นตั้งแต่เถียนเป่าซื่อเกิดมาก็เป็นที่รักอย่างมากว่าไปแล้ว ไทเฮาเถียนยังตั้งชื่อของเขาด้วยตัวเองอีกด้วย ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความเอ็นดูที่ไทเฮาเถียนมีต่อเขายิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นขององค์หญิงลั่วชวนแห่งจวนอ๋องโจวก็คือเถียนเป่าซื่อนี่เองเซียวจิ่งจาวหันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”ไม่ว่าอย่างไร ไทเฮาเถียนก็มีความชอบในการช่วยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองราชย์เพราะเหตุนี้ ฮ่องเต้หย่งชางเพื่อแสดงถึงความชอบธรรมของตน จึงยกย่องไทเฮาเถียนเป็นพระมารดา และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เคารพรักไทเฮาเถียนเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติต่อตระกูลเถียนอย่างดีมาโดยตลอดพูดได้ว่า แม้เซียวจิ่งจาวพบเถียนเป่าซื่อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 704

    จนกระทั่งเซียวจิ่งจาวปล่อยมือออก เฝิงไฉ่เวยจึงไออย่างหนักแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่ถอยสักก้าวจะกลัวอะไร?นางไม่อยากทนถูกรังแกอีกแล้วสิ่งที่ชีหยวนทำได้ นางก็ทำได้เช่นกันแต่นางยังไม่ทันที่จะเอ่ยวาจาเชือดเฉือนใส่เซียวจิ่งจาวออกมาอีก ประตูก็ถูกเคาะเบา ๆ สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเรียกนางเสียงแผ่วเฝิงไฉ่เวยมองเซียวจิ่งจาวแวบหนึ่ง พลางลูบลำคอของตนเองก่อนตะโกนตอบเสียงดัง “เข้ามา!”ซิ่วอี๋ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าคล่องแคล่ว ยืนอย่างเคารพในระยะไม่ไกลจากทั้งคู่แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนู พวกเขาสองคนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”พวกเขาสองคนหรือ?แววตาเซียวจิ่งจาววูบไหวด้วยความสงสัย ในใจสงสัยใคร่รู้ว่าเฝิงไฉ่เวยกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เฝิงไฉ่เวยผลักหน้าต่างออก จากชั้นสองสามารถมองเห็นผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างได้แต่สายตาของนางมิได้หยุดที่คนในห้องโถง หากแต่จ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดด้วยแววตาเย็นชาเมื่อมองตามสายตานาง เซียวจิ่งจาวก็เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจูงเด็กเล็กอายุสี่ห้าขวบขึ้นบันไดมาในทันทีเฝิงไฉ่เวยละสายตากลับมามองเซียวจิ่งจาวที่อยู่ตรงหน้า “ท่านอ๋องไม่ต้องสงสัยหรอก พวกเขาคือน้องชาย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status