เฝิงไฉ่เวยชมละครมาทั้งวัน จิตใจเบิกบานยิ่งนักระหว่างทางกลับบ้าน นางเห็นเซียวจิ่งจาวเงียบขรึมไม่เอ่ยคำ นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ “อย่างไรหรือเจ้าคะ? ท่าทางของท่านอ๋องดูจะไม่พอใจนัก?”ใบหน้าเซียวจิ่งจาวนั้นแน่นอนว่าดูไม่ดีนักเขาแสยะยิ้มเย็นเยียบพลางมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้าสมใจแล้วสินะ”เฝิงไฉ่เวยทนดูไม่ไหวกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเซียวจิ่งจาว ทว่านางก็ไม่คิดใส่ใจผู้ใดจะสุขหรือทุกข์ นางล้วนไม่สน ขอเพียงนางบรรลุเป้าหมายก็พอนางถึงกับเตือนเซียวจิงจาวเป็นพิเศษว่า “วันพรุ่งนี้หากท่านอ๋องจะไปชมเรื่องสนุก ขออย่าลืมพาข้าไปด้วยนะเจ้าคะ”นางใคร่เห็นกับตาตนเองนักว่า พรุ่งนี้เรื่องจะวุ่นวายถึงเพียงใดเซียวจิ่งจาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยกล่าวออกมา “เจ้ามิกลัวว่าชีหยวนจะชนะอีกหรือ?”เขาเองก็ไม่อ้อมค้อม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาขุ่นเคืองใจไม่น้อยเขาต้องการครอบครองใต้หล้า ดังนั้นเรื่องราวในใต้หล้าก็คือเรื่องของเขาหากทุกคนล้วนประพฤติแบบเดียวกับเถียนเป่าซื่อ เกียรติแห่งราชสกุลก็จักพังพินาศเขาพูดอย่างเย็นชา “คุณหนูใหญ่ตระกูลชีผู้นี้นับว่ามีฝีมือ หากนางชนะเถียน
ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองฮูหยินผู้เฒ่าชีฮึดฮัด “หูของอวิ๋นจื่อถูกตีจนบวม ปากก็มีเลือดซิบออกมา เวลานี้ทั้งหน้าก็ยังไม่หายบวม ส่วนเจียหล่างก็ถูกข่มขวัญจนหวาดกลัวมิใช่น้อย!”นางโกรธจนแทบควบคุมไม่อยู่ ครั้นได้ยินข่าววันนี้ โมโหจนปวดท้องไม่หยุดครั้นพบหน้าท่านโหวผู้เฒ่าชี นางก็สุดจะอดกลั้นกล่าวขึ้นว่า “บ้านเราก็เป็นถึงจวนโหวนะ เป็นขุนนางชั้นเดียวกัน สองตระกูลก็เจอกันอยู่บ่อย ๆ แล้วนี่มันอะไรกัน เหตุใดเจ้าเถียนเป่าซื่อมันหมายความว่ายังไง? เขาคิดว่าตระกูลเราเป็นอะไร?!”แค่เพราะหมาตัวเดียว กลับไม่เห็นหลานของบ้านพวกเขาเป็นคนเลยหรือ!ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็โกรธจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่เช่นกัน เดินไปดูอาการเสิ่นเจียหล่าง แล้วจึงถามฮูหยินผู้เฒ่าชีว่า “แม่หนูหยวนอยู่ที่ใด?”ชีเจิ้นก็เข้ามาดูอาการเด็กเช่นกัน พอถอยกลับมายังข้างฮูหยินผู้เฒ่าชีก็มิอาจปิดซ่อโทสะเช่นกัน “เรื่องนี้จะให้จบง่าย ๆ เห็นทีจะไม่ได้ หากจำเป็น ก็ยินดีให้เรื่องถึงหน้าพระพักตร์เลย!”จวนหย่งผิงโหวของพวกเขา ในเมืองหลวงนี้หาใช่ตระกูลที่ไม่มีชื่อเสียง เถียนเป่าซื่อกระทำเช่นนี้ คิดว่าตระกูลชีนั้นเป็นอะไรหรือ?ฮูห
เถียนเป่าซื่อตัดสินใจเลือกสถานที่แข่งขันทันทีต่อหน้าทุกผู้คน กำหนดไว้เป็นเที่ยงวันพรุ่งนี้ ที่เรือนพักนอกเมืองของจวนเฉิงเอินกงเขายังใจกว้างนัก อนุญาตให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ทุกคนไปร่วมชมได้ยังไงเสียจะแข่งกันทั้งที หากไร้ผู้ชม จะสนุกอันใดเล่า?เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าอย่าได้กลัวขึ้นมาเชียวล่ะ!”ถึงเหล่าจ้าวจะเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ก็ยังอดสบถในใจไม่ได้กลัวหรือ?คุณหนูใหญ่ตระกูลชีต่อให้แพ้ ก็ยังฆ่าเจ้าได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ?ใครจะขลาดก็แล้วแต่ แต่นางไม่มีทาง!ชีหยวนเพียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยโดยไร้อารมณ์ “วางใจ ข้ารอชมหมาของคุณชายหกสกุลเถียนก็แล้วกัน”ผู้ตรวจการเถี่ยโกรธจนไร้ทางระบาย กลับไปก็นอนไม่หลับทั้งคืน นั่งเขียนฎีกายืดยาวว่าด้วยความผิดของบุตรหลานเชื้อสายขุนนาง ส่งขึ้นไปถวายทันทีแต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เหมือนผู้ตรวจการเถี่ย พวกเขากลับสนใจการแข่งขันในวันพรุ่งนี้อย่างยิ่งมนุษย์คนเรานั้น ย่อมชื่นชอบความคึกคักเป็นธรรมดาโดยเฉพาะยังเป็นความวุ่นวายระหว่างเชื้อสายขุนนางอีกหากไม่มีให้ดูก็ว่าไปอย่าง แต่ปัญหาคือตอนนี้มันดันมีเรื่องให้ดู ยังไงก็ต้องตามไปร่วมชมความวุ
ชีหยวนคิดว่าทุกคนเป็นคนโง่หรือไร?แต่เถียนเป่าซื่อกลับเป็นคนชั่วที่มีสมอง ทำอย่างไรดีล่ะ?ผู้ตรวจการเถี่ยแค่นหัวเราะเย็น “เจ้าของมันดูแลไม่ดี ปล่อยให้มันออกมาไล่กัดคน ถูกตีตายก็สมควรแล้ว!”แต่จู่ ๆ เถียนเป่าซื่อก็เริ่มร้องโอดโอยขึ้นมาเหล่าจ้าวกลอกตาใส่มาไม้เดิมอีกแล้วคงเพราะตระกูลเถียนสูญเสียลูกหลานไปมาก เลยกลัวมาก หวงเถียนเป่าซื่อราวกับแก้วตายามนี้เมื่อเถียนเป่าซื่อทำทีอ่อนแอขึ้นมา เช่นนั้นเรื่องนี้อาจกลายเป็นความผิดของฝ่ายตระกูลชีเสียเองชีหยวนกลับกล่าวด้วยเสียงเรียบหนักทันที “นี่นับเป็นหมาดีอันใดกัน? ข้าชดใช้ให้เจ้าหนึ่งตัวก็แล้วกัน”เหล่าจ้าวเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที จะว่าหมานี่ดีหรือไม่ดี อย่างไรเสียนับว่าหมาดีจริง ๆ สิ! เพราะเป็นสุนัขที่ไทเฮาทรงประทานให้แก่เถียนเป่าซื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลชีจะไปหาหมาที่ดีกว่านี้จากที่ใดได้?ยิ่งไปกว่านั้น หมาตัวนี้ดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับเถียนเป่าซื่อจะชี้ว่าอย่างไร!หากเขาคิดจะหาเรื่องแล้วไซร้ ต่อให้ชีหยวนจะหาเสือมาแทนก็ไร้ผล!เถียนเป่าซื่อหัวเราะลั่นตามคาด ก่อนจะจิ๊ปากแล้วหัวเราะเยาะออกมา “เจ้าชดใช้? เจ้าชดใช้ไหวรึ?!”“
เหล่าจ้าวยืนกอดอกมองดูเหตุการณ์อย่างเย็นชาในท่ามกลางฝูงชน บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยเถียนเป่าซื่อควรจะถูกสั่งสอนเสียตั้งนานแล้วเจ้าคนผู้นี้วัน ๆ เอาแต่ชนไก่ จูงหมา ไม่เคยทำเรื่องดี ๆ สักอย่างครั้งหนึ่ง สุนัขพันธุ์ล่าเนื้อของเถียนเป่าซื่อกัดเด็กเล็กริมทางตายไปคนหนึ่ง เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้คนโกรธแค้นกันไปทั้งเมืองแต่เถียนเป่าซื่อกลับเป็นลมล้มพับไป บอกว่าโรคเก่ากำเริบต่อจากนั้นก็มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งออกมายอมรับผิด บอกว่าตนดูหมาไม่ดี ปล่อยให้มันกัดเด็ก ไม่เกี่ยวกับเถียนเป่าซื่อเลยเรื่องนี้ท้ายที่สุดจากเรื่องใหญ่ก็ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็ถูกทำให้จางหายไม่มีทางเลือก ฮ่องเต้เองก็ใช่ว่าจะดูแลได้ทุกเรื่องราชวงศ์ต้าโจวแผ่กว้างใหญ่ ทุกวันมีแต่เรื่องราวบ้านเมืองมากมายจนไม่สิ้นสุดพวกขุนนางตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนมีเครือข่ายโยงใยกันเป็นใยแมงมุม ต่อให้มีเรื่องราวจะรุนแรงเพียงใด ท้ายที่สุดฎีกาฟ้องร้องพวกเขา เมื่อไปถึงกรมถวายฎีกาก็ถูกสกัดไว้กลางทางเสียแล้วแม้แต่จะส่งขึ้นถึงสำนักขุนนางหลวง เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ในสำนักขุนนางหลวงก็ใช่ว่าจะสนใจทุกเรื่องและเมื่อถึงหูฮ่องเ
ด้านนอกวุ่นวายแค่ไหน นางก็ยิ่งเบิกบานใจเท่านั้นชีหยวนเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน นางมองไปทางลิ่วจินที่เพิ่งขึ้นบันไดมา ส่งสายตาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเลิกคิ้วถาม “ดังนั้น คุณชายหกสกุลเถียนหมายความว่า ไทเฮาตรัสว่า สุนัขของเจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตคน ใช่หรือไม่?”เถียนเป่าซื่อคร้านจะเสียเวลาพูดกับนาง “สุนัขของข้าไม่เหมือนสุนัขตัวอื่น!”“ทุกคนได้ยินกันชัดแล้วใช่หรือไม่?” ชีหยวนกวาดตามองไปรอบ ๆ ผู้คนมีสีหน้าต่างกันไป ก่อนสายตาจะกวาดลงไปยังเหล่าคนในโถงชั้นล่าง “ไม่ว่าท่านจะเป็นขุนศึกที่สู้รบเพื่อปกป้องแผ่นดิน หรือเป็นบัณฑิตที่ตรากตรำอ่านตำรามาสิบกว่าปี พวกท่านสละเวลามากแค่ไหน พยายามมากแค่ไหนแล้วมีค่าอะไรเล่า? สุดท้าย ยังสู้สุนัขตัวเดียวของหลานไทเฮาไม่ได้!”หลานไทเฮาแล้วอย่างไร?แม้เป็นไทเฮาเองแล้วอย่างไร?ท่านอาจอยู่เหนือหัวคนอื่นได้ แต่สุนัขของท่านจะมาอวดเบ่งเยี่ยวรดหัวคนไม่ได้!ชีหยวนเลิกคิ้วหัวเราะเย็น “คุณชายหกสกุลเถียน เจ้าต้องการหัวของน้องข้าใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น นางยกกระถางดอกไม้ฟาดลงพื้นอย่างแรง เสียงแตกดังสนั่นทำให้สายตาทุกคู่หันมาที่นางโดยพร้อมเพรียงหญิงสาวยืนตัวตรงไม่ไหวติง เอ่