เหล่าจ้าวยืนกอดอกมองดูเหตุการณ์อย่างเย็นชาในท่ามกลางฝูงชน บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยเถียนเป่าซื่อควรจะถูกสั่งสอนเสียตั้งนานแล้วเจ้าคนผู้นี้วัน ๆ เอาแต่ชนไก่ จูงหมา ไม่เคยทำเรื่องดี ๆ สักอย่างครั้งหนึ่ง สุนัขพันธุ์ล่าเนื้อของเถียนเป่าซื่อกัดเด็กเล็กริมทางตายไปคนหนึ่ง เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้คนโกรธแค้นกันไปทั้งเมืองแต่เถียนเป่าซื่อกลับเป็นลมล้มพับไป บอกว่าโรคเก่ากำเริบต่อจากนั้นก็มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งออกมายอมรับผิด บอกว่าตนดูหมาไม่ดี ปล่อยให้มันกัดเด็ก ไม่เกี่ยวกับเถียนเป่าซื่อเลยเรื่องนี้ท้ายที่สุดจากเรื่องใหญ่ก็ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็ถูกทำให้จางหายไม่มีทางเลือก ฮ่องเต้เองก็ใช่ว่าจะดูแลได้ทุกเรื่องราชวงศ์ต้าโจวแผ่กว้างใหญ่ ทุกวันมีแต่เรื่องราวบ้านเมืองมากมายจนไม่สิ้นสุดพวกขุนนางตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนมีเครือข่ายโยงใยกันเป็นใยแมงมุม ต่อให้มีเรื่องราวจะรุนแรงเพียงใด ท้ายที่สุดฎีกาฟ้องร้องพวกเขา เมื่อไปถึงกรมถวายฎีกาก็ถูกสกัดไว้กลางทางเสียแล้วแม้แต่จะส่งขึ้นถึงสำนักขุนนางหลวง เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ในสำนักขุนนางหลวงก็ใช่ว่าจะสนใจทุกเรื่องและเมื่อถึงหูฮ่องเ
ด้านนอกวุ่นวายแค่ไหน นางก็ยิ่งเบิกบานใจเท่านั้นชีหยวนเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน นางมองไปทางลิ่วจินที่เพิ่งขึ้นบันไดมา ส่งสายตาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเลิกคิ้วถาม “ดังนั้น คุณชายหกสกุลเถียนหมายความว่า ไทเฮาตรัสว่า สุนัขของเจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตคน ใช่หรือไม่?”เถียนเป่าซื่อคร้านจะเสียเวลาพูดกับนาง “สุนัขของข้าไม่เหมือนสุนัขตัวอื่น!”“ทุกคนได้ยินกันชัดแล้วใช่หรือไม่?” ชีหยวนกวาดตามองไปรอบ ๆ ผู้คนมีสีหน้าต่างกันไป ก่อนสายตาจะกวาดลงไปยังเหล่าคนในโถงชั้นล่าง “ไม่ว่าท่านจะเป็นขุนศึกที่สู้รบเพื่อปกป้องแผ่นดิน หรือเป็นบัณฑิตที่ตรากตรำอ่านตำรามาสิบกว่าปี พวกท่านสละเวลามากแค่ไหน พยายามมากแค่ไหนแล้วมีค่าอะไรเล่า? สุดท้าย ยังสู้สุนัขตัวเดียวของหลานไทเฮาไม่ได้!”หลานไทเฮาแล้วอย่างไร?แม้เป็นไทเฮาเองแล้วอย่างไร?ท่านอาจอยู่เหนือหัวคนอื่นได้ แต่สุนัขของท่านจะมาอวดเบ่งเยี่ยวรดหัวคนไม่ได้!ชีหยวนเลิกคิ้วหัวเราะเย็น “คุณชายหกสกุลเถียน เจ้าต้องการหัวของน้องข้าใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น นางยกกระถางดอกไม้ฟาดลงพื้นอย่างแรง เสียงแตกดังสนั่นทำให้สายตาทุกคู่หันมาที่นางโดยพร้อมเพรียงหญิงสาวยืนตัวตรงไม่ไหวติง เอ่
ชีหยวนลงมือทั้งรวดเร็วและรุนแรง มีเพียงเซียวจิ่งจาวเท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่ที่นางลงมือไปจนถึงการอ่านการเคลื่อนไหวของเถียนเป่าซื่อนั้นเด็ดขาดเพียงใดหญิงสาวผู้นี้ นางถึงกับไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!เซียวจิ่งจาวกดเสียงต่ำ “เถียนเป่าซื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่”เถียนเป่าซื่อนั้นตั้งแต่เด็กก็เติบโตในวัง ต่อมาได้เป็นสหายร่ำเรียนมากับเหล่าองค์ชาย แม้แต่อ๋องฉียังเคยพยายามดึงตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียวด้วยดังนั้นเซียวจิ่งจาวย่อมรู้ดีว่าเถียนเป่าซื่อมีฝีมือมากน้อยเพียงใดเมื่อครู่นี้ตอนที่ชีหยวนจับข้อเท้าเถียนเป่าซื่อไว้ เขากลับขยับไม่ได้เลย นั่นก็เพียงพอจะบอกถึงฝีมือของชีหยวนได้แล้วแต่กระนั้น เซียวจิ่งจาวก็อดตกใจไม่ได้ “นางไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด?”ในบรรดาบุตรีตระกูลขุนนางในเมืองหลวง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเด็กสาวชื่นชอบดาบทวนหอกกระบี่ แต่ส่วนมากก็เรียนเพียงท่วงท่าเอาไว้ขู่คนได้บ้าง แต่พอถึงเวลาสู้จริงกลับสู้ศัตรูไม่ได้เลยชีหยวนนั้นก็เป็นคนที่เพิ่งถูกรับกลับตระกูลในภายหลัง นางสามารถฝึกจนมีฝีมือถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นจริงหรือ?!เฝิงไฉ่เวยไม่ชอบเวลามีคนกล่าวชื่นชมชีหยวนใบหน้านางเย
โอหังเกินไปแล้ว!โอหังเกินไปจริง ๆ!ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เบียดกันเป็นชั้น ๆ และต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้“หมาจะมาเทียบกับคนได้ยังไง?”“เจ้าดูหมาไม่ดีเอง มันถึงได้พุ่งไปกัดน้องชายเขาก่อน คนเขาถึงได้เตะหมากลับ!”“ถึงจะเป็นหลานชายไทเฮาแล้วอย่างไรเล่า? ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”แต่ก็มีบางคนรีบดึงสหายไว้ “เรื่องของพวกจวนขุนนาง เกี่ยวอะไรกับเรา? อีกฝ่ายก็เป็นคุณชายของจวนโหวเหมือนกันนะ!”ดูพวกเขาทะเลาะกันเองก็พอแล้วชีอวิ๋นจื่อเชิดคอถมน้ำลายปนเลือดออกมาแล้วจ้องเถียนเป่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “หมาของเจ้ากัดน้องข้าไม่ปล่อยก่อน ข้าถึงได้เตะมันออกไป ข้าไม่ผิด!”ไม่ผิด ก็ไม่ต้องขอโทษ!พี่หญิงเคยบอกไว้ว่า ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ผิด ก็ห้ามยอมจำนน!เถียนเป่าซื่อโกรธจนหัวเราะออกมา “งั้นหรือ?”เขาปล่อยคอเสื้อชีอวิ๋นจื่อทันที ก่อนฟาดหน้าชีอวิ๋นจื่อหนึ่งฉาด แล้วเงื้อเท้าจะเตะอย่างแรงแต่ในจังหวะนั้น ขาของเขากลับถูกใครบางคนขวางเอาไว้ถึงเขาจะตัวใหญ่กำยำ แต่กลับไม่สามารถเตะลงไปได้ และยังดึงเท้ากลับมาไม่ได้อีกด้วย จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีหลิวผิงอันถึงกับน้ำตาคล
ความป่าเถื่อนของเถียนเป่าซื่อนั้น เฝิงไฉ่เวยรู้ดีตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้ นางไม่ได้เรียนแค่การชมดอกไม้ ดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพเท่านั้น แต่ใช้เวลามากกว่านั้นไปกับการท่องจำลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเฝิงสั่งให้นางเรียนใครเป็นคนของตระกูลไหน นิสัยใจคออย่างไร ในตระกูลมีบุคคลโดดเด่นคนใดบ้าง และมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใดนางทุ่มเทพลังใจอย่างมหาศาลกับสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อว่าวันหนึ่งหากได้เป็นชายาพระนัดดา จะสามารถช่วยเหลือเซียวอวิ๋นถิงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเขาดึงพวกคนที่ควรดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้แต่ตอนนี้ เซียวอวิ๋นถิงไม่มีวาสนาจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีกแล้วเขาไม่เห็นค่านาง นั่นคือความสูญเสียของเขาสิ่งที่เขาเห็นคือเฝิงไฉ่เวยผู้ถูกบีบจนไร้หนทาง ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่เขาไม่รู้เลยว่า เขายังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักนางจริง ๆ ด้วยซ้ำถึงกระนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว นางจะทำให้เขารู้เอง ว่านางเก่งกว่าชีหยวนเป็นร้อยเท่า!การฆ่าคนมันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจนักหรือ?นางอยากดูเสียจริง ว่าถ้าชีหยวนต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเถียนและจวนอ๋องโจว จะย
บัดซบเอ๊ย เบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ถึงมาทำร้ายคุณชายของพวกเขา?!เถียนเป่าซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่หลิวผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องเขายังไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ด่าออกไปทันที “เจ้าก็ตัวโตป่านนี้แล้ว กล้ารังแกเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร?!”เสิ่นเจียหล่างตกใจจนแทบเสียขวัญ เด็กที่เคยถูกฝังทั้งเป็นในโลงแล้วยังทนไม่ร้องไห้ออกมา กลับร้องสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันเพียงเพราะเห็นชีอวิ๋นจื่อที่คอยปกป้องตนเองถูกตบชีอวิ๋นจื่อแม้จะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนลูบศีรษะเขาแล้วปลอบเสียงเบา “ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”ตอนนั้นเอง เด็กรับใช้ของชีอวิ๋นจื่อก็ดึงแขนเสื้อหลิวผิงอันอย่างกลัว ๆ พลางกระซิบเตือน “พี่ผิงอัน นี่ นี่มันคือคุณชายหกแห่งจวนเฉิงเอินกง...”หลิวผิงอันไม่เคยได้ยินคุณชายหกอะไรนั่น แต่ชื่อจวนเฉิงเอินกงเขารู้จักดี จึงชะงักไปเล็กน้อยทว่าก็แค่ชะงักเท่านั้นเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนขวางอยู่หน้าชีอวิ๋นจื่อกับเสิ่นเจียหล่างอย่างมั่นคง “ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมาทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบ!”เขาจะกลัวอะไร?คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วนี่มากสุดก็แค่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณหนูใหญ่ ใครกลัวใครก