ชีหยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหลี่ฉางชิงแม้แต่น้อยในใจของนาง คำพูดของหลี่ฉางชิงเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงเห่าของสุนัข นางแค่เสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ท่านนักพรตเก่งคำนวณฟ้าดินถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่คำนวณให้ตัวเองดูเสียบ้างล่ะ?”เพราะเสียเลือดมาก ใบหน้าของหลี่ฉางชิงจึงซีดขาวอย่างยิ่ง เขากดมือลงบนหัวไหล่ตัวเองที่ยังคงมีเลือดไหลทะลักไม่หยุด พลางจ้องชีหยวนเขม็ง จู่ๆ ก็แหงนหน้าหัวเราะลั่น “ชีหยวน เจ้ารู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าข้าพูดพล่อย ๆ หรือไม่ เดิมทีเจ้าน่ะเป็นคนไร้ชะตาชีวิจอยู่แล้ว ไม่ควรจะมีตัวตนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ เจ้าเคยสงสัยบ้างไหม ว่าเหตุใดเจ้าจึงปรากฏตัวในสถานที่ที่เดิมไม่ควรเป็นของเจ้าได้?”กระบี่ของชีหยวนจ่ออยู่ที่ลำคอของเขา นางเอียงศีรษะเล็กน้อย “ข้าไม่จำเป็นต้องรู้”“ชีหยวน!” เสียงตะโกนของหลี่ฉางชิงแหลมสูง ผสานกับเสียงฟ้าร้องกึกก้อง พุ่งเข้าสู่โสตประสาทของนาง “เจ้าฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นการฝืนชะตาสวรรค์ ผู้ที่ทำให้เจ้าได้กลับมา ย่อมต้องแลกด้วยสิ่งใหญ่หลวง! บางที คนผู้นั้นอาจต้องแบกรับชะตากรรมของเจ้าในชาติก่อนแทน! เจ้าไม่อยากรู้เลยหรือ?!”
ทว่ากระบี่ของเขาในครั้งนี้กลับไม่ได้ดั่งใจเหมือนเช่นที่ผ่านมา ชีหยวนชักกระบี่อ่อนที่คาดไว้ตรงเอวออกมาปัดป้อง เห็นชัดว่าหลายคราที่เขาจวนเจียนจะแทงโดนตัวชีหยวนเข้าอยู่แล้วแท้ ๆ ทว่านางกลับตอบสนองได้ทันท่วงทีเสมอ ทุกครั้งที่เขาคิดว่าคราวนี้ชีหยวนคงไม่ทันออกกระบวนท่า ชีหยวนกลับกลับสามารถปัดป้องท่าสังหารของเขาออกไปได้ทุกคราการรุกโจมตีอย่างต่อเนื่องหลายครั้งแต่ก็ยังทำอันใดไม่ได้ เขาเริ่มรู้สึกร้อน จึงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะที่ข้างเอวแต่ขณะเดียวกันนั้นเอง ชีหยวนก็เหินตัวถีบพุ่งเข้าหาด้ามกระบี่ของเขา ฝ่าเท้าเหยียดแรงสะบัดขึ้นจากด้านล่าง กระบี่ในมือของเขาก็หลุดปลิวกระเด็นออกไปในทันทีเขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือก็แตะถึงของบางอย่างที่คาดไว้ตรงเอว กำลังจะขยับตัวลงมือ แต่ชีหยวนก็เหวี่ยงเท้าเตะใส่เขาอย่างต่อเนื่อง เตะเข้าใส่หน้าอกเขาเต็มแรงหน้าอกพลันปวดร้าวอย่างรุนแรง จนถึงยามนี้ เขาจึงเพิ่งเข้าใจเสียที เหตุใดชีหยวนถึงได้ให้ผู้ใต้บัญชาไปนอนพักหมด ไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะว่านาง ไร้เดียงสาหรือโง่เขลา จนไม่รู้พิษภัยแห่งโลกหล้าแต่เป็นเพราะนางไม่จำเป็นต้องพึ่งใครต่างหาก!ตัวนางเองก็ค
“กลัวอะไร?” หลี่ฉางชิงแค่นหัวเราะเย็นเสียงหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะหยันและเสียดสี “สิ่งที่อาจารย์ข้าตั้งใจจะทำ เมื่อใดกันที่เคยล้มเหลว?”ขณะกล่าว เขาหันไปมองศิษย์ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงกว่าเดิม “วางใจเถอะ รอให้อาจารย์กำจัดดาวหายนะนั่นเสียก่อน กำจัดภัยร้ายที่คอยคุกคามท่านอ๋องให้สิ้น แล้วค่อยพาเจ้าหลบหนีเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ มีชีวิตใหม่”สำหรับหลี่ฉางชิงแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหาแพะรับบาปสักคน ถึงเวลานั้นก็จัดการให้ศพเละจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร เขาก็สามารถล่องหนเปลี่ยนตัวราวกับจักจั่นลอกคราบกลอุบายนี้เขาเคยใช้นับครั้งไม่ถ้วน และไม่เคยล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อออกจากบ้านแล้ว เรื่องตัวตนจะสำคัญอะไร?เขาอยากเป็นผู้ใด ก็สามารถเป็นผู้นั้นได้ศิษย์ตัวน้อยสูดน้ำมูกเสียงเบา พอเห็นอาจารย์พูดด้วยท่าทีมั่นใจเช่นนั้น ก็ทำได้เพียงกลั้นความกลัวไว้ พยักหน้าด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นว่า “ท่านอาจารย์ เช่นนั้นขอให้ท่านระวังตัวด้วย!”ต้องระวังไปไยเล่า?หลี่ฉางชิงก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่า ชีหยวนนั้นกล้าฆ่าคน ท่านอ๋องเคยเอ่ยถึงไว้ในจดหมายทว่าเขากลับไม่เคยเห็นเป็นเรื่องสำคัญแม้แต่น้อยก็แค
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างขานรับคำสั่งอย่างว่องไวทันใดนั้น บรรยากาศภายในศาลาพักม้าก็พลันคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาหลิวผิงอันยังตั้งใจอ้อมไปยังหลังครัว ให้เงินเศษเล็กน้อยแก่คนครัวและเสี่ยวเอ้อร์ ขอให้ช่วยทำกับข้าวดี ๆ สักสองสามอย่างส่งขึ้นไปยังห้องของชีหยวนที่ชั้นบนจากนั้นจึงค่อยย้อนกลับมายังโถงใหญ่ ถามไถ่กับเจ้าหน้าที่ดูแลจุดพักว่า “วันนี้ที่ศาลาพักม้านี้มีคนพักเต็มหรือไม่?”“ดูท่านพูดเข้าสิ จะไปเต็มได้ยังไงล่ะขอรับ?” เจ้าหน้าที่ดูแลจุดพักยิ้มพลางลูบเคราตัวเอง “เทืองเล็ก ๆ อย่างพวกเรานี่ หาได้เป็นศาลาพักม้าใหญ่ไม่ วันพักเต็มก็มีไม่กี่หน! วันนี้นอกจากขบวนของท่านแล้ว ก็ยังมีเพียงอีกสามห้องที่มีผู้พักอยู่เท่านั้นขอรับ”หลิวผิงอันจึงเบาใจลงถนัดครั้นพลบค่ำ ฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมา สายฟ้าแลบแปลบปลาบสาดส่องทั่วฟากฟ้าจนสว่างราวกับกลางวันก็ไม่ปาน เขารู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง ไปถามชีหยวนเป็นการพิเศษว่าต้องการให้จัดคนเฝ้าหน้าห้องหรือไม่ยามนั้นลมก็พัดแรง หากให้คนยืนเฝ้าอยู่บนเฉลียงหน้าห้อง คงหนีไม่พ้นต้องเปียกฝนทั้งคืนชีหยวนส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าก็เหนื่อยล้ามิได้พักกันมาหลายวั
ผู้ติดตามที่ออกเดินทางมากับชีหยวนในครั้งนี้ มีบุตรชายของหลิวจงชื่อว่าหลิวผิงอันร่วมอยู่ด้วยตลอดทางหลิวผิงอันใจระส่ำระสายไม่เป็นสุข พ่อของเขาได้กำชับไว้ชัดเจนว่า หากออกเดินทางร่วมกับคุณหนูใหญ่มีเพียงคำเดียวที่ต้องจำให้ขึ้นใจ นั่นก็คือเชื่อฟังทว่า ปัญหาอยู่ตรงที่ พ่อของเขายังกล่าวไว้อีกว่า การเดินทางกับคุณหนูใหญ่นั้น ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น ต้องรู้จักตาดูสี่ทิศ หูฟังแปดทางเขาจึงเอาแต่ขบคิดอยู่ตลอดทาง ว่าแท้จริงแล้ว ตาดูสี่ทิศ หูฟังแปดทางนั้นควรทำเช่นไรแน่!ยิ่งกว่านั้นนับแต่ก้าวออกจากประตูเมือง คุณหนูใหญ่ก็ไม่เคยสั่งให้หยุดพักเลย เพียงแต่ให้เร่งให้พวกเขาเดินทางอย่างต่อเนื่องเท่านั้นพอถึงยามค่ำ ก็หยุดพักที่ศาลาพักม้า ครั้นรุ่งสางก็เร่งออกเดินทางต่อเขาเริ่มสงสัยอยู่ในใจว่า บิดาของตนนั้นคงจะพูดเกินจริงไปแล้วกระมัง เพราะคุณหนูใหญ่ผู้นี้เป็นผู้ที่รับใช้ได้ง่ายนักจนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเสียงฟ้าร้องไม่ขาดสาย ราวกับฝนกำลังจะถล่มลงมาในอีกไม่ช้าเขาทนไม่ไหว จึงเร่งเร้าองครักษ์สองนายที่อยู่ด้านหน้า ให้รีบไปตรวจดูว่าข้างหน้ามีศาลาพักม้าหรือไม่ฝนห่าใหญ่เช่นนี้
ดังนั้น ชีหยวนจึงคิดว่าควรให้นางเป็นเหยื่อล่อเสียจะดีกว่าในใจนางรู้อยู่แก่ใจ ว่าหลี่ฉางชิงเป็นคนเย่อหยิ่งถือดีที่สุด สิ่งที่เขารับไม่ได้มากที่สุดก็คือความพ่ายแพ้ตราบใดที่นางปล่อยเหยื่อล่อออกไป หลี่ฉางชิงย่อมต้องติดเบ็ดอย่างแน่นอนคนที่มั่นใจในตนเองมากเกินไปมักจะหลงตัวเอง เขาอาจจะรู้ว่านี่คือกับดัก แต่กลับจะยิ่งเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองมากกว่าฮูหยินผู้เฒ่าชีไม่อาจขัดชีหยวนได้เลยในใจก็รู้ดีอยู่แล้วว่า หากชีหยวนตัดสินใจแล้ว ก็ยากนักที่จะเปลี่ยน นางทำได้เพียงกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “ข้าจะไปปรึกษากับท่านปู่ของเจ้าอีกที”แต่ความจริงแล้วก็หาใช่เรื่องที่ต้องปรึกษาอันใดไม่เพราะแม้แต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้น ก็ล้วนไม่อาจตัดสินใจแทนชีหยวนได้ท่านโหวผู้เฒ่าชีมองชีหยวนด้วยแววตากังวลอย่างยิ่ง “ให้เจ้าพาผู้คุ้มกันติดตัวไปด้วยสิบห้าคน เป็นผู้คุ้มกันประจำตระกูลของเราเอง ฝีมือพอใช้ได้ สาวใช้...”ชีหยวนส่ายศีรษะ “สาวใช้ข้าไม่พาไปด้วยนะเจ้าคะ”พวกสาวใช้ไม่มีวรยุทธ์ หากนางพาไปด้วยก็ไม่อาจรับรองได้ว่าพวกนางจะไม่บาดเจ็บดังนั้น นางจะไม่พาไปท่านโหวผู้เฒ่าชีถอนใจยาว “เช่นนั้น จะบอกท่านอ๋องสักคำห