สิ้นเสียงของฉินรั่วซือ นางก็กัดปลายลิ้นตนเองอย่างแรงความบ้าคลั่งที่พร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้น ทำให้ฉินซานมิลังเลอีกต่อไป เขาคว้าเข็มฉีดยากล่อมประสาทออกมาแทงฉินรั่วซือทันทีฉินรั่วซือไม่มีวรยุทธ จึงมิสามารถหลบหลีกได้ เข็มฉีดยากล่อมประสาทจึงพุ่งเข้าที่ลำคอของนางโดยตรงนางเอื้อมมือไปดึงเข็มออก แต่ยังมิทันได้ยกมือขึ้นถึงลำคอ ยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์ทำให้สูญเสียสติไปในทันที ล้มฟุบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงฉินซานเหงื่อแตกพลั่กทั่วตัว มิรู้ว่าเมื่อครู่ฉินรั่วซือได้กระตุ้นพิษหนอนกู่ในตัวเซียวหลินเทียนให้ระเบิดหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าการขัดขวางของตนจะยังทันเวลามิเช่นนั้น เขาจะเป็นคนบาปที่แม้ตายซ้ำตายซากหลายครั้งก็มิสามารถชดใช้ความผิดนี้ได้“ท่านแม่ ช่วยดูแลนางด้วย ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”ฉินซานปาดเหงื่อแล้วหันไปสั่งฮูหยินฉิน “หากข้ามิได้กลับมา ก็อย่าได้ขัดขวางนางเลย ปล่อยให้นางทำตามใจปรารถนาเถอะ!”ฮูหยินฉินตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งเสียของฉินซาน นางก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดแต่ฮูหยินฉินกลับเผยสีหน้าสงบแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด แ
หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่นี่คือหอริมธารา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงมาที่หอริมธารา?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว พยายามนึก แต่ก็มิสามารถรวบรวมความทรงจำออกมาได้เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด “ช่วยปลดมัดให้ข้าที… ข้าจำได้เพียงว่าได้ไปช่วยฉินซานและจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ แล้วก็พบฉินรั่วซือ… ฉินรั่วซือ?”ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับฉินรั่วซือทั้งสิ้น!เขาสับสนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาสนิทสนมกับฉินรั่วซือถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แต่หลิงอวี๋กลับใจเต้นแรง เซียวหลินเทียนเคยเรียกฉินรั่วซืออย่างสนิทเสน่หาว่า… ซือซือ!แต่บีดนี้เขากลับเรียกนางว่าฉินรั่วซือ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว!“หลิงซวน เล่าเรื่องที่เขาทำกระทำลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟังที! ข้าคร้านเกินกว่าจะพูดกับเขาอีกแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนลงโทษหลิงเยวี่ย ฉับพลันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกฉินรั่วซือควบคุมจิตใจถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นก็ตาม!แต่หลิงอวี๋สาม
“หญิงชั่วช้าสารเลวผู้นี้ ข้าจะต้องฆ่านางให้ได้!”เซียวหลินเทียนระเบิดถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงออกมาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมีท่าทีเย็นชาต่อเขาเช่นนั้นการกระทำของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงทำร้ายจิตใจของนางมิน้อยเลยนอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่มากล้น เซียวหลินเทียนก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อหลิงอวี๋หากมิใช่หลิงอวี๋ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเขาถอนพิษ เขาคงต้องตายไปอย่างมิรู้ตัว!เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเขาในชาตินี้ คงสูญสิ้นไปในพริบตา!“หลิงซวน เจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้าจะไปอธิบายกับหลิงอวี๋!”“ข้าต้องหาหนทางชดใช้ความผิดของข้า!”เซียวหลินเทียนกล่าวกับหลิงซวนด้วยความจริงใจ “ข้าขอโทษที่ข้าตบเจ้า แม้ว่านั่นจะมิใช่เจตนาของข้า แต่ก็เป็นความผิดของข้า เมื่อข้าจัดการเรื่องที่ข้าก่อไว้เสร็จแล้ว เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้!”เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนกล่าวเช่นนี้ หลิงซวนก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยเซียวหลินเทียนเสียสติและความเป็นตัวเองไป เขามิได้ตั้งใจเสียหน่อย!นางจะจดจำเรื่องนี้ไปจนตายได้อย่างไร!“ช่างเถิดเพคะ หากอาจารย์ของบ่าวให้อภัยท่าน บ่าวก็จะให้อภัยท่านเช่นกัน! เห็นว่าท
หลิงอวี๋และเผยอวี้วางแผนการปฏิบัติการในวันรุ่งขึ้นเสร็จสิ้น จากนั้นนางก็พาหลิงซวนกลับวังแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทาง พวกเขาจะถูกอันเจ๋อตามมาพบเสียก่อน“หลิงอวี๋ เกิดเรื่องแล้ว!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว เอ่ยถามด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซียวหลินเทียนอีกงั้นหรือ?”“มิใช่เขา ครั้งนี้เป็นฉินรั่วซือ!”อันเจ๋อกล่าวด้วยความกังวลและสิ้นหวัง “เมื่อครู่ฉินซานให้คนนำจดหมายมาส่งถึงข้า บอกว่า… บอกว่าท่านแม่ของเขา ฮูหยินฉิน วางยาพิษฉินรั่วซือด้วยตนเอง! ตอนนี้ฉินรั่วซืออยู่ในสภาพปางตาย!”หลิงอวี๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ฮูหยินฉินวางยาพิษฉินรั่วซือหรือ?นางใช้วิธีนี้เพราะต้องการขัดขวางมิให้ฉินรั่วซือแต่งงานกับเซียวหลินเทียนกระมัง?แต่...หากงานอภิเษกระหว่างฉินรั่วซือและเซียวหลินเทียนมิจัดขึ้นตามกำหนด แผนการขององค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่จะดำเนินต่อไปได้หรือ?อีกทั้งนางและจักรพรรดิอู่อันก็ได้จัดเตรียมเวทีละครไว้ให้องค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่แล้วเรียบร้อย จะให้การแสดงของพวกเขามีอันต้องล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร!“ไปดูกันก่อนว่าเราพอจะช่วยได้หรือไม่!”“หลิงซวน เจ้าไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนตามหาหาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซานก็เงียบไปทันทีหลิงอวี๋ถามเช่นนี้ ความหมายของนางนั้นเขาเข้าใจดีฉินรั่วซือสมคบคิดทรยศกับคนจากฉีตะวันออก ควบคุมจิตใจเซียวหลินเทียนความผิดเช่นนี้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะขอร้องให้หลิงอวี๋ช่วยถอนพิษกู่ให้ฉินรั่วซือ แต่ก็มิสามารถช่วยให้น้องสาวรอดพ้นจากการถูกประหารได้“มิต้องช่วยนางแล้ว!”ผู้ที่ตอบหลิงอวี๋แทนเขาคือฮูหยินฉิน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “มิว่าอย่างไรนางก็ต้องตาย การตายเช่นนี้นับว่ายังหลงเหลือเกียรติให้นางอยู่บ้าง!”หากฉินรั่วซือถูกตัดสินว่ามีความผิด เรื่องอัปยศเหล่านี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงนางตายไปก็มิน่าเสียดายฮูหยินฉินมิอยากให้บุตรชายของตนต้องพัวพันกับความชั่วช้าของฉินรั่วซือ กระทั่งถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้“ท่านแม่...”ฉินซานจะมิเข้าใจความคิดของมารดาได้อย่างไร เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ตนมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรนั่นแต่เมื่อกำลังจะเอ่ยปากกลับกล่าวคำใดมิออกเขาอาจมิสนใจชื่อเสียงของตนเองก็จริง ทว่าชื่อเสียงของตระกูลฉินเล่า?ชื่อเสียงที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน จะต้องมาจบลงเพราะฉินรั่วซือเช่นนั้นหรือ?“..
วันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในตำหนักอ๋องอี้ก็วุ่นวายกับการตระเตรียมงานอภิเษกหมิ่นกูสั่งการให้สาวใช้และคนรับใช้จัดเตรียมของด้วยความขุ่นเคืองเดิมทีนางมิอยากทำ แต่ว่าหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนมาแจ้งนางว่า นางต้องช่วยเซียวหลินเทียนจัดงานให้เรียบร้อย แล้วหลิงอวี๋จะกลับมาในวันนี้หมิ่นกูจึงจำใจจัดงานอภิเษกเพราะเห็นแก่หลิงอวี๋บรรยากาศภายในตำหนักอ๋องอี้คึกคักมากทีเดียว ทั้งผู้ที่ตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีและคนที่คิดร้ายต่างก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้กันตั้งแต่เช้าหลี่ว์จงเจ๋อและสหายอีกสองสามคนก็มาด้วยเช่นกัน หลี่ว์จงเจ๋อก็มาช่วยเซียวหลินเทียนดูแลงานตามคำสั่งของหลิงอวี๋ทางด้านปี้ไห่เฟิงก็ใช้สถานะของตนจัดแจงให้สหายบางคนแฝงตัวเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้ในฐานะคนรับใช้พวกเขาต้องควบคุมมือสังหารของตำหนักอ๋องอี้เหล่านี้ไว้ให้อยู่หมัดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง เพื่อมิให้พวกเขาฉวยโอกาสไปช่วยคนร้ายในวังหลวงได้ทันเวลาขุนนางหลายคนในเมืองหลวงยังคงสับสนอยู่ บางคนที่ต้องการเข้าหาเซียวหลินเทียนต่างก็มาแสดงความยินดีส่วนคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองกับเซียวหลินเทียนก็ได้กลิ่นอายของความอันตรายบางอย่างสองสามว
ตำหนักอ๋องอี้กำลังจัดงานแต่งงานกันอยู่ภายในวังหลวง จักรพรรดิอู่อันอยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วยใจที่ค่อนข้างว้าวุ่นแม้ว่าพอจะเดาได้อยู่แล้วว่า องค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่จะขัดต่อตนเอง แต่จักรพรรดิอู่อันก็ยังคงมีความเพ้อฝันอยู่ในส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ปล่อยไป แม้ว่านางจะเป็นพี่สาวของตนเอง แต่ก็ห่างกันไปสิบกว่าปีแล้ว จักรพรรดิอู่อันมิได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อนางมากนักหรอก!แต่กับองค์ชายเว่ย!นั่นลูกชายคนโตของตนเองเชียวนะ!ความรู้สึกที่เขาเทไปที่องค์ชายเว่ยมากกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ เสียอีก!เขาอดทนต่อความผิดขององค์ชายเว่ยครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพราะว่ามีความรู้สึกหลอกหลอนอยู่ตลอดเขาจดจำท่าทางในครั้งแรกที่องค์ชายเว่ยยิ้มให้ตนเองได้ะ!และจดจำความตื่นเต้นในตอนที่องค์ชายเว่ยหัดเรียกตนเองในครั้งแรกได้...อดีตเหล่านั้นปรากฏชัดเจนขึ้นมาทำให้เขามิอาจลืมเลือนได้เลย!เหตุใดองค์ชายเว่ยจึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้?“ฝ่าบาท พระชายาเส้าเสด็จมาทูลเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีเซี่ยเข้ามารายงาน “พระชายาเส้าตรัสว่า ฝ่าบาททรงงานหนักมากแล้วจึงต้มแกงโสมมาให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้ารับไว้แล้วให้นางกลับไปเถิด!”
เดิมทีองค์ชายเว่ยควรที่จะสวมชุดเกราะนี้ไปต่อสู้สังหารกับศัตรู แต่คิดมิถึงเลยว่า เขาจะใส่ชุดเกราะนี้มาเพื่อชิงบัลลังก์!“เซียวหลินเยี่ยน นี่เจ้าคิดที่จะทำสิ่งใด?”น้ำเสียงของจักรพรรดิอู่อันมีความโกรธเกรี้ยว ชี้ไปที่องค์ชายเว่ยที่บุกเข้ามาพลางตวาด“ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้ายังกล้าที่จะทำเรื่องที่เป็นความผิดร้ายแรงเช่นนี้อีกรึ?”องค์ชายเว่ยมิพูดพร่ำทำเพลง เขาโบกมือแล้วองครักษ์หลายคนก็บุกเข้ามา พร้อมทั้งจ่อมีดไปที่คอของจักรพรรดิอู่อัน พระชายาเส้าและขันทีเซี่ย“เสด็จพ่อ ที่ลูกทำเช่นนี้ก็เพราะท่านบีบให้ลูกต้องทำ!”องค์ชายเว่ยมิเรียกอย่างสุภาพอีกแล้ว เขายกดาบขึ้นมาชี้หน้าจักรพรรดิอู่อันพลางตะคอก “ข้าเป็นลูกชายคนโตของท่าน แต่ท่านกลับรีรอมิแต่งตั้งข้าเป็นองค์รัชทายาทเสียที!”“เรื่องนี้มิเท่าไร แต่ท่านยังยอมให้คนสารเลวนี่บีบแม่ของข้าให้ไปอยู่ในตำหนักเย็นอีก!”“เช่นนั้นต่อไปจะเป็นผู้ใดเล่า? เป็นข้าไง!”“ทั้งเงินและอำนาจของข้าล้วนถูกท่านกีดกันไว้หมดแล้ว หากยังมิทำสิ่งใดอีก หรือจะต้องให้ผู้อื่นมาฆ่าแกงไปจริง ๆ?”องค์ชายยิ่งตะโกนก็ยิ่งน้อยใจ เขายิ้มร้ายพลางเดินเข้ามา “เสด็จพ่อ ข้าจ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี