ทางด้านอันเจ๋อกับเผยอวี้ก็ประสบกับความกดดันเช่นกัน จักรพรรดิอู่อันส่งให้พวกเขาไปเฝ้าที่หอมองจันทร์ เพื่อมิให้องค์หญิงใหญ่มาช่วยหงเลี่ยงออกไปได้อย่างราบรื่นที่ตัวของหงเลี่ยงยังมีความลับอีกมากมายที่ยังมิได้ถูกขุดออกมา จักรพรรดิอู่อันมิสามารถปล่อยเสือเข้าป่าไปได้เมื่อเฮ่อหรงกับองค์หญิงใหญ่เข้าวังมาก็แบ่งทหารออกไปเป็นสองทาง เขาพาสายลับของค่ายกองทหารเสือบุกไปช่วยหงเลี่ยงอันเจ๋อกับเผยอวี้ทำตามแผนการก็คือ หากสู้มิไหวก็จงใจให้คนของเฮ่อหรงบุกเข้าไปหงเลี่ยงถูกย้ายตัวไปอย่างลับ ๆ นานแล้ว คนของเฮ่อหรงเพิ่งจะบุกเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที กระทั่งจะถอยออกมาก็มีประตูเหล็กร่วงลงมาจากหลังคาแล้วขังพวกเขาไว้ในหอมองจันทร์“หนีไปไหนมิรอดแล้ว!”อันเจ๋อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ยังมิทันได้ยิ้มอย่างเต็มที่ เฮ่อหรงที่อยู่ข้างนอกก็หันมาแล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับใบหน้าที่สวมหน้ากากเขี้ยวทองสำริด“พวกเจ้าตามหาเจ้าของหอเหยี่ยวราตรีมิใช่หรือ? ข้านี่แหละ!”เฮ่อหรงยิ้มชั่วร้ายแล้วยกดาบขึ้นมาแทงอันเจ๋ออันเจ๋อเห็นท่าทางที่โหดร้ายของเฮ่อหรงจึงรีบหลบหนีอย่างรวดเร็วแต่วรยุทธของเฮ่อหรงนั้นเหน
เฮ่อหรงมองสตรีผู้โง่เขลาที่พุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับฟันและกรงเล็บ แล้วในหัวเขาก็มีความคิดในแบบเดียวกับอันเจ๋อเลยสตรีผู้นี้สมองมีปัญหาใช่หรือไม่?เขายกดาบขึ้นมาอย่างมิรีบร้อนรอให้เจียงอวี้พุ่งเข้ามา แล้วจะหั่นนางให้เป็นสองท่อนในดาบเดียว...“ยายโง่...”อันเจ๋อมีหรือจะทนมองเจียงอวี้ตายไปเช่นนี้ได้ เขายันพื้นอย่างแรงแล้วใช้แรงนั้นเหวี่ยงร่างตัวเองกลับไปแต่ก็มิทันเสียแล้ว เขาเห็นเจียงอวี้เข้าปะทะดาบของเฮ่อหรงโดยตรงเลย...ในขณะที่กำลังจะเห็นเลือดโชกเต็มพื้น กลับได้ยินเสียงเฮ่อหรงตะคอกออกมาอย่างโมโห“สารเลว เจ้ากล้าลอบกัดข้า...”เฮ่อหรงยกดาบฟันไปที่เจียงอวี้อย่างดุร้าย แต่เจียงอวี้ก็อาศัยความว่องไวหลบหนีได้แต่เมื่อเฮ่อหรงโบกมืออีกข้างหนึ่ง เจียงอวี้ก็มิสามารถหลบได้แล้วจึงถูกเฮ่อหรงฟาดเข้าที่หลังเต็มฝ่ามือจนกระเด็นออกไปและบังเอิญพุ่งไปชนเข้าที่ตัวของอันเจ๋อพอดีอันเจ๋อถูกน้ำหนักของนางกระแทกกลับลงไปที่พื้น เขาจึงกอดเจียงอวี้ไว้โดยสัญชาตญาณแล้วใบหน้าของทั้งสองก็กระแทกกันเจียงอวี้กระแทกจมูกของอันเจ๋อเจ็บราวกับว่ามันหักไปแล้วยังมิทันที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาก็รู้สึกได้ว่า เลือดในปา
“มิใช่ข้าสังหาร… เจียงอวี้ต่างหาก!”อันเจ๋อไม่มีทางแย่งเอาความดีความชอบที่มิใช่ของตนมาหรอก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจียงอวี้ถูกเฮ่อหรงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พวกเรารีบจัดการมือสังหารเหล่านี้แล้วพาเจียงอวี้ไปให้หลิงอวี๋ช่วยรักษากันเถอะ!”ดูจากอาการของเจียงอวี้แล้วมิรู้เลยว่าจะยังทนได้นานเท่าใด!อันเจ๋อรู้เพียงว่า ยิ่งเขาจัดการมือสังหารเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะสามารถเพิ่มความหวังที่เจียงอวี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้มากขึ้น!เขาทุ่มสุดตัว การดำเนินการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงตายมากการทุ่มสุดตัวอย่างโหดร้ายโดยที่มิสนใจสิ่งใดทำให้เผยอวี้เหลือบมองอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ยิ่งมิต้องพูดถึงมือสังหารเหล่านั้นเลย!เมื่อเห็นว่า อันเจ๋อมีตาสีแดงและต่อให้มีร่องรอยดาบอยู่บนตัวก็พุ่งเข้าไปอย่างมิคิดชีวิตเช่นนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ล้วนหวาดกลัวและค่อย ๆ หลบการโจมตีของเขาไปและเมื่อมีการช่วยสกัดกั้นของขันทีโม่ มือสังหารเหล่านี้ก็พ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ จนเตลิดกันไปหมด.........ณ ตำหนักอ๋องอี้ขุนนางเหล่านั้นต่างมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาต่างกำลังชมการไหว้ฟ้าดินของท่านอ๋องอี้กับฉินรั่วซือกันอยู่
แต่บุรุษผู้นั้นคว้าเข้าที่คอของนางอย่างรวดเร็ว“อื้อ… อื้อ… ช่วยด้วย...”เซียวทงดิ้นรนและส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงความวุ่นวายข้างนอกนั้นดังมากจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเลยในแววตาของบุรุษผู้นั้นฉายแววดูถูกและรังเกียจออกมา เขาหยิบยาออกมาจากในอ้อมแขนแล้วยัดเข้าปากเซียวทงหลังจากเห็นกับตาแล้วว่าเซียวทงกลืนมันลงไป บุรุษผู้นั้นก็ปล่อยเซียวทงแล้วหันหลังเดินออกไปเซียวทงทรุดลงกับพื้น นางมิสนใจสิ่งใดแล้วยื่นมือไปล้วงคอตนเอง นางมิอยากตายไปเช่นนี้!แต่ล้วงคออยู่สักพัก ก็ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากที่อาเจียนออกมาบุรุษผู้นั้นคือใครกัน?เขาป้อนสิ่งใดให้ตนเองกันแน่?เซียวทงกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างสิ้นหวัง“องค์หญิงหก… องค์หญิงหก!”เสียงเถาลี่ตะโกนมาจากด้านนอกเซียวทงได้ยินแล้วแต่มิอยากตอบกลับเถาลี่เป็นคู่หูของตนตั้งแต่เข้าวัง และพยายามอย่างหนักที่จะเอาใจตนมาโดยตลอด!เซียวทงรู้สึกรังเกียจเถาลี่กับตนอายุเท่า ๆ กัน แต่กลับคิดที่จะเป็นนางสนมของเสด็จพ่อ คนที่คอยเอาใจผู้มีอำนาจเช่นนางก็สมควรตายแล้ว!ทางที่ดีที่สุดคือเถาลี่ควรจะถูกมือสังหารสังหารไปเสีย เช่นนี้จะได้มิต้องให้นางลง
ที่ทางลับในวังจักรพรรดิอู่อันเห็นว่าเซียวหลินเทียนหยุดเดินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“เทียนเอ๋อร์ มีการซุ่มโจมตีใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนพึมพำ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “ด้านบนมีเสียงการต่อสู้พ่ะย่ะค่ะ! อยู่ด้านหน้ามิไกลนี้เอง!”จักรพรรดิอู่อันพยักหน้า “ทางออกอยู่แถว ๆ นี้เอง พวกเราระวังกันหน่อย!”“พวกท่านรอก่อน ลูกจะไปดูสักหน่อย!”เซียวหลินเทียนเดินหน้าต่อไป มินานก็เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเขาวิ่งตามแสงอาทิตย์ไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่า ด้านบนมีกระดานระบายอากาศอยู่ แล้วแสงอาทิตย์จำนวนมากก็ส่องผ่านกระดานระบายอากาศลงมาเซียวหลินเทียนยื่นมือไปผลักกระดานระบายอากาศนั้นแล้วก็ปรากฏเป็นปากทางออกเขาดันกระดานระบายอากาศไปด้านข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดันตัวขึ้นไปบนพื้นดินทางออกของทางลับนี้อยู่ในสวนดอกไม้ด้านนอกพระตำหนักเหยียนฝูของไทเฮา ทางลับจะมีภูเขาเทียมปกปิดเอาไว้ ดูจากด้านนอกมิสามารถคิดได้เลยว่าข้างในเป็นทางลับเซียวหลินเทียนชะโงกหน้ามองด้านนอกแล้วก็เห็นว่าเสียงการต่อสู้นั้นดังมาจากทางพระตำหนักเหยียนฝู“เสด็จพ่อ ขึ้นมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ปลอดภัย!”เซียวหลินเทียนยื่นมือลงไปดึ
จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองพระชายาเส้า พลางเอ่ยอย่างคลุมเครือ“หึ การเปลี่ยนแปลงในวังวันนี้ก็คือกระจกส่องปีศาจ ส่องให้พวกภูตผีปีศาจปรากฏเป็นร่างเดิม...”หลังจากพูดจบ จักรพรรดิอู่อันก็มิสนใจว่าพระชายาเส้าจะเข้าใจคำพูดของตนเองหรือไม่ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “เราร่วมแรงกันฝ่าเข้าไปรวมตัวกับพวกของไทเฮาเถอะ!”“จะให้พวกภูตผีปีศาจประสบความสำเร็จในวันนี้มิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนสู้ไปยิ้มไปพลางเอ่ย “ลูกคิดว่า ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสด็จพ่ออีกแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าฝันจะกลายเป็นจริง! แต่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ที่ลูกหวังมันคือการต่อสู้ที่สนามรบที่แท้จริง มิใช่ในบ้านของเราเอง...”จักรพรรดิอู่อันเข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดออกมาเมื่อก่อนเซียวหลินเทียนกับจักรพรรดิอู่อันเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เพียงแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขาพิการไปก็มิสามารถนำทัพได้อีกตอนนี้ขาหายดีแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่า พ่อลูกได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้งจะเป็นการต่อสู้ภายในกับคนกันเอง!จักรพรรดิอู่อันเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันอยู่ ยามตกทุกข์ได้ยากจึงจะพบเห็นความ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งแล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย พลางตะโกนออกไป“หลิงอวี๋ เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าสิ! แล้วข้าจะช่วยเจ้าขอร้ององค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่ให้!“ต่อไปเจ้าก็มาคอยรินน้ำชาเป็นนางรับใช้ให้ข้าก็พอแล้ว!”“ส่วนเซียวหลินเทียน ก็ให้ละทิ้งวรยุทธไป จากนั้นก็ไปเป็นขันทีคอยรับใช้องค์ชายเว่ยแล้วกัน!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วนึกถึงการไร้ความรู้สึกที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนก็ไม่มีความรักต่อเขาแล้วแม้แต่น้อย นางจึงคิดเพียงแต่จะจัดการพวกเขาและทำให้พวกเขาอับอายอย่างหนัก! “เซี่ยโฮ่วตานรั่ว เจ้าดูที่ท้องฟ้าเถอะ พระอาทิตย์ยังมิตกดินเลย เหตุใดเจ้าจึงเพ้อฝันเสียแล้วเล่า!”หลิงอวี๋เห็นว่า คนของตนลดลงไปทีละนิด และทหารกองหนุนก็ยังมิมา นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมากเผยอวี้กับอันเจ๋อจะต้องถูกถ่วงเวลาไว้เป็นแน่ นางมิอาจฝากความหวังไว้ที่ทหารกองหนุนได้แล้วเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?หลิงอวี๋เหลือบมององค์หญิงใหญ่แล้วจู่ ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา จึงเอ่ยออกไป“องค์หญิงใหญ่ เจ้าเห็นว่าทางพวกเรามีการซุ่มโจมตีอยู่ เจ้ามิกังวลหรือว่าทางด้านเฮ่อหรงจะเจอซุ่มโจมตีบ้าง?”“ขอบอกเจ้าอย่างมิกลัวเลยแล้วกัน ทางด้
“ไม่… ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้!”องค์ชายเว่ยตะโกนขึ้นมา แล้วตะคอกใส่องค์หญิงใหญ่อย่างสิ้นหวังทั้งโมโห “องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่เปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้คืออะไร?”“คือพวกเราล้วนต้องตายด้วยดาบของเสด็จพ่อ!”“หากเราร่วมแรงร่วมใจกันชิงบัลลังก์นี้ ชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเรา...”ยังมิทันที่องค์ชายเว่ยจะพูดจบ ดาบของขันทีโม่ก็เหวี่ยงมาทางเขาแล้ว องค์ชายเว่ยจึงตกใจคว้าเอาองครักษ์ผู้หนึ่งมาบังตนเอาไว้องครักษ์ผู้นั้นถูกดาบของขันทีโม่บั่นออกเป็นสองท่อนทันที เลือดสดร้อน ๆ สาดไปที่หัวและใบหน้าขององค์ชายเว่ยเต็ม ๆองค์ชายเว่ยมององครักษ์ที่ตัวขาดออกเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง!สถานการณ์ที่นองเลือดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้องค์ชายเว่ยตกใจจนเกือบจะปัสสาวะราด มือเท้าของเขาล่าถอยไปข้างหลังทันที และคว้าเอาตัวองครักษ์มาบังหน้าตนไว้มิหยุดองครักษ์กองทัพหลวงที่เหลือองค์ชายเว่ยล้วนตกตะลึงกับความเห็นแก่ตัวที่ไร้ยางอายขององค์ชายเว่ย แล้วก็ต่างพากันหลบไปอยู่ไกล ๆยังมิทันจะทำสำเร็จองค์ชายเว่ยก็ไร้ความปรานีเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปจะรองรับพวกเขาได้หรือ?องครักษ์บางส่วนใจหนาวเหน็บขึ้น
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว