เมื่อประทานสมรสแล้ว งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังและองค์ชายรุ่ยจึงได้เตรียมการและกำหนดวันไว้อย่างรวดเร็วมิรู้ว่าองค์ชายคังคิดจะใช้โอกาสนี้รวบรวมกำลังพลใหม่ หรือว่าตั้งใจจะให้ความสำคัญกับพระชายาคังคนใหม่กันแน่ สินสอดทองหมั้นจึงอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษจนเกือบจะเป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตำหนักองค์ชายคังแล้ววันส่งมอบสินสอดมีหาบถึงหนึ่งร้อยยี่สิบหาบ และใช้เวลาหาบไปหลายชั่วยาม ขบวนที่ยิ่งใหญ่ดึงดูดความสนใจของราษฎรในเมืองหลวงจนการสัญจรติดขัดอยู่ครึ่งวันเลยทีเดียวความร่ำรวยขององค์ชายคังมากพอที่จะทำให้ผู้คนอิจฉา และจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้ได้รับสินสอดทองหมั้นก็ยิ่งเป็นสตรีที่จุดรวมความอิจฉาหลิงอวี๋มิรู้เรื่องนี้ เพิ่งจะรู้ตอนไปกินอาหารเย็นแล้วได้ยินพวกนางกำนัลซุบซิบเรื่องนี้กันนางกำนัลเหล่านั้นมิรู้ว่าหลิงอวี๋มาแล้วจึงรวมตัวกันซุบซิบนินทา“ได้ยินว่าคุณหนูรองจ้าวผู้นี้งดงามยิ่งกว่าพี่สาวอีก เป็นคนที่งดงามจนพระจันทร์ต้องหลบ ดอกไม้ละอาย และปลาตกใจจนลืมว่ายน้ำไปจริง ๆ!”“องค์ชายคังโชคดีจึงได้แต่งงานกับนาง!”นางกำนัลอีกคนก็หัวเราะพลางเอ่ย “เกิดมางดงามก็เป็นข้อได้เปรียบ! แต่ก็ต้องดูที่ฝ่ายบุรุษด้วยว่า
เซียวหลินเทียนมากินอาหารด้วย หลิงอวี๋ก็โกรธเขาอย่างประหลาดเพราะเรื่องนี้ เอาแต่ถามคำตอบคำกับเซียวหลินเทียนต่างจากก่อนหน้านี้ ทั้งยังก้มหน้าก้มตากินในส่วนของตนด้วยใบหน้าเย็นชา“อาอวี๋ วันนี้เป็นอะไรไปหรือ? มิสบายหรือไม่?”เซียวหลินเทียนทำตัวมิถูก แต่ก็ยังเอ่ยถามอย่างเอาใจ“เปล่าเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยเท่านี้แล้วกินต่อ“เช่นนั้นผู้ใดทำให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ? หรือว่าไท่เฟยเส้า?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหากไท่เฟยเส้ากล้ามาทำให้หลิงอวี๋ลำบากใจอีก เซียวหลินเทียนตัดสินใจว่าจะมิไว้หน้าองค์ชายคังอีกแล้ว จะบังคับให้ส่งไท่เฟยเส้าไปที่ศาลบูรพกษัตริย์“เปล่าเพคะ!”หลิงอวี๋กลายเป็นคนถามคำตอบคำ ตอบมาเพียงคำเดียวมิพูดไปมากกว่านั้นเซียวหลินเทียนประหลาดใจกับสิ่งนี้ มิได้มีผู้ใดทำให้นางขุ่นเคือง และนางก็มิได้ป่วย เช่นนั้นเหตุใดวันนี้หลิงอวี๋จึงเปลี่ยนไปอย่างน่าแปลกเช่นนี้เล่า!เขากวาดสายตามองไปที่หลิงซวนกับเถาจื่อที่รับใช้อยู่ด้านข้าง หลิงซวนกับเถาจื่อก็แสร้งมิเห็นและเบือนหน้าหนีพวกนางเป็นนางรับใช้ของหลิงอวี๋ เจ้านายก็คือหลิงอวี๋ พวกนางจะมิเปิดเผยเรื่องของเจ้านายตนเซียวหลินเทียน
ความมิสบายใจของหลิงอวี๋มาเร็วก็ไปเร็วมินานนางก็คิดได้เองแล้วว่าตนมิใช่เจ้าของร่าง เหตุใดต้องกังวลเรื่องสินสอดที่ได้รับแทนเจ้าของร่างด้วยเล่า!นางกับเซียวหลินเทียนจะเดินไปด้วยกันได้หรือไม่ก็ยังมิรู้ กังวลเรื่องของนอกกายเหล่านั้นไปจะมีประโยชน์อันใด!หลิงอวี๋กินอาหารเสร็จก็ไปหาเซียวเยวี่ยเซี่ยเหวยถูกรับเข้ามาในวังแล้วและอยู่คนละตำหนักกับเซียวเยวี่ยแรกเริ่มหลิงอวี๋ก็อยากให้เซี่ยเหวยรู้สถานะของตนให้ชัดเจน ดังนั้นตอนที่เซียวเยวี่ยเสนอให้เซี่ยเหวยกับเขาอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทด้วยกันจึงถูกหลิงอวี๋ปฏิเสธไปนางมิสามารถให้ใจของเซี่ยเหวยเติบโตมากขึ้นได้ กฎที่ควรจะดูแลก็ควรดูแลไว้ทางด้านเซียวเยวี่ยได้เรียนความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบแล้ว เซียวหลินเทียนยังได้เชิญอาจารย์ด้านวรยุทธ์มาให้เขาด้วย เด็กน้อยมิได้รู้สึกว่าการเรียนเหล่านี้น่าเบื่อและเรียนอย่างสนุกสนานหลิงอวี๋เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเป็นไปด้วยดีจึงกลับพระตำหนักคุนหนิง ให้หลิงซวนกับเถาจื่อเฝ้าหน้าประตูไว้แล้วหลิงอวี๋ก็เข้าไปในมิติเพื่อกลั่นโอสถเซียนที่จะทำให้เซียวหลินเทียนได้พัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณตอนนี้นางฝึกฝนในดินแดนห้า
เซียวหลินเทียนมองอยู่นิ่ง ๆ และมิคิดที่จะช่วยการกระทำเช่นนี้ทำให้หลิงอวี๋เย็นชาไปทันทีอย่างมิต้องสงสัย นางมิได้รู้สึกว่าตนทำผิดไปเลยนางมีความลับก็เพื่อปกป้องตนเอง โอสถเซียนที่กลั่นออกมาก็มอบให้เซียวหลินเทียนอย่างมิเห็นแก่ตัว แล้วเซียวหลินเทียนมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าทำท่าทีเช่นนี้ใส่ตน?ขอถามว่าสิ่งที่นางทำเพื่อเขายังมิพอหรือ?มิว่าเรื่องอะไรก็เป็นห่วงแทนเขา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวังนี้มิใช่เรื่องที่นางชอบทำเลยสักนิด แต่นางก็อดทนทำไปก็เหมือนกับที่ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเพื่อหลิงเสียงกัง อุทิศตนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ แต่หลิงเสียงกังลืมอดีตและลบล้างความยากลำบากของนางไปทั้งหมดตอนนี้เซียวหลินเทียนก็เช่นกัน เขายังมิได้สูญเสียความทรงจำก็ลืมสิ่งที่ตนทำเพื่อเขาแล้ว เอาแต่จับจ้องตนเมื่อมีเรื่องปิดบังเล็กน้อยก็ชักสีหน้าใส่ตนเช่นนี้คู่ควรกับที่ตนทุ่มเทไปหรือ?หลิงอวี๋โยนโอสถเซียนเข้าไปในมิติ แล้วตะโกนไปข้างนอก “หลิงซวน เรียกขันทีน้อยเซี่ยมาดูแลให้องค์จักรพรรดิไปพักผ่อนที่ตำหนักอื่น!”หลิงซวนที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางมองไปทางเถาจื่ออย่างทำตัวมิถูกเมื่อครู่หลิงอวี๋ยังเ
ยามทะเลาะย่อมไม่มีคำพูดที่ดี หลิงอวี๋มีหรือจะมิรู้เหตุผลข้อนี้ แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะพูดเช่นนี้นางจะดูว่าขีดจำกัดความอดทนของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตนจะอยู่ที่ใด...จิตใจของจักรพรรดิยากแท้หยั่งถึง!เมื่อก่อนเซียวหลินเทียนอดทนกับตนได้ มิได้หมายความว่าเป็นจักรพรรดิแล้วจะทนได้เข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงในวันหนึ่งตนต้องตายไปอย่างมิเข้าใจ!“หลิงอวี๋ เจ้าไม่มีเหตุผล!”เซียวหลินเทียนถูกบีบจนทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ เขามิได้มีความคิดที่จะประหารนางเสียหน่อย!เขาแค่มิชอบความรู้สึกถูกปิดบัง!“เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง! หากเจ้ามิได้มีเรื่องที่มิอาจให้ผู้ใดรู้ได้ปิดบังข้าอยู่ เหตุใดจึงมิอาจพูดกับข้าให้ชัดเจนได้?”เซียวหลินเทียนร้อนใจจนพูดความสงสัยในใจออกมา“ทักษะการแพทย์ของเจ้ามาได้อย่างไร? อย่าใช้คำที่โกหกผู้อื่นมาโกหกข้าอีก!”“คนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หลิงอวี๋เมื่อก่อนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้เจ้าเฉลียวฉลาด!”“อีกอย่าง เจ้ามีความรู้เรื่องการบริหารแคว้นมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ลูกรอกที่โจมตีเมืองในตอนแรกนั้นเจ้าไปเรียนมาจากที่ใด?”คำถามเหล่านี้ทำให้ใจของหล
เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เริ่มต้นสงครามเย็นกันแล้วเซียวหลินเทียนมิเป็นฝ่ายไปกินข้าวกับหลิงอวี๋อีก หลิงอวี๋ก็ย่อมไม่มีทางส่งคนไปเชิญเขาเป็นเช่นนี้เพียงวันสองวันก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกต แต่เมื่อเป็นติดต่อกันเช่นนี้หลายวัน อย่าว่าแต่คนที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนที่พบความผิดปกติ แม้แต่ไท่เฟยเส้าเองก็พบความผิดปกติเช่นกัน“เหอะ ๆ จะต้องเป็นเรื่องการคัดเลือกสนมแน่ ๆ ที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสองคนนั้น!”ไท่เฟยเส้าแอบยินดี นางส่งคนไปให้สัญญาณกับกุ้ยเหรินทั้งสองให้ฉวยโอกาสตอนนี้ทันที ขอเพียงเซียวหลินเทียนยอมรับหนึ่งในนั้น พวกจ้าวฮุยก็สามารถเอ่ยเรื่องการคัดเลือกสนมขึ้นมาได้อีกครั้งทันทีที่อู๋จื่อผิงได้ยินว่าองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาขัดแย้งกันก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้นางยังคิดอยู่เลยว่า หากเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ตนก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นสนมเอกได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลังจากเข้าวังมาแล้วจะเป็นกุ้ยเหรินก่อนหน้านี้นางคิดอยู่ตลอดว่า จะหาโอกาสไปปรนนิบัติเซียวหลินเทียน แต่ก็จนใจที่เซียวหลินเทียนมิเคยเรียกไปปรนนิบัติเลย กฏในวังหากไม่มีการเรียกก็มิสามารถเป็นฝ่ายไปถวายตัว
อู๋จื่อผิงเซไปเซมา ในช่วงนี้ทางเดินทั้งสองด้านล้วนเป็นสระน้ำ และเพื่อความงดงามในการชมดอกบัว รั้วโดยรอบจึงทำถึงแค่เอวเท่านั้นอู๋จื่อผิงพุ่งไปตรงรั้วท่ามกลางความตื่นตระหนก หรืออาจจะเพราะแรงเกินไป ทำให้นางข้ามผ่านรั้วแล้วตกลงไปในสระน้ำเกิดเสียงตู้มดังขึ้น จากนั้นนำในสระก็กระจายตามที่อู๋จื่อผิงตก อู๋จื่อผิงตกลงไปในน้ำทั้งตัวเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมานี่มันตลกเกินไปแล้ว!เขามิสามารถควบคุมตนเองได้ เขาคาดมิถึงว่าจะมีคนโง่ถึงขั้นนี้ เพียงทักทายก็สามารถพาตนเองไปอยู่ในสระน้ำได้จ้าวซวนกับพวกลู่หนานก็อยากจะขำ แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ เมื่อเกิดเรื่องแล้วพวกเขาหัวเราะจะมิเหมาะสม“ช่วยด้วย!”“ช่วยด้วย! ฝ่าบาทรีบช่วยกุ้ยเหรินอู๋ด้วยเถิดเพคะ!”เฉี่ยวเอ๋อร์ตะโกนอย่างตกใจจ้าวซวนจึงได้สติแล้วรีบให้องครักษ์ผู้หนึ่งไปหาแม่นมสองคนมาช่วย ตนก็รีบไปดูว่าข้าง ๆ มีไม้ไผ่หรือไม่ เมื่อหาไม้ไผ่เจอก็ยื่นไปในน้ำให้อู๋จื่อผิงจับไว้ก่อนอู๋จื่อผิงอยากจะแสร้งเป็นลมให้ได้รับความเห็นใจจากเซียวหลินเทียน ไหนเลยจะคิดว่าสระน้ำจะหนาวเข้ากระดูกเช่นนี้
แม่นมลี่อยู่กับหลิงอวี๋ตั้งแต่ในตอนที่ยากลำบากกันมา สิ่งที่พวกหลิงซวนมิกล้าพูด แม่นมลี่กล้าพูดแม่นมลี่เอ่ยอย่างเกลี้ยกล่อม “องค์จักรพรรดิมิใช่อ๋องอี้เช่นเมื่อก่อนแล้ว พระองค์มีสถานะสูงศักดิ์ ท่านกับพระองค์โกรธกันเช่นนี้ คนที่จะเสียเปรียบไปตลอดก็คือท่านเพคะ!”“แม่นม มิต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจทั้งหมด!”หลิงอวี๋พูดตัดบทแม่นมลี่เรียบ ๆสองวันนี้นางพิจารณาอย่างชัดเจนมากแล้ว นางอยากจะใช้เรื่องนี้ลองหยั่งเชิงขีดจำกัดของเซียวหลินเทียนดูว่าเขาจะสามารถทนตนไปได้ถึงขั้นไหน!หากแค่ความโกรธธรรมดา หลิงอวี๋มิถือสาก็ย่อมได้ทว่าหากเรื่องนี้พัฒนาต่อไปแล้วเซียวหลินเทียนมิอาจทนตนได้จริง ๆ เช่นนั้นก็ให้เป็นความรักที่จากกันด้วยดีหากเซียวหลินเทียนติดเชื้อความคลางแคลงใจของจักรพรรดิ อยากจะประหารตน เช่นนั้นนางก็ต้องพิจารณาทางหนีทีไล่ให้พวกนางทุกคนยามจำเป็น หลิงอวี๋ก็จะพาพวกนางไปแนะนำกับมู่หรงชิ่งที่เยวี่ยใต้ หรือไม่ก็หาที่ที่ดีอยู่กันอย่างสันโดษแน่นอนว่าหลิงอวี๋มิหวังให้ไปถึงขั้นนั้น หากเป็นเช่นนั้นความเสียสละของพวกนางคงจะมากเกินไปตอนนี้ก็ดูท่าทีของเซียวหลินเทียนไป!ครานี้หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าจะมิป
หลิงอวี๋มิได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย นางและท่านอาสุ่ยยังคงต่อสู้กันอยู่ในภาพลวงตาพลังของท่านอาสุ่ยสูงกว่าของหลิงอวี๋ ดังนั้นหลิงอวี๋จึงต้านอย่างยากลำบากมากขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะต้านมิอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงหยกหล้าสุขาวดีขึ้นมาเย่ซงเฉิงเคยบอกไว้มิใช่หรือว่า หยกหล้าสุขาวดีนี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เหนือกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ความลับของมันมีเพียงตนเท่านั้นที่จะเข้าไปสำรวจได้?ส่วนการสูญเสียความทรงจำสามารถทำให้ตนละทิ้งข้อจำกัดของอดีต ทำความรู้จักตนเองใหม่อีกครั้ง และไปสำรวจความลึกลับของหยกหล้าสุขาวดีได้!เย่ซงเฉิงสามารถสร้างภาพลวงตาที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้นให้ตนได้ นี่มิใช่สิ่งที่พลังของเขาสามารถทำได้แน่นอน!เขาแค่ใช้อิทธิฤทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีของตนมาสร้างภาพลวงตาให้กับตนในเมื่อเขาสามารถใช้ตนกระตุ้นศักยภาพของหยกหล้าสุขาวดีได้ แล้วเหตุใดตนที่อยู่ในฐานะเจ้าของหยกหล้าสุขาวดีจะมิสามารถใช้ได้เล่า?หลิงอวี๋คิดแล้วก็หลับตาลง จากนั้นในหัวของนางก็ตั้งสมาธิแน่วแน่นึกถึงทะเลทรายในชั่วพริบตาบริเวณรอบ ๆ ก็เป็นทะเลทรายทั้งหมด ทะเลทรายสีเหลืองทองนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วนางก็
หากวิชาดูดกลืนวิญญาณของตนถูกอีกฝ่ายต้านกลับได้ มีหรือที่ท่านอาสุ่ยจะมิรู้จุดจบ นางอาจจะติดอยู่ในภาพลวงตาที่หลิงอวี๋สร้างขึ้นตลอดไปและมิสามารถออกไปได้อีกในยามนี้ ท่านอาสุ่ยมิกล้าประมาทหลิงอวี๋แล้ว นางจึงพยายามช่วงชิงอำนาจการควบคุมอย่างสุดความสามารถในเวลานี้หลิงอวี๋เองก็มิสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน หากนางมิกดท่านอาสุ่ยเอาไว้ นางก็คงจะกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งทั้งสองคนแข่งขันกันโดยที่ต่างคนต่างก็ใช้วิธีการของตนมากดอีกฝ่ายไว้เจ้าแห่งทะเลเห็นเพียงปากของคนทั้งสองขยับอยู่ และการแสดงออกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับมิได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เจ้าแห่งทะเลมิได้คิดว่าหลิงอวี๋มีวิชาดูดกลืนวิญญาณและสามารถควบคุมท่านอาสุ่ยได้แต่เขาแค่สงสัยว่า ท่านอาสุ่ยจะมิอยากให้ตนรู้ความลับของหยกหล้าสุขาวดี จึงสื่อสารกับหลิงอวี๋เป็นการส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นเลือดไหลออกมาจากจมูกของท่านอาสุ่ยและหลิงอวี๋!นี่คือธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่?ยามนี้ต่อให้เจ้าแห่งทะเลจะเขลาแค่ไหนก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมิได้เป็นไปตามทิศทางที่ตนคาดไว
แม่บ้าอะไรเล่า!หลิงอวี๋ลอบกำหมัดแน่นผู้ที่ศึกษาวิชาสะกดจิตต่างก็รู้กันดีว่า ผู้ที่จิตแข็งจะมิถูกสะกดจิตได้ง่าย ๆอีกทั้งผู้ที่เชี่ยวชาญในวิชาสะกดจิตก็ยังรู้ด้วยว่า หากพบผู้ที่จิตแข็งกว่าพวกเขา การสะกดจิตจะมิสำเร็จ และอาจจะถูกอีกฝ่ายสะกดจิตกลับได้ด้วย!ในชั่วพริบตานั้นหลิงอวี๋จึงตัดสินใจว่าจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้ท่านอาสุ่ยได้ลิ้มรสการถูกสะกดจิตกลับเช่นกัน“ข้ายังมองมิเห็นทางออกเลย ข้าปวดหัวยิ่งนัก ข้าจะทนมิไหวแล้ว!”หลิงอวี๋ยังคงแสร้งทำท่าทางเจ็บปวดต่อแต่ในหัวของนางกำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการกับท่านอาสุ่ยอยู่วิชาสะกดจิตของท่านอาสุ่ยในยุคนี้ก็คือวิชาดูดกลืนวิญญาณนั่นเอง การที่เจ้าแห่งทะเลเชิญนางมาจัดการกับตนก็เป็นการยืนยันได้แล้วว่าท่านอาสุ่ยเป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้หากคิดจะจัดการกับปรมาจารย์เช่นนี้ การพึ่งวิธีการธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายได้แน่!ใกล้มือหลิงอวี๋เองก็ไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมแก่การสะกดจิตท่านอาสุ่ยกลับด้วยอีกทั้งเจ้าแห่งทะเลก็ยืนจ้องตาเป็นมันอยู่ด้านข้าง หากเขาพบว่ามีอะไรผิดปกติแล้วมาขัดขวางนาง นางก็จะมิอาจบรรลุเป้าหมายได้เช่นกันหลิงอวี๋นึก
“เจ้าค่ะ ท่านแม่!”หลิงอวี๋ตอบรับ จากนั้นตรงหน้าก็ปรากฏประตูไม้โบราณบานหนึ่งขึ้นมา เมื่อนางผลักประตูเปิด ข้างในห้องนั้นล้วนเป็นหมอก จนมองมิเห็นการตกแต่งใด ๆ“อาอวี๋ เจ้าเห็นสิ่งใด?”ท่านอาสุ่ยเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่ มีแต่หมอกเต็มหมด นอกจากนี้แล้วข้ามองมิเห็นอะไรเลย!”หลิงอวี๋บอกไปตามความจริงท่านอาสุ่ยรู้สึกสับสนขึ้นมา วิชาดูดกลืนวิญญาณของตนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ในแดนเทพแทบจะไม่มีใครเทียบเทียมกับตนได้นางชี้นำให้หลิงอวี๋เปิดประตูแห่งความทรงจำ ตามหลักเมื่อหลิงอวี๋เปิดประตูนั้นไปก็น่าจะนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีได้ แต่เหตุใดสิ่งที่เห็นจึงมีแต่หมอกเสียได้เล่า!ท่านอาสุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “อาอวี๋ เดินเข้าไป เดินฝ่าหมอกเหล่านั้นไปแล้วเจ้าจะพบ!”หลิงอวี๋จึงเดินหน้าต่อไปอย่างเชื่อฟัง แต่นอกจากหมอกแล้วนางก็ยังมิเห็นสิ่งใดอยู่ดีอีกทั้งยังปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงด้วย“ท่านแม่ ข้าปวดหัว!” นางเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ นี่คือปฏิกิริยาที่หลีกเลี่ยงมิได้เมื่อหลิงอวี๋อยู่ในกระบวนการขุดค้นความทรงจำ“อดทนไว้ ขอเพียงฝ่าหมอกไปได้ก็จะม
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง