“ได้!”หลิงอวี๋มิได้อยากพบเซียวหลินเทียนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วยหลิงซวนกำลังจะออกไป จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็เอ่ยขึ้นมา “ประเดี๋ยวก่อน!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานกุ้ยเหรินทั้งสองแย่งชิงกันปรากฏตัวต่อหน้าเซียวหลินเทียนอู๋จื่อผิงออกมาตอนกลางวันแล้วก็ตกน้ำ และตอนเย็นสวีเนี่ยนจือก็ไปเอาอกเอาใจเซียวหลินเทียนสวีเนี่ยนจือผู้นี้เมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้มิได้มีความปรารถนาใดมิใช่หรือ?ตอนนี้ทนมิไหวแล้วหรือ? หรือว่ามีคนสั่งการ?“เมื่อวานกุ้ยเหรินสวีเรียกร้องความสนใจองค์จักรพรรดิอย่างไร?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างอยากรู้หลิงซวนสืบมาอย่างชัดเจนแล้วจึงเล่าเรื่องที่สวีเนี่ยนจือดีดฉินที่ศาลาตรงสระน้ำดึงดูดความสนใจของเซียวหลินเทียนออกไปหลิงอวี๋ฟังแล้วก็กระตุกมุมปากเยาะเย้ย ดูท่าทางสวีเนี่ยนจือผู้นี้จะมีชั้นเชิงกว่าอู๋จื่อผิง!วิธีการถอยหลังเพื่อก้าวหน้านี้ใช้ได้ผลกับบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนยิ่งกว่าการเข้าหาตรง ๆ หลิงอวี๋มองทะลุไปถึงธาตุแท้ แต่มิได้คิดว่าเรื่องราวจะง่ายดายเช่นนี้“หลิงซวน คนรับใช้ที่อู๋จื่อผิงกับสวีเนี่ยนจือพาเข้าวังมาด้วยครานี้มีใครบ้าง?”หลิงซวนม
“ฝ่าบาท ฮองเฮาตรัสว่าพระนางประชวร ยามเย็นพระองค์มิจำเป็นต้องเสด็จไปที่พระตำหนักคุนหนิงแล้ว ให้เรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีน้อยเซี่ยรอให้เซียวหลินเทียนจัดการงานราชการเสร็จแล้วจึงรายงานเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกผิดปกติรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็เรียกสติกลับมาได้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อตนยังมิได้คลายไป มิฉะนั้นนางไม่มีทางพูดออกมาว่าให้ตนเรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติเมื่อคิดลึกซึ้งลงไปอีกหน่อย ตอนนี้หลิงอวี๋ควบคุมดูแลวังหลัง เช่นนั้นเรื่องที่ตนดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีที่ห้องอาหารเมื่อคืน หลิงอวี๋ก็น่าจะรู้แล้วเช่นกันเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดขึ้นมา เรื่องนี้เขามิได้พูดกับหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋จะต้องมีความคิดแล้วแน่นอน!“ไปพระตำหนักคุนหนิง!”เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างรีบร้อนกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาที่ห้องแล้วเดินออกไปเดินไปได้ครึ่งทาง เซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา จากนั้นจึงรีบกลับไปที่ห้องทรงพระอักษรแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนพระราชโองการขันทีน้อยเซี่ยแปลกใจ องค์จักรพรรดิจะทำสิ่งใดกัน เหตุใดจึงเขียนพระราชโองการซ้ำ ๆ!กระทั่งมาถึง
หลิงอวี๋เปิดดูม้วนหนึ่งอย่างสงสัย ทันทีที่เห็นก็ตะลึงไปนี่คือหนังสือรับรอง!หนังสือรับรองคือใบรับรองที่จักรพรรดิในสมัยต่าง ๆ มอบให้ขุนนางผู้มีความชอบในสมัยต่าง ๆ ให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือเป็นการละเว้นโทษ มิว่าจะทำผิดในเรื่องใดก็สามารถใช้หนังสือนี้รับอภัยโทษได้เซียวหลินเทียนเขียนมอบให้ตนมากมายถึงเพียงนี้ นี่สามารถแลกได้ตั้งกี่ชีวิต!“อาอวี๋ เมื่อมีสิ่งนี้ก็สามารถรับรองจิตใจของข้าที่มีต่อเจ้าได้แล้วกระมัง!”เซียวหลินเทียนคิดอยู่นานก็คิดมิออกว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋สบายใจ เมื่อครู่คิดเรื่องหนังสือรับรองออกจึงได้กลับไปเขียน“ข้ารู้ว่าต่อให้พูดดีแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! เจ้าดูการกระทำของข้าต่อจากนี้เถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างซื่อตรง “ข้ารับรองว่าต่อไปข้าจะมิไปดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีอีกแล้ว ข้าไม่มีทางเอาพวกนางมาทำให้เจ้าโกรธอีก!”“อาอวี๋ ข้า… ข้าค่อนข้างซื่อบื้อในเรื่องของความรู้สึก ข้าชอบเป็นสหายกับคนฉลาด นั่นก็เพราะว่าสื่อสารกันง่าย!”“แต่เรื่องจิตใจของสตรีนั้นข้าไร้ประสบการณ์นัก… เจ้าอย่าได้รังเกียจที่ข้าโง่เขลาเลย หากเจ้าเตือนข้ามากหน่อย ข้าก็จะเข้าใจได้!”หน้าของหลิ
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องวัวนม มีบางเรื่องที่หลิงอวี๋ต้องพูดถึงอย่างไรตนก็มีหนังสือรับรองที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ ชีวิตนี้ก็คงมิอาจไปจากฉินตะวันตกได้แล้ว เช่นนั้นนางจึงต้องทำเพื่อประโยชน์ของฉินตะวันตกเสียหน่อยเมื่อทุกคนมีชีวิตที่ดี ต่อไปเซียวเยวี่ยก็จะสบาย“เซียวหลินเทียน นมที่คั้นมาจากวัวนมนั้นมีประโยชน์มาก ยามนี้ท่านพัฒนาเรื่องเกษตรกรรม ก็ควรจะพัฒนาเรื่องห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างรอบด้านด้วย!”หลิงอวี๋เผยแพร่เรื่องผลผลิตจากนมวัวให้เซียวหลินเทียนฟัง การพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมเหล่านี้มิเพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกร แต่ยังสามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ด้วยเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ประหลาดใจ เขามิเคยคิดมาก่อนเลยว่านมวัวที่ตนมิชอบจะสามารถทำผลิตภัณฑ์ได้มากถึงเพียงนี้เมื่อคิดดูแล้ว หากทำตามที่หลิงอวี๋พูดออกมา แล้วขายไปในแคว้นอื่น ๆ ก็สามารถสร้างรายได้ให้ฉินตะวันตกได้เวลานี้ เซียวหลินเทียนมิกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่มาของนโยบายแคว้นของหลิงอวี๋อีก เขาคิดว่าท่านจินต้าพูดถูกความคิดที่คาดคิดมิถึงของหลิงอวี๋เหล่านี้มิว่าจะไปเรียนมาจากที่ใด แต่นางมาบอกตน เจตนาเดิมก็คือหวั
งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุณหนูตระกูลจ้าวมิได้ด้อยไปกว่าการมอบสินสอดทองหมั้นในวันนั้นองค์ชายคังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ปูพรมแดงถนนหลายสายตั้งแต่ตำหนักองค์ชายคังไปจนถึงบ้านตระกูลจ้าวตอนที่ไปรับเจ้าสาวก็มีเด็กหญิงเด็กชายหลายสิบคนโปรยดอกไม้ไปตามทาง และยังมีทหารของแม่ทัพฟางคอยรักษาความสงบตลอดทางด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักองค์ชายคังหลิงอวี๋สวมชุดงานมงคลลายห้าหงส์สีแดงกุหลาบปักด้ายทอง ที่มวยผมทั้งสองด้านปักปิ่นปักผมรูปหงส์คู่สีทอง ตรงกลางเป็นเครื่องประดับดอกโบตั๋นสีทอง ดูสง่างามเป็นอย่างมากหลิงซวนกับหานอวี้กำลังแต่งตัวให้นางอยู่ก็ได้ยินเสียงรายงานจากด้านนอก “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!”“ยังเช้าอยู่เลย เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงเสด็จมาแล้วเล่า!”หลิงอวี๋ค่อนข้างแปลกใจ จึงให้หลิงซวนหยุดแล้วเดินออกไปรับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นชุดงานมงคลแล้ว เขาสวมชุดจักรพรรดิสีทองอร่าม มือทั้งสองถือกล่องใบใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็เข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม“อาอวี๋ ข้าว่าตั้งแต่ที่เจ้าเข้าวังมาก็มิได้แต
เพราะต้องไปร่วมพิธีอภิเษกขององค์ชายคัง หลิงอวี๋จึงไม่มีเวลาศึกษากำไลหยก นางจึงตกแต่งด้วยเครื่องหน้าผมที่เซียวหลินเทียนมอบให้ด้วยความร่วมมือกันของพวกหลิงซวนเมื่อสวมมงกุฎไข่มุกหงส์สีม่วงทองแล้ว ความรู้สึกสูงศักดิ์สง่างามที่มิอาจระงับได้ของหลิงอวี๋ก็ท่วมท้นขึ้นมาในทันทีต่างจากความหรูหราสง่างามเมื่อครู่ หลิงอวี๋ในเวลานี้ราวกับเทพธิดาที่ผู้สูงสง่าอยู่เหนือทุกคน และมีความสูงส่งมากงดงามยิ่งนัก!เซียวหลินเทียนมองตะลึง รู้สึกว่าหลิงอวี๋ในวันนี้ดูมีสง่าราศียิ่งกว่าวันที่แต่งตั้งฮองเฮาเสียอีกหากหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้ไปที่ตำหนักองค์ชายคัง ผู้ใดยังจะกล้าหัวเราะว่าสินสอดของนางในวันนั้นสู้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้อีกหลิงซวนรู้สึกคลายความโกรธลง ความโกรธที่มีต่อเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ได้ลบล้างไปแล้วนางตั้งใจออกไปบอกให้ลู่หนานเปลี่ยนเป็นรถม้าพระที่นั่งแบบเปิด อยากจะให้รูปลักษณ์ของหลิงอวี๋เช่นนี้ไปร่วมงานแล้วตบหน้าคนที่หัวเราะเยาะหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิรู้ความคิดเช่นนี้ของหลิงซวน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงขึ้นรถม้าพระที่นั่ง แล้วมุ่งไปยังตำหนักองค์ชายคังโดยที่มีกองทัพหลวงเปิดทา
นับวันจ้าวฮุยก็ยิ่งมิชอบองค์ชายคัง รู้สึกว่าองค์ชายคังมิได้มีความสามารถอะไรช่วงนี้เขาสนับสนุนองค์ชายคังก็มิได้มีความเชื่อมั่นในใจแล้วแต่ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของจ้าวฮุยก็คือไม่มีลูกชาย ฮูหยินจ้าวมีแต่ลูกสาวให้ตนทั้งสองคนเหล่าอนุภรรยาก็มีลูกสาวอดีตจ้าวฮุยไปหาปรมาจารย์ให้ดูดวงให้ เขาบอกว่าชีวิตของตนถูกลิขิตมาว่าจะไม่มีลูกชายเขาเองก็เคยหวั่นใจ คิดจะหาเด็กชายในตระกูล แต่เด็กที่เฉลียวฉลาดในตระกูลมีมิมาก ดูไปดูมาก็ยังสู้ลูกสาวสองคนของตนมิได้จ้าวฮุยมิอยากให้ชื่อเสียงของตนถูกทำลายไปชั่วชีวิตจึงตัดความคิดนี้ไปการตายของจ้าวเจินเจินคราวนี้ยิ่งทำให้จ้าวฮุยมองเห็นถึงความเย็นชาขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าแม้ว่าเขาจะเรียกลูกสาวของตนกลับมา แต่มิได้วางแผนที่จะให้นางอุทิศตนให้องค์ชายคังอย่างมิเห็นแก่ตัวดังเช่นจ้าวเจินเจินอีกการให้ค่าตอบแทนเท่าเทียมกันของขุนนางชายหญิงที่หลิงอวี๋ผลักดัน ทำให้จ้าวฮุยหวั่นใจบุรุษสามารถเป็นจักรพรรดิได้ สตรีก็เป็นได้เช่นกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลูกสาวของตนเหนือกว่าองค์ชายคังมากทั้งทักษะและปัญญา เช่นนั้นเหตุใดจะมิสามารถแทนที่ได้เล่า!ดังนั้น จ้าวฮุยเพีย
ทางด้านหลิงอวี๋กำลังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณของหลิงอวี๋ นางค่อนข้างตกใจ หลิงอวี๋ก็เป็นผู้ฝึกฝนเช่นกันหรือ?อีกทั้งดูเหมือนว่าการฝึกพลังวิญญาณจะถึงดินแดนที่สี่แล้วด้วย?สิ่งนี้ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยามหลิงอวี๋เพิ่งจะดินแดนที่สี่ ตนเองอยู่ระดับสูงของดินแดนที่หกแล้ว ขอเพียงตนเองบรรลุผ่านดินแดนที่หกไปก็จะเป็นดินแดนที่เจ็ดอาจารย์บอกไว้แล้วว่า หากถึงดินแดนที่เจ็ด แผ่นดินใหญ่ทั้งสี่แคว้นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของตน!นางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคือคนที่อาจารย์ยกย่องว่ามีปัญญามาก คุณหนูตระกูลขุนนางเช่นหลิงอวี๋ การถึงดินแดนที่สี่ก็เป็นขั้นสุดที่นางฝึกฝนแล้ว!นางไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้แน่!และความผันผวนของพลังวิญญาณบนร่างของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหลิงอวี๋นั้นเซียวหลินเทียนก็สัมผัสได้ สีหน้าของเขาจึงเรียบเฉยลงดังเช่นหลิงอวี๋ แรกเริ่มเขาตกใจที่ลูกสาวของจ้าวฮุยเป็นผู้บำเพ็ญตนเช่นกัน จากนั้นก็ตระหนักได้ว่า การที่จ้าวฮุยให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานกับองค์ชายคังมิเพียงแต่เป็นการเชื่อมความสัม
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี