LOGINอ๋องซู่เอ่ยอย่างใจเย็น “นางคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก ทั้งยังเป็นหลิงอวี๋ผู้เป็นธิดาของหลงหมิงอีกด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเป็นแพทย์ชั้นเซียนที่กล่าวขานกันอื้ออึงไปทั่วทั้งเมืองหลวงแดนเทพ!”“หลิงอวี๋?”ฮูหยินหยางตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำท่าทีเยาะเย้ยไปว่า “หากเข้าใจเพียงผิวเผินแล้วกล้าเรียกตนเองว่าเป็นแพทย์ชั้นเซียน เช่นนั้นหม่อมฉันจะมิเป็นแพทย์ชั้นเซียนที่เก่งกาจยิ่งกว่าหรือ!”“หม่อมฉันว่านางเองก็มีแต่ชื่อเสียงแต่ไร้ความสามารถเช่นกันกระมัง! มิฉะนั้นนางจะวินิจฉัยโรคของรั่วหลานมิออกได้อย่างไรกันเพคะ!”หมออาวุโสอยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ใต้หล้านี้ก็มีพวกหลอกลวงอยู่มากโข ที่อาศัยว่าตนมีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์เล็กน้อยมาตบตา ฮูหยินจะมิเชื่อนางก็เป็นปกตินี่!”“ฮูหยิน โรคนี้ของคุณหนูหยางช่างประหลาดนัก ข้าศึกษาวิชาแพทย์มาหลายสิบปีก็ยังมิเคยพบโรคเช่นนี้มาก่อนขอรับ!”“ฮูหยิน เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่จะมิใช่โรค แต่ถูกวิชามารเข้าแล้ว?”ฮูหยินหยางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ ชิงเสวียนก็ตะโกนเรียก “ท่านแม่ ท่านดูรั่วหลานสิเจ้าคะ!”ฮูหยินหยางหันกลับไปก็เห็นว่าใบหน้าของหยางรั่วหลานกลาย
หลิงอวี๋กล่าวพลางเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “มิสู้เชิญพวกเขาเข้ามาข้างในเถิด!”“ฮูหยินหยาง หากท่านหมออาวุโสผู้นั้นคือเจี่ยงชิงจริง เมื่อนางเห็นอาการของรั่วหลานทรุดหนักลง ก็อาจจะมิยื่นมือเข้ามายุ่งอีก!”“เช่นนี้ พวกเขาก็จะมิสงสัยว่าพวกเราล่วงรู้แผนการของนางแล้ว เปิดโอกาสให้พวกเราซื้อเวลาในการรักษาหยางรั่วหลานได้!”ฮูหยินหยางก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ชิงเสวียน ไปเชิญพวกเขาเข้ามาเถิด!”หลิงอวี๋ได้เจาะเก็บเลือดของหยางรั่วหลานเรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวว่า “ฮูหยินหยาง เช่นนั้นข้าขอตัวไปตรวจดูที่ห้องข้าง ๆ ก่อน!”นางถือเลือดกลับมายังห้องข้าง ๆ และเร่งรุดเข้าไปในมิติของตน วางตัวอย่างเลือดไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ทันทีครั้งนี้เมื่อหยดน้ำยาเทียบสีชนิดพิเศษลงไป หลิงอวี๋ก็มองเห็นเส้นใยบาง ๆ คล้ายพืชในกระแสเลือดของหยางรั่วหลานอย่างรวดเร็วเมื่อขยายภาพดูก็พบว่าเป็นเซลล์ของสาหร่ายบางชนิด สาหร่ายชนิดนี้สมชื่อสาหร่ายหนาม ผิวของมันมีหนามแหลมคมงอกออกมาหากหลอดเลือดบริเวณหัวใจถูกสาหร่ายหนามเหล่านี้พันรัดจนเต็ม การสูบฉีดเลือดก็จะถูกจำกัดอย่างหนักนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้หัวใจของหยางรั่วหลานเ
เมื่อหลิงอวี๋คาดเดาได้ดังนั้น ก็รีบรุดไปยังโต๊ะทดลองในภาชนะเพาะเชื้อมีเลือดของหยางรั่วหลานเลี้ยงไว้อยู่ หลิงอวี๋ตักตัวอย่างออกมาเล็กน้อยวางไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อสังเกตการณ์ ทว่าเลือดในภาชนะเพาะเชื้อยังคงมิปรากฏสิ่งใดผิดปกติหรือว่านางจะวินิจฉัยผิดพลาดไป?ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิด ก็พลันนึกขึ้นได้ เลือดที่นางเก็บมานั้นเป็นเลือดจากข้อพับแขนของหยางรั่วหลานทว่าไฝดำของหยางรั่วหลานนั้นอยู่ที่แผ่นหลังซึ่งใกล้กับหัวใจหากเจี่ยงชิงใส่สาหร่ายหนามนี้เข้าที่แผ่นหลังของหยางรั่วหลานจริง ด้วยความสามารถในการแพร่พันธุ์ของมัน ย่อมยังมิลุกลามไปทั่วร่างในเวลาอันสั้นบางทีการเก็บเลือดบริเวณใกล้เคียงหัวใจของหยางรั่วหลานอาจทำให้ตรวจพบร่องรอยของสาหร่ายหนามได้ง่ายกว่าขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงร้องของหลิงหว่านดังมาจากด้านนอก “พี่หญิงหลิงหลิง ชิงเสวียนมาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นจึงรีบออกไป“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”หลิงอวี๋ใจกระตุกวูบ หรือว่าหยางรั่วหลานจะสิ้นหวังแล้ว?หลิงหว่านกล่าวอย่างร้อนรน “ชิงเสวียนบอกว่าไฝดำของหยางรั่วหลานขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่า ทั้งชีพจรยังเต้นเร็วขึ้น
หลิงอวี๋อ่านจบเล่มหนึ่งก็ดึงออกมาอีกเล่ม ทว่าบันทึกเล่มนี้กลับมิใช่บันทึกเกี่ยวกับเครื่องยาสมุนไพร แต่เป็นบันทึกเรื่องราวพิสดารนานาชนิดทั้งลายมือก็มิใช่ของฮูหยินหยางลายมือของฮูหยินหยางนั้นอ่อนช้อยงดงาม ทว่าลายมือในบันทึกเล่มนี้กลับหนักแน่นทรงพลัง ทั้งสำนวนการเขียนยังองอาจเปี่ยมด้วยอิสระ น่าจะเป็นบุรุษผู้หนึ่งที่เขียนไว้เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะเปลี่ยนเล่ม แต่เมื่อลองพลิกอ่านดูสองสามหน้า ก็ถูกเนื้อหาด้านในดึงดูดความสนใจเข้าเสียแล้วในบันทึกเล่มนี้มีเรื่องราวของสัตว์เทพ ทั้งยังมีเครื่องยาสมุนไพรพิสดารบางขนาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการกล่าวถึงชนเผ่าหลายเผ่าที่หลิงอวี๋มิเคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยอีกทั้งสถานที่ตั้งของชนเผ่าเหล่านี้ดูเหมือนจะมิใช่แดนเทพ ตัวอย่างเช่นชนเผ่าหนึ่งนามว่าเผ่าจันทราโลหิตก็ตั้งอยู่ที่แคว้นเฮ่อหลานในบันทึกยังกล่าวถึงสถานที่อย่าง แดนเหมันต์ แคว้นซิงลั่ว แคว้นโหลวอี้และอื่น ๆนี่จึงเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของหลิงอวี๋ที่ว่าแดนเทพมิใช่แคว้นเดียวบนผืนแผ่นดินนี้ป่าหมื่นอสูรที่ถูกบันทึกไว้ก็มีคำอธิบายว่าตั้งอยู่ที่จุดบรรจบกันของสามดินแดนระหว่างแคว้นซิงลั่วและแด
ครั้นหลิงอวี๋กลับมาถึงโรงเตี๊ยม เซียวหลินเทียนก็ยังมิได้หลับแต่กำลังรอนางอยู่เมื่อเห็นหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย “ไปบ้านตระกูลหยาง ราบรื่นดีหรือไม่?”หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องที่ได้พบหยางเฉิงให้ฟังทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงโรคชราภาพของฮูหยินหยาง เซียวหลินเทียนถึงกับนิ่งอึ้งไปใต้หล้าผืนนี้มีโรคประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ เขาแทบจะนึกภาพมิออกเลยจริง ๆใต้หล้านี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องแปลกประหลาดอันใดก็ล้วนเกิดขึ้นได้!“หม่อมฉันรู้สึกว่าฮูหยินหยางผู้นี้ช่างลึกลับนัก!”หลิงอวี๋กล่าวขึ้นอย่างครุ่นคิด “แม้รูปโฉมภายนอกของนางจะดูแก่ชรา แต่ทุกท่วงทีกลับแฝงไว้ซึ่งการอบรมสั่งสอนอันดีเยี่ยม!”“นี่มิใช่สิ่งที่ตระกูลธรรมดาสามัญจะสามารถอบรมเลี้ยงดูออกมาได้!”“อีกทั้งท่าทีของหยางเฉิงที่มีต่อนาง ก็เปี่ยมด้วยความเคารพนบนอบมากกว่าความรักใคร่เสน่หา นี่มิเหมือนความสัมพันธ์ของสามีภรรยาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย!”เซียวหลินเทียนยิ้มกล่าว “มิใช่ว่าพวกเขามีบุตรด้วยกันถึงสองคนแล้วหรอกหรือ?”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “เด็กทั้งสองคนนี้อาจมิใช่บุตรที่ฮูหยินหยางให้กำเนิด! หม่อมฉันดูจากสรีระของนางแล้ว มิเหมือ
ฮูหยินหยางเห็นหลิงอวี๋จริงใจถึงเพียงนี้ก็แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “ฮูหยินอู่มาจากฉินตะวันตก ข้ารู้ว่าที่นั่นเปรียบดั่งใต้หล้าอีกผืนหนึ่ง!”“ท่านสามารถรู้แจ้งสมุนไพรพิษในแดนเทพถึงหกส่วน ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว!”“ต่อให้ข้าทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อศึกษาเครื่องยาสมุนไพร ข้าก็รู้แจ้งเพียงพันกว่าชนิดเท่านั้น!”“ทว่าท่านพูดถูก แต่ละคนมีแนวทางศึกษาที่แตกต่างกัน ความรู้ความเข้าใจในชนิดของเครื่องยาสมุนไพรย่อมมีจุดที่แตกต่างกันไป!”“การที่ฮูหยินอู่ยอมมาแลกเปลี่ยนความรู้กับข้า ก็นับเป็นวาสนาของข้าแล้ว!”ฮูหยินหยางหันไปทางชิงเสวียน “ชิงเสวียน ไปนำตำราบันทึกของข้ามา!”ชิงเสวียนมิได้เอ่ยคำใด นางเดินออกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มหนาปึกสิบกว่าเล่มในอ้อมแขน“ฮูหยินอู่ ตำราเหล่านี้ล้วนเป็นบันทึกเครื่องยาสมุนไพรที่ข้ารวบรวมไว้ ข้าให้ท่านยืมศึกษาสามวัน หากให้ข้าเล่าปากเปล่า ต่อให้พูดสามวันสามคืนก็คงมิจบสิ้น!”ฮูหยินหยางมองหลิงอวี๋ด้วยรอยยิ้มหลิงอวี๋มองดูกองตำราที่สูงท่วม นางตื่นเต้นจนพูดมิออกฮูหยินหยางถึงกับยอมให้นางยืมบันทึกเครื่องยาสมุนไพรที่ศึกษามาทั้งชีวิตเชียวหรือ?ความใจกว







