องค์ชายเย่กับองค์ชายรุ่ยที่อยู่ข้างนอกได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อยู่มิเป็นสุข รีบพุ่งเข้าไปพร้อมกันองค์ชายเย่ก้าวไปตรงหน้าโลงศพ เมื่อเห็นไทฮองไทเฮาที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจนก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างตกใจและโกรธเกรี้ยว“เสด็จย่ามิได้สิ้นพระชนม์เพราะพระทัยวายเฉียบพลัน เซียวหลินเทียน หากท่านไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล กระหม่อมจะไม่มีทางเคารพท่านในฐานะจักรพรรดิอีก!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเห็นท่าทางของไทฮองไทเฮาที่นอนอยู่ในโลงศพ ทั้งสองต่างก็รู้สึกตกใจและโกรธเช่นกัน!เพียงแต่จุดของความโกรธนั้นต่างกัน!สิ่งที่เซียวหลินเทียนโกรธก็คือ มีคนมาทำร้ายศพของไทฮองไทเฮาใต้จมูกของตนเช่นนี้!นี่มิใช่การทำให้ไทฮองไทเฮาตายไปแล้วยังต้องได้รับความทรมานหรือ?ส่วนสิ่งที่หลิงอวี๋โกรธคือ เพื่อที่จะโค่นล้มพวกเขา องค์ชายคังกับไท่เฟยเส้ามิละเว้นแม้แต่คนตายเดิมทีไทฮองไทเฮาควรจะได้นอนอยู่ในโลงศพอย่างสงบ แต่ยามนี้กลับมิเป็นเช่นนั้นใบหน้าของไทฮองไทเฮาถูกบางอย่างกัดจนเป็นชิ้น ๆ อาภรณ์ก็ถูกกัดขาดเสียหายมิเป็นอันดีรูปลักษณ์และอาภรณ์เช่นนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามิใช่การตายแบ
คำถามผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ ล้วนรอให้นางแก้ไขความสงสัยไปทีละเรื่องว่านฉีซานหาหนูจากในโลงออกมาได้สิบห้าตัว และหนูเหล่านี้ล้วนเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตายองค์ชายคังเห็นแล้วก็อดมิได้ที่จะเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิง ยังต้องตรวจสอบอีกหรือ? ไทฮองไทเฮาถูกวางยาพิษ หนูเหล่านี้เจาะเข้าไปกัดกินศพของไทฮองไทเฮาจึงถูกพิษจนตาย!”“เซียวหลินเทียน ท่านยังคิดจะโต้แย้งอย่างไรอีก? เมื่อครู่กระหม่อมถามมาแล้ว เมื่อวานเย็นท่านไปเสวยพระกระยาหารกับไทฮองไทเฮา ต้องเป็นท่านแน่นอนที่วางยาพิษไทฮองไทเฮา!”เซียวหลินเทียนเห็นองค์ชายคังอยากจะเอาความผิดในการวางยาพิษไทฮองไทเฮามาใส่ตนเช่นนี้ ก็อดมิได้ที่จะเรียกชื่อเขาออกไปแล้วตะคอกเสียงดัง“เซียวหลินอี้ เจ้ามิจำจากบทเรียนบ้างเลยหรือ? คราก่อนเจ้าใส่ร้ายฮองเฮาจึงถูกโบยไปสามสิบไม้ หนนี้ไม่มีหลักฐานก็ยังกล้าใส่ร้ายข้าอีก!”“ท่านอ๋องเฉิง พวกท่านต่างก็ได้ยินแล้ว มิใช่ว่าข้าไม่มีสายสัมพันธ์พี่น้อง แต่ความเป็นจริงคือองค์ชายคังรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”“หากครานี้พิสูจน์ได้ว่าการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮามิเกี่ยวข้องกับข้า… เซียวหลินอี้ก็จะมีความผิด การพูดเท็จนั้นมิอาจ
คำพูดนี้ขององค์ชายคังภายนอกดูเป็นการอยากหาตัวมือสังหาร แต่ในความเป็นจริงเป็นการพาดพิงถึงหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยามนี้หลิงอวี๋ดูแลวังหลัง องค์ชายคังย่อมไม่มีทางกล่าวหาว่าไท่เฟยเส้าบงการให้ครัวหลวงและนางกำนัลกับแม่นมวางยาพิษ เช่นนั้นหากได้พาดพิงถึงหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครกัน!เซียวหลินเทียนโมโหมาก องค์ชายคังคิดว่าคราวนี้มิเอ่ยชื่อแล้วตนจะมิสามารถมุ่งเป้าไปที่เขาได้หรือ?เซียวหลินเทียนตำหนิเสียงแข็ง “เซียวหลินอี้ เหตุใดเล่า หาหลักฐานที่ข้าวางยามิได้ก็ยังคิดจะเข้ามาแทนตำแหน่งของข้าหรือ?”“นี่คือวังหลวง เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเมื่อใดกัน?”“ให้ข้ามอบตราหยกให้เจ้าแล้วให้เจ้าออกคำสั่งแทนข้าดีหรือไม่?”แม้ว่าในใจขององค์ชายคังจะต้องการ แต่ไหนเลยจะกล้าพูดออกไป จึงคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมมิกล้า!”“มิกล้า? ข้าเห็นว่าเจ้ากล้ายิ่งนัก!”เซียวหลินเทียนกัดฟันพลางเอ่ย “ขุนนางทั้งสี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงองค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่มิได้แสดงความเห็น ให้ความเคารพท่านอ๋องเฉิงผู้เป็นราชสำนักฝ่ายในในการไต่สวนคดี มีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้!”“ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายข้า ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายครัวหลวง นางกำนัล แม่นม ในสา
หากทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ยังมิถึงขั้นสูงสุด เช่นนั้นคราวนี้ก็พอจะมั่นใจว่าจะทำให้หลิงอวี๋มิสามารถพลิกกลับมาได้อีกตัวแปรก็คือทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิรู้ว่าหลิงอวี๋ร่ำเรียนมาจากที่ใด พวกขั้นตอนวิธีการรักษาของหลิงอวี๋ แม้แต่ในแดนปีศาจก็มิเคยได้ยินแม้ว่าจะมิสามารถมั่นใจได้มาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็จะต้องเดิมพันดูสักครั้งนางมีความมั่นใจเก้าในสิบที่เชื่อว่าหลิงอวี๋จะตรวจมิพบ คนธรรมดาเช่นนี้แม้ว่าจะฉลาดมากแค่ไหน แต่จะสามารถเทียบตนได้หรือ?วิชาพิษของนางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแม้แต่อาจารย์ก็ยังชื่นชม!ขณะที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยภายในห้องโถงที่ตั้งศพว่านฉีซานเห็นว่าเซียวหลินเทียนไล่องค์ชายคังที่เอาก่อเรื่องออกไปแล้ว ก็รีบเอ่ย “เมื่อครู่กระหม่อมยังพูดมิจบ ดูภายนอกไทฮองไทเฮาเหมือนจะถูกวางยาพิษ แต่กระหม่อมกลับมิพบร่องรอยของยาพิษจากผิวและในปากของไทฮองไทเฮาเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“หากจะตรวจสอบว่าหนูถูกพิษจากการกัดกินร่างของไทฮองไทเฮาจริงหรือไม่ ก็ยังต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีก!”“ขอฝ่าบาททรงโปรดให้ส่งคนไปหาหนูมาให้กระหม่อมสักสองสามตัว กระหม่อมจะเก็บเลือดบางส่วนของไทฮองไท
เซียวหลินเทียนวางไทฮองไทเฮาลงบนผ้าห่มข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง เขาเห็นใบหน้าที่ขาดวิ่นของไทฮองไทเฮาก็แสบจมูกและคุกเข่าลง“เสด็จย่า ขอท่านวางพระทัย กระหม่อมไม่มีทางให้ท่านสิ้นพระชนม์ไปอย่างมิยุติธรรมเช่นนี้แน่!”“หากหาพบว่าผู้ใดที่ทำร้ายท่าน กระหม่อมจะประหารมันเก้าชั่วโคตร!”หลิงอวี๋ได้ยินว่าเสียงของเซียวหลินเทียนผิดปกติจึงเดินเข้าไปประคองเขา “รอให้รู้สาเหตุการตายของไทฮองไทเฮาอย่างแน่ชัดก่อน แล้วหม่อมฉันจะช่วยแก้ไขใบหน้าของพระนาง ให้พระนางได้จากไปอย่างสง่างามเพคะ!”“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนจับมือของหลิงอวี๋ไว้แน่น รู้สึกว่าความโกรธที่พลุ่งพล่านในใจเขาถูกคำพูดของนางระงับไว้มิน้อยทั้งสองเดินกลับไป ว่านฉีซานกับใต้เท้าเถี่ยก็กำลังตรวจสอบใต้โลงศพอยู่แต่หลังจากย้ายผ้าห่มและผ้าไหมที่อยู่ด้านล่างออกก็มิพบว่ามีรูใด ๆหลิงอวี๋สังเกตเห็นว่า ที่ผ้าไหมเหล่านั้นก็ถูกพวกหนูกัดอย่างบ้าคลั่งเช่นกันหนูกินผ้าไหมด้วยหรือ?หลิงอวี๋รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ นางจึงหยิบผ้าไหมสองชิ้นแล้วโยนเข้าไปตรวจสอบในมิติในตอนที่ไม่มีใครสนใจบนผ้าไหมที่หยิบมามีกลิ่นจาง ๆ ทั้งยังมีเลือดอยู่ด้วย หลิงอวี๋จึงทำการวิเคราะ
เซียวหลินเทียนกับท่านอ๋องเฉิงและเหล่าขุนนางต่างกำลังมองว่านฉีซานจัดการกับพวกหนูกระทั่งป้อนเสร็จ หนูก็ถูกใส่เข้าไปในกรง และพวกเขาก็คอยเฝ้าดูปฏิกิริยาของหนูทางด้านหลิงอวี๋ได้ผลการทดลองจากในมิติแล้วการวิเคราะห์เลือดบนผ้าไหมเห็นได้ชัดว่ามิใช่เลือดคน แต่เป็นเลือดหนูซึ่งมีสารพิษที่มิรู้จักอยู่เลือดเหล่านั้นมิใช่ของไทฮองไทเฮา ตอนนี้หลิงอวี๋สนใจว่าหนูที่กินเลือดไทฮองไทเฮาไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนางฝืนอาการคลื่นไส้แล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อคอยสังเกตอยู่กับเซียวหลินเทียนช่วงเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป หนูที่กินเลือดของหนูตายก็เริ่มมีปฏิกิริยา แขนขาของพวกมันกระตุกและล้มลงทีละตัว เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้วก็ตายแต่หนูที่กินเลือดของไทฮองไทเฮากลับไม่มีปฏิกิริยาใด กระโดดไปมาอยู่ในกรงทุกคนรอไปอีกช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป หนูพวกนั้นก็ยังคงกระโดดไปมาว่านฉีซานจึงเอ่ย “ฝ่าบาท หนูกินเลือดของไทฮองไทเฮาไปแล้วยังมิตายพ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษ!”องค์ชายคังถูกเซียวหลินเทียนไล่ออกไปแล้ว ผู้ตรวจการพันผู้ซื่อสัตย์ภักดีของเขาจึงเสี่ยงทำให้เซียวหลินเทียนขุ่นเคือง แล้วเอ่ยอย่างกล้าห
ว่านฉีซานจึงได้ตรวจสอบตรงกลางฝาโลง เสียงเคาะที่สะท้อนกลับต่างกันทำให้ทุกคนได้ยินถึงความผิดปกติเซียวหลินเทียนจึงให้จ้าวซวนเรียกพวกองครักษ์เข้ามา แล้วทุกคนก็ร่วมกันออกแรงพลิกฝาโลง ว่านฉีซานก็เคาะตรงจุดที่เคาะเมื่อครู่แล้วก็พบรูเล็ก ๆ รูหนึ่ง เมื่อออกแรงเคาะ ไม้ที่ปิดรูเล็ก ๆ อยู่ก็หลุดออกมารูนั้นมิใหญ่มิเล็ก ขนาดพอเหมาะกับการใส่หนูลงไปแต่รูนั้นเล็กเกินไป และมีรูปร่างเป็นกรวย สีของไม้ก็เหมือนกับรอบ ๆ อย่างสิ้นเชิง หากมิสังเกตก็ไม่มีใครพบว่าโลงศพที่หนาและหนักนี้มีรูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา“เหตุใดจึงมีคนใจร้ายเช่นนี้ ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ยังมิปล่อยแม้แต่พระศพของพระนางไป!”ท่านอ๋องเฉิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“ฮองเฮา แม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่ามีคนใส่หนูเข้าไปทำลายศพของไทฮองไทเฮา! แต่นี่ก็มิสามารถอธิบายได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษนะพ่ะย่ะค่ะ!”ผู้ตรวจการพันยังคงพยายามต่ออย่างมิยอมแพ้หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะใส่เขา “ข้าพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่ามีคนจงใจใส่หนูเข้าไป ต่อไปก็จะบอกสาเหตุการตายของหนู!”หลิงอวี๋เดินไปที่กองผ้าไหมที่ดึงออกมาจากโลงศพ หยิบผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ยผ้าไหม
จุดแดงเล็กเช่นนี้อาจเกิดจากยุงกัดก็ได้ หากมิใช่ว่าหลิงอวี๋สังเกตอย่างละเอียดมาก ๆ ก็ไม่มีทางพบหลิงอวี๋ลูบอย่างเงียบ ๆ ผิวหนังใกล้กับจุดแดงเล็กนั้นแข็งไปแล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?หรือที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเข้าวังวันนั้นก็ใช้วิธีที่มิให้รู้ตัวทิ้งจุดแดงนี้ไว้ที่บนตัวของไทฮองไทเฮาแล้ว?หลิงอวี๋อยากใช้มีดผ่าตัดผ่าจุดแดงนี้เพื่อดูเนื้อเยื่อผิวหนังรอบ ๆ แต่มีผู้คนจับจ้องอยู่นางจึงมิสามารถลงมือได้คราก่อนที่จักรพรรดิอู่อันหัวใจวายจากไป หลิงอวี๋ก็มิสามารถผ่าศพเพื่อตรวจสาเหตุการตายของเขาให้แน่ชัดได้หรือครานี้ก็จะถูกสถานการณ์จำกัดไว้อีกแล้ว?หลิงอวี๋มิยอมแพ้ นางกวาดสายตามองไปตรงผิวหนังเทียมที่ยังใช้มิหมด หลิงอวี๋จึงรีบหยิบมีดขึ้นมาแล้วส่งสายตาไปให้หลิงซวนหลิงซวนกับหลิงอวี๋รู้ใจกันเป็นอย่างมากจึงรีบเข้าไปประคองไทฮองไทเฮาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนผ้าห่มศพหลิงอวี๋อาศัยตอนที่พวกแม่นมมองมิเห็นข้างหลังใช้มีดตัดที่จุดแดงบนตัวไทฮองไทเฮานั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ติดผิวหนังเทียมลงไปจากนั้นหลิงอวี๋ก็อาศัยตอนที่จัดผ้าห่อศพให้ไทฮองไทเฮาโยนผิวหนังที่ตัดออกมาเข้าไปในมิติความเร็วนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว