เสวี่ยหลานรู้สึกว่าแขนของนางถูกหมาป่าหิมะข่วน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าวังน้อย ก็มิสนใจที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนแล้วหลบไปด้านข้างตามคำแนะนำหลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานถูกหมาป่าหิมะสองตัวไล่ล่าจนมิสามารถเข้าใกล้กริชได้อย่างเย็นชา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างเยาะเย้ยเสวี่ยหลานมีวรยุทธ์ก็ยังถูกหมาป่าหิมะไล่ล่าจนตื่นตระหนก หากเปลี่ยนเป็นตนลงไป เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลนานแล้ว!หลังจากต่อสู้กันสักพัก ในที่สุดเสวี่ยหลานก็มีเวลาไปคว้ากริชได้เจ้าวังน้อยจึงตะโกนอย่างตื่นเต้น “สังหารมัน… สังหารมัน!”เสวี่ยหลานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างยั่วยุแต่ก็มีความหมายแฝงแม้ว่านางจะมิได้พูด แต่หลิงอวี๋ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น มันก็คือ...เจ้ารอข้าก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!หลิงอวี๋มิได้สนใจกับการยั่วยุนี้ นางมิใช่คนโง่ รู้ดีว่ายามนี้ตราบใดที่ตนบอกเจ้าวังน้อยว่าเสวี่ยหลานมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมาป่าสองตัวก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เหตุใดมิเพิ่มไปเป็นหมาป่าสี่ตัวด้วยความตื่นเต้นของหวงฝู่หมิงจูในตอนนี้ จะต้องตกลงที่จะเพิ่มไปอย่างแน่นอนเพียงแต
ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็มิสามารถคิดอะไรได้อีก นางกระโดดลงไปในหลุม กลิ้งตัวลงบนพื้นสองสามครั้ง แล้วกลิ้งพุ่งไปหาแม่หมาป่าตั้วนั้นแม่หมาป่ายังคงหายใจอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาสีเขียวก็รื้น และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา“เจ้าอดทนไว้ ข้าจะช่วยลูกของเจ้า!”หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก นางกลั้นน้ำตาไว้แล้วผลักเสวี่ยหลานออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นและยื่นมือออกไปเปิดท้องของแม่หมาป่าตามรอยมีดแม่หมาป่ามิไหวแล้ว หากมิเอาลูกหมาป่าออกจากท้องให้ทันเวลา ลูกหมาป่าก็จะสิ้นใจอยู่ในร่างของแม่หลิงอวี๋หยิบลูกหมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากท้องของแม่หมาป่า มันตายแล้ว มันถูกเสวี่ยหลานแทงจนตายแล้วก็อีกหนึ่งตัว และอีกหนึ่ง...ในท้องของแม่หมาป่ามีลูกทั้งหมดหกตัว แต่มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกหมาป่าสองตัวขดตัวอย่างสั่น ๆ ขนที่ตัวยังมองเห็นสีมิชัดเจน ล้วนถูกเลือดของแม่หมาป่าย้อมเป็นสีแดงไปหมด“ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”หลิงอวี๋อุ้มลูกหมาป่าทั้งสองไปไว้ข้างกายแม่หมาป่าทั้งน้ำตา ดวงตาสีเขียวของแม่หมาป่าสะท้อนภาพลูกทั้งสอง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบดวงตาของมัน“บรู๊ว…”มันใช้แรงที่เหลือผลักลูกหมาป่าทั้งสองตัวเข
ที่ไหล่ของเสวี่ยหลานมีชิ้นเนื้อหายไป ทั่วทั้งร่างกายก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานนางขวางทางหลิงอวี๋ แล้วมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชา หลิงอวี๋เองก็สบตานางอย่างมิยอมแพ้เช่นกัน...ทั้งสองจ้องมองกันและกัน แล้วเสวี่ยหลานก็เอ่ยอย่างมิพอใจ “นางสารเลว ข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ รอข้าก่อน ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”นี่นับเป็นการท้าทายหรือไม่?หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “มิรู้ว่าใครกันแน่ที่จะตายทั้งเป็น! เจ้ามีกลอุบายใดก็งัดออกมา ข้ามิกลัวเจ้าหรอก!”“เสวี่ยหลาน!”นางรับใช้คนหนึ่งตะโกนมาไกล ๆ เสวี่ยหลานจึงทำได้เพียงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงอวี๋อุ้มหมาป่าน้อยสองตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับไปที่เรือน เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นเลือดบนตัวของหลิงอวี๋ ก็ล้วนตกใจจนหลบอยู่ไกล ๆปี้เอ๋อร์ก็กลัวหมาป่าน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหมาป่าน้อยสองตัวนอนเชื่องอยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ก็กล้ามากขึ้นนางหาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาให้หลิงอวี๋พันตัวหมาป่าน้อยสองตัว แล้วช่วยหลิงอวี๋หาอ่างน้ำร้อนมาหลิงอวี๋ทำความสะอาดหมาป่าน้อยทั้งสองอย่างอดทนสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ลูกหมาป่าทั้งสองตัวม
คำเตือนของเสวี่ยเหมยและการเหลือบมองก่อนจะไปทำให้หลิงอวี๋ระมัดระวังขึ้นมาทันทีนางเพิ่งมา แม้แต่นางกำนัลเหล่านี้ก็ล้วนมิรู้จักแต่เสวี่ยหลานเป็นคนดังต่อหน้าหวงฝู่หมิงจู นางกำนัลเหล่านี้จะต้องถูกอำนาจของนางบีบให้มาช่วยนางทำร้ายตนอย่างแน่นอน!การจะทำสิ่งใดเพียงคนเดียวนั้นยากนัก!หลิงอวี๋มิรู้ว่าเสวี่ยหลานจะจัดการกับตนอย่างไร อยากจะป้องกันก็มิรู้ว่าจะป้องกันอย่างไรหลิงอวี๋กลับมาที่ห้องของตน เห็นหมาป่าน้อยสองตัวที่ดูเหมือนจะได้กลิ่นนม ต่างก็เดินไปอยู่หน้ากระปุกนมแล้วโน้มไปหากระปุกนมท่าทางโน้มตัวไปข้างหน้านั้นช่างน่ารักนัก เห็นแล้วหลิงอวี๋ก็ใจอ่อนหลิงอวี๋มิสนใจจะคิดเรื่องของตน แล้วหาจานมารินนมหมาป่าน้อยสองตัวกินนมบนจานหมดในทันทีหลิงอวี๋ก็รินนมให้พวกมันต่อ หลังจากกินนมไปครึ่งกระปุก หมาป่าน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้วมุดเข้าไปในเสื้อผ้าเก่าที่ปี้เอ๋อร์นำมาให้และผล็อยหลับไปหลิงอวี๋ทำความสะอาดสิ่งตกค้างบนพื้นแล้วนอนลงบนเตียง ครุ่นคิดว่าเสวี่ยหลานจะใช้กลอุบายอะไรมาตอบโต้ตนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงลูกปัดสีเขียวที่แม่หมาป่าให้ไว้ในมือของตน หลิงอวี๋จึงหยิบออกมาลูกปัดนี้เป็
กระทั่งนางกำนัลเหล่านั้นหายกันไป หลิงอวี๋ก็หันหลังเดินกลับ รู้สึกว่ามือเย็นจู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมาเมื่อครู่นางวางลูกปัดสีเขียวไว้บนเตียง ก็มิได้ยินที่นางกำนัลพูดกันต่อมาเมื่อถือลูกปัดสีเขียวไว้ในมืออีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงนางกำนัลคุยกันหรือว่าที่การได้ยินของตนดีถึงเพียงนี้ก็เพราะลูกปัดสีเขียวนี้?หลิงอวี๋ตื่นเต้นทันที หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ลูกปัดสีเขียวนี้ก็คือสมบัติล้ำค่า!เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน หลิงอวี๋จึงถือลูกปัดสีเขียวแล้วเดินต่อ ผลก็คือได้ยินนางกำนัลพูดกันอีก“หยวนตง ข้าว่าพี่เสวี่ยเหมยดีกับสตรีผู้นั้นมากนะ เราทำเช่นนี้จะทำให้พี่เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองหรือไม่?”“พี่เสวี่ยเหมยก็ดีต่อเราเช่นกัน เทียบกับพี่เสวี่ยหลานแล้ว ข้าชอบพี่เสวี่ยเหมยมากกว่า!”นางกำนัลอีกคนส่งเสียงเย็นชา “เสวี่ยเหมยก็มิใช่คนดีเช่นกัน นางดึงพวกเราไว้ก็แค่มิอยากให้พวกเราไปเข้าข้างเสวี่ยหลาน!”“เจ้ามาทีหลัง เจ้ามิรู้ว่าเสวี่ยเหมยมีความแค้นต่อเสวี่ยหลาน คนรักของนางตายด้วยน้ำมือของเสวี่ยหลานนางต้องการให้เสวี่ยหลานตาย!”ประเดี๋ยวหลิงอวี๋ก็อยู่ใกล้ ประเดี๋ยวก็อยู่ไกล พยายามลองลูกปัดสีเขียวของตนสุดท้
“ว๊าย… มีงู...”หลิงอวี๋เพิ่งกลับเรือนไปได้มินาน ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังก้องเหนือเรือนชูอวิ๋น“ช่วยด้วย!”เสียงกรีดร้องของหยวนตงดังขึ้น หลิงอวี๋ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงเรือนที่หยวนตงและหลิงอวี๋อาศัยอยู่นั้นค่อนข้างห่างไกล หากไม่มีความช่วยเหลือจากลูกปัดสีเขียว หลิงอวี๋ก็ไม่มีทางได้ยินหลิงอวี๋แสร้งทำเป็นมิได้ยิน ยังคงนอนโดยเอาผ้าห่มคลุมไว้“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”นางกำนัลที่อยู่ใกล้เคียงพากันตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าออกมาตรวจสอบหลิงอวี๋ก็แสร้งทำเป็นตกใจตื่น นางสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกมา ผมยาวของนางยังคงปล่อยสยาย ดูง่วงนอน“พี่อาอวี๋ ได้ยินมาว่ามีงูเข้ามา กัดพี่หยวนชุนตายไปแล้ว!”ปี้เอ๋อร์วิ่งมาด้วยท่าทางหวาดกลัวแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋“มีงูได้อย่างไรกัน?”หลิงอวี๋ดูท่าทางหวาดกลัว กอดแขนของตนไว้แน่น “ข้ากลัวงูที่สุดเลย! เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิ!”“ข้าก็กลัวเช่นกัน!”ปี้เอ๋อร์กอดแขนของหลิงอวี๋ไว้ ทั้งสองต่างก็เกาะกันมินานเสียงกรีดร้องก็หยุดลง หยวนชุนก็ถูกงูขาวน้อยกัดจนตายไปแล้วมีนางกำนัลรีบวิ่งไปรายงานเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมย ทั้งสองจึงรีบพาพวกนางกำน
เสวี่ยเหมยมีความแค้นกับเสวี่ยหลานตามที่หยวนตงบอก และอยากให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง จึงให้นางกำนัลไปเชิญท่านอาหลินทันทีท่านอาหลินถูกปลุกในขณะที่หลับอยู่ก็หงุดหงิดเล็กน้อย แต่นางกำนัลสองคนตาย นางจึงแต่งตัวแล้วพานางรับใช้ของตนรีบไปนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เจอท่านอาหลินตั้งแต่มาถึงวังเทพท่านอาหลินอายุประมาณยี่สิบปี งดงามยิ่งนัก มีใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนละเอียดราวกับหยก มีลักยิ้มอยู่ข้างแก้ม และคิ้วสีดำเรียวที่ตัดแต่งประณีตอย่างเห็นได้ชัดดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังก็งดงามมากเช่นกัน เป็นระลอกคลื่นเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหลนางคงจะถูกปลูกให้ตื่นจากการหลับใหล ผมยาวที่ห้อยลงมาถูกมัดขึ้นด้วยผ้าผูกสีมุกเส้นหนึ่ง ผมยาวดำขลับที่เดิมทีสง่างามก็ดูมีเสน่ห์ราวกับเทพธิดา“มีเรื่องอันใด?”ท่านอาหลินเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มเสวี่ยหลานผู้ชั่วร้ายชิงฟ้องก่อน เล่าให้ท่านอาหลินฟังว่าหยวนชุนกับหยวนตงถูกงูขาวกัดจนตาย สุดท้ายก็บอกความสงสัยของตนเกี่ยวกับหลิงอวี๋ด้วยท่านอาหลินได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างรำคาญ “ในเมื่อทาสชั่วร้ายทำร้ายผู้อื่น ก็โยนเข้าไปในถ้ำหมาป่าเสียก็สิ้นเรื่อง! เรื่องเล็กน้อยนี้คุ้มค่ากับกา
เพื่อให้พ้นผิด หยวนเซี่ยจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “หากท่านอาหลินมิเชื่อก็ไปถามเจ้าวังน้อยได้เจ้าค่ะ นางเป็นพยานให้บ่าวได้!”“จะต้องเป็นหยวนชุนนึกสนุก แอบพางูขาวน้อยกลับมา แล้วดูแลมิดี งูขาวน้อยจึงกัดนางกับหยวนตงจนตาย!”เสวี่ยหลานทั้งโกรธและเกลียด หรือหลิงอวี๋จะถูกทำให้ใสสะอาดไปเช่นนี้?นางจึงตะโกนอย่างมิยอม “เป็นไปมิได้! งูขาวน้อยเป็นงูพิษ หยวนชุนรู้เรื่องนี้ดี นางจะเอางูขาวน้อยออกมาโดยมิเอากรงมาด้วยได้อย่างไร!”หลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “มีอะไรเป็นไปมิได้เล่า! หยวนชุนคงขโมยงูขาวน้อยมา แต่ผลก็คือมิระวังงูขาวน้อยจึงหลุดไป!”“นางหางูขาวน้อยมิเจอ กังวลว่าจะถูกเจ้าวังน้อยลงโทษ จึงส่งกรงกลับไป!”“ผลคือกลับมาก็ถูกงูขาวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่กัดจนตาย!”เสวี่ยเหมยเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าจะคาดเดากระบวนการมิออก แต่ก็ว่าไปตามคำพูดของหลิงอวี๋“มีความเป็นไปได้ ใครก็ได้ ไปเรียกนางกำนัลที่ประจำการอยู่ตำหนักรุ่ยจูคืนนี้มาถามว่าหยวนชุนได้กลับไปหรือไม่ เช่นนี้ก็จะรู้ความจริงแล้ว!”นางกำนัลของตำหนักรุ่ยจูคนหนึ่งจึงวิ่งกลับไปเรียกหลังจากนั้นมินานนางกำนัลผู้นั้นก็พานาง
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี