ประโยคสุดท้ายเก๋อเฟิ่งฉิงไปพูดที่ข้างหูของเซียวหลินเทียน นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินทั้งนั้นเซียวหลินเทียนตัวแข็งทื่อ คำพูดของเก๋อเฟิ่งฉิงมิใช่การหยั่งเชิง แต่เป็นการพูดด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมากความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเซียวหลินเทียนทันที เขาอยากจะปฏิเสธ ทว่าหากเขาฉีกหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงไป ดูจากรูปแบบของมหาปราชญ์แล้ว เขาคงยอมสังหารคนผิดดีกว่าปล่อยพวกเขาไป!ถึงเวลานั้นมิเพียงแต่ตนจะหนีมิได้เท่านั้น แต่พวกหลิงอวี๋ก็จะหนีมิพ้นเช่นกันทว่าหากเขายอมรับไป เช่นนั้นจะตกหลุมพรางของเก๋อเฟิ่งฉิงหรือไม่!ดูเหมือนว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจะรู้สึกได้ถึงความสับสนของเซียวหลินเทียน จึงกระซิบที่หูของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ข้าไม่มีทางทรยศพวกท่านหรอก!”“เชื่อข้า ข้าตามหาที่อยู่ของพวกท่านเจอนานแล้ว หากข้าคิดจะทรยศพวกท่าน ข้าก็คงทำไปนานแล้ว!”“ทุกคนในคฤหาสน์อู่ล้วนเป็นคนของท่าน ข้าไม่มีทางทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นหรอก!”เมื่อเอ่ยถึงคฤหาสน์อู่ เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจำตนได้แล้วจริง ๆหานเหมย หลิงเฟิง จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ หากเขาปฏิเสธไป ทั้งคฤหาสน์อู่ก
เซียวหลินเทียนใจเต้นรัว เขามิอาจเชื่อได้ว่าเฮยอี้จะสูญเสียพลังการต่อสู้ไปเช่นกันเมื่อเซียวหลินเทียนนึกถึงการกระทำของตนก่อนหน้านี้ เขาก็เข้าใจทันที หรือว่าหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ทำให้เฮยอี้สูญเสียพลังการต่อสู้ไป?เพื่อเป็นการยืนยันการคาดเดาของตน เซียวหลินเทียนจึงถูแหวนอีกสองสามครั้ง และผลก็คือเฮยอี้ลงไปกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แล้วขาหน้าของมันก็กุมหัวตนเองไว้ราวกับเด็กเมื่อเซียวหลินเทียนหยุดถู เฮยอี้ก็หยุดกลิ้ง กระทั่งได้พลังคืนมาแล้ว มันก็พุ่งเข้าหาเซียวหลินเทียนด้วยท่าทางดุร้ายเซียวหลินเทียนจึงถูต่อ แล้วเฮยอี้ก็ลงไปกลิ้งกับพื้นอย่างเจ็บปวดอีกครั้งหลังจากทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ในตอนที่เฮยอี้ลุกขึ้นยืนก็ถูกเซียวหลินเทียนฝึกจนเชื่อง หมอบลงบนพื้นอย่างเชื่อฟัง และแสดงท่าทีของการยอมจำนนเมื่อเซียวหลินเทียนลองเดินเข้าไปลูบหัวของเฮยอี้ เฮยอี้ก็ได้แต่มองหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ก้มหัวลงให้เซียวหลินเทียนลูบมันก่อนหน้านี้ตอนที่เซียวหลินเทียนปีนขึ้นบันได เขาก็ลองใช้วิธีถูแหวนเรียกเฮยอี้ดูแล้ว และเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น เฮยอี้ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเข
“เฮยอี้ กัดพวกเขาให้ตาย!”เซียวหลินเทียนแอบทำสัญญาณมือให้เฮยอี้อย่างลับ ๆเฮยอี้กับเซียวหลินเทียนผูกพันธะเลือดกันแล้ว กอปรกับที่เมื่อคืนเซียวหลินเทียนได้มอบโอสถสร้างรากฐานปราณทั้งหมดที่หลิงอวี๋กลั่นให้เขาก่อนหน้านี้ ให้กับเฮยอี้เพื่อแสดงความจริงใจดังนั้นตอนนี้เฮยอี้กับเซียวหลินเทียนจึงได้บรรลุความเข้าใจตรงกันในระดับหนึ่งแล้วเฮยอี้จึงคำรามออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่คนตระกูลเฉียวที่จะจับตัวหลิงอวี๋คนของตระกูลเฉียวบางคนอยากช่วยฮูหยินเฉียวจับตัวเสือปีกกาฬ เมื่อเห็นว่ามันกระโจนเข้ามาหา ก็ชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งเข้าไปอย่างมิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสิ่งนี้ยิ่งทำให้เฮยอี้หงุดหงิดขึ้นไปอีก มันถูกหลิงอวี๋ใช้กริชแทงตาจนมันตาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว ดังนั้นสิ่งที่มันเกลียดที่สุดก็คือคนที่ถืออาวุธเข้ามาเมื่อเห็นว่ามีคนถือกระบี่พุ่งเข้ามาหา เฮยอี้ก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วพุ่งเข้าใส่ราวกับสายฟ้าไม่มีผู้ใดทันได้เห็นชัดเจน ก็เห็นว่าคนที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรกนั้น ถูกเฮยอี้กัดจนคอขาดไปเสียแล้ว!เฮยอี้สะบัดหัวใหญ่ ๆ ของมัน แล้วคนผู้นั้นก็ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ เฮยอี้สะบัดหาง แล้วรั้วไม้ของด่านต
เดิมทีเซียวหลินเทียนคิดจะถือโอกาสความวุ่นวายนี้พาตัวหลิงอวี๋ออกไป แต่เก๋อฮุ่ยหนิงจับแขนเขาไว้เสียแน่นหากเซียวหลินเทียนไปช่วยหลิงอวี๋ ก็อาจจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของหลิงอวี๋ได้ ดังนั้นเขาจึงมิสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้เมื่อเขาเห็นว่าหลิงอวี๋เข้าไปช่วยฮูหยินเฉียว เขาก็ใจเต้นแรง จึงขยิบตาให้เถาจื่อเถาจื่อเข้าใจทันที นางรีบวิ่งไปคว้าตัวหลิงอวี๋ไว้ “ศิษย์พี่หญิง รีบหนีเถิด สัตว์เทพเป็นสัตว์หน้าขน ทั้งยังเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติอีก หากถูกมันกัดจะแย่เอานะ!”หลิงอวี๋รู้ว่าเซียวหลินเทียนเรียกเฮยอี้มาเพื่อช่วยให้ตนพ้นจากสถานการณ์นี้ แต่เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกับเก๋อเฟิ่งฉิงแนบชิดกันเช่นนั้น ก็รู้สึกขวางหูขวางตายิ่งนักนางจึงมิได้ซาบซึ้งใจกับเจตนาที่ดีของเถาจื่อ!หลิงอวี๋หันไปเอ่ยกับฮูหยินเฉียว “ฮูหยินเฉียว ท่านจะไปหรือไม่? หากท่านมิไป ข้าจะไปแล้วนะ! ข้ามิอยากตาย!”“แค่เพียงชั่วพริบตาสัตว์ประหลาดสีดำมืดตัวนี้ก็กัดคนตายไปมากถึงเพียงนี้แล้ว มันมิใช่สัตว์ที่คนธรรมดาจะจับได้อย่างแน่นอน!”เมื่อฮูหยินเฉียวมองไป นางก็เห็นศพของคนตระกูลเฉียวจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น บ้างก็ฉีกขาดแยกเ
เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าสถานการณ์มิสู้ดี จึงรีบตามยอดฝีมือเหล่านั้นลงจากภูเขาไปอย่างบ้าคลั่งนางจะอยู่คนเดียวมิได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นหากตกไปอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!“พวกเราก็ไปกันเถิด!”ท่านอาเฉียวเห็นว่าทุกคนต่างพากันหนีไปทุกทิศทุกทางแล้ว และเขาก็มิได้สนใจความเป็นความตายของฮูหยินเฉียวเช่นกัน จึงลากเฉียวไป๋หนีไปด้วยทันทีที่บรรดาคนรับใช้ของตระกูลเฉียวที่เหลือเห็นว่าทั้งสองหนีแล้ว พวกเขาก็หนีไปด้วยเช่นกัน“ฮูหยินเฉียว รีบไปเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล “ข้ามิรู้ว่าเหตุใดท่านจึงให้พวกนางมาจับข้า แต่ข้ารู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความแค้นเคืองต่อข้ากับหลงอิงที่ไปแย่งอันดับหนึ่งของนางมา นางจึงคิดจะอาศัยพลังของท่านมาแก้แค้นส่วนตัว!”“คนส่วนใหญ่ที่มาหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งนั้นล้วนมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพร คาดว่าเครื่องเทศของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คงจะมิได้วิเศษดังที่นางบอก นางคงกังวลว่าพวกท่านจะต่อว่านางไร้ความสามารถ จึงได้คิดจะหาแพะรับบาปเจ้าค่ะ!”“ฮูหยินเฉียว หากมีเรื่องอันใดที่เข้าใจผิดกัน เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันเถิด ตอนนี้รีบไปก่อนดีกว่า!”ฮู
ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงยังมีหน้ามาพูดคำสวยหรูกับตน คิดว่าตนตาบอดมิเห็นทั้งหมดที่นางทำลงไปจริงหรือไร?ปกติแล้วที่ช่างพูดนั้นก็เพราะอยากจะเอาใจตนและแต่งงานกับเฉียวไป๋เพื่อเข้ามาเป็นฮูหยินของผู้นำตระกูลเฉียวมิใช่หรือ?หากยอมให้สตรีผู้นี้แต่งงานเข้ามาในตระกูลจริง ๆ ต่อไปนางจะมิพรากอำนาจของตนไปอย่างช้า ๆ หรือ!ดูจากความชั่วร้ายของนาง นางจะต้องทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน!“ข้ารู้ ตอนนั้นสถานการณ์มันวิกฤติ แค่เจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!”ฮูหยินเฉียวพูดพอเป็นพิธีเลี่ยง ๆ ไป จากนั้นก็เชิญเก๋อฮุ่ยหนิงขึ้นรถม้าและแล้วแผนการจับตัวเซียวหลินเทียนก็ได้ล้มเหลวไปเช่นนี้ หลังจากที่ฮูหยินเฉียวประสบกับภัยพิบัติครั้งนี้ นางก็ยิ่งรู้ซึ้งว่าการแก้แค้นให้สามีและลูกชายนั้นยากลำบากยิ่งนักแต่นางจะมิยอมแพ้เป็นอันขาด!การแก้แค้นกลายเป็นเสาหลักในการมีชีวิตต่อไปของนางแล้ว เพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัวที่ตายไปของนาง นางจะต้องจับตัวหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมาให้ได้ “พี่ใหญ่ พวกเราก็ไปกันเถิด! ข้าจะไปส่งพวกท่านกลับเอง รถม้าของข้าอยู่ทางนั้น!”แล้วเก๋อเฟิ่งฉิงก็เอ่ยเสริมขึ้นมา “ข้ายังมีเรื่องจะคุยกับท่า
เมื่อไปถึงครึ่งทางเซียวหลินเทียนก็กล่าวลาเก๋อเฟิ่งฉิง เขากังวลว่าหากกลับไปด้วยกัน จะยิ่งทำให้เกิดคำพูดนินทาเขาไม่มีทางไปสู่ขอเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ เมื่อควรรักษาระยะห่างก็ต้องคอยระวังไว้ดูเหมือนว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจะมองความกังวลของเซียวหลินเทียนออก จึงมิได้ยืนกรานต่อ นางยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ คำพูดที่ข้าพูดต่อหน้าทุกคนเมื่อครู่นี้ ท่านมิจำเป็นต้องคิดเป็นจริงเป็นจังหรอก ข้าจะมิบังคับให้ท่านแต่งงานกับข้า!”“ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วน ข้ากังวลว่าพวกเขาจะเกิดความสงสัยแล้วทำการสอบสวนต่อ ข้าจึงได้พูดไปเช่นนั้น!”“พี่ใหญ่ แค่เรารู้กันว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็พอแล้ว รักษาความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้เพียงภายนอกไปก่อน จนกว่าท่านจะเจอคนที่ท่านตามหา!”เก๋อเฟิ่งฉิงจัดเตรียมตัวตนปลอมให้แก่เซียวหลินเทียน เมื่อครู่นี้คนมากมายต่างก็ได้ยินว่านางกับเซียวหลินเทียนจิตใจตรงกัน และอยากจะคุยเรื่องการแต่งงานเช่นนี้ก็หมายความว่า เซียวหลินเทียนสามารถใช้สถานะคู่หมั้นของเก๋อเฟิ่งฉิงเดินไปมาอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพได้แต่เซียวหลินเทียนพบหลิงอวี๋แล้ว เขามิอยากให้หลิงอวี๋เข้าใจผิด และในขณะที่เขากำลังคิดจะปฏิเสธอยู่นั้น เขาก็ถ
ความทะเยอทะยานของเก๋อเฟิ่งฉิงสามารถโน้มน้าวซูจู๋ได้ ซูจู๋จึงเอ่ยออกไปอย่างยอมรับ “คุณหนู บ่าวเชื่อฟังท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ ท่านว่าอย่างไรบ่าวก็ว่าตามนั้น!”เก๋อเฟิ่งฉิงยิ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “มหาปราชญ์ประสบเหตุจนบาดเจ็บรุนแรง เขาคงหลบไปพักฟื้นรักษาบาดแผล แต่จะให้เขาสบายเช่นนี้มิได้ เมื่อกลับไป เจ้าไปหาคนข้างนอกกระจายข่าวเรื่องที่เขาตาบอด และแขนขาดออกไปเสีย!”“เจ้าแห่งทะเลก็ควรต้องจริงจังสักหน่อยเช่นกัน เขาจะได้มิคิดไปเองว่าแผ่นดินของตระกูลหลงจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!!”ซูจู๋หันไปมอง “คุณหนู แล้วเรื่องเซียวหลินเทียนจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”เก๋อเฟิ่งฉิงเหลือบมองซูจู๋แล้วเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “ให้คนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาต่อไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม…”“ซูจู๋ เมื่อครู่ข้ามีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา พลังของเซียวหลินเทียนพัฒนาขึ้นมาก ส่วนจะถึงดินแดนใดแล้วนั้น ข้ามิอาจรู้ได้! สิ่งนี้ทำให้ข้ายิ่งรู้สึกว่าเขามีค่า!”ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกได้ว่าพลังของเซียวหลินเทียนยังมิเท่าตนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขานำหน้านางไปเสียแล้วเขาจะต้องมีโชคที่มิคาดคิดแน่ ๆ!“แล้วก็สิงอวี๋
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว