หลิงอวี๋ยิ้ม แล้วมองไปทางท่านซ่ง“ท่านซ่งยังมิได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองของเขาเลย พวกเรามิฟังเสียก่อนเล่าว่าเขาจะว่าอย่างไร แล้วค่อยวิเคราะห์ร่วมกัน!”เมื่อท่านซ่งเห็นว่าสายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตน เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบ “ข้ากับสิงอวี๋มีมุมมองที่เหมือนกัน ฮูหยินเฉิงมิได้มีเนื้องอกในสมอง!”ทันทีที่คำนี้ออกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่รอบนอกก็ตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก “ท่านซ่ง ท่านมิได้พูดอย่างใจดีออกมาเพื่อช่วยสิงอวี๋ใช่หรือไม่?”“เนื่องจากพวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ใต้หล้านี้ ผู้เดียวที่สามารถทำการผ่าตัดกะโหลกเพื่อนำเนื้องอกในสมองออกได้ก็คือหลิงอวี๋!”“สิงอวี๋มิอยากยอมรับตัวตนของนาง ดังนั้นเรื่องที่ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมองนั้นนางก็อาจปฏิเสธได้! แต่ในเมื่อท่านเป็นสหายของเจ้าสำนักศึกษาจิน ก็ควรจะยึดถือในหลักการตามข้อเท็จจริง และพูดในสิ่งที่เป็นจริงนะเจ้าคะ!”ฮูหยินเฉียวก็เอ่ยออกไปอย่างก้าวร้าวเช่นกัน “ข้าได้แสดงทัศนคติขอตนไปแล้วว่าจะมิสังหารหลิงอวี๋! พวกท่านก็ยิ่งมิควรละเลยชีวิตหนึ่งแล้วพูดไร้สาระออกมา!”“ปรมาจารย์หลายคนล้วนบอกว่า ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมอง มีแต่พวกท่านสองคนที่ม
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสบเข้ากับสายตาโหดเหี้ยมกระหายเลือดของแม่ทัพเฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แล้วพยักหน้าโดยสัญชาตญาณนางมองออกว่าแม่ทัพเฉิงจริงจัง!หากนางพูดออกไปอีกประโยคหนึ่ง แม่ทัพเฉิงจะต้องดึงลิ้นของนางออกมาตัดอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลัวจนตัวสั่น คนจำนวนมากก็คิดคำเดียวกันอยู่ในใจ… สมน้ำหน้า!แม่ทัพเฉิงทิ้งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไว้แล้วหันหลังเดินกลับไป“แม่นางสิง ท่านซ่ง เช่นนั้นท่านทั้งสองวินิจฉัยว่าฮูหยินของข้าเป็นโรคอะไรหรือ?”แม่ทัพเฉิงเอ่ยถามอย่างเคารพนบน้อมหลิงอวี๋เองก็ยินดีกับสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเจอเช่นกัน แต่มิได้แสดงออกมาทางสีหน้านางมองท่านซ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมาทันที “ท่านซ่ง เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างเขียนอาการของฮูหยินเฉิงดีหรือไม่เจ้าคะ แล้วดูว่าพวกเราคิดเหมือนกันหรือไม่?”“ได้สิ” ท่านซ่งพยักหน้าต่งเฉิงรีบหากระดาษและพู่กันมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงอวี๋ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งไปด้านข้างแล้วก็เขียนท่านซ่งเองก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเช่นกันทุกคนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าทั้งสองคนใช้เวลาเขียนเพียงสั้น ๆ แล้วก็ส่งการวินิจฉัยของตนให้กับต่งเฉิงต่งเฉิงเห็นแล้วก็ตะลึงไปครู่หนึ
แม่ทัพเฉิงเห็นว่าหลิงอวี๋ลีลามิตอบคำถาม หัวใจของเขาจึงจมดิ่งลงไป่หลี่ไห่จึงตะโกนขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ “มิรู้หรือว่ามิสามารถแก้ตัวได้เล่า?”“สิงอวี๋ เจ้าปรุงยาพิษเอาชนะข้าและพวกตาเฒ่าประหลาดเทียนซูเชียวนะ หากเจ้ามิสามารถแก้พิษได้ เช่นนั้นจะมิดูตลกไปหรือไร?”ท่านซ่งมองไป่หลี่ไห่อย่างรังเกียจ แล้วเอ่ยเสียงขรึม “ใต้หล้านี้มีพิษอยู่นับพันชนิด แม่หนูผู้นี้พบเจอพิษที่ตนมิรู้จัก และคิดวิธีแก้พิษมิออกก็มิแปลกหรอก!”“แม้แต่ข้าเอง อายุปูนนี้แล้ว ก็มิกล้าบอกว่าตนรู้จักพิษทั้งหมดเช่นกัน!”“ไป่หลี่ไห่ ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้อาวุโสและเป็นอาจารย์ การปฏิบัติต่อเด็กสาวผู้หนึ่งอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เจ้ามิรู้สึกว่าขาดความยุติธรรมไปหรือ?”ไป่หลี่ไห่ยิ้มให้ท่านซ่งอย่างดูถูก “ท่านทำตัวลึกลับ มิกล้าเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ผู้อื่นเห็น ท่านไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้า!”“แม่ทัพเฉิง เจ้าอย่าไปฟังพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระเลย ฮูหยินเฉิงมิได้ถูกวางยาพิษ พวกเขาแค่รวมหัวกันมิคิดจะช่วยฮูหยินของเจ้า!”“เนื้องอกในสมองของฮูหยินเฉิง ขอเพียงหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้นาง นางจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!”“หากสิงอวี๋มิยินดีที่จะยอมรับว่านา
“ท่าน… ท่าน…”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่เห็นใบหน้านั้น เขาก็ตัวสั่นอย่างตื่นเต้น แล้วชี้ไปที่ท่านซ่งอย่างพูดอะไรมิออกเมื่อเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงเห็นใบหน้านั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน“เย่ซงเฉิง!”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก “ท่าน… ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ?”สามีภรรยาตระกูลเจียวก็จำใบหน้านั้นได้เช่นกันคนในเมืองหลวงแดนเทพที่มีอายุยี่สิบห้าปีขึ้นไป มีใครบ้างที่มิรู้จักใบหน้านี้เมื่อยี่สิบปีก่อนเย่ซงเฉิงเป็นตำนานของเมืองหลวงแดนเทพ เป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อมหาเทพหลง และเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเย่นามของเขาคือหมุดหมายสำคัญแห่งแวดวงปรุงโอสถ และจวบจนถึงวันนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถบรรลุความสำเร็จถึงขั้นเขาได้!“พี่ใหญ่!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ ซึ่งมิต่างอะไรจากยามที่เย่ซงเฉิงจากไปเมื่อยี่สิบปีก่อนยี่สิบปีผ่านไป ตนเผยให้เห็นความแก่ชราลงไปแล้ว แต่เย่ซงเฉิงยังคงเหมือนดังเช่นยามนั้น นอกจากผอมลงแล้วก็มิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก!“ท่านลุงใหญ่…”พี่น้องเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงก็ตะโกนออกมาเช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็คุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกันเย่ซื่อเจียงตื
เมื่อแม่ทัพเฉิงไปแล้ว ฮูหยินเฉียวก็สูญเสียที่พึ่งสำคัญไป กอปรกับที่ก่อนหน้านี้นางทำให้ธารกำนัลโกรธแค้น และเย่ซงเฉิงก็กลับมาแล้ว หากนางสร้างความวุ่นวายขึ้นอีกก็คงมิได้ผลประโยชน์อะไรเช่นกัน สุดท้ายนางจึงพาคนตระกูลเฉียวกลับไปอย่างขุ่นเคืองหลงเพ่ยเพ่ยมองฮูหยินเฉียวออกไปอย่างเย็นชา นางจดจำความแค้นที่วันนี้ฮูหยินเฉียวจับตัวสิงจั๋วจนทำให้ตนต้องเสียความเชื่อมั่นจากสิงอวี๋ไว้แล้ว นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้แน่เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวออกไปแล้วและบุคคลในตำนานเช่นเย่ซงเฉิงยังปรากฏตัวขึ้นมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นหลิงอวี๋ก็ยิ่งมีคนสนับสนุนมากขึ้น นางก็รู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง หรือจะต้องปล่อยให้หลิงอวี๋รอดไปได้เช่นนี้?นางขยับเข้าไปข้าง ๆ เฟิงหลานแล้วเอ่ยออกไปอย่างน่าสงสาร “ท่านอาจารย์ หรือว่าจะจบไปเช่นนี้? ข้าสามารถยืนยันได้ว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋นะเจ้าคะ!”เฟิงหลานเหลือบมองนาง แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มิต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง!”เฟิงหลานและเจียวหัวมีแผนของตนอยู่แล้ว ในสายตาของพวกเขา การบังคับให้สิงอวี๋ยอมรับตัวตนด้วยตัวนางเองนั้นเป็นสิ่งที่มิจำเป็นสักนิดมิว่านา
ภายใต้สายตาที่มองเห็นทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่งนั้น หลิงอวี๋รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็ล้วนไร้ประโยชน์เย่ซงเฉิงเป็นปรมาจารย์ ขอเพียงเขาต้องการจะทำ เขาก็สามารถปรุงน้ำยามาล้างการแปลงโฉมของตนออกได้!หลิงอวี๋ครุ่นคิด แล้วยิ้มออกมาทันที “ที่แท้ปรมาจารย์เย่ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นกัน!”ทุกคนต่างจับจ้องหยกหล้าสุขาวดีบนตัวของตน เย่ซงเฉิงเองก็จับจ้องอยู่เช่นกัน หลิงอวี๋มิได้พูดออกมาให้ชัด แค่ใช้วิธีเช่นนี้หยั่งเชิงจุดประสงค์ของเย่ซงเฉิงเท่านั้นเย่ซงเฉิงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับตนเอง “ในสมองของเจ้ายังมีเข็มเงินอยู่สี่เล่ม และเข็มเงินเหล่านี้ก็ปิดผนึกความทรงจำของเจ้าเอาไว้!”“ข้าจะปลดเข็มเงินออกจากตันเถียนของเจ้าให้ มันจะเจ็บปวดมาก เจ้าอดทนสักหน่อยนะ!”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะปฏิเสธ เย่ซงเฉิงก็ยกมือขึ้นทันที แล้วร่างกายของหลิงอวี๋ก็ลอยจากพื้นไปอยู่กลางอากาศนางมองเย่ซงเฉิงอย่างประหลาดใจ อยากจะดิ้นรน แต่แขนขาก็คล้ายกับว่ามีตาข่ายที่มองมิเห็นควบคุมอยู่ แม้แต่การขยับนิ้วก็ยังทำมิได้“ผ่อนคลาย! แม่หนู หากข้าคิดจะทำร้ายเจ้า เจ้าก็หนีมิพ้นหรอก!”เสียงของเย่ซงเฉิงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล และมือทั้งสองของเขาก็
“แม่หนู เจ้าว่าเมื่อเห็นโศกนาฏกรรมเหล่านี้แล้ว ชื่อเสียงและผลประโยชน์ยังสำคัญอยู่หรือไม่?”เย่ซงเฉิงมองหลิงอวี๋อย่างแน่วแน่หัวใจของหลิงอวี๋รู้สึกหนักอึ้ง ภาพเหล่านั้นราวกับว่ายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ทำให้ใจของนางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเหตุใดเย่ซงเฉิงจึงให้ตนเห็นภาพที่น่าสลดเหล่านี้กัน?“เมื่อเทียบกับการแก้แค้นของธรรมชาติแล้ว ความแค้นระหว่างคนกับคนก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”เย่ซงเฉิงเอ่ยด้วยเสียงขรึม “หลิงอวี๋ ใต้หล้านี้ไม่มีผู้กอบกู้ที่แน่นอนหรอกนะ แม้ว่าหลงอี้จะยังมีชีวิตอยู่ เขาก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงหายนะครั้งนี้ได้เช่นกัน!”“หมอหนึ่งคนมีเพียงแค่สองมือ คนที่สามารถช่วยได้สุดท้ายแล้วก็จะมีจำกัด!”“ส่วนเจ้า เกิดมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม หยกหล้าสุขาวดีเลือกเจ้าแล้ว ก็คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าควรใช้ความสามารถของตัวเจ้าเองเพื่อพยายามหยุดยั้งการเกิดโศกนาฏกรรม และช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ!”หลิงอวี๋มองเย่ซงเฉิงอย่างตกตะลึง นางมีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ใต้หล้าที่รกร้างและเสื่อมโทรมในแดนภาพลวงตานั้น มีราษฎรที่ไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากเช่นนั้น นางจะมีความส
เซียวหลินเทียนเฝ้าดูอยู่บนหลังคา แต่ในห้องมิได้มีเสียงใดทั้งนั้น เมื่อมิได้ยินเสียงในห้องจึงทำให้เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมาหลิงอวี๋คงมิถูกเย่ซงเฉิงทำร้ายใช่หรือไม่?เขายกกระเบื้องขึ้น เพราะอยากจะมองลงไป แต่ด้านล่างนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด มองมิเห็นสิ่งใดทั้งนั้นในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังคิดว่าจะพุ่งลงไปโดยมิสนใจอะไรทั้งนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเย่ซงเฉิงเปิดประตูออกมาเซียวหลินเทียนมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าแสงสีขาวนั้นสลายไปแล้ว และหลิงอวี๋ก็ยืนอยู่ภายในห้องนางมิได้เป็นอะไร!เซียวหลินเทียนถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ยังมิทันที่เขาจะดันตัวออก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลิงอวี๋เสียก่อน “ลงมา!”เอ่อ ถูกจับได้เสียแล้ว!เซียวหลินเทียนครุ่นคิดแล้วก็กระโดดลงมาจากหลังคาเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาอย่างชัดเจนว่าเป็นเซียวหลินเทียน นางก็ตะลึงไปเล็กน้อยเซียวหลินเทียนมิรอให้หลิงอวี๋เอ่ยปาก เขาก็เอ่ยออกมาก่อนด้วยเสียงทุ้ม “ข้ามิได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้านะ! แม้ว่าที่ตัวเจ้าจะมีหยกหล้าสุขาวดี ข้าก็จะไม่มีทางทำอะไรเจ้าแน่!”“อาอวี๋ ข้ายอมตายเสียดีกว่าที่จะทำร้ายเจ้า!”“ข้ารู้ว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร