เมืองหลวงแดนเทพเกิดความปั่นป่วน หลิงอวี๋และหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็คาดมิถึงว่า พวกตนเพิ่งออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปเพียงคืนเดียวก็กลับเกิดเรื่องมากมายขึ้นเช่นนี้เสียแล้วหลายคนรีบเดินทางมาถึงเมืองเล็กที่อยู่หน้าภูเขาอนันต์ หลงเพ่ยเพ่ยก็ถูกมู่หยางหัวหน้าองครักษ์เงาของจวนเจ้าห่งทิศใต้สกัดไว้มู่หยางคือบิดาของมู่ตง หัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ย อายุสี่สิบกว่าปี สูงกว่ามู่ตงหนึ่งช่วงศีรษะ“ท่านหญิง คนของมหาปราชญ์และตำหนักหมาป่าสวรรค์ปิดล้อมเชิงเขาอนันต์ไว้หมดแล้ว พวกเราขึ้นไปช่วยคนบนเขามิได้แล้วขอรับ!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งคนไปสืบดูแล้ว หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนช่วยหวงฝู่หมิงจูออกมาได้ แต่ถูกเจ้าสำนักซิงหลัวทำร้ายจนบาดเจ็บ พวกเขาจำต้องหลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย!”ระหว่างทาง หลิงอวี๋ได้ฟังหลงเพ่ยเพ่ยเล่าถึงตำหนักใต้ดินแห่งความตายในตำนานนี้แล้วเมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ หลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจโล่งอกไปชั่วคราว ขอเพียงมิตกไปอยู่ในมือของเจ้าสำนักซิงหลัว จากนี้ย่อมต้องมีวิธีช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอนหลงเพ่ยเพ่ยก็คิดเช่นเดียวกัน จึงกล่าวว่า “ท่านล
หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว ทางด้านฝ่ายสนับสนุนได้เตรียมการไว้แล้ว แต่สิ่งที่หลงเพ่ยเพ่ยพูดต่างหากคือประเด็นสำคัญ เซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ จะสามารถเดินออกจากตำหนักใต้ดินมาถึงทางออกได้อย่างราบรื่นหรือไม่?“ลุงมู่ ท่านพอจะหาแผนที่ภูเขาอนันต์ได้หรือไม่? พวกเราจะได้ลองศึกษากันดูหน่อยว่า อดีตเจ้าสำนักน่าจะสร้างทางออกไว้ที่ใดมากที่สุด?”ภูเขาอนันต์มิสามารถบุกเข้าไปตรง ๆ ได้ ทำได้เพียงหาหนทางจากทางออก บางทีอาจจะสามารถเข้าไปจากทางออกเพื่อช่วยเหลือเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ออกมาได้“ข้านำแผนที่ติดตัวมาด้วยตอนออกเดินทาง!”มู่หยางหยิบแผนที่ออกมาส่งให้กับหลิงอวี๋แผนที่นี้ละเอียดมาก ระบุยอดเขาทุกยอดของภูเขาอนันต์รวมถึงเส้นทางทุกสายหลิงอวี๋สวมบทบาทเป็นอดีตเจ้าสำนัก ลองจินตนาการถึงตำหนักใต้ดินที่ตนออกแบบ จะต้องวางแผนอย่างไรจึงจะมิทำลายทัศนียภาพของภูเขาอนันต์นางมิเชื่อว่าอดีตเจ้าสำนักจะยอมทำลายบ้านเกิดของตนเพื่อสร้างตำหนักใต้ดินแห่งนี้ขึ้นมาหลงเพ่ยเพ่ยก็โน้มตัวเข้ามาดูเช่นกัน แต่ดูไปดูมาหลงเพ่ยเพ่ยก็ยังจินตนาการมิออกว่าภูเขาที่สูงชันเช่นนี้สามารถสร้างตำหนักใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ข้างใต้ได้อย่างไรเถาจื่อ
แม้ว่านี่จะมิใช่ครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้พบเก๋อเฟิ่งฉิง แต่ก่อนหน้านี้นางมิได้มีความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเก๋อเฟิ่งฉิงเป็นพิเศษทว่าเซียวหลินเทียนได้มอบหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ให้กับหลิงอวี๋มาโดยมีเจตนาเอาใจนางถึงแม้ในใจหลิงอวี๋จะยังคงมีความสงสัยในตัวเซียวหลินเทียนอยู่ แต่ทัศนคติของนางที่มีต่อเซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นโดยมิรู้ตัวดังนั้น เมื่อได้พบเก๋อเฟิ่งฉิงอีกครั้ง ในใจของหลิงอวี๋จึงมีปมค้างคาอยู่เสมอ“ท่านหญิง คุณหนูสิง!” มู่หยางเดินออกไปก่อนแล้วเก๋อเฟิ่งฉิงก็เดินเข้ามาหลงเพ่ยเพ่ยและเก๋อเฟิ่งฉิงมิได้มีการพบปะติดต่อกันเป็นพิเศษนัก แม้ว่าทุกคนจะรู้จักกัน แต่ปกติแล้วไม่มีการไปมาหาสู่กันหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูเก๋อช่างหูตากว้างไกลเสียจริง ตัวข้าท่านหญิงและสิงอวี๋เพิ่งมาถึงมินาน คุณหนูเก๋อก็รู้แล้ว!”เก๋อเฟิ่งฉิงยิ้มอย่างใจกว้าง “ท่านหญิงอย่าเข้าใจผิดไป ข้ามิได้รู้ร่องรอยของท่านจากการจับตามอง! คนของข้าอยู่ข้างหน้าไปยี่สิบลี้คอยจับตาดูทุกคนที่มายังภูเขาอนันต์!”“ท่านหญิง ข้ามิขอปิดบังท่าน มหาปราชญ์มาที่ภูเขาอนันต์เพื่อจับคน ข้านำคนมาก็เพราะต้องการช่วยคนที่เข
เมื่อเก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าหลิงอวี๋ยอมให้ตนเข้าร่วมก็แสยะยิ้มเย็นชาในใจหากมิใช่เพราะคนของนางที่พามามิสามารถช่วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ออกมาจากเงื้อมมือของมหาปราชญ์ได้ นางจะยอมมอบโอกาส ‘สาวงามช่วยวีรบุรุษ’ เช่นนี้ได้อย่างไร!เมื่อครู่นางก็ไตร่ตรองอยู่ครึ่งค่อนวัน มิอยากสูญเสียโอกาสในการช่วยเซียวหลินเทียน จึงได้เลือกมาหาพวกนางเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยินน้ำเสียงออกคำสั่งของหลิงอวี๋ก็รู้สึกมิพอใจอยู่บ้าง แต่มิได้เผยสีหน้าแม้แต่น้อย นางหยิบแผนที่ออกมานี่คือแผนที่หนังแกะ ดูจากสีสันก็รู้ได้ถึงความเก่าแก่ บางจุดชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเก๋อเฟิ่งฉิงวางแผนที่ลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง “ในอดีตบรรพบุรุษของข้าก็เคยเข้าร่วมสำรวจตำหนักใต้ดิน เขาถูกกลไกกับดักตัดขาไปข้างหนึ่ง คิดว่าตนไม่มีปัญญาเดินจนสุดทางตำหนักใต้ดิน จึงลากสังขารกลับมายังทางเข้า”“จนกระทั่งสิ้นใจ บรรพบุรุษของข้าก็ยังคงฝังใจอยู่เสมอ กล่าวว่า การที่มิสามารถเดินจนสุดตำหนักใต้ดินได้นั้นเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเขา เขาทั้งหลงใหลและคลั่งไคล้ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ แม้จะต้องเสียขาไปข้างหนึ่งเพื่อการดังกล่าว ทว่าชั่วชีวิตที่เหลือก็มิเคยเสียใจที่
เพื่อหลิงอวี๋แล้วเซียวหลินเทียนมิเสียดายที่จะละทิ้งฐานะจักรพรรดิมายังเมืองหลวงแดนเทพเพื่อตามหานางความรักอันลึกซึ้งนี้ทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงทั้งอิจฉาและริษยา เหตุใดตนจึงมิอาจมีความรักที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้บ้าง?เก๋อเฟิ่งฉิงอยากจะฆ่าหลิงอวี๋ให้ตายนัก นางไม่มีทางยอมใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นเป็นอันขาดทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเพ่ยเพ่ยแล้วนางมิอาจลงมือได้ ทำได้เพียงหาโอกาสอื่นแทนฟ้ามืดแล้ว เส้นทางบนภูเขายากลำบาก เดินไปกว่าหนึ่งชั่วยามจึงมาถึงป่าเขาที่เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวถึงแผนที่กับสภาพความเป็นจริงนั้นแตกต่างกันมาก บนแผนที่มิได้ระบุว่ามีแม่น้ำ แต่กลางป่าเขากลับมีลำธารสายหนึ่งที่น้ำไหลจากด้านบนลงมาสองข้างทางลำธารเต็มไปด้วยหินรูปร่างประหลาดตั้งตระหง่านอย่างเย็นเยียบอยู่ใต้แสงจันทร์"มิสู้เราแยกย้ายกันค้นหา บางทีอาจจะพบอะไรบ้าง!" หลงเพ่ยเพ่ยเสนอแนะ"ได้!" หลิงอวี๋พยักหน้า พาเถาจื่อปีนขึ้นไปตามลำธารเก๋อเฟิ่งฉิงก็พาสาวใช้และผู้คุ้มกันของตนไปยังอีกทิศทางหนึ่ง"ฮองเฮา ท่านว่าฝ่าบาทกับพวกเขาจะสามารถฝ่าไปถึงทางออกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่เพคะ?" เถาจื่อถามขณะปีนป่าย"อย่าเรียกข้าว่าฮองเฮาสิ!"หลิงอวี๋
หลิงอวี๋อยู่ริมลำธารเพียงลำพัง นางหมอบราบกับพื้นเพื่อฟังเสียงความเคลื่อนไหวของสายน้ำหลังจากฟื้นคืนพลังยุทธ์ ประสาทการได้ยินของนางเฉียบคมกว่าแต่ก่อน กอปรกับการชี้แนะของเย่ซงเฉิงและเย่ซื่อฝาน พลังยุทธ์ของหลิงอวี๋จึงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วเพียงแต่แม้ประสาทหูจะเฉียบคมเพียงใด นอกเหนือจากเสียงน้ำไหลแล้วก็มิได้ยินความเคลื่อนไหวอื่นใดเลยในขณะเดียวกัน พวกเซียวหลินเทียนได้ฝ่าด่านจนเหนื่อยล้าเต็มทีแล้วแม้จะเดินตามแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้มาตลอด ทว่าความยากลำบากในการฝ่าด่านแค่ง่ายกว่าแนวทิศตะวันออกเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยากขึ้นเรื่อย ๆ ทีละด่านเซียวหลินเทียนเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน รวมกับบาดแผลก่อนหน้านี้เขาก็แทบจะทรงตัวมิอยู่แล้วแม้จะอาศัยโอสถรักษาแผลและโอสถแก้ปวดประคองอาการมาตลอด แต่พวกเผยอวี้ก็ยังสังเกตเห็นถึงความอ่อนแอของเขาเดินมาได้ครึ่งทาง จ้าวซวนก็ไปรับพวกหวงฝู่หลินลงมาทางฝั่งหวงฝู่หลินก็ทนต่อไปมิไหวแล้วเช่นกันเมื่อมหาปราชญ์มาถึงก็ร่วมกับเจ้าสำนักซิงหลัว ยื่นคำขาดสุดท้ายแก่หวงฝู่หลิน หากมิยอมเดินออกจากตำหนักใต้ดินด้วยตนเอง พวกเขาจะบุกโจมตีมหาปราชญ์เคียดแค้นหวงฝู่หลินและเซียวหลิน
ปี้ซงฟังต่อไปมิไหว กล่าวเสียงเข้มว่า "ท่านเจ้าวัง มิต้องกล่าวอะไรแล้ว ท่านตัดสินใจอย่างไร บ่าวก็สนับสนุนท่านทั้งนั้น!"ปี้ซงคิดว่าหวงฝู่หลินกำลังจะยอมประนีประนอมกับตำหนักซิงหลัว เกรงว่าตนจะถูกมองเป็นคนเนรคุณ จึงรีบแสดงจุดยืนของตนทันที!หวงฝู่หลินส่ายหน้า "ข้าพูดเช่นนี้มิใช่เพราะคิดจะยอมแพ้! เมื่อครู่ข้าคิดมาตลอดว่า ตระกูลหวงฝู่ของเราทำการสำรวจค้นคว้ามาหลายปี จึงคิดค้นโอสถห้ามเลือดขึ้นมาได้ เจ้าก็รู้ว่ากว่าจะได้เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มานั้นมันยากเย็นเพียงใด!""ทว่าหลิงอวี๋เพิ่งมาถึงวังเทพได้มินาน มิเพียงแต่รักษาโรคฝีดาษของหมิงจูจนหายขาด ทั้งยังพบวิธีห้ามเลือดอีกด้วย!""บางทีหลิงอวี๋อาจจะเป็นดาวแห่งความหวังของตระกูลหวงฝู่!""การที่หมิงจูได้พบกับหลิงอวี๋อาจเป็นลิขิตฟ้า! ข้าอยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง เพื่ออนาคตของหมิงจูและตระกูลหวงฝู่!"ปี้ซงมองหวงฝู่หลินอย่างงุนงง มิเข้าใจว่าหวงฝู่หลินหมายความว่าอย่างไร"ปี้ซง เจ้าพาหมิงจูตามพวกเขาไปเถิด ข้าจะคอยเฝ้าอยู่ที่นี่! เซียวหลินเทียนไปนานเพียงนี้แล้วยังมิกลับมา พวกเขาต้องหาทางออกพบแล้วเป็นแน่""เจ้าพาหมิงจูออกไปส่งให้หลิงอวี๋เถอะ ข้าเชื่อ
ไม่มีทางไปแล้ว!หวงฝู่หลินมองดูหินก้อนใหญ่เหล่านั้นก็พลันหัวใจดิ่งวูบลง หรือว่าครั้งนี้จะถึงทางตันจริง ๆ แล้ว?"สหายหวงฝู่ อย่าเพิ่งหมดหวัง ในเมื่อมีน้ำซึมเข้ามา ก็พิสูจน์ได้ว่ามีทางออก!"เซียวหลินเทียนเห็นสีหน้าสิ้นหวังของหวงฝู่หลินจึงปลอบใจ"พวกเรามิได้เดินผิดทาง นี่คือประตูเกิดบนแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากเส้นทางนี้แล้วก็ไม่มีทางออกอื่นอีก!""พวกท่านพักผ่อนสักครู่ พวกเราจะตรวจสอบต่อไป จะได้ดูว่าหินเหล่านี้พอจะเคลื่อนย้ายได้หรือไม่!"เซียวหลินเทียนลากสังขารที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุดปีนขึ้นไปบนกองหินเหล่านั้นอันที่จริง สิ่งที่เซียวหลินเทียนอยากทำที่สุดในตอนนี้คือล้มตัวลงนอนหลับให้สนิทสักงีบทว่าผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว พวกเขาก็ยังมิได้ออกจากตำหนักใต้ดิน ยิ่งถ่วงเวลานานเท่าไรก็ยิ่งเป็นอันตรายเท่านั้นเพื่อเหล่าพี่น้องและสหายที่ติดตามตนมาเหล่านี้ เขาทำได้เพียงฝืนทนต่อไปฉินซานก็ปีนตามขึ้นไป ทั้งสองคนแยกกันค้นหาหินที่มีความคลอนลู่หนานและเผยอวี้เองก็มิได้อยู่เฉย รีบแยกย้ายกันค้นหา"หินเหล่านี้น่าจะถล่มลงมาตอนเกิดแผ่นดินไหว หากแผ่นดินไหวทำลายหุบเขา ทางออกก็คงจะถูกปิดตายสนิท"
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี