เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็ตาเป็นประกาย แล้วเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่เซียว! หากแผนการของท่านสำเร็จ เช่นนั้นพวกเราก็ยังสามารถใช้มหาปราชญ์ไปช่วยพวกของเสด็จพ่อข้าออกมาได้!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า “อืม นอกจากเจ้าแห่งทะเลแล้ว ที่แดนเทพก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมหาปราชญ์ได้แล้ว พวกเราสามารถใช้จุดนี้ไปช่วยเจ้าแห่งทิศใต้ออกมาก่อนได้!”แต่องค์หญิงหานเยวี่ยก็ยังคงมิค่อยสบายใจนัก “มหาปราชญ์เองก็เป็นคนที่เก่งในการใช้กู่และพิษอยู่แล้ว เขาจะถูกสวินเย่ควบคุมได้หรือ?”เมื่อสวินเย่ได้ยินว่าองค์หญิงหานเยวี่ยสงสัยในความสามารถของตน เขาก็แค่นหัวเราะออกมา “คนไร้ค่าผู้นั้น วิชากู่ของเขายังลอบศึกษาไปจากข้าด้วยซ้ำ หากข้ามิสามารถควบคุมเขาได้ เช่นนั้นข้าก็อยู่คุกน้ำมายี่สิบกว่าปีแบบเสียเปล่าแล้ว!”“เซียวหลินเทียน จู่ ๆ ข้าก็นึกเงื่อนไขขึ้นมาได้ข้อหนึ่ง หากข้าช่วยเจ้าควบคุมมหาปราชญ์ เจ้าจงมอบเสือปีกกาฬให้เป็นสัตว์พาหนะของข้าเสียเถิด!”“ข้าเดินมิได้ หากมีเสือปีกกาฬไว้ใช้ในการเดิน ข้าก็มิต้องพึ่งใครแล้ว!”เสือปีกกาฬเป็นสัตว์เทพ ทั้งยังบินได้อีก สวินเย่คิดว่าหากได้เสือปีกกาฬมาเป็นสัตว์พาหนะ ตนก็มิ
ท่าทีของสวินเย่ทำให้เซียวหลินเทียนถึงกับนิ่งอึ้งไป เขายังนึกว่าตนกับสวินเย่ได้ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา อย่างไรเสียก็น่าจะมีเยื่อใยต่อกันอยู่บ้างแต่ไหนเลยจะรู้ว่า เมื่อสวินเย่พ้นจากอันตราย ก็กลับหน้าเป็นหลังมือมิเห็นหัวกันเสียแล้ว“เราตกลงกันแล้วมิใช่หรือ? ข้าจะหาทางช่วยรักษาขาให้ท่านเอง!”เซียวหลินเทียนพอจะเข้าใจนิสัยของผู้เฒ่าประหลาดผู้นี้อยู่บ้าง จึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “หรือท่านจะลองตั้งเงื่อนไขมาก็ได้ ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดก็จงบอกมาเถิด!”องค์หญิงหานเยวี่ยมีชาติกำเนิดสูงส่ง นิสัยจึงค่อนข้างหยิ่งทะนง เมื่อเห็นผู้เฒ่าประหลาดผู้นี้พิการขาทั้งสองข้างจนเดินมิได้ แต่ยังทำท่าทีหยิ่งยโสโอหัง ก็หัวเราะเย็นชากล่าวว่า“เซียวหลินเทียน จะไปเสียเวลาพูดกับเขาด้วยเหตุใดกัน ท่านเป็นคนช่วยเขาขึ้นมาเอง หากมิยอมช่วยก็โยนกลับลงไปในทะเลสาบ ให้เขาไปเผชิญชะตากรรมเอาเองเถิด!”สวินเย่หัวเราะคิกคัก “คนตระกูลหลงนี่ช่างหยิ่งยโสเสียจริง! หลงหมิงก็เป็นเช่นนี้ องค์หญิงท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน!”“ได้ มิต้องการให้ข้าช่วยก็โยนข้าลงไปเลยสิ!”“ผู้เฒ่าอย่างข้าตายไป พวกท่านก็คงได้ตามไปเป็นเพื่อนในมิช้า ข้าก็แค่
“นั่นอะไรหรือ?”ฉินซานหันขวับไปอย่างมิเชื่อสายตา จ้องมองแสงระยิบระยับที่อยู่ไกลออกไปแล้วร้องถามหลงเพ่ยเพ่ยว่า “ท่านหญิง ท่านดูสิ ข้าตาฝาดไปหรือไม่ นั่นใช่แสงไฟหรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยมองตามไป พลันร้องออกมาด้วยความดีใจ “พี่ฉิน ท่านมิได้ตาฝาด นั่นคือสัญญาณตอบกลับ! เป็นพี่ใหญ่เซียวกับพี่หญิงหลิงหลิงตอบกลับพวกเรา!”เมื่อแสงนั้นขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนพาคนผู้หนึ่งขี่สัตว์ประหลาดเหินมาแต่ไกลหัวใจของฉินซานพลันสงบลงในทันใด พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยแล้วส่วนองค์หญิงหานเยวี่ยและเหล่าองครักษ์ต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างสัตว์ประหลาดกระหายเลือดแห่งสระเก้ามังกรตัวนี้ เซียวหลินเทียนกลับควบคุมมันได้งั้นหรือ?เซียวหลินเทียนผู้นี้ ช่างมิธรรมดาเสียจริง!“ปล่อยเชือกเร็วเข้า!”ฉินซานรีบสั่งการให้ลูกน้องปล่อยเชือกลงไป รอจนเซียวหลินเทียนแบกคนผู้นั้นขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือแล้ว เขาถึงได้พบว่าอีกคนกลับมิใช่หลิงอวี๋“พระนางเล่า?”พี่หลิงหลิงเล่า?”ฉินซานและหลงเพ่ยเพ่ยร้องถามขึ้นพร้อมกันเซียวหลินเทียนส่ายหน้าอย่างขมขื่น “นางตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแห่งทะเลแล้ว พวกเราถูกลอบกัด!”ฉิน
องค์หญิงหานเยวี่ยครุ่นคิดไปมา ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะสนับสนุนเจ้าแห่งทิศใต้ตามรับสั่งของเสด็จแม่การที่นางมายังสระเก้ามังกร ก็เป็นไปตามพระประสงค์ของฮองเฮาที่ต้องการช่วยเลี่ยวหงเสียออกมา“เพ่ยเพ่ย เสด็จย่าของเจ้าบอกว่าเลี่ยวหงเสียคือคนเดียวในใต้หล้าที่ล่วงรู้ความลับของเสด็จปู่ทวดของเจ้า ขอเพียงเราช่วยนางออกมาได้ ก็จะมีหนทางเอาชนะหลงหมิงและฝูไห่ได้!”องค์หญิงหานเยวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หลังจากที่อามาถึงสระเก้ามังกร สายลับของข้าก็พบว่าคนของหลงหมิงได้ซุ่มกำลังรออยู่ที่คุกน้ำแล้ว”“ในตอนแรกข้ายังคงสงสัยอยู่บ้าง คิดว่าการเคลื่อนไหวของเราถูกหลงหมิงล่วงรู้แล้ว เขาจึงสะกดรอยตามข้ามาถึงคุกน้ำแห่งนี้”องค์หญิงหานเยวี่ยมิกล้าปะทะซึ่งหน้ากับเจ้าแห่งทะเล จึงได้ซ่อนตัว พร้อมทั้งส่งสายลับคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของหลงหมิงต่อไปผลปรากฏว่าคนของหยางหงหนิงกลับกำลังซุ่มซ่อนอยู่ริมสระเก้ามังกรอย่างลับ ๆ ล่อ ๆองค์หญิงหานเยวี่ยครุ่นคิด ก็เดาได้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงต้องมาเพื่อช่วยเลี่ยวหงเสียเป็นแน่ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจเดิมของนางพอดีองค์หญิงหานเยวี่ยจึงมีรับสั่งให้คนเข้าจับกุมคนของหย
หลงเพ่ยเพ่ยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ฉินซานพูดถูก ตอนนี้นางมิรู้เลยว่าสถานการณ์ในเมืองหลวงแดนเทพเป็นอย่างไร หากผลีผลามกลับไป ก็คงมิอาจช่วยเสด็จพ่อได้“เดี๋ยวก่อน ข้าขอไปดูหน่อยว่าหยางหงหนิงตายแล้วหรือยัง!”หลงเพ่ยเพ่ยนึกขึ้นได้ว่าหยางหงหนิงถูกธนูยิงจนกลิ้งตกลงไปในทะเลสาบ จึงรีบวิ่งไปยังริมฝั่งทว่าผืนน้ำในทะเลสาบกลับนิ่งสงบ มองมิเห็นว่าหยางหงหนิงอยู่ที่ใด!“เพ่ยเพ่ย นางน่าจะถูกธนูยิงไปแล้ว ตอนนี้เราไม่มีเวลามาตามหาศพของนาง เจ้าขึ้นเรือก่อน หากนางยังมิตาย พวกเราค่อยฆ่านางอีกที!”องค์หญิงหานเยวี่ยมิอยากเสียเวลาตามหาศพของหยางหงหนิง จึงเอ่ยเร่งเร้าหลงเพ่ยเพ่ยจึงจำใจขึ้นเรือไปกับฉินซานหลงเพ่ยเพ่ยรีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน “เสด็จอา ท่านมาได้อย่างไรกัน? แล้วเมืองหลวงแดนเทพเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จพ่อพวกเขาถูกเจ้าแห่งทะเลลอบทำร้ายใช่หรือไม่เพคะ?”องค์หญิงหานเยวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มิใช่แค่เสด็จพ่อของเจ้าที่ถูกลอบทำร้าย แม้แต่เสด็จย่าของเจ้าก็ยังตกอยู่ในเงื้อมมือของนางสารเลวชายาเจ้าแห่งทะเล!”“เพ่ยเพ่ย พวกเจ้ามาช่วยเลี่ยวหงเสียใช่หรือไม่? แล้วคนเล่า? ช่วยออกมาได้หรือยัง?”หล
มินานเรือก็เข้าเทียบท่าหยางหงหนิงฉุดกระชากหลงเพ่ยเพ่ยไปรออยู่ที่กราบเรือ ด้วยความตื่นเต้นพอทหารวางสะพานเทียบท่า นางก็ลากหลงเพ่ยเพ่ยลงจากเรือเชือกที่มัดหลงเพ่ยเพ่ยอยู่นั้นถูกฉินซานตัดขาดไปก่อนหน้าแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยเพียงแสร้งกำปลายเชือกไว้ในมือ ทำทีเป็นว่ายังคงถูกมัดอยู่ในฝ่ามือของนางกำกริชเล่มเล็กที่ฉินซานมอบให้ไว้ แล้วแสร้งทำเป็นอ่อนแรง เดินโซซัดโซเซตามหยางหงหนิงลงไปยังชายฝั่งฉินซานยังมิลงมาจากเรือ หลงเพ่ยเพ่ยจึงยังมิอาจลงมือได้ นางได้แต่จ้องมองหยางหงหนิงอย่างเย็นชาขณะสั่งการให้ทหารคุมตัวฉินซานและคนอื่น ๆ ลงมา“ใครก็ได้ นำตัวพวกเขาไปที่คุกน้ำ ส่งตัวให้แม่ทัพหลี่!”หยางหงหนิงหันไปออกคำสั่งกับเหล่าทหารที่มารอรับช่วงต่อเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นทหารกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้ก็ร้อนใจขึ้นมา มินึกว่าหยางหงหนิงยังมีคนรอสมทบอยู่บนฝั่งอีก นางจึงสบตากับฉินซานทั้งสองตัดสินใจลงมือพร้อมกัน หากมิลงมือก็คงไม่มีโอกาสหนีอีกแล้วหลงเพ่ยเพ่ยกำกริชเล่มเล็กในมือแน่น แล้วแทงเข้าใส่หยางหงหนิงอย่างแรงแต่สิ่งที่นางคาดมิถึงก็คือ ในชั่วเวลาเดียวกันนั้นเอง ทหารกลุ่มที่ออกมาจากพุ่มไม้กลับชักดาบออกมาแล้