แม่นมเฉา!หลิงอวี๋นึกถึงคำที่หลิงซวนพูดฉับพลัน แม่นมที่มีหน้าคล้ายม้าและหางคิ้วโก่งคือแม่นมเฉาที่เสิ่นจวนพามา!หลิงอวี๋หัวเราะหยัน ไม่คิดว่าจะเคยชินกับการอาศัยบารมีของนาย เที่ยวรังแกชาวบ้าน!“แม่นมเฉามิพอใจรึ? อ้อ งั้นข้าก็รู้จักเรือนดี ๆ อยู่หนา แม่นมอยากให้คุณหนูของพวกเจ้าย้ายไปหรือไม่เล่า!”เมื่อแม่นมเฉาได้ฟังก็คิดว่าหลิงอวี๋กลัวตน กล่าวอย่างกิ้งก่าได้ทอง“หากมีเรือนดีก็ต้องย้ายแน่ เจ้าให้คนมาขนของพวกเราไปเดี๋ยวนี้เลย!”หลิงอวี๋ชี้ไปยังศาลาพักริมน้ำที่ด้านหลัง ยิ้มกล่าวว่า“ศาลาริมน้ำคือเรือนที่ดีที่สุดแห่งตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าอยากย้ายก็ย้ายมาเถอะ!”“ตัวข้าเหนื่อยมาทั้งวันต้องไปพักก่อน! ข้าเห็นเจ้าพาคนมามิน้อยอยากย้ายก็ขนเองแล้วกัน!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนไปแม่นมเฉาโกรธจนตะโกนเรียก “พระชายาอ๋องอี้ ท่านต้อนรับแขกเช่นนี้เรอะ?”“ข้าจักไปทูลนายท่านกับพระชายาหรงเฟย… จักทำให้ท่านอ๋องหย่ากับเจ้าแน่!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นางอยากเอ็ดตะโรก็เอาเลย ให้เซียวหลินเทียนฟังเองว่า บุตรผู้น้องเขาพาคนพฤติกรรมเยี่ยงไรมา!แม่นมเฉามิได้โง่ขนาดนั้น เมื่อร้องสองประโยคเสร็จเห็นหล
เมื่อนางรับใช้ในเรือนมากขึ้น หลิงอวี๋จึงคิดเรียกให้แม่นมลี่กับหลิงซินมานางกล่าว “พวกเจ้าทุกคนเชื่อฟังแม่นมลี่ยามปกติ ส่วนยามออกตำหนักกลุ่มสุ่ยหลิงกับหลิงซวน กลุ่มเถาจื่อกับหลิงซินผลัดกันติดตามข้า!”“ที่เรือนจัดการงานตามคำสั่งแม่นมลี่! ที่นี่ข้าไม่มีกฎมากนัก ทุกคนรับเงินเดือนเหมือนกัน และรับเบี้ยบำเหน็จครึ่งปีหนึ่งครั้ง!”“เบี้ยบำเหน็จสูงต่ำขึ้นกับความขยันทำงาน! อย่างไรก็ตาม ติดตามข้าพวกเจ้าจักได้รับปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!”เมื่อสุ่ยหลิงได้ยินข่าวดีแบบนี้ ดวงตาก็ประกายฉับพลันพลางถามตรงไปตรงมา“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราใช้เงินพวกนี้ไถ่ถอนตัวเองได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ ยิ้มตอบ “ได้แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้าต้องการกำลังคน หากพวกเจ้าอยากไปก็ต้องอยู่อย่างน้อยสองปี!”“หลังสองปีถ้าประพฤติตัวดี ข้าก็มิต้องการเงินค่าไถ่ถอนพวกเจ้า ข้าจักคืนสัญญาทาสให้พวกเจ้าเลย!”เมื่อเถาจื่อฟังก็ใจเต้น แต่ก็ยากจะเชื่อลงว่าคุณหนูผู้นี้จะเป็นนักบุญปานนี้เชียวรึ?หลิงซินมองทั้งสองอย่างหน้าใหญ่พลางเอ่ย “คุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ยามนี้พวกเจ้ายังไม่เชื่อก็คอยดูเอาเถิดหนา!”“ข้าขอรับประกัน หากพวกเจ้ารู้ว่าคุณหน
“คุณหนู ไยท่านยังใจเย็น!”หลิงซวนดูท่าทางหลิงอวี๋ไม่เคืองขุ่นเลยสักกะผีก พลันเอ่ยร้อนใจ“ยามนี้พ่อค้าพวกนั้นต่างกำลังโวยวายว่า หากมิให้ค่าชดเชยพวกเขาจักมิย้ายออกเด็ดขาด!”ขณะทั้งสองกำลังคุยกัน หลี่ชุงก็วิ่งรุดเข้ามาหัวใจหลิงอวี๋บีบรัดขึ้นฉับพลัน หรือว่าสถานการณ์พัฒนาไปเหนือจินตนาการตนแล้ว?“อาจารย์ แย่แล้วเจ้าค่ะ พวกพ่อค้ารอบ ๆ วิ่งมาก่อเรื่องที่โรงเหยียนหลิงมิรู้เป็นผู้ใดบงการเจ้าค่ะ!”“พวกเขาว่าเดิมทีไม่ต้องรื้อถอนเป็นเพราะพระชายาล่วงเกินองค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงยืนกรานจะรื้อจนพัวพันถึงพวกเขา!”“พวกเขาต้องการคำอธิบาย หากมิแก้ไข พวกเขาจักพังโรงเหยียนหลิง!”“ไป ไปดูกัน! หลิงซวนเจ้าเรียกสุ่ยหลิง เถาจื่อไปด้วย!”หลิงอวี๋รีบผลัดผ้ากำลังจะออกไปก็คิดอะไรขึ้นได้จึงกล่าว“หลิงซวน เจ้าไปบอกพี่ใหญ่จ้าวส่งองครักษ์สักสองสามคนให้ข้า!”หลิงซวนรู้ว่าถ้าทะเลาะกันขึ้นจริง พวกนางที่เป็นผู้หญิงไม่กี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นแน่ จึงรีบไปเรียกคนทันทีในไม่ช้า หลิงซวนก็วิ่งกลับมาคนเดียว เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋พลันยิ้มขื่นกล่าวคำ“คุณหนู พี่ใหญ่จ้าวมิอยู่ตำหนักเจ้าค่ะ!”“นางรับใช้ของเสิ่นจวนข
“พระชายาอ๋องอี้ ท่านมิต้องขู่ขวัญพวกเราหรอก คุยด้วยเหตุผลเถอะ!”เถ้าแก่หลี่เห็นฝูงชนต่างกลัวจนมิกล้าลงมือ จำต้องกล่าวหน้าเจื่อน ๆหลิงอวี๋พบว่าฝูงชนถูกตนทำประหวั่นเสียแล้ว จึงผ่อนน้ำเสียงลง“เถ้าแก่หลี่พูดถูกต้อง พวกเราคุยด้วยเหตุผลเถอะ! ทุกคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ปกติพวกเจ้าเห็นข้าวางตัวเป็นพระชายารึ?”“ร้านของข้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แม้ข้าเป็นพระชายา แต่เงินข้าก็มิได้ลอยมาตามลม! พวกเจ้าสูญเสีย ข้าจักมิสูญเสียด้วยได้อย่างไร?”“ผลประโยชน์พวกเราต่างเหมือนกัน มีปัญหาเราก็หารือแก้ไขได้ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจหามีสิ่งใดยากไม่!”มีคนบ่นงึมงำว่า “ปัญหาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว พระองค์ให้เวลาเราภายในสองวันย้ายออก! เราจักย้ายไปที่ใดในเวลาน้อยนิดเท่านี้!”“ใช่แล้ว! เงินชดเชยจากทางการช่างน้อยนิดนัก เดิมทียามนี้ซื้อร้านค้ามิได้ด้วยซ้ำ!”“พระชายาอ๋องอี้ ครอบครัวเราอาศัยหน้าร้านหาเลี้ยงชีพ หากไม่มีแล้ว เราจักอยู่กันอย่างไรเล่า!”หลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “เถ้าแก่หลี่ ข้าก็เพิ่งได้ข่าวและยังมิเข้าใจเรื่องเงินชดเชยกระจ่าง เจ้าบอกข้าหน่อยว่าทางการกำหนดชดเชยอย่างไร?”เถ้าแก่หลี่หยิบใบประกาศฉบับหนึ่งส่งให้หลิงอ
หลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาไม่นานก็นั่งลง เถ้าแก่หลี่พาตัวแทนเข้ามาแล้ว และพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าที่ถนนสายนี้ในบรรดานั้นมีเถ้าแก่ถังแห่งโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดบนถนนกับลูกชายของเขาเถ้าแก่ถังวัยห้าสิบกว่าปี สวมอาภรณ์คุมยาวสีน้ำเงินเข้มใบหน้าเขาอ้วนจ้ำม่ำ ล่างหน้าผากมีสีชาดำวับวาบ สองคิ้วโก่งโค้ง ดวงตาเรียวยาว เค้าหน้านั้นดุจพระสังกัจจายน์ถังซุนลูกชายของเขาวัยสี่สิบกว่าปี ดวงตาเหมือนเถ้าแก่ถัง มีผิวสีข้าวสาลี เติบโตมารูปงามนักเถ้าแก่หลี่แนะนำพวกเขาให้หลิงอวี๋รู้จัก พลันเอ่ยว่า“เราเลือกเถ้าแก่ถังเป็นตัวแทน ร้านเขาใหญ่สุดและเสียหายมากสุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ก็รู้จักร้านของตระกูลถังแม้ธุรกิจของเถ้าแก่ถังจะไม่ได้เปิดทั่วแคว้นเหมือนตระกูลกวน แต่เหล่าพ่อค้าต่างถิ่นครั้นมาเมืองหลวงต่างมาซื้อใบชาร้านตระกูลถังกลับไปเป็นพื้นฐาน“คารวะเถ้าแก่ถัง!”หลิงอวี๋คำนับมือกระตือรือร้น กล่าวตรง ๆ โดยไร้พิธีรีตอง“เถ้าแก่ถัง เรื่องในวันนี้ท่านว่าเป็นเช่นใด? ท่านคิดว่า หากข้าไปขอประทานอภัยจักแก้ปัญหาได้หรือไม่?”เถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋ยิ้ม ๆ “เกรงว่าพระชายาไปก็ไร้ประโยชน์!”“ข้าเป็นนักการค้าเชื่อในผลประโยชน์
หลิงอวี๋กล่าวเยือกเย็น “ข้าพูดให้พวกท่านฟังมากมายก็เพื่อบอกว่าการทะเลาะเบาะแว้งนั้นแก้ปัญหามิได้!”“ยิ่งพวกเราทะเลาะรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งเสียเปรียบ! องค์ชายเว่ยคงคำนวณว่าเราต้องก่อการเป็นแน่ พลางคิดดีแล้วว่าจะเพิ่มโทษให้เราอย่างไร!”เถ้าแก่หลี่ข่มความโกรธมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ งั้นหากไม่ก่อการจักทำสิ่งใดเล่า? หรือควรว่านอนสอนง่ายย้ายออกเช่นนี้รึ?”หลิงอวี๋หัวเราะเจ้าเล่ห์ “หากอยากแก้ปัญหาจักมัวแต่ทะเลาะวิวาทมิได้!”“เรามาเปลี่ยนวิธีดู ข้ารับปากว่า หากพวกท่านเชื่อฟังข้า ทุกร้านบนถนนสายนี้จักมิถูกรื้อถอน!”“วิธีใด?” ถังซุนเร่งถามเถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋สนเท่ห์ วันนี้เขาหาเส้นสายมาช่วยกอบกู้ตลอดตั้งแต่ได้รับข่าวทว่าเมื่อคนพวกนั้นได้ยินว่าเป็นองค์ชายเว่ยหมายรื้อถอนก็พลันโน้มน้าวเขากลับลําเนื่องไม่อาจต่อกรองค์ชายเว่ยได้!เขาคิดสมองแตกก็คิดวิธีไม่ออก เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋มีทางไฉนจะไม่สงสัยหลิงอวี๋หัวเราะซุกชน “พวกท่านรวบรวมพ่อค้าที่จะถูกรื้อถอนบนถนนสายนี้หาคนได้มากยิ่งดี จากนั้นก็กระจายข่าวไป!”“ว่าด้วยความกรุณาขององค์ชายเว่ย ลือว่าบ้านพวกท่านจะถูกรื้อถอนเห็นพวกท่านไร้บ้านกลับจึงยิน
เมื่อเผชิญกับผลได้ร่วมกัน เหล่าพ่อค้าจึงสามัคคีเป็นพิเศษครั้นได้รับข่าวก็เริ่มเก็บของไม่มีค่ายัดใส่รถม้าทันทีสายลับที่องค์ชายเว่ยส่งมาเห็นสิ่งนี้จึงคิดว่าเหล่าพ่อค้าหวาดกลัวพลางกำลังตระเตรียมย้ายเรือนหลิงอวี๋พาบรรดานางรับใช้เก็บพวกของไม่มีค่าช่วยหมอเลี่ยว หลังทำเสร็จนางก็กลับตำหนักอ๋องอี้สายมากแล้วนางหมายรายงานเซียวหลินเทียนขอยืมองครักษ์ไปช่วยดูว่ามีคนปะปนเข้ามาหรือไม่สักหลาย ๆ คนแต่เมื่อไปถึงศาลาริมน้ำก็เห็นนางรับใช้ของเสิ่นจวนกำลังเฝ้าประตูนางรับใช้คนนั้นเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มหยันกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว มิอนุญาตคนรบกวน พระชายาเชิญกลับเถอะ!”“มิเจียมตัว!”หลิงอวี๋ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาล โชคดีที่วันนี้ไปโรงเหยียนหลิงไม่เกิดเรื่อง หากมีเรื่อง นางคงอยากฆ่านางรับใช้คนนี้ไปแล้ว!ก่อนหน้าวุ่นจัดการเรื่องโรงเหยียนหลิง ไม่ได้คิดจุกจิกกับนาง!ตอนนี้ยังกล้าเล่นมุกเดิม ๆ คิดจริง ๆ เหรอว่าพระชายาอ๋องอี้คือของประดับ?“นี่คือตำหนักอ๋องอี้ ตัวข้าเป็นพระชายาอ๋องอี้ นางรับใช้อาคันตุกะเช่นเจ้ากล้ามาขวางข้าได้ตั้งแต่เมื่อใด?”หลิงอวี๋ตวาด “เถาจื่อ ตบปาก!”เถาจื่อกับหลิงซว
หลิงอวี๋พิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เอ่ยปลอบเซียวหลินเทียน“สายาคนใต้หล้าต่างเฉียบคม! ท่านอย่าได้ทรงกังวล องค์ชายเว่ยไร้ทางทำแผนชั่วสำเร็จ หม่อมฉันคิดแผนรับมือไว้แล้วเพคะ!”หลิงอวี๋บอกเซียวหลินเทียนเรื่องที่ตนกระทำเซียวหลินเทียนผงะไปพักใหญ่ ถึงกับมองหลิงอวี๋อย่างเอ่ยมิออกมีแต่หลิงอวี๋ที่คิดอุบายร้ายกาจเช่นนี้ได้เท่านั้น!แต่อุบายอย่างนี้กลับเป็นวิธีที่ได้ผลกับองค์ชายเว่ยที่สุด!“ข้าพะวงองค์ชายเว่ยจะอับอายกลายโทสใช้กำลังทหารสะสางต่อพ่อค้าพวกนั้น! แบบนี้เรามีชัย แต่สูญเสียใหญ่หลวงนัก!”หลิงอวี๋ยิ้มขื่นเอ่ยว่า “หากมีทางอื่น หม่อมฉันไม่ยอมเลือกวิธีนี้เป็นแน่เพคะ!”พอเซียวหลินเทียนฟังก็เข้าใจและยิ่งคิดปรุโปร่งกว่าหลิงอวี๋ เขากังวลว่าองค์ชายคังจะวางหมากอยู่เบื้องหลัง“หลิงอวี๋ องค์ชายคังมิยอมถูกองค์ชายเว่ยแย่งผลประโยชน์ไปแน่!”“ข้าแค่พะวงว่า เขาจงใจสาดโคลนใส่องค์ชชายเว่ยเพื่อเอาหลักฐานความผิดขององค์ชายเว่ย”เซียวหลินเทียนกล่าวกังวล “แม้ถึงเวลานั้นองค์ชายเว่ยจักมิออกมือ องค์ชายคังอาจส่งคนไปแอบอ้างสะสางพวกเจ้า แล้วโทษก็ยังเป็นองค์ชายเว่ยแบกรับ!”แม้การที่องค์ชายคังกัดกับองค์ชายเว่ย
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร