หลิงเยวี่ยถือเม็ดหมากล้อมอย่างประหม่า นึกถึงสิ่งที่หลิงอวี๋บอกตนตอนออกไปข้างนอก จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ย“ท่านอ๋อง... เยวี่ยเยวี่ยยังเด็ก ท่านต้องให้เยวี่ยเยวี่ยห้าเม็ด ท่านแม่ของกระหม่อมก็ทำเช่นนี้เช่นกัน!”หลิงอวี๋บอกว่า...“วันนี้อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะสนับสนุนเจ้าเอง!”“ใครก็ตามที่กล้ารังแกเยวี่ยเยวี่ย แม่จะทุบตีเขาจนกว่าเขาจะรู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงแดงเช่นนี้เลย!”ด้วยการสนับสนุนจากท่านแม่ของเขา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เซียวหลินเทียนถูกท่านแม่ของตนแขวนไว้บนต้นไม้ หลิงเยวี่ยจึงมั่นใจมากขึ้นท่านอ๋องผู้ดุร้ายนี้ไม่น่ากลัวถึงเพียงนั้นในสายตาของเขาอีกต่อไปแล้ว!“ได้ ข้าจะให้เจ้าห้าเม็ด!”เซียวหลินเทียนย่อมไม่โต้เถียงกับเด็กอยู่แล้วจึงพยักหน้าหลิงเยวี่ยวางห้าเม็ดบนกระดานหมากล้อมพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋อง ถึงตาของท่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นการเคลื่อนไหวบนกระดานหมากล้อม มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างชื่นชมทันทีสมกับที่เป็นลูกของหลิงอวี๋ผู้ชนะทักษะหมากล้อม การเดินเกมของเด็กน้อยผู้นี้น่าประทับใจทีเดียวเขาลงไปหนึ่งเม็ด หลิงเยวี่ยครุ่นคิดแล้วลงหน
“ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วหรือ!”ลัวซินผู้ดูแลไร่นาเป็นผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปีเขาเป็นคนรับใช้ที่ตระกูลเสิ่นให้ติดตามพระสนมอวิ๋นมา และเป็นสามีของแม่นมเซียวหลินเทียน ดูซื่อสัตย์ภักดีเขากับแม่นมลัวออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ย“ท่านอ๋อง บ่าวได้เตรียมอาหารให้ท่านตามที่องครักษ์จ้าวสั่งไว้แล้วเพคะ พวกท่านพักผ่อนสักประเดี๋ยวก็เสวยพระกระยาหารกันได้เลยเพคะ!”หลิงอวี๋ไม่เคยมาที่ไร่นามาก่อน เคยได้ยินแม่นมลี่แนะนำว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนจริงใจ จึงยิ้มและพยักหน้าแสดงความขอบคุณระหว่างรออาหารเย็น เซียวหลินเทียนก็พาหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยไปดูรอบ ๆ สักพักหนึ่ง แล้วแนะนำสถานการณ์ทั่วไปของไร่นาให้พวกเขาฟังไร่นาของเซียวหลินเทียนครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของหมู่บ้านตระกูลเฉิน มีชาวบ้านอยู่กว่าร้อยคนและผู้คุ้มกันอีกหลายสิบคนโดยปกติแล้วไร่นาไม่จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกันจำนวนมากเช่นนี้ หลิงอวี๋เดาจากวิธีที่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นเดินไปมาว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ผู้คุ้มกัน แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นองครักษ์เงาและผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมากกว่านางไม่ได้พูดอะไรออกไป เซียวหลินเทียนสามารถบอกความลับของเขากับตนได
หลิงอวี๋ไม่สนใจว่าทั้งสองคนคิดเยี่ยงไร นางคุกเข่าลงพลางเอ่ยกับหลิงเยวี่ยอย่างจริงจัง“แม่นมลี่และพี่ฉีเต๋อต้องดูแลเจ้าทุกวันก็ลำบากมากแล้ว หากเจ้าอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เจ้าก็ต้องรับผิดชอบดูแลมันเอง! เจ้าไม่สามารถเพิ่มภาระให้พวกเขาเพียงเพราะความชอบของเจ้าได้!”หลิงเยวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ท่านแม่ ตกลง ข้าจะดูแลกระต่ายน้อยเองขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้าพลางเอ่ย “กระต่ายน้อยเป็นสมบัติของท่านอ๋อง หากเจ้าอยากได้กระต่ายน้อยเจ้าต้องขอท่านอ๋อง หากท่านอ๋องเห็นด้วย จึงจะสามารถเอามันไปได้!”หลิงเยวี่ยพยักหน้า พลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหวัง “ท่านอ๋อง… ท่านมอบกระต่ายน้อยให้กับเยวี่ยเยวี่ยตัวหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนตะลึงไปอีกครั้ง แค่กระต่ายน้อยที่ไม่ได้สำคัญอะไร หลิงอวี๋จริงจังถึงขั้นให้หลิงเยวี่ยขอเลยหรือ?แต่เมื่อเห็นท่าทางสุภาพของหลิงเยวี่ย เซียวหลินเทียนก็พูดไม่ออกก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเด็กจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาไม่น้อย เวลาอยากได้สิ่งใดก็จะร้องไห้โวยวายขอสิ่งที่ตนต้องการแต่หลิงเยวี่ยไม่ได้ประพฤติตนเอาแต่ใจและก้าวร้าวเช่นนั้น หลิงอว
“ข้ารับปากกับเยวี่ยเยวี่ยไว้ว่าจะให้ของเล่นสนุก ๆ กับเขาชิ้นหนึ่ง ในไร่นาของท่านพอจะหาแม่เหล็กกับแผ่นเหล็กได้หรือไม่เพคะ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “ง่ายมาก ลู่หนาน เจ้าไปหามาให้พระชายาหน่อย!”ลู่หนานรีบส่งองครักษ์ไปหามาให้ทันทีหลิงอวี๋เอ่ยถามอีกครั้ง “เซียวหลินเทียน ผู้ใดเป็นคนทำล้อรถเข็นของท่านหรือ วันหลังท่านให้เขาทำให้หม่อมฉันสามล้อได้หรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะบอกขนาดกับท่านเอง”“ไม่ใช่เรื่องยาก! เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่?”แผนของหลิงอวี๋คือการสร้างรถสามล้อคันเล็ก ๆ ให้หลิงเยวี่ยแทนม้าตัวเล็ก แต่ไม่รู้ว่าทักษะของช่างเหล็กในฉินตะวันตกอยู่ในระดับไหนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็รีบเอาภาพวาดที่ตนเองวาดอยู่ข้ามคืนให้เซียวหลินเทียนดู“ท่านดูนี่ มีช่างเหล็กคนใดที่ทำตรงส่วนที่จับกับส่วนที่นั่งเช่นนี้ได้บ้าง…”นางเข้าไปใกล้เซียวหลินเทียน พลางอธิบายการใช้การของแต่ละส่วนให้เซียวหลินเทียนฟังสุดท้ายหลิงอวี๋ก็เอ่ย “ท่านอย่าคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ของเล่นนะ ของชิ้นนี้จะต้องทำตามสัดส่วนปกติเลย ตรงด้านหลังยังสามารถต่อรถลากไว้ขนของได้ด้วยเพคะ!”เซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อ
หลิงอวี๋ตั้งสติได้ทันทีจึงยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยอย่างเร่งรีบ “ไม่รู้ว่าเยวี่ยเยวี่ยตื่นแล้วหรือยัง หม่อมฉันขอตัวไปดูก่อน!”แล้วหลิงอวี๋ก็วิ่งออกไปอย่างลนลานเซียวหลินเทียนก็รู้สึกจิตใจว่างเปล่าขึ้นมาทันที เขาอ้าปากจะเรียกหลิงอวี๋ไว้ ปากของเขาขยับแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปล่งเสียงเรียกออกไปกระทั่งเซียวหลินเทียนสงบอารมณ์ของตนเองแล้วเดินออกมา หลิงอวี๋ก็หายตัวไปแล้ว“ท่านอ๋อง... พระชายาบอกว่าจะพาพวกเยวี่ยเยวี่ยไปเก็บลูกท้อให้ท่านอดีตเสนาบดีที่ภูเขาด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ!”“รัฐทายาทอันกับแม่ทัพเผยได้ยินว่าเรามาเที่ยวที่ไร่นาจึงมาหา กระหม่อมบอกไปว่าท่านอ๋องมีเรื่องต้องทำ ให้พวกเขาไปตกปลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานก้าวไปข้างหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาไม่กล้ามองเซียวหลินเทียน เมื่อครู่นับว่าตนทำลายบรรยากาศดี ๆ ของท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่นะ?แม้ว่าตอนนี้หลิงอวี๋จะเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่พวกลู่หนานต่างก็รู้ว่าตัวตนของหลิงเยวี่ยนั้นเป็นเหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ระหว่างเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋พวกเขาหวังว่าท่านอ๋องจะมีความสุข แต่ก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องเลี้ยงลูกให้คนอื่นดังนั้นลู่หนานจึงไม่รู้ว่าจะต้องเผชิ
เผยอวี้ถอนหายใจ ส่ายหัวพลางเปลี่ยนหัวข้อ“กรมกลาโหมให้ข้าไปรักษาการณ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว”“ข้าไปครั้งนี้จะไม่ได้กลับมาอีกสองสามปี ดังนั้นข้าจึงไม่มีแผนที่จะแต่งงานหรอก!”อันเจ๋อฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างกังวล “เจ้าแก่ถึงเพียงนี้แล้วยังมิได้แต่งงานอีกรึ? แม่ของเจ้าไม่เร่งแย่หรือไร!”“เจ้ารีบหาใครสักคนแต่งงานเถิด! บางทีเมื่อเจ้ากลับมา ลูก ๆ อาจจะโตแล้วก็ได้!”เผยอวี้กลอกตาใส่อันเจ๋อพลางเอ่ยอย่างหนักใจ“ช่างเถอะ ข้าไม่ทำร้ายฝ่ายหญิงจะดีกว่า! ข้าแต่งงานแล้วไปประจำการทางตะวันตกเฉียงใต้ ทิ้งให้ภรรยาคลอดและเลี้ยงลูกที่บ้านด้วยตนเอง เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการเป็นหม้ายเล่า!”เซียวหลินเทียนนั่งข้าง ๆ มองเพื่อนสนิทสองคนคุยกันเรื่องแต่งงานแล้วก็ยิ้มเล็ก ๆตอนเขาอายุสิบห้าหรือสิบหก เขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ อยากแค่เข้าร่วมกองทัพและสร้างความสำเร็จเท่านั้น!กระทั่งโตขึ้น ถึงได้พบว่าหลาย ๆ อย่างไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดในตอนแรกเลย!เขาอิจฉามากที่อันเจ๋อและเผยอวี้ไม่ต้องเกิดมาในราชวงศ์ ไม่ต้องเผชิญกับแผนการกลอุบายมากมาย!พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันอยู่ จากนั้นก
ขณะที่ทั้งสามกำลังออกไปดูว่าหลิงอวี๋จะช่วยชีวิตคนอย่างไร ก็เห็นเถาจื่ออุ้มเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามามีคู่สามีภรรยาและเด็กชายร่างผอมบางคนหนึ่งตามหลังมาด้วยหลิงอวี๋วิ่งไปข้างหน้า ผลักโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ตรงหลุมไปไว้ข้าง ๆ แล้วให้เถาจื่อวางเด็กหญิงลงบนหลุมเซียวหลินเทียนเห็นว่าใบหน้าของเด็กหญิงคนนั้นสกปรก ผมเผ้าตัดสั้นเหลือเพียงไม่กี่นิ้ว หากหลิงซวนไม่ได้บอกก่อนว่าเป็นเด็กผู้หญิง เขาคงคิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย“เถาจื่อ ไปเอาน้ำร้อนมา!”หลิงอวี๋สั่งพลางตรวจชีพจรของเด็ก จากนั้นหลิงซวนก็ยื่นเครื่องวัดไข้ให้หลิงอวี๋อย่างให้ความร่วมมืออันเจ๋อหันไปเห็นรูปร่างหน้าตาของเด็กหญิงก็ตกตะลึงทันทีเด็กคนนี้อายุพอ ๆ กับหลิงเยวี่ย ใบหน้าซีดเซียวและผอมบาง เบ้าตาก็โบ๋ลึกลงไปด้วยเสื้อผ้าที่นางสวมน่าจะเป็นของผู้ใหญ่ เป็นเสื้อตัวยาวที่มีรอยปะอยู่มากมายจนมองรูปแบบเดิมของเสื้อไม่ออกแล้วแขนและขาเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา ราวกับกิ่งก้านของต้นไม้ที่บอบบาง ซึ่งดูเหมือนจะหักได้ทุกเมื่อเถาจื่อไปเอาน้ำมาแล้วร่วมมือกับหลิงซวนเช็ดหน้าของเด็กหญิงกระทั่งตอนที่ถอดรองเท้าฟางของเด็กหญิงออก เซียวหล
เสี่ยวฮวาสูดหายใจเข้าแล้วมองหลิงอวี๋อย่างอ่อนแรง พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา“พระชายา… ข้าไม่เจ็บ ข้าทนได้... ข้าไม่ต้องกินยาด้วยเจ้าค่ะ! ท่านไม่ต้องรักษาข้าหรอก!”“น้องชายของข้ายังเด็ก เงินของท่านแม่ต้องเก็บไว้ซื้ออาหารให้เขา… และต้องเก็บไว้เป็นค่ารักษาท่านพ่อด้วย! ข้าทนได้เจ้าค่ะ!”หลิงซวนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้วร้องไห้ออกมานี่เด็กอายุเท่าไหร่เอง!ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แต่ยังคิดถึงน้องชายกับพ่อของตน ไม่ยอมให้แม่ใช้เงินรักษาตนอีก!รู้ความมากเสียจนทำให้คนที่เห็นต้องปวดใจ!เมื่อแม่เผิงได้ยินคำพูดของบุตรสาวตน ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาอีกพลางเอ่ย“ไม่ ๆ… อาการป่วยของพ่อนางยังเลื่อนออกไปได้อีกเจ้าค่ะ… เสี่ยวฮวายังเด็กมากเช่นนี้ อยู่กับพวกเราไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลย… นางยังตายมิได้นะเจ้าคะ!”“ข้ายอมแลกชีวิตของข้าเพื่อให้นางมีชีวิตอยู่… พระชายา โปรดช่วยนางให้ได้เถิดหนาเจ้าคะ…”พ่อเผิงทิ้งไม้ค้ำยันแล้วคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบหน้าพลางเอ่ย“เสี่ยวฮวา พ่อขอโทษ… หากมิใช่เพราะพ่อไร้ความสามารถ ก็ไม่มีทางให้เจ้าออกไปขอทานตั้งแต่อายุยังน
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร