ก่อนหน้านี้เผยอวี้ยังคิดว่าหลิงหว่านไม่เป็นอะไร ทำให้ลำบากก็ไม่มีทางร้องไห้ออกมา!พอตอนนี้ได้ยินนางร้องไห้เสียใจกับพระชายาอ๋องอี้ถึงเพียงนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่า มิใช่ว่าหลิงหว่านมิร้องไห้ แต่นางมิเปิดเผยด้านที่อ่อนแอของนางให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นเขาได้เห็นต่างหาก!นี่มันต่างไปจากพวกคุณหนูที่เขาเคยเจอมาอย่างสิ้นเชิงเลย!พวกเพื่อนของน้องสาวตน มีใครบ้างที่จะไม่บอบบางอ่อนแอ บอบช้ำนิดหน่อยก็อยากให้ทุกคนในใต้หล้าเห็นใจนางกันหมดแล้ว!“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว! เช็ดน้ำตาเสีย ข้ามีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็ช่วยข้าทำงาน! ไปถามแม่ทัพเผยหน่อยว่าทางเขายังมีหน้ากากอยู่หรือไม่?”พอเผยอวี้ได้ยินที่หลิงอวี๋พูดก็รีบเดินออกไปวนรอบ ๆ นอกก่อนจะแสร้งทำเป็นเดินกลับมาหลิงหว่านกำลังจะออกไปตามหาเขาพอดี พอเห็นเผยอวี้จึงเอ่ย“แม่ทัพเผย พระชายาอ๋องอี้ให้ข้ามาถามท่าน ทางท่านยังมีหน้ากากอยู่หรือไม่?”“ข้ากำลังจะคุยเรื่องนี้กับพระชายาอ๋องอี้อยู่พอดี หน้ากากที่นางให้เกิ่งเสี่ยวหาวเตรียมไว้ให้พวกเรา เมื่อครู่ตอนที่ขนของข้าไปดูแล้วไม่เห็นมีอยู่ในรถม้าเลย!”เผยอวี้ได้ยินเซียวหลินเทียนพูดถึงความสำคัญขอ
เซียวหลินเทียนเห็นว่าชายผู้นี้เป็นผู้นำในการขัดขวางอีกก็ทนไม่ไหวแล้ว“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนรู้หนังสือ เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้ถึงเหตุผลที่ต้องอ่านหนังสือแล้วทำความเข้าใจ! ไก่เหล่านี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่พวกมันวิ่งอยู่ข้างนอกตลอดทั้งวัน ติดเชื้อโรคได้มากมายเชียวล่ะ!”“เชื้อโรคเหล่านี้แพร่กระจายทางอากาศ หากพวกเจ้าสูดดมเชื้อโรคบนตัวของพวกมันเข้าไปก็จะติดโรคระบาดไปด้วย!”“พูดจาไร้สาระ กระหม่อมว่าพวกท่านแค่อยากกินเนื้อไก่เนื้อเป็ดก็เลยคิดหาเหตุผลไร้สาระขึ้นมามากกว่า!”หยางซงตะคอกด้วยความโกรธ “วันนี้กระหม่อมจะไม่มอบไก่เหล่านี้ให้ หากท่านทำได้ก็จับกระหม่อมเข้าคุกเลย!”เมื่อเห็นว่าหยางซงดื้อรั้นเช่นนี้ ความอดทนของเซียวหลินเทียนก็หายไปทันที พลางตะคอกเสียงแข็ง“เฉาอี้ เข้าไปจับให้หมด ใครกล้าขัดขวาง ให้ถือเป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่!”เฉาอี้โบกมือ จากนั้นพวกองครักษ์ก็บุกเข้าไป“พวกท่านยังเห็นแก่กฎหมายกันอยู่หรือไม่? ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปฟ้องร้องพวกท่าน!”หยางซงรีบวิ่งเข้ามาขวางไว้ แต่แค่องครักษ์คนหนึ่งโบกมือก็ทำเอาเขากระเด็นออกไปได้แล้วหยางซงล้มลงกับพื
แต่เฉาอี้ตีลงมาอีกหลายครั้ง ร่างเล็ก ๆ ของหยางซงมีหรือจะทนไหว เขาจึงส่งเสียงร้องออกมาพอหญิงชราได้ยินเสียงร้องของลูกชาย ก็ปวดใจพลางตะโกนอย่างไม่สนใจสิ่งใดแล้ว“ท่านอ๋อง หยุดตีเถิดเพคะ… พวกท่านเอาไก่ออกไปให้หมดเลย! เราไม่ต้องการแล้ว… ได้โปรดปล่อยลูกชายของหม่อมฉันเถิด!”“หม่อมฉันจะจับไปพวกมันให้เอง...”หญิงชราพุ่งไปที่เล้าไก่และรีบจับไก่เอาไว้เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสิ่งนี้ ก็ส่งสัญญาณให้เฉาอี้หยุดเขาหันกลับไปพูดกับพวกคนที่ดูอยู่ “ชาวบ้านทุกคน ข้ารู้ว่าการเลี้ยงไก่กับเป็ดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไก่กับเป็ดเหล่านี้มีเชื้อโรคที่พวกเจ้ามองไม่เห็น หากมิฆ่าพวกมันแล้วยังใช้ชีวิตอยู่กับพวกมันต่อ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะติดโรคระบาดกันหมด!”“เมื่อเทียบกับชีวิตหนึ่งชีวิตแล้ว พวกเจ้าต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าสิ่งใดสำคัญกว่า!”“หากกังวลว่ากองทัพของข้าจะเอาไก่กับเป็ดพวกนี้ไปกิน พวกเจ้าก็ตามข้าไปดูตรงทางเข้าหมู่บ้านได้ว่าข้ายักยอกพวกมันไปหรือไม่!”พวกชาวบ้านตกใจกับการกระทำของเซียวหลินเทียนจึงมิกล้าต่อต้านอีกต่อไป พวกเขาจ้องมองพวกเฉาอี้กับกลุ่มองครักษ์ขนไก่ เป็ด และหมูในครอบครัวขึ้นรถม้าไปที่ทางเข้าหมู
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนได้ยินมาว่าหยางต้าหู่ปฏิเสธมิให้เข้าหมู่บ้านกระทั่งคนที่หลี่เจิ้งพามาเมื่อเห็นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหยางต้าหู่ เซียวหลินเทียนก็ยิ้มอย่างเย็นชา นี่มีการเตรียมพร้อมมาแล้ว!“หยางต้าหู่ ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล แต่ที่พวกเจ้ามิให้เข้าไปฆ่าพวกสัตว์ปีก นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวเจ้าต้องการหรือเป็นสิ่งที่ทุกคนคิด?”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องอี้ นี่เป็นการตัดสินใจที่เราทุกคนได้หารือร่วมกันแล้ว!”เซียวหลินเทียนยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ย “หยางต้าหู่ เจ้ามีเหตุผลเช่นนี้ ช่วยข้าลดภาระงานไปได้ทีเดียว ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก!”“แต่ข้ามากำจัดโรคระบาดตามคำสั่งของราชสำนัก มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของข้า บางคำพูดก็จำต้องพูดให้ชัดเจน!”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยความเคารพ “เชิญท่านอ๋องอี้บอกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อมฟังแล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “ราชสำนักมีเครื่องยาสมุนไพรที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบาดอย่างจำกัด ข้าทำงานอย่างหนักเพราะอยากจะป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด และลดจำนวนผู้ป่วยลง เพื่อที่เครื่องยาสมุนไพรที่มีจำกัดจะได้ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด!”“หยางต้าหู่ ข้าเข้าใจพวกเจ้า แต
วันนี้หลิงอวี๋ไม่ได้พักผ่อนสักเท่าใด นางเขียนตำรับยาให้บรรดาผู้ป่วยของตนเอง แล้วให้หลิงซวนไปต้มยาให้พวกเขาดื่มปู่หยางกับหยางต้ายาก็เป็นผู้ป่วยของหลิงอวี๋ และยังมีภรรยาของหยางซงอีกด้วยแม่นางหยางตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ตามร่างกายมีแผลพุพอง นางเป็นไข้หวัดนก หลิงอวี๋ต้องให้ยานางอย่างระมัดระวังและรอบคอบมาก เพราะกลัวว่ายาจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ของนางหลิงอวี๋กับแม่นางหยางคุยกันเรื่องผลกระทบจากโรคระบาดที่อาจกระทบต่อเด็กในครรภ์แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “เช่นนั้นข้าไม่กินยาเจ้าค่ะ! สักพักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน “โรคชนิดนี้ถึงพักไปก็มิสามารถหายได้หรอก! แม่นางหยาง หากเจ้ามิกินยา อาการก็อาจจะแย่ลง!”“ข้ากินยามิได้… กว่าจะท้องลูกคนนี้ข้าลำบากมาก ก่อนหน้านี้แม่สามีให้เจ้าอาวาสวัดทำนายให้ ลูกคนนี้ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอนเจ้าค่ะ!”“ข้าจะต้องให้กำเนิดเขา!”แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “พระชายาอ๋องอี้ ท่านบอกว่าท่านเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่หรือ? ท่านไม่มียาที่ช่วยให้ลูกของข้าเกิดมาอย่างแข็งแรงหรือเจ้าคะ?”“ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีสามส่วนที่เป็นพิษ ข้ามิกล้าสามารถรับปร
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกพลางเอ่ย “เรากำลังตรวจสอบว่าตำรับยาใดที่ใช้ได้ผลกับโรคระบาดนี้ ขอเพียงได้ผล ก็จะเร่งผลักดันโดยเร็วที่สุด!”“อืม! เจ้าพยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ! อย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากนัก ดูแลสุขภาพด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใส่ใจหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา นางคุ้นเคยกับเซียวหลินเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอลุกขึ้นได้เช่นนี้ นางถึงได้พบว่าเขาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลย กดความสูงของตนไปหมดสิ้นเลยทีเดียว!ชุดเกราะสีดำของเซียวหลินเทียนดูสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่คิ้วหล่อเหลาของเขาที่พ้นออกมานอกหน้ากากก็ดูดีจับตามาก ๆหลิงอวี๋ยกกำปั้นขึ้น พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านก็สุขภาพของตัวเองด้วย! เรามาสู้ไปด้วยกันแล้วกำจัดโรคระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดกันเถิดเพคะ!”“ท่าทางเช่นนี้หมายถึงการให้กำลังใจหรือ?”เซียวหลินเทียนมองเห็นเพียงดวงตาของหลิงอวี๋ เขาจึงคาดเดาสีหน้าของนางภายใต้หน้ากาก คิ้วโค้งงอนั่น คงกำลังยิ้มอยู่สินะ!“เพคะ! แล้วก็ท่านี้… หมายถึงชัยชนะ!”หลิงอวี๋ทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้วมุมปากของเซียวหลินเทียนยกขึ้น คิดว่าน่าสนใจมาก จึงทำตามหลิงอวี๋อีกครั้ง“เช่นนั้นเรา
“ขอแสดงความยินดีกับหมอเฝิงด้วย…”หมอหานกับหมอหลี่ต่างก็แสดงความยินดีกับหมอเฝิงหลังจากได้รับคำชมไปเล็กน้อย หมอเฝิงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที พลางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ“ข้าก็บอกแล้วว่า ตำรับของข้าได้รับการยกย่องจากถังถีเตี่ยนแต่มีบางคนมิเชื่อ!”“เรียนทักษะการแพทย์ได้สองสามวันก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน จึงแต่งตั้งนางให้เป็นหัวหน้า!”แม้ว่าหมอเฝิงจะมิได้เอ่ยชื่อ แต่หมอหานกับคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋เดินออกมาพอดี ได้ยินดังนั้นก็มิได้โกรธทั้งยังเอ่ยอย่างสุภาพอีกด้วย“ทุกท่านไปที่ห้องรักษาก่อนเถิด! เรามาหารือเรื่องตำรับยาและวิธีการรักษาของหมอเฝิงกัน หากได้ผลจริง จะได้ให้ท่านอ๋องอี้ช่วยผลักดัน!”“เหตุใดจะมิได้ผลเล่า? ผู้ป่วยเหล่านั้นคือตัวอย่างที่มีชีวิต!”หมอเฝิงยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“พระชายาอ๋องอี้มิยอมรับหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าของท่าน? ในฐานะแพทย์ท่านควรจะใจกว้าง และถ่อมตัวพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะได้ไปได้ไกล!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “หมอเฝิงกังวลเกินไปแล้ว! หลิงอวี๋ได้รับคำสั่งให้มารักษ
หมอเฝิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ข้ารู้ว่านางตั้งครรภ์! แต่ตำรับยานี้มิเป็นอันตรายต่อนาง เมื่อครู่ข้าไปตรวจนางแล้ว ตุ่มน้ำของนางก็หายพองแล้ว…”“เลอะเทอะ! ในตำรับยานี้มีชาดอยู่ หากใช้กับผู้ป่วยโรคระบาดทั่วไป มันสามารถขจัดอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และล้างพิษได้จริง!”“แต่ชาดเป็นพิษ หากใช้กับสตรีมีครรภ์ ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาจทำให้แท้งได้ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านก็รู้อยู่ว่าแม่นางหยางเป็นสตรีมีครรภ์ เหตุใดจึงกล้าให้นางใช้ยาเช่นนี้!"แต่หมอเฝิงยิ้มอย่างดูหมิ่นคำพูดของหลิงอวี๋พลางเอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ชาดมีฤทธิ์ในการทำให้จิตใจสงบ ขจัดความร้อนและล้างพิษ และช่วยในการมองเห็น! เราใช้มันมาหลายปีแล้วมิเคยได้ยินว่ามันมีพิษเลย!”“พระชายาอ๋องอี้ หากท่านมิอยากเสียตำแหน่งก็พูดมาตามตรง เหตุใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย?”“ข้าตื่นตระหนกหรือ?”หลิงอวี๋โกรธมากพลางเอ่ย “ท่านรู้เพียงแค่ขนของชาดเท่านั้นกลับกล้าใช้ส่งเดช… ข้าจะบอกท่านเองว่าแท้จริงแล้วควรจะใช้ชาดเยี่ยงไร…”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ผู้ช่วยของหมอเฝิงก็วิ่งเข้ามา พลางตะโกนด้วยความตื่น
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร