LOGINบทที่ 2
“ว่าไงเราเดินหน้ามุ่ยมาเลยนะ” ภีรวัจน์ทักน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน
“ก็ไม่มุ่ยยังไงไหวล่ะคะพิมเรียนไม่รู้เรื่องเลยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”
“เพื่อนเราก็มาติวให้อยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาถามถึงใครอีกคน
“ก็ติวค่ะแต่พิมไม่อยากกวนไหมบ่อยๆ เพราะเขาก็ต้องอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน”
“จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา”
“พิมอยากได้ครูสอนพิเศษค่ะ พี่เคนช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้พิมหน่อยนะคะ” เธออ้อนพี่ชาย
“มีใครขัดใจเราได้ที่ไหน” เขาบอกก่อนจะขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู ภีรดาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะแอบยิ้มอย่างมีความสุข
ภีรวัจน์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังปีสุดท้าย ในขณะที่ภีรดาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ภีรดารักและหวงพี่ชายคนเดียวของเธอมาก เพราะเขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กและมักจะตามใจเธอทุกเรื่อง
กริ๊ง...ง
เสียงโทรศัพท์ของภีรวัจน์ดังขึ้นในตอนนั้น เขามองดูเบอร์และถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดทิ้งอย่างไม่ไยดี
“สาวโทร.มาเหรอคะพี่เคน”
“น่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“วันนี้เป็นอะไรคะดูหงุดหงิดชอบกล ปกติเห็นพี่เคนไม่เคยปฏิเสธสาวๆ”
จะหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะนอกจากเรื่องยัยแว่น เขาตอบคำถามนั้นในใจ เด็กนั่นทำให้เขาหมดอารมณ์จะคุยกับใครโดยเฉพาะในยามที่สายตาเย็นชาของเธอมองมาที่เขา เขานึกอยากจะจับมาเขย่าตัวเพื่อให้น้ำแข็งที่มองผ่านสายตาของเธอละลายไปในทันที
เขานึกอยากจะรู้นักว่ายามที่ยัยนั่นอยู่ใต้ร่างเขาเธอจะร้อนแรงมากแค่ไหน หรือหากจะยังเย็นชาแบบนี้เขาจะเป็นปลุกไฟในตัวเธอขึ้นมาเอง ภีรวัจน์รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปก่อนที่น้องสาวของเขาจะล่วงรู้
วราลีนั่งมาเงียบๆ ตลอดทางจนภวินท์อดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรไปไหม”
“เปล่าค่ะ” เธอรู้สึกตัวตอนที่ภวินท์เรียก
“แล้วทำไมวันนี้เงียบจัง”
“ไหมกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ”
“คิดอะไร”
“พี่ไก่ไม่คิดจะทักทายยัยพิมบ้างหรือคะ” เธอหันมาถามเขา
“ไม่” เขาตอบสั้นๆ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
“แต่พิมเป็นเพื่อนไหมนะคะ” วราลีพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้เขา เธอรู้ดีว่าภวินท์หยิ่งแค่ไหน เขาไม่เคยชอบและไม่เห็นด้วยสักนิดที่วราลีมีเพื่อนเป็นภีรดาคุณหนูไฮโซผู้เพียบพร้อม ทั้งนี้เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเปรียบเทียบและว่ากระแทกแดกดันน้องน้อยของเขาว่าอยากมีเพื่อนเป็นไฮโซ และนอกจากนี้เขาไม่ชอบที่ภีรดามักจะเอาเปรียบวราลีเสมอในเรื่องเรียน ยัยคุณหนูนั่นไม่เคยตั้งใจเรียนและมักจะรอให้วราลีเป็นผู้ติวให้ตลอดจนใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
ภวินท์และวราลีเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กโดยที่ภวินท์อายุมากกว่าสองปี บ้านของทั้งสองคนเป็นบ้านสวนอยู่ติดกันทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างมาก เขาเป็นคนที่เงียบขรึมไม่ค่อยพูดแต่จะใจดีเสมอกับวราลี โดยภวินท์จะเป็นคนที่ดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตเขารักและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ ในขณะที่วราลีก็รักภวินท์เหมือนพี่ชายมาตลอดเช่นกัน
“อย่าเข้ามานะ”
วราลีพยายามจะวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ก็ไม่ไวเท่ากับการเคลื่อนไหวของภีรวัจน์ที่จู่โจมเข้าถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว
“จะหนีไปไหนสาวน้อย”
“ปล่อย” เธอพยายามดิ้นให้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่สามารถพ้นไปจากวงแขนที่กอดเธอไว้แน่นในตอนนี้
“ไม่ปล่อย”
ร่างสูงของเขาไม่ได้ฟังคำของร้องของเธอแม้แต่น้อย เขามองเธออย่างมาดหมายราวกับสิงโตจ้องตะครุบเหยื่อก่อนที่วราลีจะถูกเขาดึงเข้าไปปะทะกับอกกว้างของเขา จมูกโด่งแตะลงที่แก้มของเธอ ปากร้อนๆ เคลื่อนที่เข้าไปหาและกดริมฝีปากนั้นลงบนริมฝีปากของเธอและบดจูบอย่างร้อนแรง มือซุกซนของเขาสำรวจไปทั่วร่างของเธอ โดยเฉพาะตรงสะโพกมนทั้งสองข้างก่อนจะดึงเธอมาชิดกับเขามากขึ้นจนเธอสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของร่างกายเขา
ร่างบางของเธอถูกเขาบดเบียดจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้เข็มผ่าน ภีรวัจน์ค่อยๆ ปลดสายเสื้อนอนของเธอลงทำให้ร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเปิดเผยต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มโน้มร่างเธอลงบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับตามลงมา วราลีใช้แขนทั้งสองข้างปกปิดร่างกายส่วนบนไว้ให้พ้นจากสายตาที่มองมาราวกับจะกลืนกินของเขาแต่ไม่ว่าเธอจะปิดบังยังไงก็ยังไม่สามารถหยุดพ้นจากสายตาคมกริบคู่นั้นไปได้ หญิงสาวพยายามผลักไสเขาออกแต่ร่างแกร่งของเขาก็หนักอึ้งเกินกว่าจะที่แรงของเธอจะผลักเขาไปได้
ชายหนุ่มกดร่างบางของเธอจมลงไปกับที่นอนแล้วใช้มือทั้งสองข้างตรึงแขนบอบบางเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆ โน้มหน้าตรงลงมาหายอดอกสีชมพูที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวผวาตื่นขึ้นในนาทีนั้น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากจนชื้น อาการร้อนวูบวาบยังแล่นไปทั่วร่างกาย เธอมองไปรอบๆ ห้องของตัวเองแล้วค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มันเป็นแค่ความฝัน
วราลีค่อยๆ โน้มตัวลงนอนอีกครั้ง เธอพลิกไปหาหมอนข้างก่อนจะทุบกำปั้นลงบนหมอนหลายครั้งติดๆ กัน เธออยากจะตั๊นหน้าพี่ชายของเพื่อนรักมากเหลือเกิน เพราะนายพี่เคนบ้านั่นมาตามหลอกหลอนเธอแม้แต่ในฝัน คนบ้านั่นลวนลามเธอจนเธอแทบจะช้ำไปทั้งตัว หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความวาบหวามที่เขาเป็นผู้จุดขึ้นแม้ว่าแค่ในความฝัน เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยที่ลึกๆ แล้วเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองชอบสัมผัสของเขา
บทที่ 5“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอมองเขาอย่างหวาดระแวง“นึกว่าไหมอยากจะทบทวนความจำ”“ไหมไม่บ้าไปกับพี่หรอก”“หึๆ นึกว่า”เขาพูดพร้อมกับมองริมฝีปากของเธออย่างไม่วางตา“หยุดนะ” เธอรีบห้ามเขาก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา“อย่าดื้อกับผมให้มันมากนักนะไหม” เขาเริ่มขู่เธออย่างจริงจัง“ไหมทำอะไร ไหมก็อยู่ส่วนไหม ไหมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเรื่องของพี่เลยสักนิด”“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ”“ทำไม”“ที่ทำแบบนั้นกับนายภวินท์ ไหมกำลังท้าทายผม” เขาบอกอย่างคาดโทษ และเดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิมวราลีรีบผลักเขาก่อนจะเดินผ่านเขาไป เขาได้แต่มองตามก่อนจะยิ้มนิดๆ และอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดภวินท์รู้สึกโมโหอย่างมากเมื่อพ่อของเขามาบอกเรื่องที่เขาต้องไปสอนพิเศษ ถ้าเป็นปกติเขาคงจะดีใจแต่คราวนี้มันกลับตรงกันข้าม เขาไม่ได้อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับยัยคุณหนูนั่นสักนิด แต่เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ในเมื่อพ่อของเขารับปากไปแล้ว ภวินท์นึกอยากปฏิเสธไปแต่ติดอยู่ตรงที่พ่อของเขาถึงอย่างไรพ่อของยัยคุณหนูนั่นก็เคยมีบุญคุณกับพ่อของเขาทำให้เขาปฏิเสธไม่ออกภวินท์มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ในตอนสายของวันเสาร์“คุณไก่ใช่ไหมคะ” สาวใช้เดินมาถามเมื
บทที่ 4เป็นอีกครั้งที่พัชราวดีรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะชวนเธอไปไหนต่อซะอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของภีรวัจน์แล้วพัชราวดีก็ไม่อยากจะขัดใจและเซ้าซี้ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าคนแบบเขาคงไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขา“พี่เคนเป็นอะไรไปคะ” ภีรดาถามในตอนขากลับหลังจากที่ภีรวัจน์ขับรถมาส่งพัชราวดีกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว“ถามอีกคนแล้วเหรอเรา”“ก็มันน่าสงสัยนี่ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เธอถามอย่างอยากรู้“ก็เหมือนเรานั่นแหละ ทำไมนั่งเงียบมาตลอดทาง” เขาย้อนถามน้องสาวบ้าง“เปล่าซะหน่อยพิมไม่ได้เป็นอะไร” ภีรดารีบปฏิเสธ“นึกว่าใจลอยไปถึงไหนซะอีก”“เปล่าค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ทะเลาะอะไรกับไหมหรือเปล่า”ภีรดาถามทันทีที่ได้โอกาส“รู้สึกจะคิดว่าพี่คอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนเราอยู่ตลอดเลยนะ”“มันจริงไหมล่ะคะ”“เพื่อนเราชอบกวนประสาทพี่” เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าเชิดๆ ของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง“ไหมเค้าเกลียดคนเจ้าชู้” ภีรดาพร่ำบอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้“กำลังจะบอกว่าเขาเกลียดพี่งั้นสิ”“เอ้อ” ภีรดาอึกอัก“ไม่ต้องบอกก็รู้เขาแสดงออกซะขนาดนั้น” เ
บทที่ 3“เป็นอะไรไปไหมเมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” ภีรดาถามเมื่อเห็นวราลีมาเรียนด้วยท่าทางอิดโรยราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม คำถามของเพื่อนรักทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอหลับได้ไม่เต็มตาเมื่อคืนนี้“นอนแต่ฝันร้ายทั้งคืน”“ฝันอะไร” ภีรดาถามต่อ“ฝันถึงคนบ้าน่ะ” วราลีตอบเลี่ยงๆ“ฝันถึงพี่เคนหรือเปล่า” ภีรดารีบถามทันทีก่อนจะหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็น วราลีหน้าบึ้งไปทันทีที่เธอเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ วราลีแทบสะดุ้งเมื่อเจอคำถามของ ภีรดา“บ้าน่าพิม”“พูดถึงพี่เคนทีไร ไหมต้องทำหน้าแบบนี้ทุกที” ภีรดาบ่นกลายๆ“แบบไหน” เธอย้อนถาม“ก็หน้าบึ้งๆ แบบไม่สบอารมณ์แบบนี้แหละ”“ก็ไม่อยากให้พูดถึง”“เมื่อไหร่จะใจอ่อน” คำถามของภีรดากำกวมเหมือนมีอะไรแอบแฝง“ใจอ่อนเรื่องอะไร”“เรื่องพี่เคนน่ะสิ เมื่อไหร่จะเลิกเกลียดพี่เคน”“ก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกหาเรื่องไหมแล้วก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกเจ้าชู้” วราลีตอบโดยไม่ต้องคิดนาน“เฮ้อกลุ้ม” ภีรดาถอนหายใจออกมาน้อยๆ“เรื่องอะไรล่ะจ๊ะ”“ก็เรื่องไหมกับพี่เคนนั่นแหละ ท่าทางจะไม่ดีกันง่ายๆ คนกลางอย่างพิมคงต้องลำบากใจไปอีกนาน”“ไหมกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่” เธอบอก“แต่เจอกันทีไรเป
บทที่ 2“ว่าไงเราเดินหน้ามุ่ยมาเลยนะ” ภีรวัจน์ทักน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน“ก็ไม่มุ่ยยังไงไหวล่ะคะพิมเรียนไม่รู้เรื่องเลยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”“เพื่อนเราก็มาติวให้อยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาถามถึงใครอีกคน“ก็ติวค่ะแต่พิมไม่อยากกวนไหมบ่อยๆ เพราะเขาก็ต้องอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน”“จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา”“พิมอยากได้ครูสอนพิเศษค่ะ พี่เคนช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้พิมหน่อยนะคะ” เธออ้อนพี่ชาย“มีใครขัดใจเราได้ที่ไหน” เขาบอกก่อนจะขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู ภีรดาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะแอบยิ้มอย่างมีความสุขภีรวัจน์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังปีสุดท้าย ในขณะที่ภีรดาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ภีรดารักและหวงพี่ชายคนเดียวของเธอมาก เพราะเขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กและมักจะตามใจเธอทุกเรื่องกริ๊ง...งเสียงโทรศัพท์ของภีรวัจน์ดังขึ้นในตอนนั้น เขามองดูเบอร์และถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดทิ้งอย่างไม่ไยดี“สาวโทร.มาเหรอคะพี่เคน” “น่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์“วันนี้เป็นอะไรคะดูหงุดหงิดชอบกล ปกติเห็นพี่เคนไม่เคยปฏิเสธสาวๆ”จะหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะนอกจากเรื่องยัยแว่น เขาตอบคำถามนั้นในใจ เด็กนั่นทำ
บทที่ 1“อื้อ เคนอย่าสิคะ”เสียงร้องอย่างวาบหวิวดังแว่วๆ จากห้องรับแขกทำให้วราลีอดหันไปมองไม่ได้ เธอนึกอยากจะตีตัวเองนัก เพราะทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไร แต่สายตาเจ้ากรรมมันก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงหนีอย่างรวดเร็ว เพื่อไปให้พ้นจากภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า…ภีรวัจน์กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยคนล่าสุดของเขาบนโซฟาห้องรับแขกที่เธอกำลังเดินผ่าน เธอไม่ได้ตั้งใจจะหันไปดูบทรักของเขาเลยสักนิด แต่คนบ้านั่นทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบไม่อายใครสักนิดหากแต่พอวราลีเดินพ้นจากรัศมีสายตาไป ภีรวัจน์ก็ผละออกจากสาวสวยที่กำลังคลอเคลียอยู่ในทันที ทำเอาสาวผู้นั้นงุนงงกับปฏิกิริยาของเขา หากแต่ภีรวัจน์ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายหรือไขข้อสงสัยนั้น เขารีบลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ตามหลัง ‘ยัยแว่น’ ออกมาติดๆ“เดี๋ยวก่อน!”วราลีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเสียงที่บ่งบอกความเอาแต่ใจของเจ้าตัวดังขึ้น เธอคิดว่าจะหนีเขาพ้นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าภีรวัจน์จะตามมา“มีอะไรคะ” สาวน้อยหันมาตามเสียงเรียกมองหน้าหล่อร้ายนั้นเพียงแวบเดียว ก่อนจะเมินหน้าหนีเขาอีกครั้งภีรวัจน์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อย







