LOGIN“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ
“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน
“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขา
ภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง
“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป
“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ
“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ
“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้
“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้
“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง
“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอยู่ในสายตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว” เธอตะโกนใส่หน้าเขา
“อยากจะถอนหมั้นกับพิมนักใช่ไหม นี่ไงเอาแหวนบ้าๆ ของพี่คืนไปเลย” เธอถอดแหวนออกจากมือก่อนจะปามันใส่หน้าเขา
ภีรดาหันไปเปิดประตูรถก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเขาอีก ภวินท์ได้แต่นั่งนิ่งๆ และมองตามเธออย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน
ภีรดาเข้าห้องและทุ่มตัวลงไปที่เตียงก่อนจะปล่อยร้องไห้โฮออกมาเต็มเสียง จบแล้วสินะระหว่างเธอกับเขาไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็เป็นได้แค่ตัวน่ารำคาญในสายตาเขา เธอไม่เคยมีค่า ไม่เคยมีความหมายอะไรกับเขาสักนิด
จบกันสักทีก็ดีความรักที่เธอเฝ้าหลงรักเขาฝ่ายเดียวมาตลอดมันทำร้ายเธอมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ จนในวันนี้เธอตระหนักดีแล้วว่าเธอไม่มีทางจะเปลี่ยนใจผู้ชายคนนั้นได้ถึงเขาจะไม่มีใครในหัวใจเขาก็ไม่เคยคิดที่จะมองเธอ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูในตอนเช้าของแม่บ้านทำให้ภีรดาต้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้หลับเพราะร้องไห้ตลอดคืน
“มีแขกมาหาค่ะคุณพิม” แม่บ้านมารายงานก่อนจะเดินกลับไป ภีรดาถอนหายใจอย่างเบื่อๆ เพราะเธอยังไม่อยากพบใครในตอนนี้แต่เมื่อสักครู่นี้เธอก็ไม่ได้ถามว่าใครมาหาเธอทำให้เธอต้องกลับเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวก่อนจะเดินไปที่ห้องรับแขก
ภีรดาเดินกลับออกไปทันทีเมื่อเห็นแขกที่กำลังนั่งรออยู่ ภวินท์ลุกขึ้นและเดินตามมาคว้าแขนเธอไว้ ภีรดาหันมามองเขาอย่างไม่พอใจทั้งที่ตายังบวมอยู่
“มาทำไมคะ” เธอถามเสียงเย็นชา
“เมื่อวานพิมพูดว่าอะไร”
“พิมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
“งั้นแสดงว่าพี่หูฝาดไปเองใช่ไหม”
“คงงั้นมั้ง” เธอพูดอย่างแสนงอนก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขา
“พี่นึกว่าพี่ได้ยินจริงๆ ซะอีก”
“แค่นี้ใช่ไหมคะธุระของพี่ไก่ พิมปวดหัวอยากพักผ่อน” เธอไล่เขาเอาดื้อๆ
“แล้วทำไมตาบวม” ภีรดาเมินหลบ
“ช่างตาพิมเถอะ”
“ร้องไห้เพราะพี่ใช่ไหม” เขาทำตาแพรวพราวผิดกับภวินท์คนเดิมที่เอาแต่เงียบขรึม
“ไม่เคยหรอก คนไม่มีหัวใจอย่างพี่ไก่ใครจะไปเสียน้ำตาให้”
ภวินท์ดึงเธอเข้ามากอดไว้ ภีรดาหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้
“พี่ไก่ปล่อยนะ” เธอประท้วงเขาพลางดิ้นขลุกขลัก
“ไม่ปล่อยจนกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง”
“พิมไม่มีอะไรจะพูดกับพี่ไก่แล้ว”
“เมื่อวานพิมบอกว่ารักพี่ใช่ไหม” เขาดันเธอออกห่างเล็กน้อยและจ้องตาเธออย่างค้นคว้า ภีรดาเมินหลบสายตาคมกริบของเขา ภวินท์เชยคางเธอขึ้น
“คนเก่งคนเมื่อวานหายไปไหน”
“ไม่หายไปไหนหรอกค่ะ แค่ตอนนี้เราเป็นอื่นต่อกันแล้วพี่ไก่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับพิม” เธอบอกก่อนจะปัดมือเขาออก เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับท่าทางแสนงอนของเธอ
“เป็นคนอื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่พิมถอนหมั้นกับพี่ไปแล้ว สบายใจได้แล้วล่ะค่ะต่อไปพิมจะไม่ตามไปกวนใจพี่อีก” เธอบอกพร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้น
เขาล้วงเอาแหวนในกระเป๋ากางเกงพร้อมทั้งสวมมันลงบนนิ้วนางของเธออีกครั้ง ภีรดาพยายามจะดึงมืออกแต่เขาไม่ยอม
“มาบอกรักพี่แล้วจะถอนหมั้นง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ”
“มันเป็นความต้องการของพี่ไก่เองนี่คะ” เธอพูดกับเขาอย่างประชดประชัน
“พี่เปลี่ยนใจแล้วนี่ ก็ตอนนั้นมันหึง” เขายอมรับอย่างเก้อๆ เพราะไม่คิดว่าสักวันจะต้องมายอมรับความรู้สึกของตัวเองต่อหน้าเธอแบบนี้
“อะไรนะคะ พูดใหม่อีกทีสิคะ” ภีรดาคิดว่าตัวเองหูฝาดคำพูดประโยคนั้นของเขาละลายความโกรธความน้อยใจที่อยู่ในหัวใจของเธอไปหมดแทบจะทันที ภีรดาหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ภวินท์หน้าตึงไปทันทีเมื่อเธอหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะดึงเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง
“หัวเราะพี่เหรอ” เขาพูดอย่างคาดโทษ
“รู้จักคำว่าหึงด้วยเหรอคะ” เธอล้อเขาต่อ ภวินท์กดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอทันทีก่อนที่เธอจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น
“แล้วพิมจะรู้ว่าพี่ยิ่งกว่ารู้จัก” เขาบอกหลังจากที่ถอนริมฝีปากออก
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







