LOGIN“ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ไปค่ะ”
“จะไปดีๆ หรือจะให้ใช้กำลัง”
“อย่ามาวางอำนาจแถวนี้นะ”
“ไหมคงอยากจะขายหน้าคนทั้งป้ายรถเมล์ใช่ไหม” เขาขู่
“คนบ้า” เธอแหวใส่เขาก่อนจะหันไปมองที่ป้ายรถเมล์ ตอนนี้สายตาหลายๆ คู่กำลังจับจ้องมาที่เธอและเขาอย่างสนใจ
“ผมเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” เขาทำท่าจะประชิดตัวทำให้วราลีต้องรีบเดินไปขึ้นรถเขาเพื่อหลบให้พ้นสายตาอยากรู้อยากคนอื่นๆ
“ทำไมเงียบจัง” เขาถามเมื่อขับรถออกมาได้สักพัก
“ก็ไม่มีอะไรจะพูดนี่คะ” เธอยังคงหน้าบึ้งตึงเพราะไม่พอใจที่ถูกเขาบังคับแบบนั้น
“กลัวผมเหรอ”
“ไม่อยากเข้าใกล้” เธอสวนกลับไปทันที
“กลัวอะไร กลัวใจตัวเองอย่างนั้นเหรอ” เขาพูดเหมือนรู้ทัน
“ไหมไม่ใช่สาวๆ ของพี่จะได้กลัวใจตัวเอง”
“หึ หึ แล้วเมื่อไหร่จะเลิกทำหน้าบึ้งๆ เสียที”
“ทำไม”
“ไม่ชอบ ถ้าไม่อยากเจอดีน่ะ เลิกหน้าบึ้งเสียที”
“เจอดีอะไรไม่ทราบ”
“ก็ลองไม่หายดูสิ เดี๋ยวก็รู้ ถ้าก่อนจะถึงบ้านยังหน้างออยู่ล่ะก็...” เขาไม่ยอมพูดต่อ
“ก็อะไร”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
“ไม่ มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง”
“พูดอย่างนี้เหมือนท้าทาย”
เขาหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง วราลีมองอย่างระแวง
“พี่เคนจะทำอะไร” เธอเริ่มโวยวาย
“ก็อยากจะทบทวนความจำให้ไหมหน่อย”
“ไม่นะ” เธอรีบระล่ำระลักปฏิเสธ
“ปากกล้าขนาดนี้ คงจะลืมไปแล้วล่ะสิว่ารสจูบของผมเป็นยังไง”
“ไหมขอโทษ” เสียงเธอเริ่มอ่อนลงเมื่อเขาทำท่าจะคุกคามเธอ
“ง่ายไปมั้ง มาบอกอะไรตอนนี้” เขายังคงไม่ยอม
“ไหมขอโทษจริงๆ”
“บอกมากี่ครั้งแล้วล่ะ รู้สึกยังไงเวลาพูดมา”
“พี่เคนอย่าทำท่าแบบนี้ได้ไหม ไหมกลัว”
“รู้จักกลัวบ้างก็ดีสาวน้อย คราวหลังจะได้ไม่ท้าทายผมอีก”
เขาทำท่าจะก้มลงจูบเธอ วราลีได้แต่หลับตานิ่งและเกร็งกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อรู้สึกว่ารถเริ่มวิ่งอีกครั้ง เธอหันไปมองเขาอย่างงงๆ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้านิ่งๆ เธอก็แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ถึงแล้ว” เสียงของภีรวัจน์ปลุกให้วราลีตื่นจากภวังค์
“ขอบคุณค่ะ” เธอผลักประตูรถให้เปิดออกแต่ก็เหมือนคราวที่แล้วคือเขาล็อกประตูเอาไว้
“เปิดประตูสิคะไหมจะลง” หญิงสาวหันไปบอกเขา
“กลัวใครเขาจะเข้าใจผิดนักหนาเหรอถึงต้องรีบลนลานขนาดนั้น”
“คนชอบหาเรื่อง” เธอบ่นพึมพำเบาๆ
“ว่าอะไรนะ”
“พี่เคนกำลังหาเรื่องไหม”
“อย่างงั้นเหรอ”
“สาวๆ ไม่สนใจหรือไงถึงได้พาลหาเรื่องไหม”
“พูดเหมือนหึง” เขาหันมาทางเธอพร้อมกับมองหน้าเธอนิ่งๆ
“โมเม หลงตัวเอง”
“หรือไม่จริง”
“ไม่จริง” เธอรีบปฏิเสธ
“ไม่คิดจะหึงผมเลยเหรอ” เขาถาม
“ไหมไม่บ้าขนาดนั้นหรอก”
“ปากแข็ง”
“ไหมไม่อยากเถียงด้วยแล้ว ไหมไปนะ ขอบคุณที่มาส่ง” มือบางเตรียมผลักประตู
“ผมขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“อะไรคะ” เธอเอียงคอถามเขาอย่างสงสัย
เขาไม่ตอบแต่เอื้อมมือมาจับมือของเธอไว้พร้อมกับยกมันขึ้นจูบ วราลีถึงกับหมดแรงเพราะรู้สึกเหมือนกับมีกระแสไฟแรงสูงแล่นผ่านริมฝีปากของเขามายังมือของเธอ แล้ววิ่งชนหัวใจอย่างจังจนหัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ
ภีรวัจน์มองหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงของเธออย่างแทบจะอดใจไม่อยู่ เขาถอนลมหายใจออกมาน้อยๆ เพื่อระงับความปรารถนาของตัวเองที่กำลังเริ่มพลุ่งพล่าน
“ฝันดีนะ” เขาบอกอยู่ใกล้ๆ หู ในขณะที่เธอยังคงนั่งนิ่งเพราะยังไม่หายจากอาการตกตะลึง
“สาวน้อยถ้าคุณยังไม่ขยับภายในหนึ่งนาทีผมจูบคุณแน่”
เสียงของเขาทำให้วราลีได้สติ เธอรีบผลักอกเขาออกก่อนจะรีบเปิดประตูรถและเดินเข้าบ้านไปโดยไม่ได้หันกลับมามองเขาอีกเลย
ภีรวัจน์มองตามจนเธอเข้าบ้านเสร็จ เขายิ้มน้อยๆ กับตัวเองและรู้สึกอารมณ์ดีอย่างประหลาดเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับยัยเชย
ภวินท์ต้องกลับมาสอนพิเศษให้แก่ภีรดาในวันหยุดอีกครั้ง นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่แล้วเกิดเรื่องคราวนั้นดูเหมือนภีรดาจะวางตัวห่างเหินเขามากขึ้นและเงียบลงไปกว่าเดิมแต่สิ่งที่มากขึ้นคือการดื้อดึงและเอาแต่ใจของภีรดาเธอจะรวนเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
วันนี้ก็เช่นกันเขาสอนเธออยู่ดีๆ เธอก็ออกอาการ
“นี่นาย” ภีรดาเรียกเขาเมื่อเห็นเขากำลังตั้งหน้าตั้งตาสอนเธอ ภวินท์หยุดสอนแล้วมองเธอนิ่งๆ
“ฉันเป็นเหน็บมานวดให้หน่อยสิ”
ภวินท์รู้ว่าภีรดาจงใจแกล้งเขา เขาถอนหายใจยาวๆ หนึ่งครั้งก่อนขยับตัวลงไปนั่งกับพื้นและจับขาเรียวยาวของเธอไว้ก่อนจะกดคลึงไปตามเรียวขานั้น
เธอแอบยิ้มอย่างสมใจที่ทำให้คนจอมหยิ่งอย่างเขาคุกเข่าต่อหน้าเธอได้ แต่เมื่อถูกเขาสัมผัสได้เพียงไม่ถึงเสี้ยวนาทีอะไรบางอย่างในตัวเธอก็เริ่มผิดปกติ จากที่ตอนแรกที่เธอแค่คิดอยากจะแกล้งเขา แต่สัมผัสที่นุ่มนวลนั้นกลับชวนให้ขนลุกเกรียวเพราะมันมีความวาบหวิวที่เกิดขึ้นตามมา
กระแสไฟอ่อนๆ วิ่งพล่านไปทั่วร่างของภีรดาเพียงแค่ถูกปลายนิ้วเขาสัมผัส และมันยิ่งวิ่งพล่านมากขึ้นยามที่มือของเขาบีบเค้นและกดลงบนเรียวขาและฝ่าเท้าของเธอ
หญิงสาวกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อที่จะไม่ให้เสียงครางของตัวเองหลุดลอดผ่านริมฝีปากออกมา
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองคุณหนูขี้วีน เห็นหน้าของเธอแดงก่ำ เขานึกขำในใจโดนเขาจับต้องแค่นี้ยังหน้าแดงแล้วยังจะมาทำเก่งอวดดีอีก
ภวินท์จงใจให้สัมผัสของเขาปลุกเร้าไฟในตัวเธอให้ลุกโชนขึ้นมา เขาอยากสั่งสอนให้เธอรู้ว่าอย่าริเล่นกับไฟเพราะสุดท้ายไฟนั้นมันจะกลับไปเผาผลาญตัวเธอเอง
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







