LOGINบทที่ 5
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอมองเขาอย่างหวาดระแวง
“นึกว่าไหมอยากจะทบทวนความจำ”
“ไหมไม่บ้าไปกับพี่หรอก”
“หึๆ นึกว่า”เขาพูดพร้อมกับมองริมฝีปากของเธออย่างไม่วางตา
“หยุดนะ” เธอรีบห้ามเขาก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา
“อย่าดื้อกับผมให้มันมากนักนะไหม” เขาเริ่มขู่เธออย่างจริงจัง
“ไหมทำอะไร ไหมก็อยู่ส่วนไหม ไหมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเรื่องของพี่เลยสักนิด”
“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ”
“ทำไม”
“ที่ทำแบบนั้นกับนายภวินท์ ไหมกำลังท้าทายผม” เขาบอกอย่างคาดโทษ และเดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิม
วราลีรีบผลักเขาก่อนจะเดินผ่านเขาไป เขาได้แต่มองตามก่อนจะยิ้มนิดๆ และอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด
ภวินท์รู้สึกโมโหอย่างมากเมื่อพ่อของเขามาบอกเรื่องที่เขาต้องไปสอนพิเศษ ถ้าเป็นปกติเขาคงจะดีใจแต่คราวนี้มันกลับตรงกันข้าม เขาไม่ได้อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับยัยคุณหนูนั่นสักนิด แต่เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ในเมื่อพ่อของเขารับปากไปแล้ว ภวินท์นึกอยากปฏิเสธไปแต่ติดอยู่ตรงที่พ่อของเขาถึงอย่างไรพ่อของยัยคุณหนูนั่นก็เคยมีบุญคุณกับพ่อของเขาทำให้เขาปฏิเสธไม่ออก
ภวินท์มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ในตอนสายของวันเสาร์
“คุณไก่ใช่ไหมคะ” สาวใช้เดินมาถามเมื่อเห็นเขามาถึง
“ครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะคุณหนูรออยู่” เธอบอกก่อนจะเดินนำหน้าเขาไป
ภีรดากำลังนั่งรออยู่ในห้องซึ่งถูกจัดไว้สำหรับให้เธอเรียนพิเศษโดยเฉพาะ เธอแอบหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นภวินท์เดินเข้ามา เขามองหน้าเธอแค่นิดเดียวก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“มาช้าจังนะคะ” เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนหลังจากอยู่กันตามลำพังสองคน
“ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มา” เขาตอบอย่างเคร่งขรึม
ภีรดารู้สึกคอแข็งขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่ไม่คิดจะรักษาน้ำใจของเขา
“ถึงนายจะไม่อยากมาแต่ก็ต้องมาสอนฉันอยู่ดี” ภีรดาเริ่มตอบโต้ความเย็นชาและหยิ่งผยองของเขาบ้าง
“แล้วคุณจะให้ผมสอนอะไร”
“สอนทุกอย่าง” ภีรดาเริ่มลอยหน้าลอยตาพูดกับเขา
ภวินท์ถอนหายใจออกมา
“ผมก็ว่าอย่างนั้น”
ภีรดาแทบสะอึกเมื่อเขาพูดราวกับดูถูกว่าเธอโง่ซะเต็มประดา
“ฉันไม่ได้เก่งเหมือนนายนี่”
“พ่อแม่ส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนแล้วทำไมต้องมาเรียนที่บ้านอีก” เธออึ้งสนิทกับประโยคนั้นของเขา เห็นเงียบๆ ที่ไหนได้ปากจัดเป็นบ้า
เขาหยุดเถียงกับเธอแล้วเริ่มสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้เธอก่อน แรกๆ ภีรดาก็ตั้งใจเรียน บางครั้งเธอก็แกล้งทำเป็นวิชาการ ถามนู่นถามนี่เกี่ยวกับเรื่องเรียนซึ่งภวินท์ก็ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงคนที่ทำท่าตั้งใจเรียนแต่แรกก็ออกอาการง่วงนอนและหาวติดๆ กันหลายครั้ง
“นี่คุณ” เขาเรียกเธอเสียงเข้ม
“อะไร”
“นี่เพิ่งจะสองชั่วโมงเองนะ”
“ก็คนมันง่วงนี่”
“ถ้ายังไม่ตั้งใจแบบนี้ก็หาคนอื่นมาสอนเถอะ” น้ำเสียงเขาดุดันจริงจัง
“ก็ได้ๆ ฉันขอโทษ” เธออ่อนข้อให้เขา เมื่อเห็นเขาทำท่าดุใส่เธอ
“ผมไม่ได้อยากจะเอาเวลาของผมมาเสียไปเปล่าๆ แบบนี้”
“เลิกบ่นได้แล้ว ฉันสัญญาว่าจะตั้งใจ” ภีรดาพูดอย่างจริงจังเพราะท่าทีของเขาทำให้เธอหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
เขาส่ายหัวนิดๆ ก่อนจะเริ่มสอนเธอต่อ ภีรดาตั้งใจเรียนอย่างจริงจังในคราวนี้ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าหากเธอยังคิดจะวอกแวกอีกเธอก็ไม่รู้ว่าจะเจอความดุระดับไหน
“พักก่อนแล้วกัน” เขาบอกหลังจากที่เห็นท่าทางอิดโรยของเธอเมื่อเวลาผ่านไปสามชั่วโมง
“ฉันไหว”
“จะฝืนไปทำไม” เขาทำเสียงดุใส่เธออีกรอบ
“คนหน้าหิน” ภีรดาบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนนะยิ้มนิดๆ เมื่อหันไปเห็นขนมของโปรดที่สาวใช้ยากมาให้
ภีรดาหยิบมาใส่ปากและเคี้ยวมันเหมือนกับอร่อยมากมาย
“อร่อยที่สุดเลย อ่ะชิมดู” เธอพร้อมกับยื่นจานขนมมาตรงหน้าเขา
“ไม่” เขาปฏิเสธ
“ทานนะคะ” เธอพูดเสียงนิ่มๆ กับเขาเป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมง
“ผมไม่หิว” เสียงเขายังคงเรียบเฉย แต่ภีรดาไม่ยอมแพ้เธอหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและทำท่าจะป้อนเขา ภวินท์รีบปัดมือเธอออกอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าเธอจะจู่โจมเขาแบบนี้ ขนมชิ้นนั้นตกกระเด็นไปตามแรงมือของเขา
ภีรดาหน้าซีดลงไปกับตา ท่าทางขี้เล่นสดใสเมื่อครู่นี้เปลี่ยนไปทันที
“ฉันขอโทษ” เธอบอกแค่นั้นก่อนจะหันกลับไปนิ่งกินขนมเงียบๆ คนเดียว เขายืนมองผลงานตัวเองอย่างหงุดหงิดเขารู้สึกแปลกๆ เวลายัยคุณหนูนั่นเงียบแบบนี้
“จะเรียนต่อไหม” เขาถามหลังจากที่เธอกินขนมเสร็จแล้ว
“เรียน” เธอตอบสั้นๆ
“แต่ผมว่าเอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน วันหลังผมจะมาสอนใหม่” เขาบอกก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป
ภวินท์รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอย่างบอกไม่ถูกในระหว่างนั่งรถกลับบ้านเพราะหน้าซีดๆ ของภีรดาตามมารบกวนจิตใจเขา เขาไม่ชอบเลยสักนิดที่เห็นเธอทำท่าเงียบๆ แบบนั้นเพราะปกติยัยคุณหนูนั่นจะร่าเริงสดใสอยู่ตลอดเวลา
“พี่ไก่ไปสอนเป็นยังไงบ้างพิม” วราลีถามเมื่อเจอกันในวันเปิดเรียนวันจันทร์
“ก็ดี ไหมก็รู้นี่ว่าเขาเก่ง”
“เดี๋ยวถ้าว่างไหมจะไปติวให้อีกนะ”
“ขอบใจจ้ะเพื่อนรัก” ภีรดาหันไปบอกวราลีก่อนที่ทั้งสองจะชวนกันเข้าเรียน
วันนี้ภีรดากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอเป็นผู้มารับไม่ใช่ ภีรวัจน์เหมือนเช่นทุกวัน วราลีส่งภีรดาขึ้นรถก่อนแล้วเดินไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอรถ วันนี้เป็นอีกวันที่ภวินท์ไม่ได้มารับเธอ เสียงแตรรถดังขึ้นในระหว่างที่เธอกำลังเดินใกล้จะถึงป้ายรถเมล์เธอหันไปมองเห็นรถคุ้นตา จึงรีบสาวเท้าไวๆ เพื่อให้พ้นจากเขา
ภีรวัจน์จอดรถและรีบเดินตามเธอมา
บทที่ 5“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอมองเขาอย่างหวาดระแวง“นึกว่าไหมอยากจะทบทวนความจำ”“ไหมไม่บ้าไปกับพี่หรอก”“หึๆ นึกว่า”เขาพูดพร้อมกับมองริมฝีปากของเธออย่างไม่วางตา“หยุดนะ” เธอรีบห้ามเขาก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา“อย่าดื้อกับผมให้มันมากนักนะไหม” เขาเริ่มขู่เธออย่างจริงจัง“ไหมทำอะไร ไหมก็อยู่ส่วนไหม ไหมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเรื่องของพี่เลยสักนิด”“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ”“ทำไม”“ที่ทำแบบนั้นกับนายภวินท์ ไหมกำลังท้าทายผม” เขาบอกอย่างคาดโทษ และเดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิมวราลีรีบผลักเขาก่อนจะเดินผ่านเขาไป เขาได้แต่มองตามก่อนจะยิ้มนิดๆ และอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดภวินท์รู้สึกโมโหอย่างมากเมื่อพ่อของเขามาบอกเรื่องที่เขาต้องไปสอนพิเศษ ถ้าเป็นปกติเขาคงจะดีใจแต่คราวนี้มันกลับตรงกันข้าม เขาไม่ได้อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับยัยคุณหนูนั่นสักนิด แต่เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ในเมื่อพ่อของเขารับปากไปแล้ว ภวินท์นึกอยากปฏิเสธไปแต่ติดอยู่ตรงที่พ่อของเขาถึงอย่างไรพ่อของยัยคุณหนูนั่นก็เคยมีบุญคุณกับพ่อของเขาทำให้เขาปฏิเสธไม่ออกภวินท์มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ในตอนสายของวันเสาร์“คุณไก่ใช่ไหมคะ” สาวใช้เดินมาถามเมื
บทที่ 4เป็นอีกครั้งที่พัชราวดีรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะชวนเธอไปไหนต่อซะอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของภีรวัจน์แล้วพัชราวดีก็ไม่อยากจะขัดใจและเซ้าซี้ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าคนแบบเขาคงไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขา“พี่เคนเป็นอะไรไปคะ” ภีรดาถามในตอนขากลับหลังจากที่ภีรวัจน์ขับรถมาส่งพัชราวดีกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว“ถามอีกคนแล้วเหรอเรา”“ก็มันน่าสงสัยนี่ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เธอถามอย่างอยากรู้“ก็เหมือนเรานั่นแหละ ทำไมนั่งเงียบมาตลอดทาง” เขาย้อนถามน้องสาวบ้าง“เปล่าซะหน่อยพิมไม่ได้เป็นอะไร” ภีรดารีบปฏิเสธ“นึกว่าใจลอยไปถึงไหนซะอีก”“เปล่าค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ทะเลาะอะไรกับไหมหรือเปล่า”ภีรดาถามทันทีที่ได้โอกาส“รู้สึกจะคิดว่าพี่คอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนเราอยู่ตลอดเลยนะ”“มันจริงไหมล่ะคะ”“เพื่อนเราชอบกวนประสาทพี่” เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าเชิดๆ ของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง“ไหมเค้าเกลียดคนเจ้าชู้” ภีรดาพร่ำบอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้“กำลังจะบอกว่าเขาเกลียดพี่งั้นสิ”“เอ้อ” ภีรดาอึกอัก“ไม่ต้องบอกก็รู้เขาแสดงออกซะขนาดนั้น” เ
บทที่ 3“เป็นอะไรไปไหมเมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” ภีรดาถามเมื่อเห็นวราลีมาเรียนด้วยท่าทางอิดโรยราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม คำถามของเพื่อนรักทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอหลับได้ไม่เต็มตาเมื่อคืนนี้“นอนแต่ฝันร้ายทั้งคืน”“ฝันอะไร” ภีรดาถามต่อ“ฝันถึงคนบ้าน่ะ” วราลีตอบเลี่ยงๆ“ฝันถึงพี่เคนหรือเปล่า” ภีรดารีบถามทันทีก่อนจะหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็น วราลีหน้าบึ้งไปทันทีที่เธอเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ วราลีแทบสะดุ้งเมื่อเจอคำถามของ ภีรดา“บ้าน่าพิม”“พูดถึงพี่เคนทีไร ไหมต้องทำหน้าแบบนี้ทุกที” ภีรดาบ่นกลายๆ“แบบไหน” เธอย้อนถาม“ก็หน้าบึ้งๆ แบบไม่สบอารมณ์แบบนี้แหละ”“ก็ไม่อยากให้พูดถึง”“เมื่อไหร่จะใจอ่อน” คำถามของภีรดากำกวมเหมือนมีอะไรแอบแฝง“ใจอ่อนเรื่องอะไร”“เรื่องพี่เคนน่ะสิ เมื่อไหร่จะเลิกเกลียดพี่เคน”“ก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกหาเรื่องไหมแล้วก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกเจ้าชู้” วราลีตอบโดยไม่ต้องคิดนาน“เฮ้อกลุ้ม” ภีรดาถอนหายใจออกมาน้อยๆ“เรื่องอะไรล่ะจ๊ะ”“ก็เรื่องไหมกับพี่เคนนั่นแหละ ท่าทางจะไม่ดีกันง่ายๆ คนกลางอย่างพิมคงต้องลำบากใจไปอีกนาน”“ไหมกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่” เธอบอก“แต่เจอกันทีไรเป
บทที่ 2“ว่าไงเราเดินหน้ามุ่ยมาเลยนะ” ภีรวัจน์ทักน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน“ก็ไม่มุ่ยยังไงไหวล่ะคะพิมเรียนไม่รู้เรื่องเลยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”“เพื่อนเราก็มาติวให้อยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาถามถึงใครอีกคน“ก็ติวค่ะแต่พิมไม่อยากกวนไหมบ่อยๆ เพราะเขาก็ต้องอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน”“จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา”“พิมอยากได้ครูสอนพิเศษค่ะ พี่เคนช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้พิมหน่อยนะคะ” เธออ้อนพี่ชาย“มีใครขัดใจเราได้ที่ไหน” เขาบอกก่อนจะขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู ภีรดาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะแอบยิ้มอย่างมีความสุขภีรวัจน์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังปีสุดท้าย ในขณะที่ภีรดาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ภีรดารักและหวงพี่ชายคนเดียวของเธอมาก เพราะเขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กและมักจะตามใจเธอทุกเรื่องกริ๊ง...งเสียงโทรศัพท์ของภีรวัจน์ดังขึ้นในตอนนั้น เขามองดูเบอร์และถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดทิ้งอย่างไม่ไยดี“สาวโทร.มาเหรอคะพี่เคน” “น่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์“วันนี้เป็นอะไรคะดูหงุดหงิดชอบกล ปกติเห็นพี่เคนไม่เคยปฏิเสธสาวๆ”จะหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะนอกจากเรื่องยัยแว่น เขาตอบคำถามนั้นในใจ เด็กนั่นทำ
บทที่ 1“อื้อ เคนอย่าสิคะ”เสียงร้องอย่างวาบหวิวดังแว่วๆ จากห้องรับแขกทำให้วราลีอดหันไปมองไม่ได้ เธอนึกอยากจะตีตัวเองนัก เพราะทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไร แต่สายตาเจ้ากรรมมันก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงหนีอย่างรวดเร็ว เพื่อไปให้พ้นจากภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า…ภีรวัจน์กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยคนล่าสุดของเขาบนโซฟาห้องรับแขกที่เธอกำลังเดินผ่าน เธอไม่ได้ตั้งใจจะหันไปดูบทรักของเขาเลยสักนิด แต่คนบ้านั่นทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบไม่อายใครสักนิดหากแต่พอวราลีเดินพ้นจากรัศมีสายตาไป ภีรวัจน์ก็ผละออกจากสาวสวยที่กำลังคลอเคลียอยู่ในทันที ทำเอาสาวผู้นั้นงุนงงกับปฏิกิริยาของเขา หากแต่ภีรวัจน์ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายหรือไขข้อสงสัยนั้น เขารีบลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ตามหลัง ‘ยัยแว่น’ ออกมาติดๆ“เดี๋ยวก่อน!”วราลีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเสียงที่บ่งบอกความเอาแต่ใจของเจ้าตัวดังขึ้น เธอคิดว่าจะหนีเขาพ้นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าภีรวัจน์จะตามมา“มีอะไรคะ” สาวน้อยหันมาตามเสียงเรียกมองหน้าหล่อร้ายนั้นเพียงแวบเดียว ก่อนจะเมินหน้าหนีเขาอีกครั้งภีรวัจน์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อย







