"หยุด!!!"
หญิงสาวคนสุดท้ายกำลังจะเง้อมือขึ้นมาตบใบหลิวอีกสักฉาด แต่ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยห้ามเธอไว้เสียก่อนเธอจึงค้างอยู่อย่างนั้น ใบหลิวเห็นว่าเป็นจังหวะดีจึงประทับลงฝ่ามือลงบนหน้าผู้หญิงคนนั้นเต็มแรง ห้องที่เงียบลงทำให้เสียงฝ่ามือที่ปะทะเนื้อแก้มดังลั่นห้องนั้น
เพี๊ยะ!!!
ปาร์คมองใบหลิวนิ่งด้วยสายตาเรียบเฉย ทุกคนก้มหน้าหมดมีแต่ใบหลิวที่หันไปมองผู้มาเยือน ร่างสูงของเขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมใบหน้าและสายตาที่ดูดุดันมากกว่าปกติ
"นี่มันที่ทำงาน ไม่ใช่สนามมวย"
"เอ่อ...คือ...."
"ผมไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ไปแก้ตัวกับฝ่ายบุคคลเอง"
"คุณชรันขา....แต่เด็กนี่...."
"ลัลล์ลลิต เข้าไปพบผมที่ห้องด้วย"
ทุกคนไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ปาร์คก็เดินเข้าห้องไปด้วยความหัวเสีย ส่วนหญิงสาวสี่คนก็ต้องเดินออกไปยังฝ่ายบุคคล ใบหลิวเดินตามปาร์คเข้าห้องไปไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ใบหลิวก็พูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย
"ใบไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน! พวกนั้นมาตบใบก่อน"
"......."
"แต่ถ้าพี่ปาร์คไม่เชื่อก็ตามใจ.."
"ทำไมไม่อดทนกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้?"
"อดทน? ให้อดทนโดนคนอื่นตบฟรีๆ น่ะหรอคะ? หรือให้อดทนให้คนอื่นตราหน้าใบว่าเป็นเด็กเลี้ยงเป็นเมียน้อยพี่ อย่างนี้หรอคะพี่ปาร์ค.. เฮอะ...ไม่ใช่ทาง.."
"มันต้องอดทนรอเวลา...พอนานไป คนอื่นก็จะรู้เองว่าเป็นพี่น้องกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร"
"กว่าจะถึงเวลานั้นใบคงโดนตบไปหลายฉาดแล้วมั้งคะ...พี่ปาร์คไม่ใช่คนเสียหายก็พูดได้สิ"
"เป็นข่าวลือกับพี่มันน่ารังเกียจจนคิดว่าเป็นเรื่องเสียหายขนาดนั้นเลยหรอ..หลิว?"
"ใช่ค่ะ! มันน่าอายที่ต้องมากลายเป็นเมียน้อยของคนที่คิดว่าเป็นเหมือนพี่ชาย...แค่คิดก็..."
คำพูดของใบหลิวทำให้ปาร์คจุกอกไม่น้อย แล้วไหนจะท่าทางของเธอที่ดูเหมือนมันเป็นเรื่องน่าขนลุกและเป็นไปไม่ได้นั่นอีก ปาร์คทั้งหงุดหงิดและโมโห เขาเองก็สับสนเหมือนกันว่าโมโหที่เธอก่อเรื่องหรือโมโหคำพูดของเธอ
ปาร์คย่างสามขุมเข้าไปหาใบหลิวที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ เขาไม่ได้เบรกฝีเท้าเลยแม้ว่าจะใกล้ใบหลิวจนแทบจะตัวติด ใบหลิวก้าวถอยหลังจนติดโต๊ะทำงานของเขาอย่างไม่เข้าใจ ปาร์คเอาทั้งสองข้างตบลงบนโต๊ะทำงานดังลั่นพร้อมกับกั้นทางไม่ให้ใบหลิวหนี
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมสวยของผู้ที่เรียกว่าน้องสาวตรงหน้าและขบกรามแน่น ใบหลิวรู้สึกว่าใบหน้าหล่อเหลาของปาร์คยื่นเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว แต่ไม่มีทางไหนให้เธอหนีหรือหลบเขาได้เลย
ก๊อกๆ!
"ขออนุญาตครับคุณชรัน..."
ประตูถูกเปิดออกกว้างพร้อมกับร่างของผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งที่กำลังถือเอกสารอยู่ แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ชายหนุ่มที่พึ่งเข้ามาถึงกับชะงัก มองดูใบหน้าหญิงสาวในชุดแม่บ้านที่หันมองเขาอยู่ก็ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเอาเสียเลย ภายนอกประตูเริ่มมองเข้ามาเห็นภาพที่ชวนเข้าใจผิด แต่ปาร์คกลับไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด เขายังคงมองหน้าใบหลิวและค้างท่าเดิม
"เอ่อ...ขอโทษครับ.."
"เอาเอกสารวางไว้ตรงนั้น...แล้วออกไป"
"ครับ"
"ห้ามใครเข้ามารบกวน"
"ครับ คุณชรัน"
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเอาเอกสารเข้ามาวางไว้ตรงโซฟารับแขก ก่อนจะรีบเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอกกลายๆ ว่า ห้ามรบกวนคุณชรันตอนนี้
ใบหลิวงงงวยกับการกระทำที่ชวนเข้าใจของปาร์ค โดยเขาไม่สนใจสายตาของคนภายนอกที่มองเข้ามาเลย ใบหลิวหันกลับมามองหน้าปาร์คก็ปรากฏว่ามันใกล้แต่คืบเดียวจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ
"พี่ปาร์ค! ถอยออกไปเลยนะ! นี่พี่ตั้งใจจะทำอะไรของพี่เนี่ย"
"ทำให้ข่าวลือเป็นเรื่องจริงเลยดีไหม? จะได้ไม่มีใครตราหน้าเพราะมันคือเรื่องจริง"
"พี่คิดบ้าอะไรอยู่..เรื่องมันก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่สิ ถอยออกไปนะ!"
ใบหลิวผลักใบหน้าหล่อนั้นให้ออกห่างจากเธอ ปาร์คเห็นอย่างนั้นจึงเปลี่ยนมาจับเอวยกตัวเธอขึ้นแล้ววางเธอให้นั่งบนโต๊ะทำงานของเขา โดยมีเขายืนอยู่ระหว่างขาเรียวของเธอ ปาร์คโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนใบหลิวต้องเอนตัวหนีจนทรงตัวไม่ได้จะหงายหลังอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ปาร์คคว้าหลังและเอวเธอไว้ทัน
ทั้งสองใกล้กันมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สภาพท่าทางตอนนี้ใครเข้ามาเห็นคงคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ปาร์คเริ่มโน้มหน้าเข้าไปตามกลิ่นหอมหวานเหมือนขนมที่ตีขึ้นจมูก ใบหลิวหันหน้าหนีทันที ปลายจมูกโด่งแตะไปที่แก้มเนียนที่กำลังแดงเรื่อ
"พ..พี่ปาร์ค! ใบเป็นน้องสาวเพื่อนพี่นะ!!"
"......."
ปาร์คหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ใบหลิวก็พูดขึ้นมาทำให้เรียกสติเขา ปาร์คเดินถอยหลังห่างจากใบหลิวก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วหันหลังให้เธอ ใบหลิวกระโดดลงจากบนโต๊ะทำงานของเขาโดยไม่หันกลับไปมอง เพราะรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาแถมใจเจ้ากรรมดันเต้นผิดปกติอีก ใบหลิวเอามือทาบอกพร้อมบอกกับตัวเองให้ใจเย็นลง
"พี่คงให้เราทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้"
"ค่ะ งั้นใบขอตัวกลับบ้านเลยละกันนะคะ จะได้เตรียมเก็บกระเป๋ากลับไปอยู่กับแม่"
"...เห็นเราถนัดใช้แรงแบบนี้ แถมยังชอบเที่ยวกลางคืน งั้นก็ไปทำงานในผับของพี่แทน"
"เด็กเสิร์ฟ?"
"ตำแหน่งที่ว่างมีตำแหน่งเดียว นอกจากเธอจะไม่สู้งาน"
"ไม่สู้ค่ะ อยากกลับไปอยู่กับแม่"
พรวด!!
"เจ้าใบ!!"
บิลลี่เดินพรวดพราดเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น เมื่อได้ยินข่าวว่าน้องสาวของตนมีเรื่องวิวาทกับพนักงาน บิลลี่รีบเดินเข้ามาก่อนจะรีบเดินเข้าไปสำรวจใบหน้าของเธอที่แดงขึ้นมาอยู่ข้างหนึ่งและยังมีผมเผ้าที่กระเซิงไม่เป็นทรง บิลลี่เดินเข้าไปถามปาร์คทันที
"เกิดเรื่องขึ้นได้ยังไงวะ?"
"มึงถามน้องตัวดีมึงเองเลย"
"เจ้าใบ...?"
"ขี้เกียจเล่า!"
ใบหลิวตอบปัดๆ อย่างอารมณ์เสีย เพราะเธอก็ไม่ได้อยากจะมาทำงานที่นี่อยู่แล้ว ไม่ว่าเธอจะพยายามต่อต้านหรือสร้างปัญหาแต่พี่ชายของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะส่งเธอกลับ แถมยังส่งเธอให้กับเพื่อนสนิทที่คิดว่าไว้ใจได้อีกโดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนที่พี่ชายไว้ใจนั้นตัวแทบแนบชิดกับเธออยู่แล้ว
หรือจริงๆ แล้วนิสัยของปาร์คเป็นแบบนี้เพียงแค่เธอไม่เคยรู้ และมองว่าเขาเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีมาตลอด ไม่ว่าอย่างไรก็เถอะ การที่แกล้งมาทำให้เธอใจเต้นอยู่บ่อยๆ มันไม่ค่อยจะปลอดภัยกับเธอสักเท่าไหร่
"แต่การวิวาทกันครั้งนี้ กูคงให้น้องมึงทำงานที่นี่ต่อไม่ได้"
"เออ กูเข้าใจ...เล่นไปตบพนักงานแบบนั้นทั้งที่มาวันแรก"
หลังจากที่บิลลี่ได้ฟังปาร์คเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ยอมรับความเห็นที่ใบหลิวจะไม่ได้ทำงานที่โรงงานต่อ บิลลี่คิ้วขมวดใบหน้าเคร่งเครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อน้องสาวของเขาดี
"ไหนๆ น้องมึงก็ชอบใช้กำลัง...แถมยังตบตีเก่ง...เที่ยวกลางคืน...แต่งตัวเก่ง...ไม่เกรงกลัวใครอยู่แล้ว"
"นั่นน้องกูใช่ไหม?"
"ก็น้องมึงไง ร้ายๆ แบบนี้...ไปทำงานในผับน่าะจถนัดกว่า"
"มึงคิดงั้นหรอวะ?"
ปาร์คขยิบตาให้เพื่อนของตน บิลลี่เลยพยักหน้า เพราะรู้ว่าปาร์คคงต้องการสั่งสอนใบหลิวเพื่อให้พยศน้อยลงบ้างแน่ๆ แม้มันจะเสี่ยงแต่ก็ยังดีที่เป็นผับที่ปาร์คเป็นเจ้าของอยู่
"ก็ดี คราวนี้มึงจัดการได้เต็มที่เลย กูไม่ห้ามอะไรมึงแล้ว...เป็นผับจะตบตีกันมันคงไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก"
"ทำไมพี่บิลพูดงี้อ่ะ"
"เราก็เป็นอย่างที่ไอ้ปาร์คว่าจริงๆ นั่นแหละเจ้าใบ"
"พี่บิลไม่รักน้องแล้วหรอ?"
"พี่อยากให้ใบรู้ไว้ว่าพี่รักและเป็นห่วงใบมาก"
"แล้วทำไม...."
"เพราะใบไม่ฟังพี่เลย แถมดื้อกับพี่อีก เถียงไม่เว้นคำ...อยู่กับไอ้ปาร์คนั่นแหละ เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง ไอ้ปาร์คมันอาจจะสอนโหดไปหน่อยแต่มันก็เถอะกับใบดี"
"ห๊ะ??!! พี่บิลลี่!!"
บิลลี่พูดจบก็เดินออกไปเพื่อจะทำงานของเขาต่อ ในหัวของบิลลี่คิดว่าคงมีแต่ปาร์คจริงๆ ที่คุมน้องสาวตัวร้ายของเขาอยู่ และก็หวังมากๆให้มันเป็นแบบนั้น ปาร์คคือความหวังเดียวที่เขาจะกล้ากลับไปสู้หน้าแม่
"ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ได้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่รวี...เด็ดขาด"
"ชิ!"
ปาร์คพูดยื่นคำขาดกับใบหลิวทำให้เธอถึงกับจิ๊ปากแล้วเตรียมจะเดินออกจากห้องไปอีกคน ปาร์คมองท่าทางของหญิงสาวตรงแล้วกุมขมับทันที
"เปลี่ยนชุดเสร็จไปรอพี่ที่รถ"
"...กลับเองได้"
"หรือจะให้พี่ไปเฝ้าที่ห้องเปลี่ยนชุดเลยดี?"
"รู้แล้ว!"
ใบหลิวเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างไม่พอใจ จากที่อารมณ์เสียอยู่แล้วยิ่งอารมณ์เสียหนักไปกว่าเดิมอีก ใบหลิวเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ แล้วเดินออกไปรอเขาที่ลานจอดรถ ไม่นานนักปาร์คก็เดินออกมาแล้วพากันขับรถออกไป
"พี่ปาร์คจะไปไหน? นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้าน..."
"ทดลองงาน"
.
.."ทำไมพี่ปาร์คต้องให้หลิวเอาลูกไปฝากแม่ละคะ"ใบหลิวเอ่ยถามขึ้นหลังจากฝากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้กับผู้เป็นแม่ตามที่ปาร์คขอร้องให้เอาไปฝากไว้สักวัน ทั้งที่ลูกชายของเธอพึ่งจะสี่ขวบ เธอก็ยิ่งคิดหนักและคิดถึงเป็นธรรมดาจนใบหน้าสวยสลดอย่างเห็นได้ชัด ปาร์คปรายตามองใบหลิวครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น"แค่สองสามวันเอง...พี่อยากมีเวลาอยู่กับหลิวบ้าง""ปกติก็อยู่ด้วยกันทุกวันนี้คะ ไม่เห็นต้องแยกลูกไปเลย""พี่อยากอยู่กับหลิวสองต่อสองบ้าง...เรามัวแต่ทำงานเลี้ยงลูกไม่มีเวลาให้กันเลยนะหลิว"ปาร์คเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ใบหลิวหันมองยังเขาที่กำลังขับรถกลับในเมืองอย่างไม่เข้าใจนัก เพราะเธอคิดว่าก็อยู่ด้วยกันตลอดจะไม่มีเวลาได้ยังไง"เราไม่มีเวลา...หวานกันบ้างเลยแล้วนี่ก็ใกล้จะวันวาเลนไทน์แล้วด้วยพี่เลยอยากจะ...""วาเลนไทน์แล้วไง ไม่ใช่วันครบรอบสักหน่อย"ใบหลิวเอ่ยขัดขึ้นมาใบหน้าดูท่าทางหงุดหงิด ปาร์คหันไปมองยังภรรยาของตนครู่หนึ่งก่อนจะขับรถต่อไปเงียบๆ ภายในหัวคิ
ห้องใบหลิวปาร์คมองร่างหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงหา มือหนาของเขายังจับมือเธอไว้แน่นโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเหมือนกลัวจะหายไปใบหลิวขยับตัวเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้งก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาทันที ปาร์ครีบเข้าไปพยุงพร้อมมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ตอนคุยโทรศัพท์เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องแพ้ท้องให้เขาฟังเลยสักครั้ง“พี่ปาร์ค? แม่อนุญาตแล้วหรอคะ?”ปาร์คพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ ตาเรียวมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวอันเป็นที่รักอย่างสลด ที่เขาไม่สามารถดูแลหรืออยู่ใกล้ๆ ได้เลยเกือบจะหนึ่งเดือนเต็ม แต่ใบหน้าซีดเซียวนั้นกลับยิ้มให้เขาอย่างดีใจที่ได้เจอกันจนลืมอาการอยากอาเจียนไปเสียหมด เมื่อเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นชายหนุ่มจึงคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะคลายกอดอย่างอ้อยอิ่ง“ลุกไหวไหม? พ่อพี่ใกล้จะมาถึงแล้ว”“คะ? คุณปรเมตต์มาด้วยหรอคะ?”ชายหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบคำถามของเธอ ใบหลิวทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะนี่
..วันแล้ววันเล่าที่ปาร์คยังคงทำงานช่วยที่บ้านแม่รวีเกือบเดือนที่เขายังคงไม่ได้เห็นหน้าใบหลิวเลย ได้เพียงแค่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ทุกคืนเพียงเท่านั้น แต่ปาร์คก็ยังไม่หนีไปและเฝ้ารอวันที่แม่รวีใจอ่อน ไหนจะปรเมตต์ผู้เป็นพ่อที่คอยโทรมาย้ำเขาตลอดว่าให้อดทนปาร์คทำงานอยู่ด้านล่างของตัวบ้านก็ได้ยินเสียงดังจากด้านบนที่ใบหลิวอยู่ เขาได้ยินกลายๆ ว่าใบหลิวแพ้ท้องหนัก แม่รวีจึงเดินขึ้นไปดูแลบ่อยๆ ชายหนุ่มทำงานไปด้วยก็แอบยิ้มไปด้วย ในใจก็คิดว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ แม้เขาจะอยากขึ้นไปดูแลเธอด้วยตัวเอง แต่เขาก็ทำได้แค่อดทนเพียงเท่านั้น“ไอ้ปาร์ค!” –บิลลี่“นี่มึงเปลี่ยนจากประธานโรงงานน้ำมันมาเป็นพ่อค้าข้าวแกงแล้วหรอวะ” -กาย“กูละยอมใจมึงจริงๆ” –ออดี้บิลลี่และคนอื่นๆ เดินเข้าบ้านมาพร้อมของฝากของบำรุงมากมาย เพื่อนทั้งสี่คนกอดทักทายกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ใต้ถุนบ้าน“แล้วแม่กูไปไหนละ”“อยู่ข้างบนดูแลหลิวอยู่”“เจ้าใบป่วยหรอ?”“เปล่า หลิวแพ้ท้องหน
..06.00 น.“มาทำไม?”“มาช่วยแม่น่ะครับ”“ไม่จำเป็น ฉันทำของฉันเองได้”ปาร์คเดินเข้ามายืนยิ้มให้กับแม่รวี แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี การที่เขามีหน้าที่การงานที่ดีมีฐานะดีไม่ได้ช่วยให้แม่รวียอมยกลูกสาวให้เลยแม้แต่น้อย ปาร์คจึงคิดว่าคงต้องเข้าหาว่าที่แม่ยายด้วยการพิสูจน์ว่าเพื่อใบหลิวแล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม“ซื้อแกงหน่อยจ้า”“ครับ เอาแกงอะไรดีครับ?”“ตายแล้ว!!! หล่ออะไรขนาดนี้พ่อคุ๊ณ อย่างกับพระเอกแน่ะ ป้ารวีนี่ลูกเขยหรอ? หล่อจนจะเป็นลม เสียดายป้าเกิดก่อนนานไปหน่อย”“ป้าก็ยังสวยอยู่นะครับ”“แหม พูดแบบนี้เอามันทุกแกงเลยล่ะกัน”ปาร์คพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาแกงใส่ถุงแล้วยื่นให้ เขาไม่คิดว่าจะได้ยืนขายแกง แต่มันพอดีที่เขายืนอยู่หน้าบ้าน แต่แม่รวียืนอยู่ไกล เลยเป็นเหตุให้เขาได้ช่วยไปโดยปริยาย หลังจากที่ป้าคนนั้นซื้อไปแล้ว กลับมีคนแห่มาซื้อแกงจนแทบขายไม่ทัน เพราะความหล่อที่ไม่อาจมีใครต้านทานจนไม่เหลียวมองได้ ไม่ว่
..ภายในร้านอาหารบ้านๆ เต็มไปด้วยลูกค้าแน่นไปหมด กิจการกำลังดำเนินไปได้ดีจนทุกคนวิ่งวุ่น ใบหน้าเปื้อนต้อนรับลูกค้าตลอดเวลาอย่างมีความสุข ทำให้หญิงสาวแทบจะน้ำตาคลอ เธอไม่อยากทำลายรอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่น้อย ใบหลิวยืนมองผู้เป็นแม่อยู่ไกลๆ แต่ไม่ยอมเข้าไปที่บ้านเสียที ปาร์คเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แค่ยืนรอข้างๆ รอให้เธอพร้อมที่จะก้าวเข้าไปกับเขาปาร์คจับมือใบหลิวไว้แน่นเป็นเชิงให้กำลังใจ แต่ถึงอย่างนั้นใบหลิวก็ยังคงทำหน้าเศร้ามาคลาย จากที่ไม่ได้เจอแม่มาหลายเดือน และไม่เคยได้แวะเวียนมาเยี่ยมหา แต่เธอก็ส่งเงินมาให้ตลอดไม่ขาด แต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าแม่ของตนจะดีใจหรือเสียใจ“เข้าไปกันเถอะ”“ค่ะ..”ใบหลิวตอบปาร์คก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปยังร้านอาหารที่เธอกับแม่ช่วยกันสร้างขึ้น ใบหลิวเดินเข้าไปทั้งที่ผู้เป็นแม่ยังไม่เงยหน้าด้วยซ้ำแต่ก็ยังร้องเรียกทักทายเพราะคิดว่าเธอเป็นลูกค้า“เชิญก่อนจ้า...ด้านในว่าง...ไอ้หลิว!!”“แม่”ผู้เป็นแม่ละทิ้งทุกอย่างด้วยความดีใจที่เห็นลูกสาวท
“คนไข้อ่อนเพลีย อาจจะเสี่ยงเป็นภาวะเลือดจาง”“ปกติก็แข็งแรงดีนี่ครับ”“ค่ะ แต่เพราะตั้งครรภ์เลยทำให้เสี่ยง เด็กทารกในท้องต้องใช้เลือดคุณแม่เพื่อสร้างอวัยวะ”“!!!”“กี่เดือนแล้วครับ?”ปรเมตต์ที่นั่งอยู่พร้อมพยุงลากสายน้ำเกลือมาด้วยถามขึ้น ในขณะที่ปาร์คยังคงช็อกค้างอยู่ พยาบาลยิ้มให้ปรเมตก่อนจะส่งใบผลตรวจพร้อมอัลตราซาวท์ให้เขา ปรเมตต์และปาร์คก้มมองดูภาพก้อนกลมๆ ที่มีตัวอ่อนคล้ายลูกอ๊อดอยู่ด้วยความตื่นเต้น“สามสัปดาห์แล้วนะคะ ดูเหมือนคุณแม่จะยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์”“ลูกแกไม่ผิดแน่ไอ้ลูกชาย ฮ่าๆๆ”ปรเมตต์เผลอหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าจะมีหลาน ปาร์คมองผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มที่เขาดีใจขนาดนี้ แต่พอปรเมตต์รู้ตัวก็กระแอมเบาๆ แล้วทำหน้าเรียบเฉย“พ่อยอมรับหลิวแล้วใช่ไหม?”“ก็เรื่องมันถึงขนาดนี้ ไม่อยากยอมก็ต้องยอม”“พ่อไม่กลัวหลานโง่แล้วหรอ?”“โง่ก็ส่งไปเรียนโรงเรียนดีๆ สิฟ่ะ ยากอะไร”ปาร์คหัวเราะกับความดื้อดึงของพ่อ แต่ตอนนี้เขาก็ยอม