เวลา 18.40น.
หลังจากที่ซ้อมเสร็จฉันก็กำลังเก็บของที่วางไว้โต๊ะเดิมตั้งแต่ตอนเช้า กลับก่อนทุ่มหนึ่งจริงๆนะแต่ก่อนแค่ 20นาทีวันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากแถมง่วงนอนมากด้วยตาจะปิดอยู่แล้วเนี้ย
“ไอ้ฟองป่ะกลับ เก็บของเสร็จยัง”ติวเตอร์ที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะกลับโดยที่แสตมป์ไปส่งเหมือนเดิม ส่วนนิดหน่อยกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทยอยกันกลับแล้ว
“ฟองจันทร์กลับพร้อมเฮียนะ”อ้าวนี่พี่หมอพะนายยังไม่กลับอีกเหรอ เมื่อสักครู่นี้เห็นเขาเดินออกไปพร้อมกับพี่คิงแล้วนิ แล้วทำไมเดินกลับมาชวนฉันไปด้วย
“อ้าวยังไงวะเนี้ยฟองจันทร์ตกลงคบกับพี่หมอพะนายแล้วเหรอว่ะ”ไอ้แสตมป์สายเผือกเจ้าเดิมกระซิบฉันที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ มัน บอกตามตรงนี่ก็งงเหมือนกันค่ะเพื่อน
“บะบ้าเปล่าไม่มีไร”ฉันพูดเสียงสั่นๆแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาเมื่อพี่หมอเดินมาหยุดที่ตรงหน้าฉัน แล้วเขาก็แย่งกระเป๋าในมือฉันไปถือ
“วันนี้พี่จะไปส่งเพื่อนพวกน้องเองนะ” แล้วหันไปพูดกับแสตมป์และติวเตอร์
“ตามสบายเลยครับพี่!”ไอ้แสตมป์มันพูดอย่างเต็มใจ แล้วยังพลักฉันไปชนกับพี่หมอพะนายจนหน้าฉันไปชนหน้าอกพี่เขาเลย ไอ้เพื่อนอสรพิษนี้มันไม่คิดจะห่วงฉันบ้างเลยเหรอ ห้ามกันบ้างนี่เพื่อนสวยขนาดเป็นดาวสาขาทำไมไม่รู้จักห่วงกันบ้างเลยไอ้เพื่อนเลว
“ฝากไปส่งไอ้ฟองด้วยนะครับ” ไอ้ติวเตอร์พูดยิ้มให้พี่หมอพะนาย
“โอเคเดี๋ยวพี่จะดูแลทั้งชีวิตเลย”
“แร๊งงงง ฮิ้ววว”ไอ้เพื่อนสายเผือกยังจะแซวอย่างสนุกปาก แล้วทำไมพี่หมอถึงพูดอย่างนั้นหนูคิดไปไกลแล้ว
คุยกันเสร็จพี่หมอพะนายก็จูงมือฉันออกไปจากใต้ตึกสาขาทันที พี่หมอพะนายพาฉันเดินอ้อมไปหลังตึก กดปลดล็อกรถแล้วเปิดประตูให้ฉันเข้าไปนั่ง
“ไปหาอะไรกินก่อนกลับคอนโดหนูฟองไหมครับ”วะว่ายังไงนะ ‘หนูฟองงั้นเหรอ’ ทำไมพี่หมอเปลี่ยนมาเรียกฉันจากฟองจันทร์เป็นหนูฟองละอ้าว
“อ้าวเป็นไรเนี้ยเราทำไมเงียบ” พี่หมอพะนายโบกไม้โบกมือตรงหน้าเพื่อเรียกสติฉัน
“ปะเปล่าค่ะ พี่หมอพะนายทำไมเรียกฟองว่าหนูฟองเหรอ”พี่หมอพะนายยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วก็สตาร์ทรถออกจากข้างอาคารไปสู่ท้องถนน
พอรถวิ่งสู่ท้องถนนในมหาลัยและกำลังจะมุ่งหน้าออกจากรั่วมหาลัยตรงไปที่ไหนชักแห่ง พี่หมอเขาก็เอื้อมมือไปเปิดเพลงเสียงเบาๆพอให้บรรยากาศภายในรถไม่เงียบจนเกินไป
“แล้วตกลงหนูฟองจะไปกินข้าวก่อนไหม”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่ถามคำถามเดิมกับฉันอีกครั้ง แถมยังเรียกว่าหนูฟองเหมือนเดิมบอกตามตรงมันรู้สึกว่าเขินแปลกๆไม่ค่อยมีคนเรียกฉันว่าหนูฟองส่วนใหญ่ไม่เรียกฟองจันทร์ ก็ฟองเสยๆ นี่เขาเล่นเรียกชะสุภาพเชียว
“ฟองอยากกินอะไรก็ได้ใกล้ๆคอนโดยิ่งดี ง่วงมากเลยค่ะพี่หมอพะนาย”ตอนนี้พึ่งจะหนึ่งทุ่มแต่ง่วงสะสมจากเมื่อคืนที่ฉันเขินเขาจนนอนไม่หลับ ตอนนี้เลยแทบจะหลับในอยู่แล้ว
“เอางี้แล้วกัน เฮียจะเวาะซื้อข้าวแล้วให้หนูฟองนอนรอที่รถชักแปบ แล้วเอาไปกินที่คอนโดเราเอาเนาะจะได้รีบกลับห้องไปนอนค่อยตื่นมากินแล้วกัน”
“โอเค"จากนั้นพี่หมอพะนายเขาก็จอดรถแถวร้านอาหารที่ดูหรูพอสมควร แล้วเขาก็สตาร์ทรถไว้ ปล่อยให้ฉันนอนอยู่ในรถรอเขาที่กำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร
20 นาทีต่อมา…
จากที่หลับๆ ตื่นๆ อยู่เพลงที่พี่หมอพะนายเปิดไว้ก็ยังคงดังเบาๆ อยู่แต่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะความง่วงที่กำลังครอบงำสติ
“มาแล้วรอนานไหม” พี่หมอพะนายที่ถือถุงใส่อาหารหารมาสี่ถุงดูเยอะเชียวแล้วเขาก็เอาอาหารที่ไปซื้อมาไว้เบาะหลังรถ แล้วเตรียมออกรถทันที
“ไม่นานหรอกฟองยังไม่ได้หลับสนิทเลย พี่หมอมาเร็วมาก”
“ก็เฮียกลัวเรารอนานนี่น่าตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงพอดีวันนี้ลูกค้าเยอะตั้งแต่ทุ่มนึงเลย ปกติเฮียมากินคนจะเยอะช่วงสองทุ่มแต่วันนี้คนเยอะผิดปกติ”
ณ. คอนโด
“เฮียเอาอาหารวางไว้บนโต๊ะก่อนนะ ไม่ต้องล็อกห้องเดี่ยวเฮียไปอาบน้ำแปบนึง หนูฟองไปนอนรอก่อนได้เลยเดี๋ยวเฮียปลุกมากินข้าว”
“พี่หมอพะนายหิวก็กินก่อนฟองได้เลยนะคะ ฟองอาจจะหลับนาน” ฉันบอกไปไม่อยากให้พี่หมอพะนายต้องรอนาน จะให้เขาที่เป็นเจ้าของอาหารมารอคนที่อาศัยฝากท้องด้วยมันก็จะดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ
“ไม่เป็นไรเฮียไม่ค่อยหิวหนูฟองไปนอนก่อนเลยง่วงมาก”
“งั้นฟองไปนอนก่อน ไม่เกรงใจนะชักสามทุ่มจะตื่นมากินข้าวนะ” ฉันพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนไปเลยไม่ไหวแล้วจริงตอนนี้
21.00 นาที
“หนูฟองครับ ตื่นๆ ลุกมากินข้าวก่อน” พี่หมอพะนายเรียกฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเคลิบเคลิ้มชวนฝัน แต่! แรงที่เขย่านี่เหมือนกะจะให้แขนหลุดจากบ่าอย่างไงอย่างงั้น
“โอ๊ยเจ็บ!” ฉันหลุดเสียงร้องออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นกะพริบตาหลายๆ รอบเพื่อปรับสายตาให้คงที่ก่อนจะลืมตาได้ปกติ
“เฮียขอโทษหนูฟองเจ็บมากไหม” พี่หมอพะนายพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ไม่เจ็บเท่าไหร่” ฉันยิ้มแห้งๆ ให้เขาก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินนำเขาออกมาห้องรับแขก มองไปที่โต๊ะอาหารมีอาหารสี่อย่างเดินเข้าไปตามสายตาที่เล็งเห็นอาหารแล้วท้องก็เริ่มร้อง หิวขึ้นมาทันที
บนโต๊ะอาหาร
“ว้าวทำไมมันน่ากินอย่างนี้” ฉันทำหน้าตื่นเต้นเหมือนประมาณวันนี้ลาภปากแล้วได้กินของอร่อยแถมฟรีอีกต่างหาก อาหารบนโต๊ะมีผัดผัดเปรี้ยวหวานกุ้งตัวโตมากต้มจืดปลาหมึกยัดใส่หมู เป็ดปักกิ่งย่างและสุดท้ายสปาเกตตีผัดขี้เมาทะเล ของโปรดฉันยังไงละ
“สปาเกตตีเฮียได้ยินตอนกินข้าวเที่ยงด้วยกันว่าหนูฟองชอบเลยซื้อมาให้ด้วยไม่รู้จะเบื่อหรือยังตอนเที่ยงก็กินไปแล้ว
“ของโปรดฟองไม่มีทางเบื่อหรอก” ฉันยิ้มหน้าบานให้พี่หมอพะนายแล้วนั่งลงเก้าอี้ จับช้อนส้อมพร้อมกินแล้ว
“งั้นลงมือเลยครับ” จากนั้นฉันและเขา เราสองคนก็ต่างนั่งกินข้าวไปคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งกินอิ่ม แล้วฉันก็เอาถ้วยจานไปล้าง
“อ้าวพี่หมอพะนายยังไม่กลับห้องเหรอคะ” ฉันพึ่งจะล้างถ้วยจานที่ห้องครัวเสร็จเดินกลับออกมาที่ห้องรับแขกเห็นพี่หมอพะนายกำลังนั่งอ่านเอกสารประกอบการเรียนของเขาที่ไม่รู้ว่าเอามาด้วยตอนไหนพี่หมอพะนายตอนนี้ดูแปลกตากว่าปกติตรงที่เขาใส่แว่นตาสีดำกรอบหนา ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีเทาธรรมดา
“ไม่รอหนูฟองอยู่” ฉันถึงกับงงไปทันทีที่เขาพูดจบประโยค พี่หมอพะนายจะมารอฉันทำไมเนี้ย
“รอฟองทำไมเหรอ”
“เดินมานั่งข้างเฮียชิ เฮียมีไรจะคุยด้วย” พี่หมอพะนายเขาพูดด้วยท่าทางสบายๆ แล้วถอดแว่นตาออกวางเอกสารประกอบการเรียนในมือไว้โต๊ะรับแขกเล็กๆ หน้าโซฟา
“มีอะไรเหรอคะ” ฉันเดินมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเขาที่นั่งโซฟาตัวใหญ่ตรงกลางอยู่
“ขยับมานั่งใกล้ๆ เฮีย” จากนั้นฉันก็ขยับไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับเขา อย่างงงๆ ในการกระทำของพี่หมอพะนาย
“มะมีอะไรกับฟองจันทร์เหรอคะพี่หมอพะนาย”
“เฮียเคยได้ยินมาว่า ชาววิศวะเขาเล่าลือกันว่า เกียร์อยู่ที่ใครใจอยู่ที่เธอ ถ้าเฮียอยากได้เกียร์ต้องทำยังไงเหรอครับ”
“ต้องจีบสิคะ!!!” ไวมาก!ปากใครละถ้าไม่ใช้ฟองจันทร์คนนี้ที่ ฉันเผลอหลุดปากตอบพี่หมอพะนายไปอย่างรวดเร็วกับประโยคคำถามเมื่อกี้โดยไม่ใช้สมองอันชาญฉลาดประมวลผลใดๆ ก่อนทั้งนั้น
“แล้วถ้าเฮียจะจีบหนูฟองได้ไหมครับ”
............................................................................................................
ขอบคุณที่ยังพอมีคนเข้ามาอ่านนะ ขอบคุณมากสำหรับ 1 คอมเม้นแรกของเรื่องนี้ไรท์เตอร์อยากบอกว่าดีใจมากและมีกำลังใจในการแต่งต่อสำหรับ1เม้นของผู้อ่าน